(ตอนหน้าเป็นตอนสุดท้ายของภาคพิเศษแล้วครับ แต่เดี๋ยวจะมีตอนไว้พูดคุยหลังจบกันด้วย เพราะงั้นอ่านตอนสุดท้ายให้จบก่อนแล้วมาคุยกันนะครับ พอดีผมมีเรื่องอยากพูด5555)
(แล้วก็มังงะเจอกันวันพรุ่งนี้ตอนเย็นนะครับ)
——————————————————————————–
หลังจากนั้นลิลิธจังก็ค่อยๆเล่าเรื่องของตัวเองให้ผมฟังทีละน้อย
เรื่องเกี่ยวกับพ่อแม่ของเธอ เรื่องของครอบครัวของเธอ
เรื่องที่ว่าในตระกูลนั้นมีเพียงแค่ท่านทวดเท่านั้นที่ใจดีกับเธอด้วย
จริงๆแล้วเองเธอก็อยากจะสนิทกับคุณซิลเวียอยู่เหมือนกัน
แต่มันก็อดไม่ได้อยู่ดีที่จะต้องเอาตัวเองมาเปรียบเทียบกับคุณซิลเวีย
ที่มีพ่อแม่คอยมอบความรักให้
แม้ว่าเธอจะพยายามอย่างหนักและเข้าเรียนสถาบันเวทย์มนตร์ที่ดีที่สุดได้
แต่คุณแม่ของเธอก็ไม่แม้แต่จะมาในพิธีเข้าเรียนเลย
การจะหาเพื่อนในสถาบันเวทย์มนตร์นั้นก็เป็นเรื่องที่ยากมากเช่นกัน
“โอคุงคนนั้นน่ะ เป็นเพื่อนร่วมชั้นน่ะนะ แต่ผลการเรียนของเขาไม่ค่อยจะดีซักเท่าไหร่ แล้วลิลิธก็ได้ยินข่าวลือมาว่าเขาอาจจะต้องถูกไล่ออก ลิลิธก็เลยไปติดต่อทำข้อตกลงกับเขาไว้ว่าถ้ามาที่หมู่บ้านด้วยกันในฐานะคู่หมั้นปลอมๆของลิลิธล่ะก็ ลิลิธก็จะเขียนวิทยานิพนธ์เพื่อใช้เลื่อนชั้นให้ แล้วพอบอกเขาไปด้วยว่าไม่จำเป็นที่จะต้องจดทะเบียนสมรสกันจริงๆ เขาก็ยอมรับข้อตกลงในทันทีเลยน่ะนะ”
“งี้นี่เอง ถ้างั้นก็แปลว่าการเลื่อนชั้นนี่มันก็เป็นเรื่องยากจริงๆล่ะสินะ”
หลังจากครุ่นคิดอยู่ซักพัก ผมก็ได้ถามลิลิธจังออกไปด้วยความระมัดระวัง
“เมื่อกี้นี้…ถึงจะบอกไปว่าจะเขียนวิทยานิพนธ์แทนให้ทั้ง 3 อย่างก็เถอะ แต่นั่นน่ะจะไหวแน่เหรอ?”
ผมคิดว่าผมมีส่วนที่ต้องรับผิดชอบเรื่องนั้นด้วย
แต่ก็แอบรู้สึกผิดนิดหน่อยนะเนี่ย
ว่าถ้าทำให้ลิลิธจังต้องพยายามหนักมากเกินไปจะทำยังไงดีน่ะ
แต่ว่าลิลิธจังก็ได้ส่ายหัวด้วยใบหน้าที่ดูสดชื่น
กลับกันกับความกังวลของผมเลยล่ะ
“อืม…สำหรับเรื่องที่คุยกันเมื่อกี้น่ะ ถือว่าช่างมันไปก็แล้วกัน เพราะว่าลิลิธจะไปบอกกับท่านทวดว่าลิลิธกับโอคุงไม่ได้เป็นคู่หมั้นกันจริงๆ และก็จะไม่รับมรดกแล้วด้วยล่ะ”
“เอ๊ะ จะไม่รับงั้นเหรอ?”
