ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา – ตอนที่ 186 คนเปิดสวน

ชิวซานจวินไม่ได้เข้าร่วมการสอบใหญ่ปีนี้ ไม่ใช่เพราะสัญญาสมรสที่เฉินฉางเซิงเอามาไว้บนโต๊ะ ไม่ใช่เพราะจดหมายของสวีโหย่วหรงที่การชุมนุมไม้เลื้อย ไม่ใช่เพราะคำวิพากษ์วิจารณ์จากผู้คน สาเหตุของเขาไม่ได้เกี่ยวกับอารมณ์ความรักหนุ่มสาว ทว่าเป็นเพียงเพราะเขาต้องไปทำภารกิจสำคัญเรื่องหนึ่ง

ชิวซานจวินไม่ปรากฏกายต่อหน้าผู้คนมาเป็นระยะเวลาหลายเดือน รวมถึงบรรดาสานุศิษย์พรรคกระบี่หลีซานของโก่วหานสือด้วย พวกเขารู้ว่าบนโลกใบนี้กำลังจะเกิดอะไรขึ้น…การสมรสเชื่อมความสัมพันธ์เหนือใต้ ตระกูลชิวซาน พรรคกระบี่หลีซาน พร้อมคณะฑูตทางใต้มาสู่ขอที่จวนขุนพลเทพตงอวี้นครจิงตู…ที่สวีโหย่วหรงไม่รู้เรื่องนี้เป็นเพราะเทือกเขาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ปกปิดแบบไม่ตั้งใจหรือจงใจ แต่เขากลับไม่รู้จริงๆ

ทอดสายตามองเอกสาร เฉินฉางเซิงยิ่งมายิ่งเงียบขรึม

ชิวซานจวินไปสถานที่หนึ่งนามว่าสวนโจว

เฉินฉางเซิงไม่รู้ว่าสวนโจวคือที่ใด ทำได้แค่คาดเดาจากการพรรณนาในเอกสาร สวนโจวอาจจะเป็นโลกใบเล็กๆ แห่งหนึ่ง หรือเป็นซากสถานที่ปรักหักพัง เหมือนพระราชวังแห่งหนึ่งในโลกใบไม้ครามของใต้เท้าสังฆราช สวนโจวจำกัดคนเข้าออกอย่างเข้มงวด เงื่อนไขคือต้องอยู่ภายใต้ขั้นรวบรวมดวงดาวเท่านั้น

เป็นเพราะสาเหตุบางอย่าง สวนโจวมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เป็นสถานที่ซึ่งเหล่ามนุษย์และเผ่ามารต่างแย่งชิง เพียงแต่นอกจากรุ่นแรกที่เคยครอบครอง สวนโจวยังไม่เคยตกอยู่ในการควบคุมของคนที่สองอย่างแท้จริง

เคราะห์ดีที่หลังจากผู้บุกเบิกรุ่นก่อนของสวนโจวหายตัวไป อย่างไรก็ตาม สวนโจวไม่ได้ถูกปิดลงในเวลานั้น แต่ใช้จังหวะเวลาที่ตั้งค่าไว้ จะเปิดปิดทุกสิบปี

ก่อนสวนโจวจะเปิดอย่างทางการ ช่องว่างระหว่างฟ้าดินจะเกิดปรากฏการณ์พิลึกพิสดารขึ้น กำแพงศิลาโดยรอบจะเลือนราง ภายในเวลาช่วงนั้น ไม่ว่าจะเป็นเหล่ามนุษย์หรือเผ่ามาร เพียงแค่สามารถหาประตูใหญ่ที่เหลือไว้ของรุ่นก่อนเจอ แล้วเอากุญแจของประตูใหญ่บานนั้นออกมาได้ ก็จะสามารถควบคุมสวนโจวถึงสิบปี

แน่นอนว่า ถ้าเหล่ามนุษย์และเผ่ามารไปถึงจุดนั้นไม่ได้ สวนโจวจะปิดลงอีกครั้ง หายไปจากช่องว่างที่ไม่สามารถหยั่งความลึก รอคอยอีกสิบปีที่กำลังจะมาถึงอย่างเงียบๆ

เป็นระยะเวลาหลายปีแล้วที่สวนโจวไม่ได้ถูกเหล่ามนุษย์หรือเผ่ามารควบคุม

ครั้งที่แล้วที่สวนโจวถูกเปิด มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน

ปีนี้เป็นปีที่สวนโจวจะเปิดอีกครั้ง นักปราชญ์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าติดตามความเคลื่อนไหวเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา พวกเขาและบรรดาหัวหน้ามารที่น่าเกรงขามของเมืองเสวี่ยเหล่า เป็นกลุ่มคนแรกที่สังเกตปรากฏการณ์ผิดแผกแปลกพิศวงของฟ้าดิน จึงส่งผู้เปิดสวนออกไปอย่างรีบเร่ง

