ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา – ตอนที่ 125 จุดสีแดง

แดนอเวจีก็คือหัวใจ

แสงดวงดาวทั้งหมดของค่ำคืนหลายวันนี้ ล้วนแต่ร่วงหล่นบนบริเวณรอบๆ แดนอเวจี ค่อยๆ ทับถม ค่อยๆ เงียบนิ่ง ไร้สุ่มไร้เสียง

เมื่อปรารถนาจะเข้าใจในจุดนี้ ความรู้สึกในนัยน์ตาของมังกรดำแปรเปลี่ยนเป็นยิ่งหวั่นไหว

เฉินฉางเซิงดึงแสงดวงดาวชำระล้างกระดูกไม่มีผลใดๆ สุดท้ายแล้วก็ถูกบีบบังคับในหนทางที่ไม่ได้เลือก ถึงได้ตัดสินใจทำสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่งในการถอดจิตสำรวจตนเองล่วงหน้าก่อน ทว่าเขาไม่รู้สิ่งใดทั้งสิ้น ทุกค่ำคืนตนดึงแสงดวงดาวชำระล้างกระดูก แสงดวงดาวเหล่านั้นล้วนแต่ทะลุผ่านร่างกาย มายังด้านนอกของแดนอเวจี ทุกคืนยามตกกระทบเบาๆ ต่อเนื่อง

เขามิได้กำลังชำระล้างกระดูก ทว่าข้ามผ่านการถอดจิตแล้ว เขากำลังอยู่ขั้นทะลวงอเวจี!

ระยะห่างระหว่างที่เขาจุดดาวโชคชะตา มาถึงตอนนี้มีระยะเวลากี่คืนเล่า

มังกรดำจ้องมองหนุ่มน้อยที่ลมหายใจใกล้จะหยุดอยู่บนกองโลหิต ตนนั้นตื่นเต้นจนกระทั่งใกล้จะลืมหายใจแล้ว

เมื่อคัมภีร์สวรรค์ร่วงลงมายังโลก ไม่มีผู้ใดบำเพ็ญเพียรดังเช่นเฉินฉางเซิง เพราะว่าเขามีคุณสมบัติไร้ความสกปรกเป็นพิเศษซึ่งน้อยคนนักจะได้พบเห็น และก็เป็นเพราะว่ามีคนจำนวนน้อยอย่างยิ่งที่เป็นดังเช่นเขา ทุกค่ำคืนมีชีวิตอยู่ในเงาของความตาย มีความเด็ดเดี่ยวและความตั้งใจที่ยากจะจินตนาการได้ ถึงแม้สิ่งเหล่านี้ต่างมี คนเหล่านั้นก็ไม่มีโอกาสเช่นนี้

หากไม่มีโอกาส เขาก็คงจะต้องเสียชีวิต เกรงว่าเขาจะก้าวข้ามการชำระล้างกระดูกโดยตรงไปขั้นถอดจิต แล้วสำเร็จขั้นทะลวงอเวจี ก็จะเสียชีวิตได้ ตามลำดับขั้นการฝึกบำเพ็ญเพียรของเผ่ามนุษย์โดยสรุป จะไม่เกิดปัญหาใดๆ เดิมทีไม่อาจข้ามผ่านได้ตามใจ ผู้ฝึกบำเพ็ญเพียรที่ชำระล้างกระดูกไม่สำเร็จ ก็ไม่อาจรับพลังละอองดาวที่เปลี่ยนเป็นพลังปราณแท้ภายในชั่วพริบตาได้

หัวใจของเฉินฉางเซิงยังคงเต้นอย่างแข็งแกร่งทรงพลัง ทว่าโลหิตที่ซึมออกมาตามเส้นโลหิตที่แตกยิ่งนานยิ่งน้อยลง เขาหลับตานิ่งสนิท สีหน้าขาวซีดราวกับว่าเป็นคนตาย

มังกรดำเงียบนิ่งจ้องมองเขา ความรู้สึกนัยน์ตาของมังกรสับสนอย่างยิ่ง ต่อสู้ดิ้นรน ลังเล อีกทั้งไม่ยินยอม

มันทราบดี ตนเป็นโอกาสของเฉินฉางเซิง

เฉินฉางเซิงเวลานี้อยู่ใกล้กับความตาย ถึงจะเป็นยาวิเศษที่ล้ำค่าหายากก็ไร้หนทางจะช่วยชีวิตเขาได้ ถึงแม้จะเป็นบุคคลศักดิ์สิทธิ์ดังเช่นใต้เท้าสังฆราชลงมือก็คงจะทำไม่ได้ แต่ว่ามันทำได้