ลิลิธจังเงยหน้าของมองมาที่ผม
สีหน้าของเธอดูสดใสมากราวกับว่าเธอได้สลัดอะไรบางอย่างออกไปแล้ว
“อื้ม ไม่เป็นไรหรอก พอได้คุยกับคุณพี่แล้วมันทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นแล้วล่ะ….ตอนนี้เลยอยากจะลองพยายามทั้งเรื่องของปะป๊า หม่าม๊าหรือเรื่องของตัวเองดูอีกซักครั้งแล้วล่ะ”
“งั้นเหรอ”
“เอาเถอะ แต่สัญญากับโอคุงก็ต้องเป็นสัญญาอยู่ดีล่ะนะ ยังไงตอนกลับไปก็ต้องเขียนแทนให้อยู่ดีแหละ แต่ก็นะ แรกเริ่มเดิมทีแล้วที่สถาบันน่ะถึงจะเขียนวิทยานิพนธ์ไป แต่ถ้าคะแนนสอบแต่ละครั้งไม่ตรงตามที่เกณฑ์กำหนดไว้ยังไงก็เลื่อนชั้นไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละนะ แต่ว่าโอคุงน่ะ จะตั้งใจเรียนให้สอบผ่านได้รึเปล่าน้า?”
“ถึงจะแค่เคยได้ยินมาบ้างก็เถอะ แต่ที่สถาบันเวทย์มนตร์นี่เข้มงวดจริงๆแฮะ ถ้าผมไปลงทะเบียนเรียนบ้างล่ะก็ คงจะได้เป็นนักเรียนใหม่ไปตลอดชาติแหงๆ”
ผมยิ้มอย่างมีเลศนัย
เพราะที่เมืองคาสซานดร้าน่ะไม่มีโรงเรียนอยู่เลย
ผมก็เลยสังสัยว่าที่สถาบันเวทย์มนตร์เป็นยังไงอยู่หรอกนะ…
แต่เท่าที่ดูแล้วที่นั่นคงจะกลายเป็นที่ที่ผมคงจะต้องอยู่ไปตลอดกาลแหงเลย
แต่พอลิลิธจังได้ยินคำพูดนั้นของผม
ลิลิธจังหันมามองหน้าผมด้วยแววตาที่เป็นประกาย
“อะ อะไรนะ? คุณพี่สนใจสถาบันเวทย์มนตร์งั้นเหรอ?”
“หืม? จะว่าสนใจมันก็สนใจอยู่หรอกนะ…”
“ถะ ถ้าคุณพี่สนใจล่ะก็ ให้ลิลิธเขียนจดหมายแนะนำให้เลยดีมั้ย? ถ้าเป็นคุณพี่ล่ะก็ ให้ลิลิธทำงานทุกอย่างให้แทน ตั้งแต่เลื่อนชั้นยันจบการศึกษาเลยดีมั้ยนะ? เดี๋ยวเรื่องการสอบลิลิธก็จะช่วยทำอะไรซักอย่างให้เองก็แล้วกันนะ?”
“เอ๊ะ ไม่ต้องหรอกๆ ผมเองก็ขอบคุณความรู้สึกนั้นอยู่หรอกนะ แต่อายุของผมน่ะมันไม่น่าจะเหมาะกับการเข้าไปเรียนแล้วใช่มั้ยล่ะ? แถมค่าใช้จ่ายตอนเข้าเรียนครั้งแรกก็สูงมากเลยด้วยนี่?”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ! พวกนักเรียนใหม่ที่อายุเยอะกว่าคุณพี่น่ะก็มีถมเถไปนะรู้มั้ย!? แล้วก็เรื่องค่าธรรมเนียมเข้าเรียนกับค่าเล่าเรียนน่ะ ลิลิธจะจ่ายให้เอง! …อ๊ะ แต่เดี๋ยวก่อนนะ? ถ้าคุณพี่ลงทะเบียนเข้ามาเป็นนักเรียนใหม่ในปีนี้ ชั้นปีของลิลิธกับคุณพี่ก็จะไม่ตรงกันน่ะสิ….อ๊ะ! ถ้าอย่างงั้นก็แค่ให้ลิลิธซ้ำชั้นในปีนี้ก็พอแล้วนี่นา! ถ้าเป็นแบบนั้นเราก็จะได้อยู่ชั้นเดียวกันแล้วสินะ?”
“เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆก่อนสิ!?”
ผมพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะเบรกลิลิธจัง
ที่กำลังพุ่งเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็วไว้
จะว่าไปแล้ว นี่มันใกล้กันเกินไปแล้วนะเนี่ย
เพราะลิลิธจังพูดเสียงดังและขยับเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ
ดังนั้นผมจึงต้องทำให้เธอสงบลงซะก่อน
ผมจึงใช้จังหวะนี้ถอยห่างออกไปที่ละน้อย
แต่แล้วผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้น
ผมกับลิลิธจังหันหน้าเข้าไปทางเสียงนั้น
“ฮุฮุฮุ…ทั้งสองคนเนี่ย ในระหว่างที่พวกเราไม่อยู่ก็สนิทกันขึ้นมากเลยน้า~♡ ถ้าซิลเวียมาเห็นก็คงหึงแย่เลยไม่ใช่รึไงเนี่ย?”
“คิยาโนต!”
ใช่แล้ว คนที่อยู่ตรงนั้นก็คือคุณคิยาโนตล่ะ
ลิลิธจังหน้าแดงจากคำพูดหยอกล้อนั้นของเธอและก็เรียกชื่อเธอออกไป
คุณคิยาโนตไม่ได้สวมชุดเจ้าสาว
แต่สวมกางเกงสีดำและเสื้อหนัง ข้างในเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว
มีเศษใบไม้กับสิ่งสกปรกติดอยู่บ้าง แต่ดูจะไม่มีแผลอะไร
แล้วเธอก็คาดดาบยาวไว้ที่เอวด้วย
“คิยาโนต มาช้านะเนี่ย รีบมาช่วยให้เร็วกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง”
“ฮุฮุ ขอโทษด้วยนะ พอดีว่าข้างบนนั้นมันค่อนข้างชุลมุนกันน่ะนะ…แต่เมื่อนี้ซิลเวียกับคนอื่นๆก็สามารถหยุดยั้งการโจมตีของหัตถ์พระเจ้าไว้ได้แล้วแหละนะ แต่จะว่าไปแล้ว ก็ไม่คิดเลยนะว่าผู้คุ้มกันนั่นจะเป็นโรเซนครูเซอร์ที่เขาลือกันน่ะ”
ผมลุกขึ้นยืนและเดินตามลิลิธจังที่กำลังเดินไปหาคุณคิยาโน้ต
“คงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บใช่มั้ยครับคุณคิยาโนต?”
“ฮุฮุ สบายหายห่วงเลยล่ะ ก็นะ ถึงจะมีผู้บาดเจ็บอยู่บ้างก็เถอะ แต่คนรู้จักของเรียวคุงก็ยังไม่มีใครตายซักคนเลยล่ะนะ”
คุณคิยาโนตขยิบตาวิ้งออกมาในขณะที่พูดแบบนั้น
และผมก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ
ก็คิดอยู่หรอกนะว่าทุกคนจะไม่แพ้หัตถ์แห่งพระเจ้าน่ะ
แต่ก็ถือว่าโล่งอกไปทีที่ได้ยินว่าทุกคนยังปลอดภัย
แถมเหล่าดาร์กเอลฟ์ทุกคนเองก็ดูเหมือนจะไม่ได้บาดเจ็บกันมากมายด้วย
“งั้นเหรอครับ…โล่งอกไปที”
“ดูเหมือนว่าแขนเรียวคุงจะได้รับบาดเจ็บนะ ฮุฮุ ทั้งที่เป็นเด็กผู้ชายแท้ๆ แต่กลับมีกล้าหาญผิดคาดเลยนี่? ไม่คิดเลยน้า ว่าเรียวคุงจะปกป้องลิลิธไว้ได้น่ะ”
“—-“
ตัวผมแข็งทื่อในทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น
และลิลิธจังที่อยู่ข้างผมก็มองมาทางผมด้วยสีหน้าแปลกใจ
“เป็นอะไรไปน่ะคุณพี่ชาย? เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“นั่นสิ เป็นอะไรไปงั้นเหรอเรียวคุง? มีอะไรคาใจอยู่งั้นเหรอ?”
