เม็ดทรายปลิวว่อนขึ้น คล้ายกับว่าทรายปะทุ เฉินฉางเซิงพลันหายตัวไม่พบเจอ
เพียงได้ยินเสียงแตกดังแกร๊กขึ้นมา กำแพงหินบนหอชำระธุลีก็ปรากฏรอยกระบี่ที่ชัดเจนขึ้นเส้นหนึ่ง
ร่างกายของเฉินฉางเซิงจึงได้ปรากฏขึ้นอีกครา ห่างจากตำแหน่งที่ยืนอยู่ก่อนหน้านี้สองจั้ง ไม่อาจมองได้ชัดเจนว่าเขาไปยังที่แห่งนั้นได้อย่างไร
เขาใช้หางตามอง เห็นเพียงรอยกระบี่ลึกประมาณหนึ่งนิ้วบนกำแพง มีหินสีขาวโผล่ออกมารางๆ
โลกใบไม้ครามของใต้เท้าสังฆราชแห่งนี้ สภาพภายในที่แท้จริง ก่อสร้างได้แข็งแกร่งแปลกประหลาด อีกทั้งด้านในของหอชำระธุลีก็มีค่ายกลป้องกันเสียง จวงห้วนอวี่คล้ายกับว่ากวัดแกว่งกระบี่ออกไปตามใจก็สามารถทิ้งร่องรอยกระบี่ไว้บนกำแพงหินได้ สามารถจินตนาการได้ว่าถ้าหากร่วงหล่นบนร่างกายของเขาจะบาดเจ็บอย่างไร
ถึงแม้ร่างกายตอนนี้ของเขาจะมีพลังป้องกันแข็งแกร่งจนยากจะจินตนาการได้ ก็ไม่อาจรับกระบี่นี้ได้โดยตรง
โชคดีก็คือ เขาไม่เคยคิดจะทะลวงกระบี่นี้ของจวงห้วนอวี่ และก็ไม่เคยคิดจะทัดทาน ตั้งแต่แรกเริ่ม เขาคิดว่าจะหลบหลีกกระบี่นี้เป็นอันดับแรก
เพียงชั่วพริบตาที่จวงห้วนอวี่ได้ชักกระบี่ เขาก็ได้ขยับแล้ว เมื่อแสงกระบี่ที่ดุดันสว่างอยู่กลางดวงตา เท้าขวาของเขาก็ได้เหยียบลงบนพื้นทรายที่ปูอยู่บนพื้นแล้ว จากนั้นก็ขยับไปอีก
ถ้าหากเม็ดทรายเต็มพื้นสามารถส่องสะท้อนท้องฟ้ายามค่ำคืนได้จริง ตำแหน่งของเขาก่อนหน้านี้ก็คงจะเป็นตำแหน่งดวงดาวซาน เวลานี้ตำแหน่งของเขา ก็คือตำแหน่งคั้ง
เขาเปรียบเม็ดทรายประหนึ่งสายลมหิมะ หยิบยืมพลังของสายลมหิมะ เดินไปยังตำแหน่งดวงดาว ท่าร่างแปลกประหลาดยากเข้าใจ นั่นก็คือย่างก้าวหยั่งเทวา
“นี่เป็นย่างก้าวหยั่งเทวารึ”
จวงห้วนอวี่มองเขาเอ่ยสงบนิ่ง มิใช่เป็นเพราะเขาหลบหลีกแสงกระบี่ของตนได้ ทว่าชัดเจนยิ่งนัก ฝีมือเฉินฉางเซิงก่อนหน้านี้ เขารู้หมดสิ้นแล้ว
เฉินฉางเซิงไม่ได้เอ่ยสิ่งใด มือขวายังคงกุมด้ามกระบี่ สายตามองต่ำลง ร่วงลงบนมือขวาที่กุมกระบี่ของจวงห้วนอวี่
จวงห้วนอวี่เดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ยื่นกระบี่ยาวในแนวราบ ท่าทางสงบนิ่งอย่างยิ่ง
เฉินฉางเซิงเห็นชัดเจน มือขวาของเขากุมกระบี่แน่น นิ้วมือขวาซีดเล็กน้อย นี่เป็นอาการที่เตรียมจะใช้พลัง
แสงกระบี่นับไม่ถ้วน ทะยานไร้สุ้มไร้เสียงเข้ามาสิบกว่าจั้ง มาถึงยังด้านหน้าของเขา
เฉินฉางเซิงยังคงขยับก่อนที่แสงกระบี่จะมาถึง พลังจิตรวมกันเป็นหนึ่ง ร่างกายเพิ่มความเร็วฉับพลัน คล้ายกับว่าก้าวไปทางทิศตะวันตกสองก้าว ระหว่างที่เปลี่ยนไปมากลับมาถึงยังด้านหลัง
