“คือว่า…ฉันก็ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยคะ?”
“หืม?”
หลังกินพาสต้าเสร็จ ในตอนที่ผมกำลังเช็ดปากอยู่ พนักงานเสิร์ฟก็มาที่โต๊ะและเก็บจานเปล่า
เมื่อลิซาร์ดแมนหญิงคนนั้นมองมาที่ผม เธอก็เลียริมฝีปากแล้วจากไป
ไอ้นั่นคือสัญญาณที่บ่งบอกว่าผมกำลังจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆอย่างงั้นเหรอ?
อ๊ะ หรือว่า ถ้าพิจารณาจากท่าทางที่ดูมั่นใจของเธอนั่นหรือว่าผู้หญิงคล้ายลิซาร์ดแมนคนนี้คือสาวงามในโลกนี้งั้นเหรอ!?
กิลด์มาสเตอร์ยังถูกเรียกว่าหนุ่มหล่อสุดเซ็กซี่เลย เพราะงั้นนี่ก็น่าจะเป็นไปได้
ระ เรื่องจริงงั้นเหรอเนี่ย….
“คุณเรียวน่ะ อยู่ที่เมืองคาสซานดร้านี้มาตั้งแต่เกิดเลยอย่างงั้นเหรอคะ?”
“ใช่แล้วล่ะ พ่อแม่ของผมทั้ง 2 คนทำงานอยู่ที่กิลด์นักผจญภัยที่เมืองนี้ แต่ตอนที่ผมอายุได้ 6 ขวบ พวกเขาก็เสียไปด้วยโรคระบาดน่ะ เพราะงั้นกิลด์มาสเตอร์ก็เลยกลายเป็นเหมือนกับผู้ปกครองของผม ผมก็เลยอยู่ที่เมืองนี้มาตลอดเลยน่ะ”
ผมบอกเธอไปแบบนั้น เพราะว่าผมมาจากโลกคู่ขนาน ดังนั้นตัวผมที่อาศัยอยู่ที่เมืองคาสซานดร้าเลยต่างกัน ผมจึงรีบข้ามส่วนนี้ไป
ไม่แน่บางที เรียวในโลกนี้ก็อาจจะใช้ชีวิตอยู่ในคาสซานดร้ามาตลอดอยู่เหมือนกันก็ได้ เพราะในห้องเลยไม่มีของจากเมืองอื่นอยู่เลย
“อ๊ะ เพราะแบบนี้นี่เอง คุณถึงไม่ค่อยรู้เรื่องภายนอกเลยสินะคะ? แสดงว่าคุณไม่เคยไปเมืองหลวงซักครั้งเลยอย่างนั้นสินะคะ?”
“ใช่แล้วล่ะ นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมอยากไปเมืองหลวงดูซักครั้งน่ะ ผมอยากเห็นวิหารศักดิ์สิทธิ์และหอสมุดใหญ่ที่เขาลือกัน แล้วผมก็อยากเห็นสำนักงานใหญ่ของกิลด์นักผจญภัยด้วยน่ะ”
คุณไอริสยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับคำพูดของผม
“ฮุฮุ คุณเรียวนี่น่ารักจังเลยนะคะ เมืองหลวงจะมีสิ่งที่น่าประหลาดใจอยู่เยอะเลยล่ะค่ะ เพียงแต่….”
“เพียงแต่….”
“เพียงแต่ว่า ที่นั่นน่ะ มีผู้คนที่มุ่งร้ายและโลภมากอยู่เต็มไปหมดเลยล่ะค่ะ ดังนั้นถ้าคุณไปเมืองหลวงคุณจะต้องระวังตัวเอาไว้ให้ดีนะคะ”
มุ่งร้ายและโลภมากงั้นเหรอ เอาเถอะ ตั้งแต่ที่ผมได้ฟังเรื่องเล่าของคุณไอริสมาก่อนหน้านี้
ความรู้สึกของผมต่อเมืองหลวงมันก็เริ่มจะหดหายแล้วล่ะ
“แต่จุดเด่นที่สุดเลยก็คือนักผจญภัยค่ะ ในเมืองหลวงมีนักผจญภัยที่มีชื่อเสียงหลายคนที่มารวมตัวกันจากทั่วประเทศ ปาร์ตี้นักผจญภัยแรงค์ A นี่มีเยอะเต็มไปหมดเลยล่ะค่ะ”
“เอ๊ะ อย่างงั้นเหรอ?”