ผมถามคำถามกับคุณคิยาโนตที่กำลังยิ้มแย้มอย่างเขินอายอยู่
“ทำไมคุณถึงรู้ว่าผมช่วยลิลิธจังไว้กันล่ะครับ?”
“หืม?”
“ในตอนที่เกิดเรื่องน่ะ….คุณคิยาโนตน่ะไม่ได้อยู่ใกล้พวกเราเลยสินะครับ แล้วคนที่มาโจมตีพวกเราตอนนั้นก็คือพวกหัตถ์พระเจ้าด้วย”
ถ้าลองดูดีๆแล้ว–ชุดของคุณคิยาโนตนั้นมันก็ดูดีเกินไปด้วย
ถ้าเธอมาตามหาผมกับลิลิธในป่าแบบนี้ล่ะก็
เธอคงจะเปื้อนโคลนและเศษใบไม้มากกว่านี้แน่ๆ
ที่หาพวกเราเจอได้ง่าย ก็คงเป็นเพราะตามลงมา
ในจุดที่มีคนทำเครื่องหมายไว้ตรงจุดที่เราตกลงไปแน่ๆ…
นั่นคือสิ่งที่ผมคิด
และคุณคิยาโนตก็ได้ยิ้มและตอบคำถามของผม
“แหมๆ พลาดไปซะแล้วสิเนี่ย♡ ทั้งที่จริงๆก็อยากจะฆ่าเธอโดยที่ไม่ทำให้ต้องทรมานแท้ๆ แต่เป็นแบบนี้แล้วก็คงช่วยไม่ได้นะ”
“อึก!”
ผมรีบยกมือซ้ายขึ้นมาและชี้แหวนไปที่คุณคิยาโนต
ถ้าทำให้ร่างกายของคุณคิยาโนตเป็นอัมพาตไปด้วยเข็มอัมพาตล่ะก็–
แต่ก่อนที่ผมจะทันได้โจมตี ลิลิธจังก็เข้ามาแทรกกลางระหว่างพวกเรา
จากนั้นเธอก็ได้ทำการเข้าไปล็อคตัวคุณคิยาโนตไว้ได้อย่างสวยงาม
และผลักเธอลงไปกับพื้น
“คย้า!?”
“คะ คุณพี่ชาย หนีไปซะ!”
ลิลิธจังตะโกนเสียงดังอย่างสิ้นหวังในขณะที่กำลังล็อคตัวของคุณคิยาโนตอยู่
ผมรู้สึกดีใจกับความรู้สึกนั้นของเธอนะ แต่ถ้าลิลิธจังไม่เข้ามาแทรกล่ะก็
คุณคิยาโนตก็คงกลายเป็นอัมพาตไปด้วยพลังของแหวนแล้ว…!
แต่จะว่าไปแล้ว
ผมก็ยังไม่ได้อธิบายเรื่องพลังของแหวนให้ลิลิธจังฟังเลยด้วยนี่นะ
ผมเล็งแหวนไปที่คุณคิยาโนตอีกครั้ง
แต่ตอนนี้คุณคิยาโนตกับลิลิธจังที่เกาะกันอยู่ก็กลิ้งไปมาบนพื้น
มันเลยทำให้เล็งได้ยากมาก
“ชิ…! โธ่ คิดจะทำอะไรกันแน่น่ะลิลิธ!? ทำไมเธอถึงไปปกป้องผู้ชายของซิลเวียกันล่ะ? เขาไม่ใช่คนพิเศษของเธอซักหน่อยนี่นา~?”
“เรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอซะหน่อย…คย้าาา!?”
ในขณะนั้น คุณคิยาโนตก็กระโดดออกจากตัวของลิลิธจังและเตะเธอกระเด็นออกไป
ร่างกายเล็กๆของเธอปลิวกระเด็น กลิ้งไปตามพื้น
ผมรู้สึกตื่นตระหนกมากและรีบวิ่งไปหาลิลิธจัง
“ลิลิธจัง เป็นอะไรรึเปล่า?”