ยังคงเป็นย่างก้าวหยั่งเทวา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเหยียบไประหว่างเส้นทางตำแหน่งดวงดาวของทิศตะวันออกเจ็ดตำแหน่ง
ฉั่วะ! ฉั่วะ! ฉั่วะ! เสียงถูกฟาดฟันชัดเจนจำนวนหลายเสียง ดังอยู่ทางกำแพงหินด้านขวามือเขา
เศษหินร่วงหล่นลงมายังพื้น รอยกระบี่ร่วงหล่นมายังพื้นชัดเจน รวดเร็วและดุดันยิ่ง
ท่าทางของจวงห้วนอวี่สงบนิ่ง มุ่งไปเบื้องหน้าหนึ่งก้าว ห่างจากเฉินฉางเซิงเพียงก้าวเดียว
เฉินฉางเซิงจ้องเขม็งมือขวาของเขาที่กุมกระบี่ ท่าทางหนักอึ้ง
กระบี่ของจวงห้วนอวี่รวดเร็วและดุดันเหลือเกิน การต่อสู้เพิ่งจะเริ่มขึ้น เพียงแค่ฟาดฟันสองครา เขาก็รับรู้ได้ถึงพลังที่มหาศาล
บนชั้นสองทยอยมีเสียงชื่นชมดังออกมา
นั่นเป็นการชื่นชมจวงห้วนอวี่
การต่อสู้ในการสอบใหญ่ไม่กี่รอบก่อนหน้านี้ จวงห้วนอวี่มิได้พบกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ฝีมือที่แสดงออกมาจึงธรรมดายิ่ง ไม่เหมือนดังเป็นตัวแทนของคนหนุ่มของบรรดาสำนักในจิงตู จึงถูกผู้คนสบประมาท
ทว่าเขาเคยเอาชนะชีเจียนมาแล้ว จากนั้นจึงฝึกฝนอยู่สำนักเทียนเต้าเงียบๆ ด้วยเหตุนี้ลำดับบนประกาศชิงอวิ๋นจึงอยู่เพียงแค่อันดับที่สิบ นั่นเป็นเพราะเป้าหมายของเขาคือชิวซานจวิน ซ้ำชิวซานจวินยังไม่ได้อยู่บนประกาศชิงอวิ๋น ในความเป็นจริงเขาคิดว่าตนเข้าไปอยู่สามอันดับแรกบนประกาศชิงอวิ๋นได้ เมื่อพบเจอเจ๋อซิ่ว เขาจึงไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย
ความภาคภูมิใจของสำนักเทียนเต้า แน่นอนว่ามคุณสมบัติเพียงพอให้ภาคภูมิใจ
หนุ่มน้อยผู้แข็งแกร่งที่น่าภาคภูมิใจ เผชิญหน้าเฉินฉางเซิง ก็แสดงวิชาที่สูงส่งของสำนักเทียนเต้า นี่แสดงว่าเขาให้ความสำคัญกับเฉินฉางเซิงอย่างยิ่ง และอาจจะกล่าวได้ว่าเขาไม่อยากให้โอกาสใดๆ แก่เฉินฉางเซิง
ท่าร่างของเฉินฉางเซิงรวดเร็วเหลือเกิน เป็นรูปแบบที่ค่อนข้างแปลกประหลาด ถ้าหากเขามีท่าร่างที่สอดคล้องกับพลังการโจมตี เช่นนั้นแล้วไม่แน่ว่าอาจจะคุกคามถึงเขาได้จริงๆ
จวงห้วนอวี่ไม่ให้โอกาสในการโจมตีใดๆ กับเขา ใช้พลังกระบี่ที่ดุดันบีบควบคุมให้เขาอยู่บริเวณกำแพงหิน
นี่เป็นข้อดีของระดับขั้นและพลังในการบดขยี้ของผู้แข็งแกร่ง ก็เหมือนกับลั่วลั่วที่บดขยี้บัณฑิตสำนักต้นไหวก่อนหน้านี้
กระบี่กวัดแกว่งอีกครา และเป็นแสงกระบี่ทำลายอากาศออกไป
เสียงทะลุอากาศดังขึ้นดุดันไม่หยุด
ด้านในหอชำระธุลีเม็ดทรายฟุ้งกระจายขึ้น
ล่องลอยไม่หยุดในแสงกระบี่ ประหนึ่งอสนีบาตก็มิปาน
บนกำแพงหินปรากฏรอยกระบี่ต่อเนื่อง ชัดเจน ลึกลง คล้ายกับว่าช่างฝีมือกำลังแกะสลักพู่กันอยู่บนนั้น
บนพื้นทรายปรากฏรอยเท้าจำนวนมาก บางทีอยู่ทางทิศตะวันตก บางทีอยู่ทางทิศตะวันออก มิได้มีกฎเกณฑ์ตายตัว