บนโลกใบนี้ วิธีที่สามารถช่วยชีวิตของเฉินฉางเซิงได้มีเพียงวิธีเดียว

มังกรดำลังเลที่ประวิงเป็นระยะเวลายาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันคิดได้ว่าตนผู้ถูกคุมขังพบเจอสิ่งใดมาเป็นเวลาหลายร้อยปี มันเพียงแค่อยากหันกายกลับไป รอคอยเฉินฉางเซิงเสียชีวิต

อาศัยสิ่งใดให้มันต้องทุ่มเทสิ่งแลกเปลี่ยนอันยิ่งใหญ่แก่หนุ่มน้อยเผ่ามนุษย์เช่นนี้ด้วยเล่า

เพียงแต่…ไม่ง่ายเลยที่เขาจะมีโอกาสรอด

อีกทั้ง ตนยังต้องการให้เขาช่วยทำเรื่องนั้น

อีกทั้ง เขาเป็นคนแรกในรอบหลายร้อยปีที่ตนรู้จักจริงๆ

หนึ่งโอกาสรอดของเขา หรือว่าจะเป็นหนึ่งโอกาสรอดของตนเล่า

มังกรดำเงียบนิ่งครุ่นคิด แท้จริงแล้วมันยังไม่รู้สึกตัวว่าตนนั้นที่จริงแล้วเกลี้ยกล่อมตนเองให้ไปช่วยเหลือหนุ่มน้อยเผ่ามนุษย์ผู้นี้อยู่ตลอด

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปยาวนานเพียงใด สุดท้ายแล้วมันจึงตัดสินใจ

มังกรดำมายังด้านหน้าของเฉินฉางเซิง เปล่งเสียงคำรามทุ่มต่ำของมังกรหนึ่งที ตามเสียงที่ยังคงดังต่อไป ระหว่างลูกนัยน์ตามังกรมีเกล็ดเปล่งแสงชั่วพริบตา

มันยกเท้าหน้าขวาขึ้นมา ค่อยๆ เข้าไปใกล้เกล็ดมังกรแผ่นนั้น

เสียงฉึกดังขึ้นเบาๆ

เกล็ดมังกรแผ่นนั้นร่วงแตกลงมา

มีโลหิตพุ่งออกมาตามรอยแผลเล็กๆ นั่น

นั่นเป็นโลหิตของมังกรจริงๆ

เสียงซ่าดังขึ้น

โลหิตมังกรร่วงหล่นลงมาจากความมืดยามราตรี โปรยลงมาสู่พื้นดิน ราดลงมาท่วมตัวของเฉินฉางเซิง

เป็นเพียงแค่การกระทำที่ง่ายดาย คล้ายกับว่าเป็นการสิ้นเปลืองพลังทั้งหมดของมังกรดำ จำนวนโลหิตเหล่านั้นเพียงพอที่จะให้ร่างกายของเฉินฉางเซิงแช่อยู่ในนั้น ทว่าหากเปรียบเทียบกับร่างกายมหึมาของมังกรดำแล้ว คงจะนับเป็นอะไรมิได้ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดร่างกายของมันถึงอ่อนแรงขึ้นมาฮวบฮาบ

มังกรดำค่อยๆ ร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน หนวดมังกรห่อเหี่ยวไร้เรี่ยวแรง หลังจากนั้นงอโค้งเล็กน้อย ร่างกายที่ใหญ่มหึมา มิได้มีกำลังวังชาอีกต่อไป ประหนึ่งเทือกเขาที่กำลังหลับใหล

เวลาต่อมา มีเรื่องราวแปลกประหลาดไร้สิ่งใดเปรียบพลันเกิดขึ้น

เพียงได้ยินเสียงของเกล็ดมังกรและน้ำแข็งที่หนาวเหน็บเสียดสีกัน เกิดเป็นเสียงครืดๆ ดังขึ้นมา

มังกรดำกำลังเปลี่ยนเป็นหดสั้นลง! เปลี่ยนเป็นเล็กลงช้าๆ!

เทือกเขาสีดำที่หลับใหล ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสันเขา!

มังกรดำยังคงเล็กลงต่อไป!

