ตอนที่ 42 แท้งลูก
หยางซื่อเหมยตั้งใจแสดงท่าทางให้ดูราวกับว่าเธอรู้สึกเจ็บปวด มาก และพยายามระงับลมปราณที่ไหลเวียนในร่างกายตนเอง ส่ง ผลให้ใบหน้าของเธอดูซีดเซียวลง และมีเม็ดเหงื่อก่อตัวขึ้นอย่าง รวดเร็ว โดยมันแสดงให้เห็นถึงสภาพที่แสนจะอ่อนแอและไร้พลัง
“เจ็บตรงไหน? พ่อจะพาลูกลงจากเขาไปหาหมอ!” หยางชิงกล่า วด้วยความรู้สึกกังวลใจมาก
” พ่อ…”
หยางซื่อเหมยร้องครางอย่างอ่อนแรงขณะที่ดึงแขนเสื้อของบิ ดาพร้อมกับกล่าวว่า
“หนู…ไม่จําเป็นต้องไปหาหมอหรอกค่ะ เดี๋ยวอาจารย์ก็กลับมา แล้ว..หนูขอร้อง…พ่ออย่าลงเขาจะได้ไหม? ได้โปรด…”
เด็กน้อยกระพริบตาอย่างน่าสงสารขณะที่เธอพยายามวิงวอ นเพื่อให้หัวใจของหยางชิงอ่อนลงและในที่สุดหลังจากได้เห็นภาพ ที่น่าเวทนา เขาก็ทําได้เพียงแค่เพียงพยักหน้าเพื่อปฏิบัติตามคําขอ
ขณะที่ได้ยินบิดาตอบตกลง หยางซื่อเหมยก็แอบยิ้มอยู่ในใจแต่ เธอก็ยังคงทําตัวอ่อนแรงโดยให้หยางชิงอุ้มร่างของเธอต่อไป
และแน่นอนว่าคงไม่มีผู้ใดทราบว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้นอนมาทั้งคืน ดังนั้นเมื่อเธอรู้สึกสบายและอบอุ่นตอนที่ได้อยู่ในอ้อมแขนของบิดาเธอจึงเผลอหลับใหลไปโดยไม่รู้ตัว
หลังจากเห็นว่บุตรสาวหลับไปแล้ว หยางชิงก็บรรจงวางเธอลง บนเตียงอย่างแผ่วเบาพลางจ้องมองไปที่เด็กน้อย พร้อมกับสั่งให้หวงซิ่วลี่คอยดูแลเธอก่อนที่เขาจะเดินทางลงจากเขาไป ในที่สุด
จากนั้นเมื่อหยางซื่อเหมยรู้สึกตัวตื่นขึ้น เธอก็พบว่าสภาพแวด ล้อมรอบตัวได้เปลี่ยนไปแล้วเนื่องจากท้องฟ้าได้มืดมิดลงไปแล้วและเมื่อนึกถึงบิดาขึ้นมาได้ เธอก็ร้องเรียกด้วยเสียงอันดัง
“พ่อ…”
ซึ่งมันทําให้หวงซิ่วลี่ต้องรีบร้อนวิ่งเข้ามาจากด้านนอกด้วยอา การตื่นตระหนก
“ซื้อเหมย! ตื่นแล้วเหรอ? เป็นอะไรหรือเปล่า? เจ็บป วดตรงไหนมั้ย?”
“พ่ออยู่ไหนคะ?” หยางซื่อเหมยเอ่ยถามด้วยความรู้สึกหวาดก ลัวว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น
“ พ่อเห็นว่าลูกหลับไปแล้วจึงลงเขาไปเพื่อประชุม
หัวใจของหยางซื่อเหมยลงเป็นจังหวะ
“แล้วทําไมแม่ถึงไม่ห้ามเขาล่ะ? อาจจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับเขานะ
“หนูก็รู้นิสัยของพ่อดีนี่ แม่จะห้ามเขาได้ยังไง? พ่อของลูกกําลัง จะไปประชุม คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก” หวงซิ่วลี่กล่าวด้วยความรู้ สึกสบายใจ
“แม่คะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว?”
“สองทุ่ม..
คําตอบของมารดาทําให้หัวใจของหยางซื่อเหมยจมดิ่งลงอีกครั้ง เนื่องจากเธอจําได้ว่าในชีวิตก่อนหน้านี้เวลาประมาณ 19.30 น. บิดาของเธอผูกคอตาย
หยางซื่อเหมยดึงแขนมารดาด้วยความรู้สึกกระวนกระวายใจ ขณะที่เธอร้องตะโกนออกมาว่า
“แม่คะ! รีบพาคนไปตามหาตัวพ่อสิคะ!”