ตกใจเลยนะเนี่ย ก็แบบ
ในเมืองคาสซานดร้านี่ประสบกับปัญหาขาดแคลนนักผจญภัยระดับสูงนี่นา
“ใช่แล้วล่ะค่ะ เดิมทีแล้วคุณรู้มั้ยคะว่า เควสต์ที่ต้องการนักผจญภัยแรงค์Aขึ้นไปน่ะ มีอยู่เยอะมากเลยนะคะ?”
“เอ๊ะ แต่ก็มีเควสต์แบบการเจาะจงชื่อมากมายจากทั้งพ่อค้าและขุนนางทั่วเมืองหลวงเลยใช่มั้ย?”
ถ้านักผจญภัยถึงแรงค์ C ขึ้นไปแล้ว นอกจากที่ว่าเขาจะสามารถรับเควสต์ตามปกติได้
พวกเขายังสามารถได้รับการถูกเสนอชื่อได้ (พ่อค้าและขุนนางสามารถว่าจ้างนักผจญภัยที่ต้องการ)
ในกรณีการถูกเสนอชื่อนั้น นอกเหนือจากค่าจ้างที่จะต้องจ่ายหลังเสร็จงานแล้ว ก็จะได้รับเงินจากการรับเควสต์เสนอชื่ออีกด้วย
ถ้าเป็นปาร์ตี้ที่มีแรงค์ A ขึ้นไปก็จะถูกเสนอชื่อจากขุนนางและพ่อค้ามากขึ้น
เพราะพวกเขาเชื่อในฝีมือของนักผจญภัยแรงค์สูงเหล่านั้น
พ่อค้าและขุนนางทั่วประเทศก็ไปรวมตัวกันที่เมืองหลวง
เพราะฉะนั้นก็ไม่แปลกเลยที่นักผจญภัยแรงค์ A จะไปรวมตัวกันอยู่ที่เมืองหลวง
“การเสนอชื่อจะเป็นการเจาะจงตัวนักผจญภัยที่เลือก ยังไงซะ คำขอที่มีการเสนอชื่อ นั่นก็เป็นสายสัมพันธ์และความเชื่อใจกันระหว่างผู้ว่าจ้างและผู้ถูกว่าจ้าง เป็นความสัมพันธ์กับปาร์ตี้ในระยะยาวน่ะค่ะ”
“แล้วถ้าเกิดว่าปาร์ตี้ที่ถูกเสนอชื่อในตอนนั้นยุ่งอยู่จะทำยังไงล่ะ?”
“ในตอนนี้ ที่เมืองหลวงนักผจญภัยถูกแบ่งออกเป็นหลายฝ่ายน่ะค่ะ นักผจญภัยจะประสานงานกันเอง ถ้าหากพวกเขาไม่สามารถรับงานได้ งานก็จะถูกส่งไปยังกลุ่มอื่นที่อยู่ฝ่ายเดียวกันแทนค่ะ”
(ฝ่ายในที่นี้คล้ายๆกับพรรคการเมืองในชีวิตจริง ฝ่ายในเนื้อเรื่องก็คือการรวมกลุ่มกันของนักผจญภัยหลายปาร์ตี้)
“ห๊ะ ฝ่าย? นักผจญภัยน่ะนะ?”
การส่งต่องานภายในแต่ละฝ่ายเป็นยังไงกันนะ? ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆล่ะก็ การแข่งขันภายในเมืองหลวงคงจะเข้มข้นมากแน่ๆ
“ถ้านั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้แล้วล่ะก็ โรเซนครูเซอร์อยู่ฝ่ายไหนล่ะ?”
“ไม่ได้อยู่ฝ่ายไหนเลยค่ะ”
“เอ๊ะ?”