“อึก…มะ ไม่ต้องเป็นห่วงลิลิธหรอก คุณพี่น่ะหนีไปซะ…”
ผมยกร่างของลิลิธจังขึ้นและพยายามจะหนี
แต่ก่อนหน้านั้นคุณคิยาโนตก็ได้เดินเข้ามา
และชี้ดาบยาวมาที่หน้าของผม
“ฮุฮุ ทั้งสองคนนี่เข้ากันได้ดีซะจริงน้า หรือเป็นเพราะเป็นน้องสาวของซิลเวียก็เลยเข้ากันง่ายนะ?”
“…คุณคิยาโนตน่ะเป็นสมาชิกของกิลด์แห่งความมืดไม่ใช่เหรอครับ? นี่คุณไปเป็นพวกของหัตถ์แห่งพระเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กันน่ะครับ?”
“ที่เข้าไปเป็นพวกของหัตถ์แห่งพระเจ้าก็คงจะเมื่อไม่นานมานี้นี่เองล่ะนะ พวกเขาบอกว่าถ้าฉันให้ข้อมูลของกิลด์แห่งความมืดพวกเขาก็จะยอมรับฟังคำขอของฉันน่ะและคำขอนั้นฉันก็ขอให้พวกเขาช่วยฆ่าผู้สืบทอดมรดกและคู่หมั้นของพวกเขาทุกคนน่ะนะ”
ก็แปลว่าคนที่ส่งคำขอลอบสังหารไปที่หัตถ์แห่งพระเจ้าในครั้งนี้
ก็คือคุณคิยาโนตนี่เองสินะ
อาจจะเป็นเพราะตอนนี้เธออยู่ในจุดที่ได้เปรียบ
เธอก็เลยพูดอะไรที่เป็นข้อมูลออกมามากมาย
แต่ผมรู้สึกได้ถึงความหงุดหงิดจากคำพูดเหล่านั้นของเธออยู่
บางทีแล้วตอนนี้เธอคงจะกระวนกระวายใจอยู่ก็ได้
อาจจะเพราะการโจมตีของหัตถ์พระเจ้าที่อยู่ด้านบนนั้น
ไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ก็ได้ล่ะนะ
“หรือก็คือ คุณอยากจะฮุบมรดกทั้งหมดไว้คนเดียวอย่างงั้นเหรอครับ?”
“เรื่องนั้นมันก็มีส่วนอยู่หรอก…แต่จุดประสงค์อีกอย่างก็คือฉันอยากจะทำลายรอยยิ้มของซิลเวียยังไงล่ะ ฉันไม่ชอบผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ออกจากหมู่บ้านแล้วล่ะน้า~ ทั้งที่เป็นผู้หญิงน่าเกลียดแบบฉันแท้ๆ แต่เธอกลับมาทำตัวเท่ อยากให้ผู้ชายสนใจ”
คุณคิยาโนตหันมาและทำท่าทางเกลียดชังพร้อมพ่นคำพูดเหล่านั้นออกมา
“การแต่งงานที่พ่อแม่จัดให้ก็หย่าด้วยตัวเองด้วยนี่? อย่างกับคนบ้าเลย ถ้าฉันเป็นซิลเวียล่ะก็ ฉันจะทำตัวเป็นภรรยาที่แสนดีเลยล่ะ…อย่างครั้งนี้เอง ทั้งๆที่เธอเห็นว่าอดีตสามีกลายมาเป็นคู่หมั้นของฉันแท้ๆ แต่ทำไมเธอถึงไม่ทำสีหน้าแย่ๆออกมาให้ได้เห็นกันล่ะ?”
“……”
อืม จากที่ฟังมา การที่มาได้ยินว่าเหตุผลหลักคือความเกลียดที่มีต่อคุณซิลเวียแบบนี้
ขอได้ยินเป็นเหตุผลอย่างการจะฮุบมรดกไว้คนเดียวยังจะดีซะกว่าเลย
ในตอนที่ผมกำลังคิดแบบนั้น
ลิลิธจังในอ้อมแขนของผมก็เริ่มเปิดปากบ้าง
“หื้ม ที่ดูเหมือนคนบ้าน่ะมันเธอมากกว่า….ยิ่งไปกว่านั้นนะ การมาทำแบบนี้น่ะ จุดยืนของเธอมันจะไม่แย่เอาเหรอ?”