“ซื้อเหมย! พ่อของลูกเขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว แน่นอนว่าเขาสามารถ แก้ไขปัญหาทุกอย่างให้ลุล่วงได้อย่างเหมาะสมเราไม่จําเป็นต้องไป ตามหาเขาหรอก” ฮวงซิ่วลี่กล่าวถามด้วยความสงสัย
และในตอนที่มารดาของเธอกําลังกล่าวเช่นนั้น ในทันใดก็มีเสียง ตะโกนจากเพื่อนบ้านของพวกเขาที่ชื่อ “หยางไถ่หนิว” ดังขึ้นจาก
ภายนอก
“ซิ่วลี่ ซิ่วลี่ เกิดเรื่องร้ายขึ้นแล้ว.หยางชิง.สามีของเธอผูกคอตาย!”
เมื่อหวงซิ่วได้ยินสิ่งนี้ ในชั่วพริบตาร่างกายของเธอก็โงนเงนไป มาด้วยท่าทางที่ไม่มั่นคงและล้มลงบนพื้นในที่สุดส่งผลให้ภาวะ การตั้งครรภ์ของเธอเกิดปัญหาอย่างคาดไม่ถึง เนื่องจากมีเลือดสด ๆ ไหลออกมาจากร่างกายบริเวณส่วนล่างของเธอโดยมันเพิ่งนองไป ทั่วทั้งบริเวณขณะที่เธอเริ่มหน้าซีดเซียวด้วยความเจ็บปวด
“แม่ แม่ แม่…”
หยางซื่อเหมยร้องเรียกมารดาอย่างกระวนกระวายพร้อมกับ กลิ้งลงจากเตียงทันที แต่ทว่าเส้นเอ็นและกระดูกของเธอหักจึงไม่ สามารถเขยิบไปข้างหน้าได้ จึงทําได้แค่เพียงส่งเสียงร้องเสียงดังออ กมาเช่นนั้น
โดยในเวลานี้นักบวชหยูชิงก็ปรากฏตัวขึ้น และเมื่อได้เห็นภาพ เหตุการณ์ตรงหน้าเขาก็รีบเร่งฝังเข็มและส่งพลังวัตรเข้าสู่ร่า งกายของหวงซิ่วลี่ทันที
อย่างไรก็ตามในที่สุดก็ไม่สามารถช่วยชีวิตทารกในครรภ์เอาไว้ได้ ขณะที่ร่างของหวงซิ่วลี่ยังคงนอนจมอยู่ในกองเลือดสดบนพื้น
จากนั้นนักบวชหยูฉิงได้ใช้เข็มเงินแทงเข้าไปยังจุดนอนหลับของ หวงซิ่วลี่เพื่อให้เธอนอนหลับไปอย่างสงบนอกจากนี้เขายังนําเอารากโสมพันปีมาวางไว้ในปากของเธอเพื่อรวบรวมลมปราณและ บํารุงร่างกายไปในตัว
ขณะที่ในตอนนั้นใบหน้าของหยางซื่อเหมยซีดลงอย่างเห็น ได้ชัดด้วยความรู้สึกหวาดกลัวเมื่อจ้องมองไปยังภาพเหตุการณ์ปัจจุ บันตรงหน้าอย่างไร้พลัง และรู้สึกโมโหตัวเองที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตที่ถูกกําหนดมาแล้วได้
“ท่านอาจารย์คะ พ่อของหนู เขา…”
ก่อนที่จะจบคํากล่าวของเธอ ทันใดนั้นเด็กน้อยก็รู้สึกหายใจไม่ ออกและร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร
“ไอ้หยา ดูเหมือนว่าภัยพิบัติครั้งนี้จะไม่สามารถหลีกหนี้ได้ เนื่องจากกรรมเก่าของเจ้าเอง ดังนั้นอาจารย์จึงไม่สามารถคาดเดา ชะตาชีวิตของครอบครัวเจ้าได้” นักบวชหยูชิงกล่าวพร้อมกับถอนหายใจยาว
เมื่อได้ยินอาจารย์กล่าวเช่นนั้น ร่างกายของหยางซื่อเหมยก็แข็ งชื่อด้วยอาการตื่นตระหนกจนแทบจะหยุดหายใจ
เนื่องจากเธอกลัวว่าตนเองจะกลายเป็นเด็กกําพร้าเพราะ การสูญสลายของครอบครัวอีกครั้ง และถ้าไม่มีคนที่เธอรักอยู่ด้วย แม้ว่าทรัพย์สินของเธอจะเพิ่มมากขึ้นสักเท่าใดมันก็คงจะไม่มีความสําคัญอีกต่อไปแล้ว
