ตอนที่ 2 พระพุทธรูปหยก
เพื่อเป็นการขอบคุณพระพุทธองค์ที่ทรงคุ้มครองชีวิตของเธอ คุณย่าจึงต้องการพาหลานสาวไปที่วัดบนภูเขาเพื่อสวดมนต์
แต่ในชีวิตที่แล้วเธอไม่ยอมไป
และตอนนี้เธอต้องการที่จะทำอะไรที่มันแตกต่างไปจากอดีตเพื่อต่อต้านมัน ดังนั้นเธอจะไปที่ยอดเขากับคุณย่าของเธอ
วิหารบนภูเขายังคงเป็นแบบเดียวกับที่หยางซือเหมยเคยเห็นเมื่ออายุได้สามขวบ แม้ว่าจะทรุดโทรมไปบ้างเล็กน้อย และที่บริเวณกำแพงมีร่องรอยที่ถูกทำลายจากอดีต
การเจริญเติบโตของตันไม้โดยรอบมีหลายพืชพรรณไม่ว่าจะเป็นต้นสนโบราณที่สูงตระหง่านและต้นไซเปรสซึ่งมีอายุมากโขอยู่ที่เขียวชอุ่มและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
บนยอดของต้นไม้สูงเหล่านั้นเต็มไปด้วยนกตัวเล็ก ๆ จำนวนมากที่กำลังส่งเสียงร้องอย่างร่าเริง ท่ามกลางอากาศที่บริสุทธิ์ ทำให้รู้สึกเหมือนรูขุมขนกำลังเปิดกว้างอย่างเต็มที่ด้วยอารมณ์ที่เบิกบานอยู่ภายในสู่ภายนอก
หลังจากเข้ามาในพระวิหารแล้ว การแสดงออกของคุณย่าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและเคร่งเครียดทันที
แต่หยางซือเหมยอยากรู้อยากเห็นถึงความกว้างขวางของสถานที่ โดยเธอพบว่าแม้ว่าพระวิหารจะทรุดโทรมไปเล็กน้อย แต่ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในก็มีความประณีตมากและสีสันก็ยังคงสดใส และหากภาพวาดเหล่านั้นไม่ได้ถูกทำลายลงก็อาจกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สามารถสืบต่อไปจนชั่วลูกชั่วหลานได้
เธอจำได้ว่าตอนที่อายุหกขวบ อยู่ดี ๆ วัดนี้ก็เกิดไฟไหม้ขึ้นและเปลวไฟในวันนั้นก็เป็นสีแดงสว่างไสวไปกว่าครึ่งของท้องฟ้า
ทำให้ชาวบ้านต่างก็รู้สึกหวาดกลัวและกังวลว่าจะมีภัยพิบัติครั้งใหญ่เกิดขึ้นหรือไม่ และเธอยังได้มายินว่า ผู้ดูแลคนเดียวของวิหารซึ่งเป็นนักบวชชราถูกไฟคลอกตาย
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ทันใดนั้นสายตาของเธอก็ตกไปอยู่ที่นักบวชคนเดียวกัน ซึ่งตอนนี้กำลังช่วยคุณย่าของเธอจัดวางเครื่องบูชาเหล่านั้นลงบนถาด
นักบวชคนนี้สวมเสื้อคลุมที่ดูเหมือนถูกปะชุนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน และผมกับเคราของเขาเป็นสีขาวสนิท อีกทั้งยังสังเกตเห็นว่าไม่มีริ้วรอยใด ๆ ที่คุณย่าของเธอมี แต่กลับมีสีแดงระเรื่อที่บ่งบอกถึงสุขภาพที่แข็งแรง
และแทนที่จะมีดวงตาที่ขุ่นมัวแต่กลับเป็นดวงตาที่ชัดเจนและสดใส ซึ่งเธอรู้สึกว่าสิ่งนี้เหมาะกับนักปราชญ์อย่างนักบวชชราท่านนี้
แล้วคนที่เป็นผู้รอบรู้เช่นนี้สามารถถูกไฟคลอกตายได้ด้วยหรือ?
และเมื่อนึกถึงสิ่งนี้หัวใจของเธอก็เต็มไปด้วยความเศร้าโศก
ก่อนหน้านี้เมื่อเธอเป็นคนขี้โกงและเจ้าเล่ห์มาก และมักจะเจอกับผู้คนที่ชอบเอ่ยถามถึงโชคชะตาและอนาคตของพวกเขา
ตอนนี้เธอค้นพบว่าถ้ามีใครสักคนสามารถล่วงรู้อนาคตได้จริง ๆ แต่ขาดความเข้มแข็งพอที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีแห่งโชคชะตานั้นได้ มันจะต้องทนทุกข์ทรมานมากเพียงใด
เมื่อคุณย่าเห็นเธอเว้นระยะห่างจึงกวักมือเรียก
“หลานรัก! รีบมาจุดธูปไหว้พระเพื่อขอบคุณพระองค์ที่ทรงเมตตาปกป้องหนูจากอันตรายเร็วเข้า”
เธอเดินผ่านไป ขณะที่นักบวชชราหันหน้ามามองเด็กน้อยผู้นี้ด้วยใบหน้าที่แสดงถึงความประหลาดใจเล็กน้อย โดยที่เขามองเธออย่างระมัดระวัง
เมื่อสังเกตเห็นเช่นนี้ หยางซือเหมยก็รู้สึกราวกับว่าเขาสามารถมองทะลุวิญญาณของตนเองได้ ขณะที่ลดสายตาลงเล็กน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาของนักบวชชรา
***
คุณย่าพาเธอไปนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าพระพุทธรูปจะกราบลงสามครั้ง
หยางซือเหมยคุกเข่าบนพรมอธิษฐานนั้น แม้ว่าเธอจะเป็นคนขี้โกงในช่วงชีวิตที่แล้วและไม่เชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติเลย แต่ตอนนี้เธอต้องกลับใจมานับถือด้วยความศรัทธาที่ท่วมท้น
เธอสวดอ้อนวอนอย่างจริงใจเพื่อขอพรให้ครอบครัวของตนเองปลอดภัยและมีความสุขตลอดไป เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครให้พึ่งพาอีกครั้ง
และเพื่อให้เธอสามารถลิขิตชีวิตนี้ใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงชะตากรรมที่น่าสมเพชของการที่ชีวิตของเธอถูกขีดเส้นโดยคนอื่น
หลังจากที่สวดอ้อนวอนอย่างจริงจังแล้ว เธอก็ก้มลงกราบสามครั้ง และเมื่อเงยหน้าขึ้นมองพระพุทธรูปหยกที่ถือน้ำเต้าอยู่ในมือ ทันใดนั้นน้ำเต้าก็ตกลงมากระทบที่หน้าผากของเธอทันที…
“อุ๊ย!”
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้เด็กน้อยรู้สึกวิงเวียนและจากนั้นเธอก็ล้มลงบนพื้น
***
เมื่อลืมตาขึ้นเด็กน้อยก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงที่ไม่คุ้นเคย ชุดเครื่องนอนเรียบง่าย เเละบนผนังมีภาพเก่า ๆ แขวนอยู่ใกล้กับชั้นวางหนังสือโบราณขนาดใหญ่ และมีหนังสือโบราณหลายเล่มวางไว้