“เอาจริงๆก็คือ พวกฉันไม่คู่ควรกับฝ่ายไหนเลยค่ะ ทุกฝ่ายก็บอกพวกฉันมาเหมือนกันหมดว่า ‘ถึงจะแรงค์สูงแค่ไหน แต่ถ้าเรารับผู้หญิงหน้าตาน่าเกลียดแบบพวกเธอเข้ามาล่ะก็ความเชื่อใจกับผู้จ้างวานก็ได้ป่นปี้กันหมดพอดีน่ะสิ’ แบบนี้เลยน่ะค่ะ”
“ดะ ดูเหมือนว่าสังคมชนชั้นสูงนี่ก็หละหลวมเหมือนกันนะ”
“ใช่เลยค่ะ….”
คุณไอริสหัวเราะเล็กน้อยพร้อมกับคำพูดที่เธอพูดออกมา
“อ๊ะ แต่ว่าพ่อค้าแล้วก็พวกขุนนางนี่ไม่ใช่พวกที่แบบทำอะไรซ้ำซากนี่ ใช่มั้ย แสดงว่านี่ได้รับคำขอมาเป็นครั้งแรกเลยใช่รึเปล่า? แล้วพวกนั้นเป็นคนยังไง ทำไมถึงถูกเลือกล่ะ?”
“นั่นสินะคะ…ถ้างั้นยกตัวอย่างว่าคุณเรียวคือพ่อค้าหรือขุนนางในเมืองหลวงดูนะคะ”
“อืม”
“ถ้าคุณต้องจ้างวานปราบก็อบลินครั้งแรก คุณต้องเลือกระหว่างปาร์ตี้สาวสวยหน้าตาเหมือนออร์ค กับปาร์ตี้สาวเอลฟ์ที่มีความสามารถเท่ากัน ในค่าจ้างที่เท่าๆกัน เป็นคุณคุณจะเลือกปาร์ตี้ไหนล่ะคะ?”
“…..”
“นั่นก็เลยเป็นเหตุผลที่เราเข้าไปท้าทายดันเจี้ยนหมาป่าในตอนนี้ยังไงล่ะคะ ถึงแม้ฉันจะกลับไปเมืองหลวงก็คงไม่ได้มีงานเข้ามามากนักหรอกค่ะ”
คุณไอริสยิ้มเจื่อน
“ถึงพวกเราจะขึ้นเป็นแรงค์ S ก็เถอะค่ะ แต่กระแสตอบรับของประชาชนในเมืองหลวงก็ไม่ค่อยจะดีซักเท่าไหร่ พวกเขาพูดประมาณว่า ‘ที่พวกเธอขึ้นเป็นแรงค์ S ได้น่ะนั่นมันก็เพราะแค่ว่าพวกเธอพิชิตดันเจี้ยนได้สำเร็จก็เท่านั้นแหละ’ หรือไม่ก็ ‘ฉันบอกได้เลยว่าคงไม่มีผู้ว่าจ้างที่ไหนไว้ใจพวกเธอหรอก สงสัยคงส่งไปทำงานแต่แค่ใต้ดันเจี้ยนล่ะมั้งน่ะ’ บางทีถึงกับมีมาพูดต่อหน้าพวกฉันเลยด้วยค่ะ” (สงสารพวกนางจริงไรจริง)
“คะ คนในเมืองหลวงพูดกันแบบนั้นเลยเหรอ? การขึ้นเป็นระดับ S ด้วยการพิชิตดันเจี้ยนเนี่ย มันสุดยอดไปเลยไม่ใช่รึไง?”
อะไรกันฟะนั่น
เพราะมีนักผจญภัยคอยเข้าไปสำรวจดันเจี้ยนและคอยปราบมอนสเตอร์ให้
พวกเราถึงได้รับเสบียงและทรัพยากรมากมายในการใช้ชีวิตแท้ๆนะ โหดร้ายซะจริง….