สันเขาสุดท้ายแล้วเปลี่ยนเป็นเนินเล็กๆ บนพื้นดิน

เกล็ดมังกรที่ปกคลุมน้ำแข็งและฝุ่นละอองเหล่านั้น กลายเป็นชุดกระโปรงเก่าแก่ชุดหนึ่ง!

หลังจากนั้นชั่วครู่ มีมือข้างหนึ่งค่อยๆ ยื่นออกมาจากชุดกระโปรงสีดำ มือนั้นขาวนวลยิ่งนัก

มือนั้นแตะพื้นดิน ใช้กำลังเล็กน้อย นำร่างกายของนางยืดขึ้นมา

ภายใต้ชุดกระโปรงสีดำเป็นหญิงสาวผู้หนึ่ง

เป็นหญิงสาวที่งดงามผู้หนึ่ง

ใบหน้าหญิงสาวเยือกเย็น ดวงตาแข็งตั้งตรง เป็นปีศาจและภูตผีโดยธรรมชาติ ถึงแม้มองชัดเจนว่ายังเล็กอย่างยิ่ง กลับทำให้นางรู้สึกเย็นชาไร้ความรู้สึก

ระหว่างคิ้วของนาง มีเส้นสีแดงเส้นหนึ่ง กลับทำลายความรู้สึกชนิดนี้ลงแล้ว

นั่นเป็นรอยแผลรอยหนึ่ง ยากที่จะหายสนิท ทว่างดงามอย่างยิ่ง เหมือนเป็นการประทินโฉมซึ่งเป็นที่นิยมของจิงตูในราชวงศ์ต้าโจวเมื่อหลายร้อยปีก่อน

นางไม่อาจยืดตัวยืนขึ้นได้ เพราะว่าขณะนี้นางอ่อนแอ ไร้เรี่ยวแรงยิ่งนัก เพราะว่าข้อเท้าของนาง พันธการไว้ด้วยโซ่ตรวนบางยาวทั้งสองเส้น

โซ่ตรวนสองเส้นนั้นเต็มไปด้วยสนิม ยื่นออกไปในความมืด ถูกภาพวาดขุนพลเทพในตำนานทั้งสองกุมจับอยู่ในมือแน่นขนัด

นางจ้องมองโลหิตที่อยู่บนร่างกายเฉินฉางเซิง ท่าทางเยือกเย็นกล่าวว่า “เจ้าติดค้างข้า ข้าจึงจำต้องอดกลั้นความขยะแขยงแล้วกินเจ้าเสีย”

เมื่อกล่าวประโยคนี้ น้ำเสียงของนางเฉยเมยสงบนิ่ง ทว่ากลับมีความมั่นใจยิ่งนัก

นางใช้ภาษาของเผ่ามนุษย์ เสียงกังวานใสไพเราะ บวกเข้ากับท่าทางอรชรอ้อนแอ้นของนาง ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็เป็นเพียงแค่หญิงสาวผู้หนึ่ง

ที่จริงแล้วหากนับตามอายุของเผ่ามนุษย์ เดิมทีนางก็มีอายุเพียงแค่สิบสามปีเท่านั้นเอง

ทุกหนทุกแห่งบนร่างกายเฉินฉางเซิงที่ได้รับความเสียหายร้ายแรงล้วนแต่เป็นรอยเปื้อนโลหิต

เพียงแค่เวลานี้ไม่อาจแบ่งแยกได้ว่าส่วนไหนเป็นโลหิตของเขาเอง หรือว่าส่วนไหนเป็นโลหิตมังกร

เขาแช่อยู่ในโลหิตของนาง

โลหิตมังกรที่แท้จริงเหล่านั้น กำลังบำรุงและซ่อมแซมร่างกายให้เขาช้าๆ

เส้นโลหิตที่ฉีกขาดเหล่านั้น ค่อยๆ เชื่อมต่อกันตามระดับความเร็วเท่าตาเปล่าจะมองเห็นได้ ผิวหนังและกล้ามเนื้อที่เน่าเปื่อยพุพองเหล่านั้น เมื่ออยู่ภายใต้แสงของไข่มุกราตรีที่ส่องกระทบลงมา กลายเป็นราบเรียบเกลี้ยงเกลา ส่วนกระดูกที่แตกหักกับอวัยวะภายในที่เสียหาย เป็นธรรมดาที่จะต้องใช้เวลาจำนวนมาก แต่ชัดเจนยิ่งนักว่าทั้งหมดทั้งมวลจะเปลี่ยนเป็นปกติ

