“ในตอนที่ใกล้จะสิ้นราชวงศ์ฮั่น ทางภาคตะวันตกได้มีการจัดตั้งรัฐบาล “ใหม่” โดยได้ดําเนินการปฏิรูประบบเงินตราในยุคนั้น ทําให้มีการออกเหรียญชนิดใหม่คือ เหรียญมีดที่มีมูลค่าห้าพันเหรียญ
ความหมายก็คือเหรียญนี้เป็นรูปมีดซึ่งมีมูลค่าห้าพันเหรียญ โดยเป็นมีดที่มีห่วงและใบมีดที่ทําจากทองสัมฤทธิ์หล่อ ห่วงของมีดเป็นเหมือนรูสี่เหลี่ยมของเหรียญทรงกลม
และระหว่างด้านบนกับด้านล่างของห่วงมีคําว่า “มีดหนึ่งด้าม” สลักด้วยทองคําที่ค่อนข้างสุกใส ซึ่งมีความยาวโดยทั่วไปคือ 7.3 ซม. และหนัก 20-40 กรัม ส่วนความหนานั้นจะแตกต่างกันไป
ขณะที่ใบมีดได้แกะสลักด้วยคําว่า “มูลค่าห้าพัน” ซึ่งหมาย ถึงมีดหนึ่งเล่มมีมูลค่าห้าพันและเป็นเหรียญชนิดเดียวในยุคนั้น ที่มีการใช้ทองคําฝังลงไปในเหรียญของประเทศเรา ดังนั้นทุกคนจึงเรียกมันว่า “เหรียญมีดทองคํา
เนื่องจากมันถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตและมีรูปแบบที่แปลกประหลาด ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่หาได้ยากในโลก ทําให้พวกมันกลายเป็นสมบัติล้ําค่าของนักสะสมเหรียญโบราณเช่นเดียวกับเหรียญนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผมได้รับจากมือของคุณ”
เมื่อซงซวนกล่าวจบแล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้นมองเด็กสาวด้วยดวงตาที่ลุกโชน
“ผมเคยอ่านบทกวีเกี่ยวกับเหรียญมีดสีทองนี้มาก่อน และจําได้อย่างแม่นยําว่าบทกวีนี้ชื่อ “ของขวัญเพื่อความงาม”
หยางซื่อเหมยพยายามหลีกเลี่ยงแสงที่ร้อนแรงในดวงตาของเขาขณะที่เธอยังคงสอบถามต่อไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ซ่งซวนพยักหน้าและกล่าวอีกว่า
“นี่เป็นบทกวีที่เขียนโดยจางเหิง ผู้ซึ่งเป็นนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์แห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันออก และแม้ว่าตอนนี้ฮั่นตะวันออกจะเลิกใช้มีดฝั่งทองคําแล้ว
แต่ยังคงมีอยู่โดยเก็บเอาไว้เป็นของที่ระลึกทางวัฒนธรรมที่มีขนาดเล็กและจัดอยู่ในประเภทของการสร้างที่สวยงาม นอกจากนี้ยังกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีที่จะมอบให้คู่รักอีกด้วย”
หยางซื่อเหมยไม่เคยคิดเลยว่าเหรียญโบราณเพียงเหรียญเดียวจะกลายเป็นของขวัญสุดโรแมนติกสําหรับคู่รักได้ และคาดไม่ถึงว่ามันมีแนวคิดที่เปี่ยมสุขเช่นนี้
ตอนนี้เมื่อทราบว่าเหรียญชนิดนี้จะมีค่ามากเพียงใด หยางซื่อเหมยก็มีความคิดว่าหากนําไปให้ใครสักคน ไม่เพียงแต่จะเป็นความพยายามที่โรแมนติกและมีความสุขเท่านั้น แต่ยังเป็นการเผาผลาญเงินอย่างมากอีกด้วย และน่าจะเป็นของขวัญที่ผู้หญิงทุกคนชื่นชม
“หยางซื่อเหมย คุณสามารถแยกส่วนจากสมบัตินี้และขายให้ฉันได้ไหม” ซ่งช่วนที่หัวใจเต็มไปด้วยความคาดหวังเอ่ยถาม