“ตอนที่พวกเรามาถึงที่กิลด์นี้ ก็ถูกเยาะเย้ยนิดหน่อยใช่มั้ยล่ะคะ แต่ว่าแค่นั้นมันเป็นได้แค่การหยอกล้อน่ารักๆเท่านั้นแหละค่ะ”
“ไอ้นั่นเรียกว่านิดหน่อยเหรอน่ะ?”
“ถ้าเป็นที่กิลด์นักผจญภัยในเมืองหลวงยิ่งแย่กว่านี้อีกค่ะ เคยมีครั้งหนึ่งที่คาร์ล่าถึงกับร้องไห้ออกมาเลยนะคะ”
“………”
“นักผจญภัยแถบชนบทน่ะค่อนข้างจะมีคุณธรรมมากกว่าที่เมืองหลวงมากเลยล่ะค่ะ ยิ่งลงดันเจี้ยนไปลึกมากเท่าไหร่ คนส่วนใหญ่ก็เริ่มที่จะพูดแย่ๆเกี่ยวกับพวกเราน้อยลงเรื่อยๆค่ะ เพราะแบบนั้นช่วงนี้สำหรับพวกเราแล้วการลงดันเจี้ยนก็เลยเป็นสิ่งที่ดีกว่าการคุ้มกันเสบียงจากเมืองหลวงเลยล่ะค่ะ และที่เมืองหลวงยังแทบไม่มีการเสนอชื่อเลยด้วย เพราะงั้นพวกฉันก็จะไม่ถูกล้อเลียนว่าไปหมกตัวอยู่แต่ใต้ดินถึงแม้จะลงดันเจี้ยนทุกวันแล้วล่ะค่ะ”
จังหวะนั้น คุณไอริสตื่นตระหนกเหมือนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
“ขะ ขอโทษด้วยค่ะคุณเรียว! ที่ฉันเรียกเมืองนี้ว่าเป็นเมืองชนบทคือฉันไม่ได้ตั้งใจจะล้อเลียนว่าคุณเรียวบ้านนอกนะคะ คุณรู้สึกเคืองรึเปล่าคะ!?”
“ไม่ล่ะ ไม่เป็นไร ก็ที่นี่มันชนบทจริงๆนี่นา”
“ขะ ขอโทษด้วยจริงๆค่ะ”
คุณไอริสก้มหน้าลงไป
แต่ว่า หลังจากได้ยินเรื่องราวที่เธอเล่ามา ผมไม่มีทางโกรธเธอลงหรอก
“เอ่อคือ…นั่นไง แล้วเรื่องนั้นล่ะ? ตั้งแต่ตอนแรกเราพูดกันถึงเรื่องที่ว่าจะไปเจอเพื่อนของคุณไอริสนี่”
“คะ…ค่ะ ใช่แล้วล่ะค่ะ แต่ถ้าคุณเรียวไม่อยากเจอจริงๆก็ไม่เป็นไรนะคะ”
“ถ้าอยากมาเจอผมล่ะก็ได้สิ ยังไงก็อยากมาขอโทษด้วยสินะ….จนกว่าจะได้เจอกันก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างล่ะนะ”
“ขะ ขอบคุณมากค่ะ! ยังไงก็ขอความกรุณาด้วยนะคะ!”
ตอนแรกผมก็ไม่ได้มีความตั้งใจจะเจอกับพวกเธอหรอก แต่หลังจากพอได้ฟังเรื่องของคุณไอริสแล้ว ผมก็เปลี่ยนใจ
เมื่อผมพยักหน้า คุณไอริสก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
อืม ตอนแรกผมกังวลแทบตายว่าการกระทำของผมจะทำให้โรเซนครูเซอร์แตกแยกซะแล้ว
แต่ถ้าเรื่องมันเป็นแบบนี้ไปแล้วก็คงช่วยไม่ได้ล่ะนะ อื้ม
เอาล่ะ ในเมื่อตัดสินใจได้แล้วก็ไปเจอกับสมาชิกที่เหลืออีกสองคนของโรเซนครูเซอร์กันเลยดีกว่า!
ตอนต่อไปผมอาจจะลงซักวันอังคารไม่ก็พุธนะครับ(ประมาณวันที่4-5) พอดีช่วงนี้ยุ่งมากๆ