เวลานี้ ยังคงไม่ลืมว่าก่อนหน้านี้ตนลืมรองเท้าไว้ เป็นธรรมดาที่จะอธิบายได้ว่าเฉินฉางเซิงชนะแล้ว
อันที่จริง หลังจากนี้จวงห้วนอวี่มิได้ปรากฏออกมา คนที่ปรากฏออกมาก็คือนักบวชของพระราชวังหลี ประการผลสุดท้ายของการต่อสู้สนามนี้
ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของพวกผู้เข้าสอบ เฉินฉางเซิงกำลังถือรองเท้า เท้าที่เปลือยเปล่า ค่อยๆ ก้าวเดินลงบันไดหินเชื่องช้า
เวลานี้ถังซานสือลิ่วได้วิ่งมาอยู่ด้านหน้าเขา พยุงเขา เวลาเดียวกันยื่นมือไปรับรองเท้าใหม่เอี่ยมจากเขามา
เฉินฉางเซิงเอ่ยอย่างเกรงใจ เอ่ยว่า “เกรงใจแล้ว”
เอ่ยว่าเกรงใจ เขากลับมิได้ปฏิเสธการพยุงจากถังซานสือลิ่ว เพราะว่าเขาได้รับบาดเจ็บไม่เบา ถึงแม้อยู่ในหอชำระธุลี ได้รับการรักษาจากแสงศักดิ์สิทธิ์ แต่ว่ายังคงอ่อนล้า
ถังซานสือลิ่วตะโกนออกไป “จากวันนี้เป็นต้นไป ข้าก็คงจะมีคุณสมบัติในการถือรองเท้าให้เจ้า เช่นนี้จะไม่รีบประจบได้อีกรึ”
นี่เป็นสุภาษิตที่โด่งดังในต้าโจว
ถังซานสือลิ่วตะโกนออกไปด้วยความหดหู่ใจ ในดวงตากลับเต็มไปด้วยความยินดี
เวลานี้เซวียนหยวนผ้อกับลั่วลั่วก็ออกมาต้อนรับ
ในหอชำระธุลี
จวงห้วนอวี่นอนอยู่บนแคร่ ไหล่ขวาลู่ลง มีโลหิตท่วมครึ่งท่อน ปิดดวงตา ริมฝีปากสีขาวเทาสั่นเล็กน้อย กำหมัดไว้แน่น
ในห้องชั้นสองก็สงบนิ่งอย่างยิ่ง พวกผู้ยิ่งใหญ่เงียบนิ่งมิได้เอ่ยสิ่งใด ไม่รู้ว่าควรจะประเมินการต่อสู้สนามนี้อย่างไร
การต่อสู้ในการสอบใหญ่ได้สิ้นสุดไปแล้วหลายสนาม เฉินฉางเซิงกับจวงห้วนอวี่มิใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ระหว่างพวกเขาก็มิใช่การต่อสู้ที่ดุเดือดที่สุด ถ้าหากต้องการเอ่ยว่าดุเดือดจนถึงขนาดน่าเวทนา และยังมีการต่อสู้ที่เงียบสงบระหว่างเจ๋อซิ่วกับกวนเฟยไป๋ เช่นเดียวกัน การต่อสู้สนามนี้ก็มิใช่การต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุด การต่อสู้ระหว่างชีเจียนกับเหลียงปั้นหูแห่งหลีซานถึงจะเรียกว่ายอดเยี่ยม
ทว่าการต่อสู้สนามนี้พลิกกลับไปกลับมา คิดไม่ถึงว่าเฉินฉางเซิงจะนั่งถอดจิตปฐมภูมิอีกครา ทะลวงขั้นขณะอยู่ในสนาม เวลาเดียวกันก็ทำลายความสามารถอันแน่วแน่ไร้ที่เปรียบของจวงห้วนอวี่ เป็นสิ่งตอบแทนที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง
ด้านนอกหอชำระธุลี สายตาของทุกคนต่างทอดมองไปยังข้างชายป่า เงียบเชียบทั้งผืน
ผู้คนต่างไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเฉินฉางเซิงถึงชนะ ก่อเกิดเป็นการคาดเดามากมาย จึงเพิ่มความตกตะลึง
จวงห้วนอวี่เป็นความภาคภูมิใจของสำนักเทียนเต้า เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดของบรรดาสำนักในจิงตู แม้แต่เขาก็ไร้หนทางจะให้เฉินฉางเซิงหยุดย่างก้าวลงได้ หรือว่าเรื่องที่ใต้เท้ามุขนายกได้ประกาศในพระราชวังหลีวันนั้นจะกลายเป็นเรื่องจริง หรือว่าเฉินฉางเซิงจะเอาอันดับแรกประกาศแรกได้จริงๆ
