ท้าทายลิขิตสวรรค์ ตอนที่ 54 ชุดขาวที่เรียบง่าย
ตอนที่ 54 ชุดขาวที่เรียบง่าย
ต่อมาหลินอี้ถึงก็ปีนขึ้นไปบนโต๊ะของเฉินเสี่ยวเฉียงขณะที่แขนของเธอโอบรอบคอเขาและริมฝีปากกับหน้าอกของเธอก็เล็งไปใกล้เขาอย่างกระชั้นชิด
ทําให้เฉินเสี่ยวเฉียงรู้สึกตกใจกลัวกับความโชคดีที่เกิดขึ้นจากผู้หญิงอย่างกะทันหัน
และเชี่ยวโม่เป็นคนแรกที่ตอบโดยการตําหนิด้วยน้ําเสียงอันดังและรีบไปดึงตัวของหลินอีถึงออกมาจากเฉินเสี่ยวเฉียง
“หลินอี้ถึง เธอกําลังทําอะไรอยู่?”
จากนั้นใครจะรู้ว่าอี้ถึงได้พุ่งเข้าหาหลี่ตงหลินและนั่งบนตักของเขาอย่างจงใจพร้อมกับเอื้อมมือไปหากางเกงของหลี่ตงหลินทําให้เด็กนักเรียนชายคนนี้รู้สึกตกใจมากจึงผลักร่างของเธอออกอย่างแรงทําให้เธอล้มลง
โครม!!!
มันเป็นเสียงที่เกิดจากการกระแทกของศรีษะกับโต๊ะ ซึ่งมันทําให้หลินอี้ถึงเกิดความรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงจนทําให้เด็กสาวถึงกับร้องสะอึกสะอื้นขึ้นมาพร้อมกับมองลงไปและพบว่าเสื้อของตนเองถูกปลดกระดุมออกทั้งหมด อีกทั้งกระโปรงของเธอก็ถูก รวบขึ้นไปถึงต้นขาจนเผยให้เห็นกางเกงในสีชมพู
และด้วยความอับอายเธอก็รีบยกมือขึ้นมาปิดหน้าอกพร้อมกับดึงกระโปรงลง ขณะที่สถานการณ์ก่อนหน้านี้กําลังฉายภาพเหมือนหนังอยู่ในหัวของเธออย่างชัดเจน ซึ่งเธอไม่สามารถลืมมันได้แม้ว่าเธอจะต้องการลืมก็ตาม
“เอ่อ…”
โดยตอนนี้เธอกําลังอยู่ในช่วงของความอับอายและอัปยศอดสู จึงกรีดร้องเสียงดังพร้อมกับวิ่งออกจากห้องเรียนด้วยความรู้สึกปั่นป่วนในสมองจนอยากจะเอาหัวพุ่งเข้าชนกับกําแพง
ขณะที่นักเรียนในชั้นเรียนต่างก็หันมามองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
จากนั้นเซี่ยวโม่ก็บหยิบกระเป๋าเป้ของหลินอี้ถึงที่ตกอยู่บนพื้นส่งผลให้กล้องดิจิทัลหล่นออกมา ขณะที่เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะเปิดดูเพื่อตรวจสอบรูปภาพที่ถูกบันทึกอยู่ในนั้น
ซึ่งผลก็คือเธอพบรูปภาพของหยางซื่อเหมยกับหวงอี้เฟิงอยู่ภายในนั้นทําให้ทราบว่าคนที่ถ่ายภาพเพื่อสร้างความอับอายให้กับทั้งสองคนคือหลินอี้ถึง
ต่อมาเชี่ยวโม่จึงมองไปที่หยางซื่อเหมย ขณะที่พบว่าเพื่อนนักเรียนที่ชื่อหยางซื่อเหมยยังคงก้มหน้าก้มตาทําโจทย์คณิตศาสตร์ด้วยอาการเงียบสงบ ราวกับว่าเหตุการณ์รอบข้างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเธอเลย
แต่ทันใดนั้นเชี่ยวโม่ก็รู้สึกได้ว่ามีพลังลึกลับบางอย่างพุ่งออกมาจากร่างกายของเพื่อนนักเรียนหญิงคนนี้ แต่เธอเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนักแค่เพียงแค่รู้สึกว่า สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเฉินลี่ลี่หรือหลินอี้ถึงล้วนแล้วแต่น่าจะเกี่ยวข้องกับเธอ
ดังนั้นเซี่ยวโม่จึงจับตาดูหยางซื่อเหมยอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เธอเข้ามานั่งในห้องเรียน แต่ก็ไม่พบว่าเพื่อนนักเรียนหญิงคนนี้เคลื่อนไหวใด ๆ ซึ่งสิ่งนี้ทําให้เซี่ยวไม่รู้สึกขนหัวลุกเช่นเดียวกัน
ต่อมาหลังจากที่ระฆังส่งสัญญาณเริ่มชั้นเรียนดังขึ้นคุณครูฉินไคเหวินก็เดินเข้ามา ขณะที่วิสัยทัศน์ของเขาได้พุ่งตรงไปยังหยางชื่อเหมยเป็นอย่างแรก และพบว่าเธอนั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบสงบโดยไม่มีอาการวิตกกังวลหรือความหงุดหงิดแต่อย่างใด ซึ่งการแสดงออกของเธอทําให้เขารู้สึกประหลาดใจมาก
แต่หากสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับเด็กสาวคนใดคนหนึ่งแน่นอนว่าพวกเธอคงจะไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อย่างแน่นอน
มันจึงทําให้คุณครูฉินไคเหวินจ้องมองเธอด้วยสายตาแห่งความชื่นชมราวกับว่ากําลังชื่นชมดอกลิลลี่ที่บานสะพรั่งภายในสายหมอก
จากนั้นเซี่ยวโม่ได้ส่งกล้องของหลินอี้ถึงให้กบคุณครูและเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับสถานการณ์เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ขณะที่ฉินไคเหวินเปิดดูรูปภาพและพยักหน้าเล็กน้อย
“เกี่ยวกับพฤติกรรมของหลินอี้ถึง ครูจะรายงานไปยังโรงเรียนเพื่อดําเนินการทางวินัยอย่างเปิดเผย อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้อาจจะเป็นเพราะเธอสับสนจนไม่สามารถควบคุมสติได้ดังนั้นพวกเธอจึงไม่ควรกระจายเรื่องนี้ออกไปเข้าใจแล้วใช่ หรือเปล่า?”
จากนั้นนักเรียนทั้งชั้นเรียนก็ตอบว่า “เข้าใจ”
อย่างไรก็ตามยังมีเพื่อนนักเรียนบางคนที่ไม่สามารถระงับอาการคันปากของตนเองได้จึงเล่าเรื่องที่หลินอี้ถึงทําตัวลามกให้กับนักเรียนในห้องอื่นๆ ฟัง ส่งผลให้เรื่องนี้แพร่กระจายไปยังสิบคนและจากสิบคนก็แพร่กระจายออกไปเป็นร้อย ทําให้ท้ายที่สุดมันต้ องจบลงด้วยการที่คนทั้งโรงเรียนได้รับรู้ถึงความตื่นกระหายของหลินอี้ถึง
ส่งผลให้หลินอี้ถึงรู้สึกอับอายจนไม่มีหน้าที่จะกลับไปเรียนต่อในโรงเรียนนี้จึงย้ายไปเรียนที่โรงเรียนอื่นซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านคุณย่าของเธอ
ดังนั้นความสับสนวุ่นวายในเวลานี้จึงจบลงอย่างรวดเร็วโดยเด็กนักเรียนโรงเรียนและ หยางชื่อเหมยก็กลับไปใช้ชีวิตในโรงเรียนตามปกติ
