ตอนที่12 ตำแหน่งที่ดี
อย่าบอกนะว่าเหตุผลที่คนพวกนี้สามารถสัมผัสกับความมั่งคั่งและเกียรติยศเช่นนี้ได้เป็นเพราะศพของบรรพบุรุษพวกเขาถูกฝังในตำแหน่งที่ดีเยี่ยม?
เด็กน้อยจ้องมองไปที่หลุมฝังศพด้วยความสงสัยที่ท่วมท้นอยู่ในหัวใจ!
ทันใดนั้นเธอก็ได้เห็นหมอกสองสีเป็นสีดำและสีขาวที่แสงจากดวงอาทิตย์สาดส่องมากระทบ ซึ่งหมอกสีขาวนั้นมีความสว่างเจิดจ้ามาก ขณะที่หมอกสีดำมีความหนาทึบจนน่าขนหัวลุก
โดยหลุมฝังศพที่อยู่ตรงนั้นเป็นเหมือนเขตแดนที่กั้นระหว่างทั้งสองกลุ่มหมอกควัน บริเวณโดยรอบยังมีหมอกซึ่งรวมตัวกันอยู่ และหลุมศพนั้นเป็นเหมือนปากของปีศาจที่กำลังกลืนกินไอหมอกในขณะที่หมอกควันโดยรอบได้พวยพุ่งเข้าไปที่จุดนั้นอย่างไม่หยุดยั้ง
ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงคำว่าหยินและหยางขึ้นมา โดยทั้งสองคำนี้ถูกกล่าวถึงในทฤษฎีของหลักการด้านฮวงจุ้ย
หยางหมายถึงการดำรงชีวิตพวกเขาต้องอยู่ในสถานที่ที่มีพลังหยางเพียงพอ จึงจะได้รับโชคลาภ
ในขณะที่หยินต้องเลือกสถานที่ที่มีพลังหยินมาบรรจบกัน ซึ่งมีลมและสามารถรวบรวมแก่นแท้ เพื่อหล่อเลี้ยงแก่นแท้ของคนที่ตายไปแล้วได้ จึงจะส่งผลดีต่อคนรุ่นหลังอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเห็นภาพตรงหน้าจึงคิดว่า หมอกสีขาวควรเป็นพลังหยางและหมอกสีดำควรเป็นพลังหยินและเห็นได้อย่างชัดเจนว่า หลุมฝังศพนี้ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เกิดการเชื่อมต่อกันระหว่างพลังหยินและพลังหยาง
ด้วยเหตุนี้มันจึงสามารถบรรลุสภาวะที่สมดุลของหยินกับหยางที่ดีได้ จึงเป็นสถานที่ฝังศพอันเป็นมงคลอย่างแท้จริง
และเมื่อจ้องมองไปสักพักเธอก็รู้สึกว่ามีอาการวิงเวียนศีรษะเล็กน้อยเกิดขึ้นกับตนเองอีกครั้ง ทำให้เธอต้องกระพริบตาอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นชั้นหมอกหนาเหล่านั้นก็จางหายไปในพริบตา โดยที่มุมมองในปัจจุบันของเธอตอนนี้เหลือแค่เพียงหลุมศพเหมือนเดิม
“อาจารย์! ท่านสามารถแยกพลังหยินและหยางได้หรือเปล่า?”
หยางซือเหมยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามนักบวชหยูชิง
หยูชิงลูบเคราสีขาวของตนเองขณะที่เขายิ้มและกล่าวว่า
“มันเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติ!”
“แล้วท่านรู้ได้อย่างไรว่าหลุมศพนี้เป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดในบริเวณนี้?”
“เกิดจากคำนวณตามสภาพทางภูมิศาสตร์โดยรอบและสัญชาตญาณที่เกิดจากการฝึกฝน”
“โอ้! เป็นอย่างนั้นเอง”
เธอไม่ต้องการบอกกับอาจารย์ของตนเองว่าเธอสามารถเห็นพลังหยินและหยางเมื่อสักครู่นี้และทำเพียงแค่เอ่ยยถามต่อไปว่า
“มนุษย์สามารถทำลายฮวงจุ้ยได้หรือเปล่าคะ?”