ลำน้ำที่ไหลริน ลูกศิษย์พรรคกระบี่หลีซานอยู่ข้างลำคลองเงียบนิ่งเป็นเวลานาน
กวนเฟยไป๋จ้องมองเฉินฉางเซิงที่ถูกลั่วลั่วประคองไปนั่งพิงอยู่ใต้ต้นหยาง เอ่ยอยากจนปัญญา “เขามีชื่อจริงๆ ที่จริงแล้วเป็นเรื่องจริง”
“ทางด้านการฝึกบำเพ็ญเพียรและการต่อสู้ เฉินฉางเซิงมิใช่ว่าเป็นคนมีชื่อเสียง ยิ่งมิใช่คนที่มีโชคดี ด้วยเหตุนี้ นี่ถึงเรียกว่ายิ่งยอดเยี่ยม”
โก่วหานสือจ้องมองเฉินฉางเซิงที่หลับตาพิงอยู่ต้นหยาง เงียบนิ่งครุ่นคิด หนุ่มน้อยที่ฝึกบำเพ็ญเพียรและต่อสู้ไม่เป็น ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือน ก็สามารถพัฒนาไปถึงระดับนี้ เขาทุ่มเทเวลาและจิตใจไปมากมายเพียงใด เอ่ยว่าตนไม่เคยแผดเผาชีวิตมาก่อน เพียงแค่ต้องการอันดับแรกประกาศแรกของการสอบใหญ่ เช่นนี้คุ้มค่าแล้วหรือ
ความเงียบสงบของด้านนอกหอชำระธุลี ถูกเสียงไอจากข้างชายป่าทำลาย
เฉินฉางเซิงพิงต้นหยาง ไอออกมาต่อเนื่อง คล้ายกับว่าทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง ตามเสียงการไอทุกครั้ง รอยบาดเจ็บที่หน้าอกก็จะปริแตกออก มีโลหิตไหลซึมออกมา
การเมินเฉยที่มีต่อความตาย เขายากที่จะเอาชนะจวงห้วนอวี่ แต่เขาทุ่มเทสิ่งแลกเปลี่ยนอันยิ่งใหญ่ ชัดเจนยิ่งนัก ก่อนที่การสอบใหญ่สิ้นสุดลง อาการบาดเจ็บของเขาก็ยังไม่ดีขึ้น
ลั่วลั่ววุ่นวายพันแผลให้เขา ถังซานสือลิ่วอาศัยการบอกจากเขา หายาในห่อยา
เซวียนหยวนผ้อยกน้ำสะอาดมาถ้วยใหญ่ ถังซานสือลิ่วหายาที่เฉินฉางเซิงต้องการพบพอดี
เฉินฉางซิงอาศัยน้ำสะอาด แล้วกลืนยาเข้าไป จากนั้นหลับตาด้วยความเมื่อยล้า กำหนดลมปราณต่อ
ลั่วลั่วเห็นสีหน้าขาวซีดของเขา รู้สึกอดไม่ได้ อยากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง สุดท้ายแล้วกลับมิได้เอ่ยอะไรออกมา
ตามอาการบาดเจ็บและสภาพของเฉินฉางเซิงตอนนี้ ไม่ต้องเอ่ยว่าหลังจากนี้จะต้องพบกับโก่วหานสือ แม้เป็นเพียงผู้เข้าสอบที่เข้าร่วมการสอบใหญ่ผู้ใดก็ตาม ล้วนแต่เอาชนะเขาได้ง่ายดาย
แต่ว่านางไร้หนทางพูดเกลี้ยกล่อมไม่ให้ต่อสู้ต่อไป
ถังซานสือลิ่วกับเซวียนหยวนผ้อก็เอ่ยสิ่งใดไม่ออก
ถึงแม้ก่อนหน้านี้อยู่ในหอชำระธุลี นักบวชพระราชวังหลีมองอาการบาดเจ็บที่อยู่บนร่างกายเขาก็ทนไม่ได้ที่จะให้เขาถอนตัวในการแข่งขัน
ใช่แล้ว ไม่ทนในที่นี้ ก็คือทนไม่ได้ที่จะเห็นเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในการต่อสู้อีกต่อไป อีกทั้งทนไม่ได้ที่เห็นเขามาถึงขณะนี้ กลับหยุดการต่อสู้
เฉินฉางเซิงไม่หยุดการต่อสู้ การต่อสู้ในการสอบใหญ่ก็คงไม่หยุดพักเพียงเพราะอาการบาดเจ็บของเขา
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป โก่วหานสือเข้าไปในหอชำระธุลี เหมือนก่อนหน้านี้หลายสนาม เอาชนะคู่ต่อสู้อย่างสงบนิ่งประหนึ่งสายฝนฤดูใบไม้ผลิที่ทำให้สิ่งของชุ่มฉ่ำ หญิงสาวเทือกเขาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้น