ในคืนก่อนการประมูลวัตถุโบราณอาจารย์ซ่งซวนก็รู้สึกกังวลใจว่าหยางซื่อเหมยจะลืมเรื่องที่พวกเขานัดหมายกันเอาไว้จึงโทรไปเตือนเธอซ้ําๆว่าให้ไปที่ศาลาโม่ตอนเช้า
ทําให้วันรุ่งขึ้นหยางซื่อเหมยได้มาถึงถนนเหวินไหลตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าขณะที่พบว่าทั้งถนนยังคงว่างเปล่า เนื่องจากร้านค้าส่วนใหญ่จะไม่เปิดประตูจนกว่าจะถึงเวลาแปดโมงเช้า
แต่ศาลาโม่ได้เปิดทําการแล้ว ดังนั้นเธอจึงเดินเข้าไปทําให้เห็นอาจารย์ซ่งซวนกําลังทําความสะอาดเครื่องลายครามอย่างจริงจัง
และในวันนี้อาจาจารย์ซ่งซวนสวมเสื้อคลุมแบบจีนสีเทาอ่อนซึ่งเน้นรูปร่างของเขา ซึ่งทําให้เขาดูมีรูปร่างที่สูงโปร่งมากขึ้นส่วนบริเวณคอเสื้อนั้นตั้งตรงด้วยรูปแบบที่เรียบง่ายโดย มันดูเป็นธรรมชาติที่มีเป็นเอกลักษณ์ส่งผลให้สามารถเพิ่มเสน่ห์ของเขาให้ดูมี ความเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุขุมและน่าเชื่อถือ
“วันนี้อาจารย์ซึ่งดูหล่อมากเลยนะคะ” หยางซื่อเหมยอดไม่ได้ที่จะชมเชย
ทันใดนั้นใบหูของซงซวนก็เปลี่ยนเป็นสีแดง… แต่การแสดงออกของเขากลับดูเฉยเมย จึงทําให้ยากที่จะเข้าใจว่าเขารู้สึกอย่างไร
“คนแก่อย่างผมคงจะใช้คํานี้ไม่ได้แล้วล่ะครับ เพราะคํานี้มันเหมาะกับคนหนุ่มมากกว่า”
“ฮ่าฮ่าความจริงแล้วคุณซึ่งดูไม่แก่เลยนะคะ และฉันคิดว่าคุณดูดีแบบผู้ใหญ่” หยางชื่อเหมยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่เธอกล่าวคําเหล่านั้นแล้ว ซึ่งซวนก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาพองโตขึ้นจนแทบจะทะลักออกมาจากบริเวณหน้าอก ซี่งมันเป็นความรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก
แต่เมื่อเขาเห็นว่า หยางซื่อเหมยสวมชุดขาวที่แสนจะเรียบง่ายกล่าวว่า
“ชื่อเหมย คนที่ไปงานประมูลวัตถุโบราณส่วนใหญ่มักจะแต่งตัวหรูหรามากดังนั้นชุดสีขาวแบบนี้มันดูเรียบง่ายมากเกินไป ดังนั้นผมขออนุญาตช่วยเตรียมเครื่องแต่งกายให้คุณจะได้หรือเปล่า?”
หลังจากกล่าวเช่นนั้นแล้ว เขาก็รอคําตอบของเธออย่างประหม่าด้วยความกังวลว่า เธอจะไม่พอใจหรือปฏิเสธโดยตรง
” ตกลง” หยางชื่อเหมย ลไม่ได้รู้สึกขัดใจแต่อย่างใดและกล่าวอย่างมีความสุขอีกว่า
“เมื่อเห็นคุณสวมชุดเสื้อคลุมจีนตัวนี้ฉันก็คิดว่า ฉันก็น่าจะแต่งกายให้ดูเหมาะสมเช่นกัน….ขอบคุณที่เตรียมชุดเอาไว้ให้ฉัน”
และเมื่อซงซวนได้ยินคําตอบของเด็กสาวจึงปล่อยลมหายใจออกมาขณะที่อารมณ์ของเขามีความยินดีมากเป็นพิเศษจนถึงจุดที่เขาต้องการจะฮัมเพลงในทันที