เมื่อได้ยินคำถามของเธอ การแสดงออกของนักบวชหยูชิงก็นิ่งลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า
“ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้วที่มักจะมีคนไร้จิตสำนึกคอยจ้องจะทำลายฮวงจุ้ยที่หลุมฝังศพของคนอื่น
นอกจากการทำร้ายพลังงานฝ่ายดีที่มีอยู่แต่เดิมแล้ว การกระทำของพวกเขายังเป็นการกระทำที่เลวร้ายที่สุดต่อคนตาย เพราะมันจะทำให้วิญญาณของผู้ตายไม่สามารถอยู่อย่างสงบสุขได้ และในที่สุดความยากลำบากก็จะไปตกอยู่ที่ลูกหลาน”
จากนั้นหยางซือเหมยจึงเล่าถึงพฤติกรรมของหัวหน้าหมู่บ้านและพี่น้องของเขาว่า
หยางต้าหมิงคนที่เป็นผู้ใหญ่บ้านทำตัวเป็นคนชั่วประจำหมู่บ้านโดยชอบวางอำนาจ และมักจะกลั่นแกล้งผู้ที่อ่อนแอกว่าอยู่เสมอ
ไม่เพียงเท่านั้นเมื่อใดก็ตามที่ในหมู่บ้านนั้นมีการจัดงานแต่งงาน ในตอนส่งตัวเจ้าสาวเขาจะถือสิทธิ์ทำตัวเป็นเจ้าบ่าวเสียเองในคืนแรกของงานแต่งงานเสมอ และเนื่องจากภูมิหลังที่น่ากลัวของเขาทุกคนจึงได้แต่รู้สึกขุ่นเคืองโดยที่ไม่กล้ากล่าวอะไร
จากนั้นพี่ชายคนโตของเขาคนที่เป็นเลขาธิการคณะกรรมการเทศบาลที่ชื่อหยางต้าเจี่ย ผู้ซึ่งเป็นที่รู้จักในเมืองก็มีความโลภมากเกินไป โดยประพฤติทุจริตไดยการโกงกินงบประมาณของหลวง
ทำให้เมืองแห่งนี้มีความยุ่งเหยิงและไม่มีระเบียบ แน่นอนว่านาน ๆ ครั้งจะมีการตรวจสอบของรัฐบาล แต่เขาปฏิเสธทุกครั้งและไม่สามารถเอาผิดเขาได้ ดังนั้นเขาจึงใช้อำนาจในทางที่ผิดต่อไป
ส่วนพี่ชายคนที่สองเนื่องจากเขาทำงานอยู่ในคณะกรรมการพรรคประจำจังหวัดหยางซือเหมยจึงไม่รู้จักเขามาก
สำหรับพี่ชายคนที่สามของเขาเป็นผู้ประกอบการชื่อหยางต้าชิง เขาได้ร่วมงานกับหยางต้าเจี่ยผู้ที่เป็นพี่ชายคนโต
โดยพวกเขาผูกขาดอสังหาริมทรัพย์ การเงินสาธารณูปโภค ความบันเทิงและอุตสาหกรรม ร้านอาหารของเมืองโดยการกระทำที่ไม่เหมาะสมหลายอย่าง ซึ่งทำให้ชาวเมืองต้องทนทุกข์ทรมานอย่างไม่อาจบรรยายได้
และต่อมาภายหลังบุคคลดังกล่าวได้รับการยอมรับว่าเป็นบุคคลเดีเด่นแห่งชาติ อีกทั้งครอบครัวของเขายังได้ชื่อว่าเป็นผู้ใจบุญอีกด้วย
โอ้…สุดยอด!
เมื่อนึกถึงการกระทำทั้งหมดของพี่น้องทั้งสี่คนนี้ หยางซือเหมยก็อดไม่ได้ที่จะต้องการถ่มถุยน้ำลายออกมาด้วยความเกลียดชัง
ไม่ว่าจะเป็นศัตรูต่อคนทั่วไปหรือโดยส่วนตัว ขอสาบานเอาไว้ตรงนี้เลยว่า เธอจะต้องทำลายฮวงจุ้ยของพวกเขาโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ผู้ใหญ่บ้านได้พบกับผลกรรมที่สมควรจะได้รับในเร็ววันนี้ ซึ่งมันจะทำให้เธอสามารถปกป้องครอบครัวของตนเองได้ในที่สุด