—-ทุกอย่างก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่นดี
ก็ราบรื่นดีอยู่หรอกนะแต่
“ที่นี่คือศูนย์กลางของเมืองหลวงที่มีอายุกว่าร้อยปีค่ะ ร้านค้าต่างๆ ได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ และกลายเป็นดั่งที่เห็นในปัจจุบันนี้ ถ้าลองเดินไปตามถนนด้านขวาจะเจอกับห้องสมุดใหญ่ที่รวมหนังสือเก่าๆไว้ ส่วนทางด้านซ้ายมือจะเป็นร้านขายของทั่วไปที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วนถ้าเดินตรงไปก็จะเจอกับร้านที่ขายอุปกรณ์ให้กับนักผจญภัยค่ะ”
“เอ่อ….คุณไอริส”
“การที่จะไปดูให้ครบทุกที่ก็คงใช้เวลาราวๆ 2 ชั่วโมงค่ะ ถ้าจะไปหอสมุดใหญ่ล่ะก็ต้องไปทางนี้ค่ะ”
“เอ่อ….คุณไอริส”
“มีอะไรเหรอคะ คุณเรียว?”
“ทำไมถึงยืนห่างถึงขนาดนั้นล่ะ?”
ถนนสายหลักที่อยู่ใจกลางเมืองหลวงและตอนนี้ผมยืนอยู่คนเดียวบนทางเดิน
ร่างเล็กๆที่อยู่ห่างจากผมประมาณ 5 เมตรเห็นจะได้
ร่างเล็กๆนั้นสวมเสื้อคลุมสีเทาเข้ม และใส่ฮู้ดคลุมหัว แน่นอนว่าที่พูดถึงอยู่นั่นคือคุณไอริส
ปะ แปลกแฮะ?
สิ่งที่ผมคาดไว้คือผมกำลังเดินอยู่ในเมืองหลวงคู่กับเอลฟ์สาวสุดสวยนี่นา
แล้วทำไมสถานการณ์ตอนนี้มันถึงเป็นแบบนี้ล่ะเนี่ย
“เอ่อ….แล้วสัญญาที่ว่าจะแนะนำสถานที่เมืองหลวงให้ล่ะ?”
“? ตอนนี้ฉันก็กำลังแนะนำสถานที่ให้อยู่ไม่ใช่เหรอคะ? หรือว่าเวทย์ส่งกระแสจิตจะไม่ได้ยินเหรอคะ? แปลกจังเลยนะคะ…. ซึกิคาเงะก็ให้ยืมเวทย์มาใช้แล้วนี่นา ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่คะ….”
“อ่า เสียงที่กำลังดังอยู่ในหัวของผมนี่คือเวทย์ส่งกระแสจิตเองหรอกเหรอ”
“ถ้าคุณเรียวได้ยินล่ะก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะคะ! ถ้างั้น ฉันก็จะแนะนำเมืองหลวงให้คุณเรียวต่อไปทั้งๆที่ยังซ่อนตัวอยู่ข้างหลังคุณเรียวแบบนี้เลยก็แล้วกันนะคะ เราจะไปกันทุกที่ ที่คุณอยากไป ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นล่ะก็ ฉันก็จะปกป้องคุณเรียวเองค่ะ!”
“ไม่สิ ไม่สิ เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อนนะ! ยังไงนี่มันก็แปลกเห็นๆ! เรามาคุยกันใหม่อีกรอบเถอะนะ!?”
ผมพยายามเดินกลับไปหาเธอที่อยู่ข้างหลัง
แต่ว่าคุณไอริสกลับถอยหลังห่างผมไปเพื่อเว้นระยะจากผม
“คะ คุณไอริส….”
“……..”
เพราะเธอสวมฮู้ดปิดบังไว้ ผมจึงไม่สามารถเห็นสีหน้าของคุณไอริสได้
ผมไม่สามารถย่นระยะห่างของผมกับเธอลงได้เลย
ในตอนที่ผมกำลังสับสนว่าจะทำไงดี จู่ๆผมก็ได้ยินเสียงมาจากข้างหลัง
“อ้าวแหม ที่อยู่ตรงนั้นมันไอริสนี่นา กลับมาเมืองหลวงแล้วอย่างงั้นเหรอ?”