“…หมายความว่ายังไง?”
ลิลิธจังหัวเราะเบาๆออกมา
“การโจมตีของหัตถ์แห่งพระเจ้าก็พังไม่เป็นชิ้นดีเลยใช่มั้ยล่ะ แถมที่ตรงนั้นก็ยังมีมีกิลด์แห่งความมืดรออยู่ด้วย ไม่ใช่ว่าตอนนี้เธออยู่ในจุดยืนที่แย่แล้วรึไง? พวกหัตถ์พระเจ้าเองก็คงคิดว่าเธอขายพวกเขาไปแล้วไม่ใช่รึไง?”
“นะ นั่นมัน…! ฉันคุยกับหัตถ์แห่งพระเจ้าไว้อย่างดีแล้วนะ! แต่ถึงอย่างงั้นเจ้าพวกนั้นก็คงไม่แพ้หรอกน่า!”
“เมื่อกี้พูดไว้สินะว่า[โรเซนครูเซอร์]น่ะ นั่นน่ะเป็นปาร์ตี้นักผจญภัยแรงค์ S เลยไม่ใช่รึไง? เธอก็ไม่ได้บอกพวกเขาไว้ด้วยนี่ ว่าจะมีสัตว์ประหลาดแบบนั้นอยู่ด้วยน่ะ”
“อึก…”
จะว่าไปแล้ว เมื่อกี้คุณคิยาโนตน่ะเหมือนจะไม่รู้ว่าคุณคาร์ล่ากับคุณซึกิคาเงะ
เป็นสมาชิกในปาร์ตี้โรเซนครูเซอร์ที่เป็นแรงค์ S ด้วยนี่นา
บางทีแล้ว เมย์ฟาคงจะไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรกับเธอมากนักสินะ
ตอนที่เรามารวมตัวกันที่บ้านของคุณคิยาโนตในตอนนั้น
พวกเราก็ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะมาแนะนำตัวกันด้วยนี่นะ
คุณคาร์ล่าและคุณซึกิคาเงะที่อยู่ใน [โรเซนครูเซอร์] ปาร์นี้นักผจญภัยแรงค์ S น่ะ
คือเหล่าคนทรงพลังที่ครั้งหนึ่งเคยทำลายที่ซ่อนของกิลด์แห่งความมืดเพื่อมาช่วยผมล่ะ
พวกเธอและสมาชิกกิลด์แห่งความมืดอย่างเมย์ฟาและซึสึ ไหนจะยังมีคุณซิลเวียอีก
พวกหัตถ์แห่งพระเจ้าที่เข้ามาโจมตียังไงก็คงจะไม่ไหวแน่นอน
“อึก…ถ้าอย่างงั้นยังไงก็ต้องฆ่าพวกเธอให้ได้ซะแล้วล่ะนะ”
คุณคิยาโนตกัดฟันแน่นและเงยหน้าขึ้นมามองพวกเรา
ดูเหมือนว่าคำพูดของลิลิธจังจะถูกเผงเลยสินะเนี่ย
“หัตถ์แห่งพระเจ้า…จะต้องคิดว่าฉันเป็นคนทรยศแล้วแน่ๆ เพราะฉะนั้นแล้ว เพื่อที่จะขจัดความสงสัยนั้นออกไป ฉันคงจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตามคำขอนั้นด้วยตัวของฉันเองแล้วล่ะ ตราบใดที่ยังมีมรดกของท่านทวด อย่างน้อยพวกหัตถ์แห่งพระเจ้าก็คงจะไม่ผิดหวังแน่ๆล่ะ…!”
ผมรีบยกมือซ้ายขึ้นและยิงเข็มออกไป
ซึ่งผมเตรียมตัวไว้ตั้งแต่ตอนที่ลิลิธจังกำลังพูดอยู่แล้ว
จากนั้นเข็มอัมพาตที่ปล่อยออกมาจากแหวนนั้นก็พุ่งตรงไปที่คุณคิยาโนต
แต่ทว่าคุณคิยาโนตก็กลับใช้ดาบยาวปัดมันออกไปได้!