เมื่อมองไปยังพลังงานทางวิญญาณที่เปล่งประกายออก มาเป็นหมอกสีขาวที่หนาทึบเหนือมีดฝังทองคําที่หญิงสาวสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ทําให้เธอทราบว่า สิ่งนี้คือพลังงานมงคลที่มีผลอย่างมากในการปัดเป่าความชั่วร้ายในขณะที่สามารถปกป้องผู้ที่พกพา ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่สามารถประเมินราคาได้ ยิ่งไปกว่านั้นเหรียญนี้ยังมีความหมายที่พิเศษสุดอีกด้วย
แม้ว่าซงซวนจะเป็นคนดีมาก และถ้าเป็นชาติก่อนเขาก็เป็นผู้ชายประเภทที่เธออยากจะแต่งงานด้วย แม้ว่าเธอจะไม่มีโอกาส
อย่างไรก็ตามในชีวิตนี้สิ่งที่เธอรู้สึกสําหรับเขาคือการปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพเท่านั้น โดยไม่ต้องการให้เขาเข้าใจผิดเมื่อเธอนึกถึงความหมายของการมอบมีดฝังทองคํานี้ให้กับใครสักคน
ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการขายสิ่งล้ําค่าชิ้นนี้ให้กับผู้ชายคนนี้ แม้ว่าเขาจะให้ราคาสูงมากเพียงใด เนื่องจากเธอไม่ต้องการให้เขาคิดว่าตนเองมีใจให้ ซึ่งอาจรบกวนชีวิตของเขาได้
“อาจารย์คะ ต้องขอโทษด้วยที่ฉันไม่ต้องการขายมีดฝังทองคํานี้ให้กับคุณได้ เพราะฉันต้องการเก็บเอาไว้มอบให้กับคนที่ฉันรู้สึกลึกซึ้งกับเขาเท่านั้น”
เธอปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้ซ่งซวนเข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของเธอที่มีต่อเขาซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่ความรู้สึกระหว่างชายกับหญิง
และเมื่อได้ยินคํากล่าวของเด็กสาว ทันใดนั้นซ่งซวนก็มีความรู้สึกราวกับว่า มีสายใยเส้นเล็กๆ กําลังถูกดึงออกมาเบาๆจากหัวใจของตนเอง ซึ่งไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดมากแต่มันยากที่จะอธิบายถึงความรู้สึกที่ซับซ้อนเช่นนี้
เมื่อมองเห็นใบหน้าอันอ่อนเยาว์และเนียนใสราวกับกระเบื้องเคลือบของเธอแล้วก็ทําให้เขาทําได้เพียงรู้สึกอ้างว้าง เนื่องจากเกลียดตัวเองที่ดันเกิดมาเร็วเกินไป และแม้แต่ความกล้าที่จะพูดจาง้องอนเธอก็เป็นสิ่งที่เขาไม่มีในสมอง
เดิมที่เขาต้องการซื้อมีดฝังทองคําและพกติดตัวไปด้วยเพื่อเป็นการปลอบขวัญความทุกข์และภาพลวงตาของตนเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเธอจะไม่ให้โอกาสเขาด้วยซ้ํา อีกทั้งยังปฏิเสธความรู้สึกนี้อย่างตรงไปตรงมา และตอนนี้แม้ว่าเขาจะรู้ผลลัพธ์อย่างชัดเจนแล้วแต่ก็ยังทนไม่ได้
อย่างไรก็ตามเขารู้สึกกลัวมาก หากความรู้สึกของตนเองจะทําให้เธอทําตัวเหินห่างจากเขา ดังนั้นเขาจึงต้องการทําให้เธอสบายใจ
ในเมื่อหยางซื่อเหมยไม่สามารถขายมีดสีทองเล่มนี้ให้กับเขาได้ ต่อมาเธอจึงหยิบจานที่มีลวดลายรูปปลาคู่ที่เธอซื้อมาด้วยขึ้นมา
“อาจารย์ซ่ง ช่วยประเมินสิ่งนี้ให้ฉันด้วยนะคะ”
“โอ้? คุณยังมีอีกหรือ?”