ใบหน้าของเขาขาวซีด ลมหายใจกลับเปลี่ยนเป็นสงบนิ่งขึ้น

หญิงสาวชุดดำกำลังจ้องเขาเขม็ง จ้องเป็นระยะเวลายาวนาน

จนกระทั่งหลังจากผ่านไปเนิ่นนาน มั่นใจว่าเฉินฉางเซิงสามารถมีชีวิตอยู่ได้ หยดโลหิตมังกรอันล้ำค่าของตนมิได้สูญเปล่า นางก็ไม่อาจสะกดกลั้นร่างกายที่อ่อนแรงต่อไปได้ แล้วหลับใหลไปด้วยความอ่อนเพลีย

เฉินฉางเซิงหลับสนิทอยู่ในโลหิตของนาง

คนทั้งสองอยู่ที่พื้นที่ด้านล่างอันหนาวเย็น ต่างคนต่างนอนหลับ

ไอหมอกสีขาวค่อยๆ กระทบ ปะการังโลหิตแตกละเอียดอยู่ทุกหนทุกแห่ง

ชัดเจนยิ่งนักว่าทุกหนทุกแห่งก็คือโลหิต ทว่าคล้ายกับว่าเป็นดินแดนเทพเซียนบนสวรรค์อันวิจิตรงดงาม

สายลมหิมะพัดโชยเต็มท้องฟ้า ด้านนอกพระราชวังเงียบเชียบไร้ผู้คน

สุนัขหิมะสองตัวอยู่บนพื้นหิมะที่หนาวเหน็บ กำลังเล่นสนุกสนานอย่างเพลิดเพลิน ต่างฝ่ายต่างกระโจนเข้าหากัน มีเพียงแววตาของสุนัขเท่านั้น ถึงจะทำให้คนคิดได้ว่า นี่เป็นสัตว์ที่ดุร้ายน่าหวาดกลัวระดับใด

นางในผู้นั้นถือเชือกยืนอยู่ด้านข้าง คล้ายกับว่ารู้สึกเบื่อหน่าย หิมะพัดผ่านไปยังรูปหน้าที่งดงาม สามารถเห็นรอยจุดสีแดงหลงเหลืออยู่บนระหว่างคิ้วได้เลือนราง คาดไม่ถึงว่าเป็นม่ออวี่ ฐานะเดิมของนางก็คือนางใน ถ้าหากมิใช่เพราะจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ให้ความสำคัญ หลังจากเป็นนางในที่มีความผิด นางก็คงได้อยู่ในตำหนักเย็นที่ลับตาคนหนาวเหน็บจนกระทั่งเสียชีวิต

เงาร่างกายค่อยๆ ปรากฏชัดเจนในสายลมหิมะ ม่ออวี่ยิ้มน้อยๆ แล้วมุ่งไปยังเบื้องหน้า

จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์มิได้สนใจสุนัขหิมะที่แสดงความอ่อนน้อมถ่อมตัวและหวาดกลัวอยู่บนพื้น ใบหน้าไร้ความรู้สึกเดินไปยังบ่อน้ำที่รกร้าง

หลังจากชั่วครู่ คิ้วของนางขมวดขึ้นเล็กน้อย ไร้วาจา เช่นนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ได้หรือ

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ตลอดชีวิตของ เฉินฉางเซิง นั้นเต็มไปด้วยความลึกลับ เริ่มต้นจากกลิ่นหอมประหลาดที่แผ่กำจายออกมาจากตัวทำให้เหล่าสิ่งมีชีวิตเกิดความหิวกระหาย ตามมาด้วยร่างกายที่อ่อนแอเสียจนทำให้ไม่อาจบำเพ็ญเพียรได้ สุดท้ายจบลงที่อาการป่วยที่ทำให้ชีวิตของเขามิอาจยืนยาว ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาเขาทำได้แค่ท่องตำราจำนวนหลายพันเล่ม แม้จะรู้ว่าอาการป่วยมิอาจรักษา บางทีมันจะเป็นโชคชะตา แต่เขาก็อยากจะท้าทายลิขิตฟ้านี้ดูสักครั้ง เขามิใช่คนเก่ง แต่เขาอยากลอง และนั่นคือจุดเริ่มต้นเส้นทางการพลิกโชคชะตาของเขา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset