ท้าทายลิขิตสวรรค์ ตอนที่ 53 ดึงลิ้น
ตอนที่ 53 ดึงลิ้น
จากนั้นความหนาวเย็นก็แล่นผ่านหัวใจของคนที่ชอบซุบซิบนินทา และในไม่ช้าพวกเขาก็รู้สึกว่าลิ้นของตนเองเริ่มแข็งขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุไม่สามารถตอบสนองได้ นอกจากนี้ดูเหมือนว่ามีบางอย่างดึงมันอย่างไม่หยุดยั้ง ขณะที่พวกเขาพยายามพูดคุยแต่กลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา
และเมื่อนึกถึงคํากล่าวของหยางซื่อเหมยเมื่อครูได้ในทันทีพวกเขาก็รู้สึกตกใจและรีบยกมือขึ้นมาปิดปากราวกับว่าวิญญาณชั่วร้ายจะมาดึงลิ้นออกมาจริง ๆ ขณะที่ในหัวใจเต็มไปด้วยคําบ่นที่ไม่กล้าเอ่ยออกมาแต่หลังจากนั้นสักพักทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ
เมื่อครู่นี้มีผีร้ายมาดึงลิ้นของเราจริงหรือเปล่า?
และเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา พวกเขาต่างก็รู้สึกหวาดกลัวและสาบานว่าจะไม่พูดจาอย่างไร้ความรับผิดชอบอีก
จากนั้นหวงอี้เฟิงก็เดินตามหยางซื่อเหมยเพื่อที่จะขอโทษซ้ําแล้วซ้ําเล่า
“มันไม่เกี่ยวกับเธอเลย เธอไม่ต้องขอโทษสําหรับความผิดของคนอื่นฉันสิที่ต้องขอโทษ เพราะถ้าไม่ใช่เพราะฉันมันก็คงไม่เป็นแบบนี้”หยางซื่อเหมยกล่าวเบา ๆ อีกว่า
“คนที่ถ่ายรูปต่างหากที่เป็นคนสร้างปัญหา”
“ฉันจะหาคนนั้นให้เจออย่างแน่นอน!” หวงอี้เฟิงกล่าวพร้อมกับขบฟัน
“ไม่ต้องไปหาฉันก็รู้ว่าเป็นใคร?”
แม้ว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับตัวเธอเอง แต่เธอก็ไม่สามารถสรุปได้ว่าใครคือคนชั่วร้ายที่พยายามจะทําร้ายเธอ แต่เธอได้เห็นโหงวเฮ้งของเพื่อนร่วมชั้นทั้งหมดแล้วเมื่อวันก่อนและรู้ว่ามีบางคนที่มีเจตนาชั่วร้าย
“ใครเหรอ?” หมัดของหวงอี้เฟิงกําแน่นด้วยท่าทางพร้อมที่จะเอาชนะคนผู้นั้น
หยางซื่อเหมยไม่ได้ตอบกลับเขาในขณะที่เธอเดินตรงไปที่ห้องเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่สามห้องที่ห้า
และขณะนี้ในห้องเรียนกําลังอยู่ในความโกลาหล ขณะที่เชี่ยวโม่กําลังพยายามรักษาความสงบเรียบร้อย และในมือของเธอถือภาพถ่ายกับเอกสารที่ฉีกขาดยิ่งไปกว่านั้นเธอยังมีท่าทางโกรธมากและฟาดโต๊ะด้วยไม้บรรทัดของอาจารย์
“ถ้าฉันรู้ว่าใครเป็นคนสร้างเรื่องอื้อฉาวเพื่อทําให้ซื้อเหมยกับอี้เฟิงต้องอับอายฉันจะไม่ปล่อยคนคนนั้นไปแน่นอน อี้เฟิงกล่าวแล้วว่าซื้อเหมยกําลังรักษาเขาด้วยการฝังเข็ม แต่กลับมีข่าวแพร่กระจายไปอย่างไม่คาดคิดว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ผิดศีลธรรม ซึ่งมันไม่มีเหตุผลอย่างสิ้นเชิง!”
จากนั้นหยางซื่อเหมยก็ก้าวมาในห้องด้วยสีหน้าเรียบเฉยและเมื่อเซี่ยวโม่เห็นเธอจึงรีบเดินเข้ามาหาพร้อมกับกล่าวว่า
“ซื้อเหมยไม่ต้องกังวลนะ ในฐานะหัวหน้าชั้น..ฉันจะหาผู้กระทําผิดเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้เธออย่างแน่นอน”
“ขอบคุณมาก”
และภายใต้สายตาของนักเรียนในชั้นเรียน ทุกคนก็เห็นว่าหยางซื้อเหมยผู้เงียบสงบกําลังเดินไปยังที่นั่งของตัวเองและหยิบหนังสือออกมาอ่าน
“ไอ้หยา! เกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ยังมีหน้ามานั่งใจเย็นอยู่ได้” เฉินลี่ลี่ร้องเสียงแหลม
“เฉินลี่ลี่!” เซี่ยวโม่ยืนขึ้นพร้อมกับดุเสียงดังอีกว่า
“เธอพูดถึงเพื่อนร่วมชั้นแบบนั้นได้ยังไง?”