จากนั้นนักบวชหยูชิงจึงลงมาจากเขาเพื่อตรวจดูอาการของบิ ดาหยางซื่อเหมย โดยท่านพบว่าแม้หัวใจและการหายใจของหยางซิ งจะหยุดลงแล้ว แต่ชีพจรของเขายังคงเต้นอย่างแผ่วเบา และเนื่องจากการขาดอากาศหายใจอย่างกะทันหันทําให้เขาตกอยู่ในสภาพ เหมือนคนที่ตายไปแล้วดังนั้นนักบวชหยูชิงจึงต้องการทําให้เขาฟื้น คืนชีพจึงรีบนําร่างของเขากลับไปที่วัดทันที
จากนั้นหัวใจที่เศร้าโศกของหยางซื่อเหมยก็เริ่มเต้นช้าลงเมื่อเห็ นว่าบิดาของตนเองปลอดภัยดีแล้วต่อมาเธอจึงพนมมือขึ้นอธิษ ฐานต่อหน้าพระโพธิสัตว์โดยขอพรให้ทุกคนในครอบครัวปลอดภัยเพื่อให้ครอบครัวของเธอได้กลับมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอีกครั้ง
และเมื่อหวงซิ่วลี่ฟื้นขึ้นมาและเห็นว่าสามีของตนเองยังมีชีวิตอยู่ ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้นด้วยความรีบร้อนแต่เมื่อพบว่าทารกในครรภ์ ไม่ได้อยู่อีกต่อไปแล้ว เธอจึงรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากอีกครั้ง
เนื่องจากเธอตั้งความหวังเกี่ยวกับทารกในครรภ์คนนี้เอาไว้มาก โดยหวังว่าเด็กคนนี้จะต้องเป็นผู้ชายซึ่งสามารถสืบต่อวงศ์ตระกูล ได้ และพ่อสามีของเธอจะได้ไม่ต้องดุด่าอีกว่าเธอเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ทุกวัน เพราะเธอให้กําเนิดบุตรสาวที่ไร้ประโยชน์
แต่บัดนี้ความฝันของเธอได้พังทลายลงไปหมดแล้ว!
ต่อมานักบวชหยูชิงได้ยกมือขึ้นมาคํานวณบางอย่างและปลอ บโยนว่า:
“แต่เดิมชะตากรรมของคุณไม่ได้มีเด็กคนนี้อยู่ในชีวิต โดยเห ตุผลเดียวที่เขามาเกิดในครั้งนี้คือเพื่อช่วยหยางชิงหลีกเลี่ยงควา มหายนะ ซึ่งเขาสามารถทําให้สามีของคุณฟื้นขึ้นมาได้ สําเร็จ ดังนั้นคุณไม่จําเป็นต้องเสียใจมากเกินไป และจากโหงวเฮ้งของคุณสา มารถทํานายได้ว่าในอนาคตคุณจะมีลูกชายอีกสองคน”
เมื่อหวงซิ่วได้ยินคํากล่าวของนักบวชผู้ชรา ทันใดนั้นน้ําตาของ เธอก็หยุดไหลริน
“นักบวช ฉันจะมีลูกชายอีกสองคนจริง ๆ หรือคะ?”
“ถูกต้อง! ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทําในตอนนี้คือ การพักฟื้นและทํา จิตใจให้สงบ เราจะใช้สมุนไพรเพื่อช่วยปรับสภาพร่างกายของคุณเพื่อช่วยปรับให้หยินหยางในร่างกายเกิดความสมดุล ซึ่งมันจะส่งผลให้การตั้งครรภ์อีกครั้งเป็นเรื่องที่ง่ายดาย” นักบวชหยูชิงกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ขอบคุณท่านนักบวชมากค่ะ!”
ตอนนี้แม้ว่าหัวใจของเธอจะยังคงรู้สึกเจ็บปวด แต่ก็ยังไม่หมดห วังที่จะมีบุตรชาย ดังนั้นหวงซิ่วลี่จึงกลับมามีกําลังใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกครั้ง