“ห๊ะ!?”
“ฮุฮุ…ฉันได้ยินมาจากสมาชิกของกิลด์แห่งความมืดแล้วล่ะนะ ว่าตอนที่เรียวคุงยกแหวนขึ้นมาและทำท่าแปลกๆก็จะทำให้ติดสถานะผิดปกติน่ะ ถึงฉันจะมองไม่เห็นเข็มนั่นก็เถอะ แต่แค่ได้เห็นการเคลื่อนไหวแบบมือสมัครเล่นของเรียวคุงแล้ว ก็สามารถที่จะรับมือมันได้ง่ายๆแล้วล่ะนะ♡”
เรื่องร่างกายติดสถานะผิดปกติ…
แปลว่านั่นมาจากผู้หญิงคนที่เข้ามาโจมตีในเต็นท์นั่นแน่ๆ!
ผมลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและพยายามรักษาระยะห่างจากคุณคิยาโนต
ในขณะที่ยังจับตัวลิลิธจังไว้
แต่ก่อนที่จะได้ทำแบบนั้นคุณคิยาโนตก็กระแทกไปที่ขาของผมและผลักผมลงไป
แรงนั้นมันทำให้ผมกับลิลิธจังล้มลงไปกับพื้นเลย
“อึก….!?”
“จริงๆเลย…ถ้าไม่มีเธอล่ะก็ แผนมันก็คงจะไปได้สวยกว่านี้แล้วล่ะ!”
คุณคิยาโนตขึ้นคร่อมบนร่างของผมและยกดาบยาวขึ้นมา
และดูเหมือนว่าเธอจะรู้จากเหตุการณ์ก่อนหน้าแล้ว
เธอจึงใช้เข่ากดทับมือซ้ายของผมไว้
ลิลิธจังรีบลุกขึ้นยืนและวิ่งเข้ามาหาพวกเรา
แต่เท่าที่ดูแล้ว ยังไงก็คงจะเข้ามาไม่ทันแน่
“ตายซะ!”
เมื่อปลายดาบนั้นพุ่งตรงมาที่ผม ผมก็ได้หลับตาลงแน่นโดยอัตโนมัติ
แต่ว่า–ถึงจะผ่านไปซักพักแล้วดาบนั่นก็ยังไม่แทงลงมาถึงผม
ในขระที่ผมกำลังรู้สึกสงสัยอยู่นั้น ร่างกายของผมก็รู้สึกเบาขึ้นในทันที
และในขณะเดียวกันนั้นผมก็ได้ยินเสียงบางอย่างกระแทกอย่างรุนแรง
แล้วก็ได้ยินเสียงคนร้องครวญครางด้วย
ผมค่อยๆลืมตาขึ้นและพยุงตัวขึ้นมา–
แต่ในขณะเดียวกันนั้นเองก็มีบางอย่างนุ่มๆมาจับตัวผมไว้
สิ่งที่เข้ามาในสายตาของผมคือ
ผมสีเงินเป็นประกายและดวงตาสีแดงอมม่วง
“คุณซิลเวีย…?”
“เรียว…ปลอดภัยดีสินะ โล่งอกไปที”
คุณซิลเวียยิ้มออกมาเบาๆก่อนที่น้ำตาจะไหล
และหลังจากนั้น อาจจะเพราะคุณซิลเวียไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
เธอจึงเอาริมฝีปากมาประกบกับผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“อืม…”
ข้างหลังของเธอนั้น ผมเห็นลิลิธจังที่กำลังหน้าแดงระเรื่อ
พร้อมกับจ้องมองพวกผมและคุณคิยาโนตที่นอนหมดสติอยู่บนพื้นสลับกันไปมา
เอาเถอะ ก็คงต้องเป็นงั้นแหละนะ
การมาเห็นฉากเลิฟซีนของพี่สาวแบบนี้…
มันก็ต้องมีรู้สึกเขินๆกันบ้างแหละ