“เอ๋ๆ จริงๆด้วยล่ะ กลับมาเมืองหลวงแล้วสินะ”
พอได้ยินเสียงนั้นร่างกายของคุณไอริสก็กระตุกด้วยความตกใจ
หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงเธอกระซิบพึมพำว่า
‘อ๊ะ เลวร้ายที่สุดเลยค่ะ…..ไม่คิดว่าจะมาเจอกับพวก ‘เฮียกกะเรียวรัน’ ในที่แบบนี้’
(ภาษาไทยน่าจะแปลว่าดอกไม้บานสะพรั่งแต่ผมจะทับศัพท์เหมือนกับโรเซนครูเซอร์นะครับ)
ผมมองไปข้างหลังเจอกับผู้หญิง 3 คน
เห็นผู้หญิงแคระคนนึงกับผู้หญิงที่ดูรูปร่างอ้วนอีกคนนึง
ทั้งคู่ดูเหมือนกับนักผจญภัย มีดาบคาดอยู่ที่เอว
แต่หน้าตาของพวกเธอนี่สำหรับผมคงจะมากเกินไป
เพราะถ้าตามมาตรฐานของโลกนี้ พวกเธออยู่ในหมวดของคนที่น่ารักยังไงล่ะ
ส่วนอีกคนหนึ่ง…..
“กลับมาเร็วน่าดูเลยนี่ คราวนี้โรเซนครูเซอร์ก็ถูกทิ้งไว้อีกแล้วรึไง?”
ผู้หญิงคนสุดท้ายที่ยักไหล่และหัวเราะเยาะเย้ยอยู่คือดาร์กเอลฟ์
เธอดูสวยอย่างน่าเหลือเชื่อ แถมสัดส่วนยังสุดยอด
ผิวสีแทนของเธอดูดี หน้าอกและก้นของเธอยื่นออกมาได้สัดส่วน
ผมสีเงินยาวถึงเอวของเธอเป็นลักษณะที่ดูแตกต่างจากคุณไอริส
ผมสีเงินแพลตตินัม เป็นสีที่แปลกแต่ก็สวยมาก หูแหลมๆของเธอที่มองเห็นชัดโผล่ออกมาจากเส้นผมของเธออ
ดวงตาสีม่วงที่เฉียงๆหน่อย ดูท่าจะมีเจตจำนงที่แข็งแกร่งเอามากๆ
เอ่อ ถ้าจำไม่ผิด….เฮียกกะเรียวรันนี่เป็นปาร์ตี้แรงค์ S ในเมืองหลวงเหมือนกับโรเซนครูเซอร์ใช่รึเปล่านะ?
หมายความว่า พวกเธอก็คือ…
พอผมตกตะลึง นักผจญภัยดาร์กเอลฟ์คนนั้นก็หันมามองที่ผมแล้วเบิกตากว้าง
นอกจากนั้นนักผจญภัยอีก 2 คนนั้นก็หันมามองที่ผมแล้วพูดว่า ‘อุ๊ยตาย’
“คุณ….ผู้ชายสินะ? ขอโทษด้วยนะคะ พอดีเห็นจากทางด้านหลังเลยไม่ได้สังเกตน่ะค่ะ”
“ไม่น้าไอริส นี่หรือว่าเธอกำลังบังคับข่มขู่ให้ผู้ชายคนนี้เข้าใกล้เธออยู่อย่างงั้นเหรอ?”
“มะ ไม่ใช่นะคะ ฉันกับคุณเรียวนะ…!”
คุณไอริสตื่นตระหนก และกำลังพยายามหาข้อแก้ตัว
คนแคระกับมนุษย์หญิงสองคนนั้นไม่คิดจะหยุดดูถูกเลย
ส่วนนักผจญภัยดาร์กเอลฟ์เองก็ยิ้มอย่างโหดร้าย
“ไม่ว่าจะแต่งงานช้าแค่ไหน แต่การที่บังคับให้ผู้ชายมาเข้าใกล้แบบนี้ หืม…ถ้ากิลด์รู้เรื่องนี้ โรเซนครูเซอร์ก็คงจะเสื่อมเสียชื่อเสียงสินะ?”
“มะ…..”
“เอาเถอะ ถึงเดิมทีถึงโรเซนครูเซอร์จะเป็นแรงค์ S เหมือนกับพวกเรามาจนถึงตอนนี้ก็จริง”
“แต่ถึงแบบนั้น ก็ยังจะกล้าเข้าหาผู้ชายด้วยหน้าตาแบบนั้นเนี่ยนะ นี่ไม่เคยส่องกระจกเลยรึไง”
นักผจญภัยคนแคระ พูดพร้อมมองไปทางดาร์กเอลฟ์เพื่อนของเธอที่รู้สึกเขินเล็กน้อย
แต่ดูเหมือนว่าดาร์กเอลฟ์คนนั้นจะไม่ได้ดูโกรธเคืองอะไร หรือเธอแค่แกล้งทำเป็นเฉยๆกันแน่
“แต่ถ้าหากไม่อยากให้เรื่องนี้ไปถึงกิลด์ล่ะก็….”
“เอ่อ ขอโทษนะครับ ขอเวลานิดนึงนะครับ พวกคุณน่ะเป็นเพื่อนของคุณไอริสงั้นเหรอครับ?”
“””เอ๊ะ”””
เนื่องจากบทสนทนามันเริ่มที่จะอึดอัด ผมจึงขัดจังหวะคำพูดของนักผจญภัยดาร์กเอลฟ์
“อะ ไอริสเป็นเพื่อนกับพวกเรา? นั่นน่ะ ผิดแล้วล่ะ….”
“อ๊ะ ไม่ใช่สินะครับ คือตอนนี้ผมกำลังเดทกับคุณไอริสอยู่น่ะครับ ถ้าพวกคุณไม่ใช่เพื่อนของเธอล่ะก็ตอนนี้ช่วยพอแค่นี้ก่อนจะได้มั้ยครับ?”
“””เอ๊ะ….ดะ เดท!?”””
ตาสี่คู่ที่จ้องมาที่ผม ทำยังกับว่าได้ยินอะไรที่น่าเหลือเชื่อ
เดี๋ยวนะ แล้วทำไมคุณไอริสถึงตกใจไปกับเขาด้วยล่ะ?
“ครับ เหมือนพวกคุณจะเข้าใจอะไรกันผิดไปหน่อยนะครับ….แต่ว่าตอนนี้ผมกำลังเดทกับคุณไอริสอย่างมีความสุขเลยล่ะครับ เพราะงั้นพวกคุณไม่ต้องกังวลเรื่องของผมไปหรอกนะครับ”
“อ๊ะ…”
ผมกอดไหล่ของคุณไอริส จากนั้นเธอก็ส่งเสียงเบาๆออกมา
“อะ ไอริสน่ะเหรอ….กำลังเดทกับผู้ชาย…..โกหกใช่มั้ยเนี่ย?”
“กะ โกหกน่า….ก็ ก็นั่นมันเอลฟ์เลยนะ?”
“……..”
นักผจญภัยทั้งสามคนตกตะลึง
แต่ดูเหมือนว่าจะต้องพอได้แล้วผมจึงโอบไหล่ของคุณไอริสแล้วบอกว่าไปกันเถอะ
เอาจริงๆผมก็อยากจะพูดอะไรให้มากกว่านี้กับทั้งสามคนนั้นอยู่หรอกนะ
แต่ดูเหมือนว่าพวกเธอจะเป็นนักผจญภัยแรงค์ S ในเมืองหลวงซะด้วย
จะให้พนักงานกิลด์อย่างผมไปก่อเรื่องมันก็คงไม่ดีเท่าไหร่
พอผมเดินจากไป นักผจญภัยดาร์กเอลฟ์คนนั้นก็แสดงท่าทีที่ตกตะลึง
แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกันผมถึงรู้สึกถึงไฟที่แผดเผาอยู่ในดวงตาของเธอ
ดาร์กเอลฟ์ซิลเวีย(เผื่อคนอ่านเก่าคนไหนยังไม่เห็นในแนะนำตัวละคร)