เสียงฉั่วะดังขึ้นเบาๆ
เฉินฉางเซิงปรากฏอยู่ใกล้กำแพงหินทีหนึ่ง บนหัวไหล่มีรอยแผลบางๆ เส้นหนึ่ง
แสงกระบี่หลายสิบเส้นมาต่อเนื่อง เขาหลบได้หวุดหวิดเป็นจำนวนมาก สุดท้ายอยู่ในระหว่างเปลี่ยนตำแหน่งหลิ่วเจี่ยง ขับพลังปราณแท้ไม่คล่องพอ ทำให้ช้าไปเพียงเสี้ยววินาที จึงถูกแสงกระบี่ไล่กวดเช่นนี้
จวงห้วนอวี่กุมกระบี่ชี้ไปยังพื้น ท่าทางสง่าผ่าเผยยิ่ง
หากเทียบกับเขาแล้ว เสื้อผ้าเฉินฉางเซิงเต็มไปด้วยเม็ดทราย เป็นรอยแผลบางๆ ก็นับว่าเป็นรอยแผล ด้วยเหตุนี้จึงจนตรอกไปบ้าง
แต่ท่าทางของเขายังคงสงบนิ่ง มองมือขวาที่กุมกระบี่ของจวงห้วนอวี่ ตั้งอกตั้งใจยิ่งนัก
กระบี่แสงชั่วพริบตาเป็นวิชาที่สำคัญของสำนักเทียนเต้า จะต้องใช้พลังปราณแท้เป็นจำนวนมาก ท่าร่างของย่างก้าวหยั่งเทวา เป็นธรรมดาที่ก็ใช้พลังปราณแท้เป็นจำนวนมากเช่นกัน
จวงห้วนอวี่ที่มั่นใจเช่นนี้ อาศัยวิชากระบี่เข้าควบคุมเฉินฉางเซิงโดยตรง ก็เป็นเพราะเขาฝึกฝนด้วยความมุมานะบากบั่น มีพรสวรรค์สูงส่ง ดาวโชคชะตาอยู่ห่างไกล จำนวนพลังปราณแท้หากอยู่ในรุ่นเดียวกันก็นับว่าล้ำเลิศ ในเมื่อได้ทุ่มเทออกไปเช่นนี้ จึงทำให้เฉินฉางเซิงสิ้นเปลืองพลังปราณแท้เสียดื้อๆ อีกทั้งเฉินฉางเซิงก็ไร้หนทางที่จะแก้ไขสถานการณ์เช่นนี้
“อยู่ในระดับนี้หรือ”
เขามองเฉินฉางเซิงเอ่ยออกไป ท่าทางจริงจังยิ่ง มิได้แอบแฝงด้วยการเยาะหยัน ความรู้สึกในดวงตาที่อ่อนล้ามีความผิดหวังอยู่ เพราะว่าเตรียมตัวในการสอบใหญ่ ตั้งแต่การชุมนุมไม้เลื้อยเริ่มขึ้น ทุกวันทุกคืนเขาตรากตรำฝึกฝน ก็เพราะว่าการต่อสู้ในวันนี้ อีกทั้งฝีมือที่แสดงออกมาของเฉินฉางเซิงก็นับว่าไม่เลว แต่กลับยังทำให้เขาไม่พอใจยิ่ง
ลมหายใจของเฉินฉางเซิงถี่ขึ้นเล็กน้อย ใช้ย่างก้าวหยั่งเทวาติดต่อกันรวมถึงเร่งความเร็วให้สูงสุด พลังปราณแท้ในร่างกายที่มีไม่มากก็ใช้หมดแล้ว เพราะว่าพลังจิตใช้คำนวณตำแหน่งดวงดาวและวิชาท่าร่างจึงทำให้อ่อนล้า สิ่งที่ยุ่งยากก็คือ กระบี่ของจวงห้วนอวี่รวดเร็วดุดันเหลือเกิน เขาพยายามเบี่ยงเบนทิศทาง ก็ไม่อาจจู่โจมฝ่ายตรงข้ามได้ หรือว่าในที่สุดก็จะพ่ายแพ้เช่นนี้
เขาไม่อยากพ่ายแพ้ เขาจะต้องเริ่มโจมตี
พอดีกับที่จวงห้วนอวี่เอ่ยประโยคนั้นออกมา เท้าขวาของเขาก็เหยียบบนพื้นทรายข้างหน้า แต่ว่าครั้งนี้ เขาไม่ได้ใช้ย่างก้าวหยั่งเทวา อีกทั้งยังนำพลังทั้งหมดส่งผ่านไปยังเท้า หลังจากคืนนั้นที่พบกับมังกรดำเขาก็ได้รับพลังที่น่าหวาดกลัวอย่างแปลกแปลกประหลาด เพียงชั่วพริบตาก็ทำให้พื้นมีรอยแตกหลายรอย ร่างกายของเขาก็มีเงาไม่สมบูรณ์ร้องคำรามออกมา!