หลายร้อยปีที่ผ่านมา เวลาประจำในการเปิดของสวนโจว ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อแบบแผนของโลก ทว่าเหล่าผู้มีอิทธิพลที่เข้าใจประวัติศาสตร์ของสวนโจวอย่างแจ่มแจ้งรวมถึงล่วงรู้ว่าด้านในมีอะไร ไม่กล้ามองข้ามแน่นอน ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่กล้าเชื่ออย่างมั่นใจ หากเกิดมีใครสักคนหาบางอย่างในสวนโจวเจอ จะนำพาอะไรมาให้โลกนี้

เป็นเพราะสาเหตุเหล่านี้ การเปิดของสวนโจว รวมถึงข่าวสารของตำแหน่งใกล้เคียง แน่นอนว่าต้องเป็นความลับ นอกจากผู้มีอิทธิพลอย่างนักปราชญ์ทั้งห้าและหัวหน้าพรรคฉางเซิง คงมีแค่ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงได้ทราบ

คนนับร้อยล้านคนที่อาศัยอยู่บนต้าลู่ก็ไม่มีใครรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ตอนนั้นจิงตูยังรอคอยการประชุมของการชุมนุมไม้เลื้อย เฉินฉางเซิงในตอนนั้นยังปวดหัวกับเรื่องมีประตูใหม่ผุดขึ้นกะทันหันที่กำแพงสำนัก

ในเมื่อสวนโจวมีความสำคัญ ผู้เปิดสวนสองฝ่ายซึ่งเป็นศัตรูของต้าลู่แน่นอนว่าต้องไม่ใช่ชนชั้นสามัญ เผ่ามารส่งหนุ่มสาวที่แข็งแกร่งไปจำนวนมาก ทว่าหลังการระดมความคิด นักปราชญ์ทั้งห้ากลับส่งไปแค่คนเดียว

คนผู้นั้นคือผู้ที่เหล่ามนุษย์และเขตแดนปีศาจต่างเห็นพ้องต้องกันว่าเป็นหนึ่งในขั้นรวบรวมดวงดาว ชิวซานจวิน

นักปราชญ์ทั้งห้าวางแผนอย่างรอบคอบไร้ข้อบกพร่อง ชิวซานจวินก็ไม่ทำให้ผิดหวังอย่างที่คิดอีกครั้ง เขาประสบความสำเร็จในการชิงหาประตูใหญ่ของสวนโจวเจอก่อนเผ่ามาร นำกุญแจออกมา ทำให้มั่นใจว่าสวนโจวในอีกสิบปีจะเป็นของมวลมนุษย์

นี่คือสาเหตุที่ชิวซานจวินไม่สามารถเข้าร่วมการสอบใหญ่ได้

……

……

เอกสารที่สวีซื่อจีเอาให้เฉินฉางเซิงดู แน่นอนว่ามิได้มีการอธิบายถึงสวนโจวอย่างละเอียด แต่เฉินฉางเซิงตระหนักถึงความสำคัญของสวนโจวอย่างแจ่มแจ้ง เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่า ที่เหล่ามนุษย์สามารถหาเจอประตูและนำกุญแจกลับมาได้ก่อนเผ่ามารนั้น นอกจากชิวซานจวินที่มีความเก่งกล้าสามารถเกินไปแล้ว ยังมีสาเหตุที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ซึ่งสาเหตุนั้นมีความเกี่ยวข้องกับตัวเขา

เมื่อหลายเดือนก่อน มียอดฝีมือของเผ่ามารผู้หนึ่งตามลอบฆ่าลั่วลั่วที่สำนักฝึกหลวง ถูกเฉินฉางเซิงกันไว้ เผ่ามารผู้นั้นภายหลังถูกเซวียสิ่งชวนจับได้ มันรับการลงทัณฑ์ที่โหดเหี้ยมทารุณของใต้เท้าโจวทงไม่ไหว เปิดเผยข่าวสารบางอย่าง ทำให้ราชสำนักต้าโจวขุดรากองค์กรสายสืบหนึ่งที่อยู่ภายใต้การควบคุมขององค์กรชุดดำ ในขณะเดียวกันก็พบเบาะแสเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับสวนโจว ชิวซานจวินจึงเดินตามร่องรอยเบาะแสดังกล่าว ในที่สุดก็ถึงก่อนคนของเสวี่ยเหล่า

เฉินฉางเซิงไม่รู้เรื่องพวกนี้ ทั้งไม่รู้ว่าชิวซานจวินประสบพบเจอความยากลำบากและบททดสอบขนาดไหน เขาทำได้แค่จินตนาการผ่านตัวอักษรของข่าวสารที่เรียบง่ายในเอกสารว่า ชิวซานจวินได้ทำอะไรลงไปบ้าง ยิ่งคิดยิ่งเงียบขรึม บังเกิดอารมณ์ชื่นชมคนผู้นี้ทั้งที่ไม่เคยพบปะสนทนาเพียงแต่มองอยู่ไกลๆ

“สละสิทธิ์การสอบใหญ่ เพื่อความสงบสุขของมวลมนุษย์ ตอนที่ข่าวสารเรื่องนี้กระจายไปทั่วต้าลู่ เจ้าคิดว่าอันดับหนึ่งของขั้นหนึ่งของเจ้า ต่อหน้าเขาแล้ว ยังเหลือสีสันเท่าไร?”