“ฉันพูดอะไร? ฉันไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย ฉันก็แค่คุยกับอากาศทําไมมันผิดตรงไหนเหรอ? ฉันจะพูด….พูด…พูด…”
ทันใดนั้นเฉินลี่ลี่ก็รู้สึกว่าลิ้นของเธอมีอาการชาไปเอง และรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างพยายามดึงมันออกมา ขณะที่เธอรีบยกมือขึ้นมาปิดปากของตนเองอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่สามารถปิดได้
และไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดในฉับพลันลิ้นของเธอก็ยื่นออกมาจากปากซึ่งพบว่ามันยาวเสียจนน่ากลัวมาก
“ลี่ลี่! เธอแลบลิ้นออกมาเพื่ออะไร? มันน่ากลัวมากเลยเธอดูเหมือนผีที่ถูกแขวนคอ” จางหลานเห็นรูปลักษณ์ของเธอและยนคิ้วขณะที่กล่าวแบบนี้
“ฉัน…ฉัน…ฉัน..ฉัน” เฉินลี่ลี่ไม่สามารถแม้แต่จะพึมพําออกมาได้เนื่องจากลิ้นของเธอถูกดึงจนได้รับความเจ็บปวดมากขึ้นทําให้เธอรู้สึกกลัวมาก
“ลิ้นของเธอพลิกหรือเปล่า?”จางหลานเอ่ยถามด้วยความเป็นห่
วง
“เอ่อ…คือ…”
เฉินลี่ลี่กําลังจะสําลักน้ําลายขณะที่เธอรีบปิดปากและวิ่งออกจากชั้นเรียนไปแต่เมื่อเธอวิ่งไปที่ห้องทํางานของมารดาก็พบว่าลิ้นของตนเองได้หายเป็นปกติแล้วจึงเดินกลับไปที่ห้องเรียน
มีอะไรผิดปกติกับลิ้นของเธอ?
และในขณะที่เห็นนักเรียนต่างห้องกําลังสนทนากันระหว่างทางที่เธอเดินกลับห้องเรียน
“ก่อนหน้านี้ ฉันได้ยินผู้หญิงคนนั้นพูดว่าการพูดอย่างไร้ความรับผิดชอบจะทําให้ผีมาดึงลิ้น จากนั้นเพื่อนร่วมชั้นที่กําลังซุบซิบหลายคนก็ดูเหมือนว่าพวกเขาถูกดึงลิ้นออกมาจนน่ากลัว แต่นับ ว่ายังดีที่พวกเขาสามารถกลับมาเป็นปกติได้เมื่อเวลาผ่านไปสักครู่ แต่มันก็น่าแปลกมาก”
“มีผีมาดึงลิ้นจริง ๆ เหรอ? น่ากลัวมากเลย จากนี้ไปแม้ว่าจะทุบตีฉันให้ตายฉันจะไม่นินทาใครอีกต่อไปแล้ว”
และเมื่อได้ยินคํากล่าวเหล่านี้จากเด็กสาวทั้งสองคนที่เดินผ่านไปเฉินลี่ลี่ก็รู้สึกตกใจจนต้องยกมือขึ้นมาปิดปากอีกครั้ง
ซึ่งอันที่จริงแล้ว เธอยังทราบว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างหยางซื่อเหมยกับหวงอี้เฟิง แต่เธอไม่สามารถควบคุมลิ้นของตัวเองได้
ส่งผลให้จากนี้ไปเมื่อทุกคนได้เห็นหยางซื่อเหมย พวกเขาก็จะสงบลงจนน่าแปลกใจ
“ร้อนก็ร้อนอย่างนี้ต้องถอด…”
ทันใดนั้นดอกไม้ประจําห้องที่ชื่อ หลินอี้ถึงก็ลุกขึ้นยืนจากที่นั่งของตนเองในขณะที่เธอกล่าวด้วยน้ําเสียงที่เย้ายวนพร้อมกับยกมือขึ้นปลดกระดุมเสื้อจนเผยให้เห็นชุดชั้นในสีชมพูของเธอ
ทําให้ทุกคนถึงกับอ้าปากค้างขณะที่พวกเขาทั้งหมดต่างก็จ้องไป
ที่ปากของเธอ
“เฉินเสี่ยวเฉียง มาสัมผัส…”
ทันใดนั้นหลินอี้ถึงก็จับมือของเฉินเสี่ยวเฉียงที่จ้องมองเธออย่างร้อนแรงที่สุดและคว้ามือของเขามาแตะที่บริเวณหน้าอกของตนเองเพื่อสัมผัสความอ่อนนุ่มด้วยร่างกายสั่นสะท้าน ขณะที่เธอส่งเสียงเรียกเบา ๆ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ารูปลักษณ์ของเธอนั้นลามกมาก
ทําให้เพื่อนนักเรียนทั้งชั้นเรียนต่างก็อ้าปากค้าง เนื่องจากไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลินอี้ถึงจึงสมองตายอย่างกระทันหันโดยทําสิ่งที่น่าอัปยศอดสูเช่นนี้
“ หม…โอ้… เสี่ยวเฉียงฉันต้องการ..รีบมา…”