กระบี่ของจวงห้วนอวี่พุ่งออกไปไร้เสียง ทว่าเสียงของแสงกระบี่กลับดังชัดเจนยิ่ง
ระดับความเร็วของเฉินฉางเซิงเวลานี้ยากที่จะจินตนาการได้ ดวงตามองปะทะกับแสงกระบี่นั้น จู่ๆ ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย!
เขานำท่าร่างหยั่งเทวาซุกซ่อนเอาไว้ภายใต้การโจมตี!
ร่างกายหลบอยู่ในทราย เพียงระยะเวลาสั้นๆ เฉินฉางเซิงก็มาถึงด้านหน้าของจวงห้วนอวี่!
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอยู่ใกล้จวงห้วนอวี่เช่นนี้ ใกล้จนสามารถโจมตีฝ่ายตรงข้ามได้
มือซ้ายเขาถือฝัก มือขวากุมด้ามกระบี่ พลันชักกระบี่ออกมา
เวลานี้เอง คิ้วได้รูปของจวงห้วนอวี่ขมวดขึ้นเล็กน้อย ในดวงตาเผยความรู้สึกน่าเวทนาออกมา หมัดหนึ่งยื่นออกไป
มือขวากุมกระบี่ของเขา มือซ้ายอยู่ข้างลำตัว ค่อยๆ สะสมพลังปราณแท้
เห็นหมัดที่ออกไปง่ายๆ ในความจริงแล้วสะสมพลังไว้เป็นเวลานาน
เสียงตึงดังขึ้น คล้ายกับว่าเสียงระฆัง
พลังที่ทรงพลัง ออกไปตามหมัดของเขาโจมตีไปกลางอากาศ คลื่นพลังแผ่กระจายออกไปทุกทิศทุกหทาง
เฉินฉางเซิงถูกโจมตีจนบินออกไป พลิกตัวกลางอากาศหลายรอบ แล้วร่วงหล่นยังที่ไกลออกไปดุจก้อนหิน
เสียงตุบดังขึ้น เขาร่วงหล่นบนพื้นดิน แต่ว่ามิได้ล้มลง เพราะว่าเท้าเปล่าของเขาร่วงอยู่บนพื้นทรายก่อนแล้ว คุกเข่ายองๆ จากนั้นค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
กระบี่สั้นวางราบอยู่เบื้องหน้าเขา คงจะเป็นเพราะกระบี่สั้นด้ามนี้ ช่วยกันพลังหมัดที่เก็บเอาไว้เป็นเวลานานของจวงห้วนอวี่
เขาจับด้ามกระบี่ด้วยสองมือที่สั่นเทาเล็กน้อย ถึงแม้พลังของเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด ปะทะกับการโจมตีที่สะสมพลังปราณแท้จำนวนมากเช่นนี้ ก็คงจะขาดทุนเล็กน้อย
“อยู่ในระดับนี้หรือ”
จวงห้วนอวี่เดินมายังเขา เอ่ยประโยคนี้อีกครา จากนั้นกล่าวต่อ “นี่ช่างทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ”
เพื่อเห็นระดับฝีมือของเฉินฉางเซิง เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่เขาเข้าร่วมการสอบใหญ่
เมื่อเขาอยู่ด้านนอกหอชำระธุลี อยู่ในตำหนักประจักษ์อักษร อยู่ริมคลองฉวี่เจียง อยู่ในป่าด้านนอกหอชำระธุลี เมื่อเห็นภาพที่ลั่วลั่วกับเฉินฉางเซิงอยู่ด้วยกัน เขายิ่งโกรธเคือง จากนั้นพลันสงบ ยิ่งโกรธเคืองยิ่งสงบนิ่ง
เฉินฉางเซิงยืดตัวลุกขึ้น มองเขาพลางเอ่ยว่า “โจมตีข้าให้ล้ม แล้วค่อยมาพูด”
เมื่อเอ่ยประโยคนี้จบ ร่างกายของเขาก็หายไปอีกครา
ทรายในหอชำระธุลีปลิวว่อนขึ้น ประหนึ่งพายุหิมะก็มิปาน
เขาบีบเค้นพลังปราณแท้สุดท้ายออกมา ความรวดเร็วของดวงจิตในการคำนวณทิศทางเร็วจนยากจะจินตนาการได้
อยู่ในธุลีทรายประหนึ่งอยู่ท่ามกลางพายุหิมะ ร่างกายของเขาผลุบๆ โผล่ๆ ประเดี๋ยวอยู่ทางทิศตะวันออก ประเดี๋ยวอยู่ทางทิศตะวันตก
เพียงแค่ชั่วพริบตา บนพื้นก็ปรากฏรอยเท้าถี่ยิบ ดุจดวงดาวเดียรดาษบนท้องฟ้ายามราตรี
เขาเคลื่อนไหวไปตามตำแหน่งดวงดาว วิชาย่างก้าวแปลกประหลาดยิ่ง ยากที่จะคาดคะเน ในเวลาต่อมา ก็ปรากฏอยู่ด้านหน้าจวงห้วนอวี่ โจมตีอย่างสุดพลังเกิด
กระบี่แสงชั่วพริบตาจะรวดเร็วปานไหน จะดุดันอย่างไร ก็ไร้หนทางไล่บี้เฉินฉางเซิงได้
เขาไม่ได้มองกระบี่ของจวงห้วนอวี่ และไม่ได้สนใจสภาพรอบๆ เพียงแค่สนใจออกย่างก้าวหยั่งเทวาของตนเท่านั้น
ย่างก้าวหยั่งเทวาเคลื่อนไหวโดยตำแหน่งดวงดาว หยิบยืมสายลมบดบังร่างกาย มีช่วงเวลาหนึ่ง ที่จะเดินมายังด้านหน้าของจวงห้วนอวี่
มองแล้ว นี่คล้ายกับว่าเป็นการรับมือที่ประณีตล้ำเลิศจริงๆ
แสงกระบี่รูปร่างโค้ง เมื่อต้องการโจมตีเขา กลับเฉียดผ่านไหล่เขาไป
ท่าทางจวงห้วนอวี่แข็งทื่อ กลับมิได้ตึงเครียด
เขามองตำแหน่งทิศทางของเฉินฉางเซิงไม่ชัดเจน คาดคะเนไม่ได้ว่าเวลาต่อมาเฉินฉางเซิงจะปรากฏอยู่ที่ใด
ครั้นเขาจึงหลับตาลง
เขาไม่ได้ใช้พลังจิตเพื่อรับรู้ว่าเฉินฉางเซิงอยู่แห่งใด เพราะถึงแม้จะรับรู้ได้ กระบี่ของเขาก็ออกไม่ทัน
กระบี่แสงชั่วพริบตา ร่วงหล่นจากมือของเขา ปักอยู่บนพื้นทราย โคลงเคลงเล็กน้อย
เขากางมือทั้งสองขึ้น เส้นผมสีดำสยาย พลังปราณแท้ปะทุออกมา
กระบี่แสงชั่วพริบตาที่โคลงเคลงเพียงชั่วพริบตาก็เปลี่ยนเป็นรุนแรงขึ้น!
ฉั่วะ! ฉั่วะ! ฉั่วะ!
เงากระบี่หลายร้อยเส้นออกจากกระบี่พุ่งทะยานออกไป เพียงชั่วพริบตาก็อยู่เต็มช่องว่างทั้งหมดในหอชำระธุลี!
เวลาต่อมา เงากระบี่หลายสายในหอทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ปรากฏเชื่องช้าลง
เฉินฉางเซิงถูกเงากระบี่โจมตี ร่างกายของเขาปะทะกำแพงหิน แล้วร่วงหล่นบนพื้นข้างกำแพง ทำให้เกิดเป็นฝุ่นตลบอบอวล
บนร่างกายเขามีรอยแผลเพิ่มอีกสามแผล โลหิตสดไหลออกมาเชื่องช้า
“ตอนนี้ ข้าโจมตีเจ้าล้มลงแล้ว”
จวงห้วนอวี่ลืมตาขึ้น มองเขาเอ่ยขึ้นอย่างสงบ