สิ่งที่ทำให้คนของสำนักฝึกหลวงรู้สึกว่าไม่สงบนิ่งก็คือ ถึงแม้มาถึงขั้นตอนสุดท้าย คู่ต่อสู้ของโก่วหานสือยังคงไม่ได้รับบาดเจ็บ
การควบคุมที่สมบูรณ์แบบเป็นความหมายว่ามีพลังสมบูรณ์อย่างยิ่ง หลังจากเทียนไห่เซิ่งเสวี่ยถอนตัวจากการแข่งขัน ความห่างชั้นระหว่างโก่วหานสือกับผู้เข้าสอบคนอื่นทำให้ผู้คนต่างรู้สึกสิ้นหวังยิ่งนัก
สำนักฝึกหลวงจึงทำได้เพียงนำความคาดหวังมอบให้แก่เจ๋อซิ่ว
หนุ่มน้อยเผ่าสุนัขป่าอยู่ในประกาศชิงอวิ๋นอันดับที่สาม ตามการจับฉลากก่อนหน้านี้ ถ้าหากเอาชนะคู่ต่อสู้รอบนี้ ก็จะต้องพบกับโก่วหานสือ
ในความเป็นจริง ผู้เข้าสอบที่อยู่ในสนาม ก็คงมีเพียงแค่เขากับลั่วลั่วที่สามารถคุกคามโก่วหานสือได้ ลั่วลั่วไม่อาจพบเจอกับโก่วหานสือ เขาก็เป็นตัวเลือกหนึ่งในนั้น
คู่ต่อสู้รอบนี้ของเจ๋อซิ่ว เป็นนายทหารหนุ่มน้อยของสำนักเด็ดดารา
เขาไม่ได้เดินไปในหอชำระธุลีตรงๆ แต่ว่าเดินไปยังชายป่า
พวกผู้เข้าสอบที่มองเห็นภาพฉากนี้ คิดโยงไปถึงตอนที่ถังซานสือลิ่วไปหาเจ๋อซิ่วก่อนหน้านี้ อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ ที่จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เจ๋อซิ่วเดินไปยังข้างชายป่า ใบหน้าไร้ความรู้สึกมองถังซานสือลิ่วเอ่ยว่า “เงิน”
ได้ยินคำนี้ ท่าทางลั่วลั่วกับเซวียนหยวนผ้อเปลี่ยนไปเล็กน้อย เพิ่งจะเชื่อว่าคำพูดของถังซานสือลิ่วเป็นเรื่องจริง
แม้แต่เฉินฉางเซิงยังเบิกตากว้าง
เดิมที หนุ่มน้อยเผ่าสุนัขป่าที่โดดเดี่ยวเลือดเย็นขึ้นชื่อผู้นี้ คิดไม่ถึงว่าเป็นคนที่ต้องการเงินจนจะตายแล้ว
ถังซานสือลิ่วรับรู้ความรู้สึกนี้เด่นชัด เอ่ยเสียงต่ำด้วยความโมโห “คู่ต่อสู้เช่นนี้เจ้ายังจะเอาเงินอีกหรือ”
เจ๋อซิ่วยังคงใบหน้าไร้ความรู้สึก จ้องมองจนขนาดว่าเฉื่อยชา เอ่ยถาม “เพราะเหตุใดเอาไม่ได้”
“เจ้าเอาชนะได้เป็นแน่มิใช่รึ” ถังซานสือลิ่วโมโหเอ่ยออกมา “ข้าไม่ให้เงินเจ้า หรือเจ้าเอาชนะเจ้าเด็กผู้นั้นไม่ได้?”
เจ๋อซิ่วครุ่นคิด ตอบว่า “แต่เจ้าต้องการให้ข้าต่อสู้กับโก่วหานสือ”
ถังซานสือลิ่ว เอ่ยว่า “สนามหน้าพวกเราค่อยคุยเรื่องราคากัน”
เจ๋อซิ่วส่ายศีรษะเอ่ยว่า “ต้องการต่อสู้กับโก่วหานสือ ข้าจะต้องเอาชนะสนามนี้ ด้วยเหตุนี้สนามนี้เจ้าจะต้องเอาเงินให้ข้า”
ถังซานสือลิ่วมองเขาเหมือนกับมองเห็นสัตว์ประหลาด พบว่าเขาไม่เปลี่ยนความตั้งใจ จึงทำได้เพียงยอมแพ้ ล้วงธนบัตรในแขนเสื้อยื่นส่งให้เขา
เจ๋อซิ่วมองธนบัตร ตัวเลขบนนั้นทำให้เขาพึงพอใจยิ่งนัก เขาจึงพยักหน้า เอ่ยว่า “ข้าจะต่อสู้ให้ดีๆ เลย”
เมื่อเอ่ยประโยคนี้จบ เขาออกมาจากข้างชายป่า เดินออกไปจากหอชำระธุลี
ลั่วลั่วเบิกตาขึ้น จ้องมองเฉินฉางเซิงเอ่ยถาม “เช่นนี้ก็ได้รึ”
เซวียนหยวนผ้อจ้องมองภาพด้านหลังที่โดดเดี่ยวของเจ๋อซิ่ว ถอนลมหายใจออกมา “เช่นนี้ก็ได้รึ”