ซ่งซวนประหลาดใจมากขณะที่รับจานรูปปลาแฝดจากเธออย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงหยิบแว่นขยายขึ้นมาเพื่อตรวจดูโดยละเอียด
ทําให้ทราบว่า เขาเป็นคนที่มีความรักในเรื่องเกี่ยวกับวัตถุโบราณอย่างจริงจัง เนื่องจากในตอนที่ทําการตรวจสอบวัตถุ เขาจะกลายเป็นคนจริงจังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ทันที โดยลืมความเจ็บปวดเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาไปเสียสนิท
และหยางซื่อเหมยก็ชอบดูท่าทางที่มีสมาธิของเขามาก เพราะสามารถสัมผัสได้ถึงความละเอียดลออที่มีอยู่ในจิตวิญญาณของเขา
ต่อมาเมื่อซงซวนวางแว่นขยายของตนเองลง เขาก็เงยหน้าขึ้นมาหาเธอ ทําให้บังเอิญได้พบกับนัยน์ตาสีดําของเด็กสาว
ส่งผลให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะอย่างกะทันหัน และรีบหลบสายตาคู่นั้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับก้มศีรษะลงเพื่อจ้องมองวัตถุที่อยู่ตรงหน้าด้วยเสียงหัวใจที่เต้นระทึกพลางกล่าวว่า
“นี่คือเครื่องถ้วยชามตราปลาคู่ที่สลักขอบด้วยทอง ซึ่งใช้เตาเผาที่เป็นหนึ่งในห้าเตาเผาที่ยิ่งใหญ่ของแคว้นซ้องเหนือ โดยมีการเคลือบด้วยสีขาวทั้งด้านในและด้านนอก อีกทั้งยังมีการเคลือบที่ฐานและขอบด้วยสีทอง ส่วนผนังด้านในที่สลักเป็นรูปปลาคู่นั้นเป็นเส้นที่ไหลลื่นด้วยรูปแบบที่มีชีวิตชีวา ซึ่งงานฝีมือที่ยอดเยี่ยม และสิ่งนี้เป็นของที่ใช้ในพระราชวังชั้นในในสมัยนั้น”
“แล้วมันมีมูลค่าประมาณเท่าไหร่คะ?” หยางซื่อเหมยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามถึงสิ่งที่ตนเองต้องการทราบที่สุด
“ตอนนี้มูลค่าตลาดก็ประมาณสามแสนแปดหมื่นเหรียญ แต่ถ้านําไปประมูลก็อาจจะได้ราคาสูงกว่านี้ โดยมันขึ้นอยู่กับกลุ่มนักสะสม และมีนักสะสมบางคนที่มีความหลงใหลเครื่องถ้วยชามเหล่านี้”
“ถ้าอย่างนั้นคุณซึ่งต้องการรับซื้อสิ่งนี้เอาไว้ เองหรือเปล่าคะ?”
ซงซวนเงยหน้าขึ้นมองเธอทันทีพร้อมกับกล่าวว่า
“ซื่อเหมย! ดูเหมือนว่าคุณจะมีความรู้สึกพิเศษบางอย่างเกี่ยวกับของเก่า แต่ตอนนี้ความรู้ของคุณคงจะยังไม่เพียงพอ เอาอย่างนี้ อีกสองวันจะมีการประมูลของเก่าในเมือง คุณสนใจที่จะมาร่วมงานหรือเปล่า?
สําหรับจานปลาคู่ใบนี้ ถ้าคุณต้องการราคาที่สูงขึ้น ผมสามารถช่วยให้คุณเข้าร่วมการประมูลได้”
และเมื่อได้ยินว่าจะมีการประมูลวัตถุโบราณ หยางซื่อก็ต้องการจะเข้าไปร่วมสัมผัสบรรยากาศโดยธรรมชาติ
“ฉันอยากไป”
“เอาล่ะ! เก้าโมงเช้าวันมะรืนนี้ คุณมาหาผมที่นี่ แล้วเราจะไปด้วยกัน”
สิ่งนี้ทําให้เธอจ้องมองไปยังซ่งช่วนอย่างมีความสุขพร้อมกับกล่าวว่า
“ขอบคุณอาจารย์ซึ่งมากค่ะ!”