เสียงเย็นชาของสวีซื่อจีทำลายความสงัดเงียบของบรรยากาศ

เฉินฉางเซิงวางเอกสารกลับไปไว้ที่โต๊ะ คิดเงียบๆ ปราศจากคำพูด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เพราะเหตุใดถึงยังต้องมีมื้อครอบครัวมื้อนี้

“ข้าไม่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกว่าชิวซานจวิน และไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่ ข้าก็ไม่ใช้เหตุผลที่ว่าข้าต้องเก่งกว่าเขา ถึงจะมาถอนการสมรส”

เขามองสวีซื่อจีและฮูหยินสวี กล่าว “ข้าถอนการสมรส เพราะอยากถอนการสมรสจริงๆ เพียงแต่ว่าตั้งแต่แรกก็ไม่มีใครเชื่อ ตอนนี้ก็ยังคงไม่เชื่อ”

ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ เรื่องนี้ยังคงต้องทำ

เฉินฉางเซิงทำความเคารพคู่สามีภรรยาสวีซื่อจี แล้วหันหลังเดินออกไปข้างนอก

สัญญาการสมรสฉบับเก่าที่ถูกสวมปลอกด้วยซองจดหมายใหม่ นอนราบอยู่บนโต๊ะอย่างเงียบๆ

ประตูศิลาหน้าสวน ซวงเอ๋อร์ยืนอยู่ใต้ต้นไผ่ จ้องมองแผ่นหลังของเขา ยื่นมือหมายจะรั้งเขาเพื่อถามอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ออกเสียง มือค่อยๆ วางลงไป

……

……

สิ่งที่ทำให้เฉินฉางเซิงตกตะลึงคือ เมื่อเขากลับถึงสำนักฝึกหลวง เผลอสะดุดตาสังเกตเห็นหนังสือสัญญาสมรสฉบับนั้นวางอยู่บนโต๊ะที่หอตำราอย่างกะทันหัน ไม่คาดคิดว่ามันกลับมาเร็วกว่าตัวเขาอีก

“นี่…มันเกิดอะไรขึ้น?” เขารับหนังสือสมรสที่ถังซานสือลิ่วยื่นมาให้ รู้สึกงงเป็นไก่ตาแตก

ถังซานสือลิ่วกล่าว “ไม่ใช่เจ้าหรือที่ควรจะเป็นคนอธิบายว่ามันเกิดอะไรขึ้น? เพราะเหตุใดจวนขุนพลเทพตงอวี้ถึงส่งหนังสือสมรสกลับมา? เจ้าคิดจะถอนการสมรสจริงหรือ?”

เฉินฉางเซิงเงียบไปพักหนึ่ง ค่อยกล่าว “คืนนี้ข้าเพิ่งไปถอนการสมรสมา”

ถังซานสือลิ่วตกใจเล็กน้อย ถาม “เพราะเหตุใดถึงอยากถอนการสมรส? หรือคิดว่าสวีโหย่วหรงไม่คู่ควรกับเจ้า?”

เฉินฉางเซิงไม่ได้ตอบคำถามนี้ หยิบหนังสือสมรสแล้วหันหลังเดินออกไปข้างนอก

เขาเตรียมตัวจะไปพระราชวังหลี

ในเมื่อจวนขุนพลเทพตงอวี้ไม่ยอมยกเลิกสัญญาการสมรส ก็คงต้องไปรบกวนใต้เท้าสังฆราช

ผู้แก้เงื่อนไขสัญญาสมรส ย่อมต้องเป็นผู้ที่ผูกสัญญาสมรส

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ตลอดชีวิตของ เฉินฉางเซิง นั้นเต็มไปด้วยความลึกลับ เริ่มต้นจากกลิ่นหอมประหลาดที่แผ่กำจายออกมาจากตัวทำให้เหล่าสิ่งมีชีวิตเกิดความหิวกระหาย ตามมาด้วยร่างกายที่อ่อนแอเสียจนทำให้ไม่อาจบำเพ็ญเพียรได้ สุดท้ายจบลงที่อาการป่วยที่ทำให้ชีวิตของเขามิอาจยืนยาว ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาเขาทำได้แค่ท่องตำราจำนวนหลายพันเล่ม แม้จะรู้ว่าอาการป่วยมิอาจรักษา บางทีมันจะเป็นโชคชะตา แต่เขาก็อยากจะท้าทายลิขิตฟ้านี้ดูสักครั้ง เขามิใช่คนเก่ง แต่เขาอยากลอง และนั่นคือจุดเริ่มต้นเส้นทางการพลิกโชคชะตาของเขา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset