“เฮ้อ…..”
“อย่าทำหน้าหดหู่แบบนั้นสิเรียว มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกน่า”
วันรุ่งขึ้น ผมไปที่สำนักงานใหญ่กิลด์นักผจญภัยพร้อมกับกิลด์มาสเตอร์และคุณอาเน็ต
เพื่อรายงานเกี่ยวกับจุดประสงค์หลักที่มาในครั้งนี้ นั่นก็คือดันเจี้ยนหมาป่าและร้องขอให้ส่งนักผจญภัยระดับสูงไปที่นั่น
และในตอนนี้ หลังจากที่ประชุมกับพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานใหญ่เสร็จ
ผมก็กำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องโถงกับกิลด์มาสเตอร์
คุณอาเน็ตก็ไม่อยู่ เนื่องจากเธอต้องไปที่สำนักงานเพื่อรับรายงานการประชุม
“ถึงจะไม่มีคำตอบที่แย่ แต่ก็ไม่ได้มีคำตอบที่ดีๆเลยนะครับ”
สำนักงานใหญ่จะแจ้งให้นักผจญภัยทราบเกี่ยวกับดันเจี้ยนหมาป่า
แต่นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนักผจญภัยแต่ละคน
ถึงจะน่าเสียดายแต่ว่าเราไม่สามารถไปบังคับใครได้
วาระการประชุมกับสำนักงานใหญ่เป็นไปร่วมกว่าสองชั่วโมง
ถึงจะยุ่งยากแต่ก็ได้ข้อสรุปออกมาแบบนี้
“จะว่ายังไงดีล่ะ ดูเหมือนพวกเขาไม่ค่อยจะรับรู้ถึงความอันตรายของเรื่องนี้กันเลยนะครับ”
“อืม…..ทางเราบอกสถานการณ์ปัจจุบันของเมืองคาสซานดร้าในตอนนี้ไปแล้วก็จริง แต่เอาจริงๆ แล้วมันอาจจะเป็นความคิดที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ก็ได้ เพราะตอนนี้นักผจญภัยเมืองต่างๆก็ได้ไปรวมตัวกัน เพื่อทำตามโรเซนครูเซอร์ไปแล้ว พวกเขาก็เลยอาจจะพิจารณาว่าตอนนี้มันไม่น่าใช่เรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้น”
“นั่นสิครับ แต่ว่าก็แค่ชั่วคราวเองไม่ใช่เหรอครับ มันเป็นแบบนั้นก็เพราะข่าวลือดัง แต่ถ้านักผจญภัยเหล่านั้นได้ล้องไปสำรวจดันเจี้ยนหมาป่ากันดู ก็น่าจะเริ่มรู้ตัวกันแล้วว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพิชิตเลย”
หลายคนมาที่เมืองคาสซานดร้าก็จริงแต่อีกภายในไม่ถึงเดือนคนก็จะหายไปกว่าครึ่ง
กิลด์มาสเตอร์ขมวดคิ้วเรื่อยๆกับคำพูดของผม
“นอกจากนี้ ถ้าพูดกันตามตรงแล้วล่ะก็ การที่ดันเจี้ยนหมาป่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีจำนวนชั้นถึงชั้นที่ 30 แบบนี้ ก็คงจะเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อสำหรับสำนักงานใหญ่ก็ได้”
“เอ๊ะ? แต่ว่าไม่ใช่แค่พวกเราที่รายงานเรื่องนี้ซักหน่อยนี่ครับ โรเซนครูเซอร์ก็รายงานเรื่องนี้ด้วยนี่ครับ”
จะไม่เชื่อรายงานข้อมูลของนักผจญภัยแรงค์ S เลยเรอะ?
กิลด์มาสเตอร์ก็ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ผมได้แต่เอียงคอแล้วสงสัย
“ก็เพราะเป็นโรเซนครูเซอร์นั่นแหละนะ…”
“เอ๊ะ?”
“พวกเธอน่ะเป็นเหล่าคุณหนูที่นิสัยดีนะ แต่ว่า….ด้วยรูปลักษณ์แบบนั้นของพวกเธอ จึงถูกปฏิบัติอย่างเย็นชาจากสำนักงานใหญ่น่ะ”
“พะ เพียงแค่เรื่องแค่นั้นน่ะเหรอครับ? แค่เพราะเรื่องหน้าตาเนี่ยนะ เรื่องแบบนั้น…..”
กิลด์มาสเตอร์ส่ายหัวให้กับคำพูดของผม
ผมไม่รู้เลยว่านั่นเป็นเพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังพูดอยู่หรือเพราะจะปฏิเสธคำพูดของผมกันแน่
ผมไม่เข้าใจเลย ตอนนี้ผมพูดอะไรไม่ออกเลย หรือจริงๆอาจจะเป็นทั้งสองอย่างเลยกันแน่
“เอาเถอะ อย่างน้อยพวกระดับสูงของสำนักงานใหญ่บางคนก็เห็นด้วยอยู่หรอก นั่นไงแบบที่กิลด์มาสเตอร์ของสำนักงานใหญ่พูดนั่นน่ะ”
สิ่งที่กิลด์มาสเตอร์หญิงของสำนักงานใหญ่พูดไว้คือ
“ไม่ว่าสำนักงานใหญ่ของเราจะรับสมัครนักผจญภัยระดับสูงมากแค่ไหน แต่ถ้าเมืองนั้นไม่มีเสน่ห์ดึงดูด ก็คงจะไม่มีนักผจญภัยไปหรอกนะ แต่ก่อนอื่น เราจะแจ้งให้นักผจญภัยทราบเกี่ยวกับเรื่องดันเจี้ยนในครั้งนี้ก่อน เพราะงั้นฉันก็เลยอยากให้คิดหาวิธีในการดึงดูดนักผจญภัยเข้าไปที่เมืองคาสซานดร้าหน่อยน่ะ”
นั่นคือสิ่งที่เธอพูดไว้
“แล้วก็พูดแบบนี้สินะครับ….’ยกตัวอย่างก็เช่นให้กิลด์มาสเตอร์รูปงามแห่งคาสซานดร้าจะช่วยให้กำเนิดลูกกับนักผจญภัยหญิงที่ไปที่นั่น ก็น่าจะสามารถดึงดูดนักผจญภัยที่น่ารังเกียจได้มากเท่าที่ต้องการเลยใช่มั้ยล่ะ?’ เหมือนกับโรเซนครูเซอร์ในครั้งนี้สินะ? ผมพยายามอดทนสุดๆเลยนะครับที่จะไม่โยนถ้วยชาในมือผมใส่อีกฝ่ายน่ะ….”
“อะไรกันเรียว นายนี่เข้ากันกับโรเซนครูเซอร์ดีจริงๆเลยนะ”
“โรเซนครูเซอร์ก็ด้วย กิลด์มาสเตอร์ก็ด้วย พวกเขาพูดหยาบคายใส่พวกคุณแบบนี้ ขนาดคุณอาเน็ตยังกำหมัดแน่นอยู่ใต้โต๊ะเลย”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า อะไรกัน อะไรกัน ทั้งนายทั้งอาเน็ตเลย ได้ยินแบบนี้แล้วรู้สึกดีใจจังเลยนะ”
กิลด์มาสเตอร์หัวเราะเสียงดัง
เอาเถอะ ถ้ากิลด์มาสเตอร์ไม่ได้ใส่ใจ นั่นก็ถือว่าดีแล้วล่ะนะ
ผมดีใจจริงๆที่โลกฝั่งนี้คุณก็เป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็งแบบนี้ ดีใจมากจริงๆ
แต่ถึงอย่างงั้่น ผมก็รู้สึกว่าไม่อาจเมินเฉยต่อคำพูดของคนในสำนักงานใหญ่ได้หรอก
นักผจญภัยน่ะไม่เหมือนกับเหล่าทหารในประเทศหรอกนะ
ความลึกลับ ความแข็งแกร่ง ชื่อเสียง สมบัติ ทั้งหมดนั่นไม่ว่านักผจญภัยเหล่านั้นต่อสู้เพื่ออะไร
พวกเขาต่างก็มีสิ่งที่พวกเขารักเหมือนกัน นั่นคืออิสระยังไงล่ะ
นักผจญภัยคือคนที่ไม่ผูกมัดกับสิ่งใด
กิลด์และประเทศไม่สามารถบังคับให้นักผจญภัยทำงานได้
ไม่รู้ว่าจะสามารถดึงดูดนักผจญภัยได้รึเปล่า
แต่ถ้าเป็นไปได้ล่ะก็อยากให้พวกเขาย้ายไปอยู่ที่เมืองคาสซานดร้ากัน
นี่ไม่ใช่ปัญหาของกิลด์นักผจญภัยแต่อย่างใดแต่เป็นสิ่งที่เมืองคาสซานดร้าจะต้องพยายาม
แถมปัญหานี่ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถแก้ไขได้ในทันที และยังมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายอีกต่างหาก
มาตรการแก้ไขปัญหาชั่วคราวที่จะสามารถนำมาใช้รับมือได้ในตอนนี้คือเมืองคาสซานดร้าจะต้องออกคำร้องแบบกำหนดระยะเวลาชั่วคราวให้นักผจญภัยระดับสูงมาลงดันเจี้ยน ตราบใดที่กิลด์ไม่บังคับให้พวกเขาทำงานล่ะก็นะ ไม่งั้นพวกเขาคงจะไม่อยากมาคาสซานดราแน่ๆ หรือถ้าไม่มีทางเลือกอื่นก็คงต้องเก็บค่าธรรมเนียมคำขอและรางวัลความสำเร็จล่ะนะ
ถ้าไม่อยากให้เป็นแบบนั้นก็ต้องทำให้เมืองคาสซานดร้าเป็นเมืองที่ดูน่าดึงดูดและทำให้นักผจญภัย
อยากจะแวะวนเวียนไปเรื่อยๆ
“เฮ้อ….ผมขอไปเข้าห้องน้ำซักเดี๋ยวนะครับ”
“โอ้ ไปเปลี่ยนบรรยากาศซักหน่อยเถอะ เพราะกว่าอาเน็ตจะกลับมายังต้องมีเวลาอีกหน่อยน่ะ”
ผมลุกขึ้นจากโซฟาแล้วมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำชายในกิลด์
ห้องน้ำสุดหรูที่อยู่ในห้องโถง หรูหราซะจนประหลาดใจเลย
มีกระทั่งแจกันที่ใส่ดอกไม้อยู่ในห้องน้ำด้วย
หลังจากที่ผมล้างมือและออกมาจากห้องน้ำ
ขณะที่ผมกำลังจะเดินกลับไปที่ห้องโถง
ทันใดนั้นเองผมก็เห็นไปหน้าที่คุ้นเคย
“…….”
ผมสีเงินเรียบผิวสีน้ำตาล ตาสีแดงอมม่วง
คนเดินเข้ามาหาผมอย่างเงียบๆ นั่นก็คือ นักดาบดาร์กเอลฟ์ คุณซิลเวียนั่นเอง
เธอเองก็มาเข้าห้องน้ำอย่างงั้นเหรอ?
ถึงทางเดินจะไม่ได้แคบก็เถอะ แต่ผมก็ตกใจกับแรงกดดันของเธอ
ผมเลยถอยหลังชนกำแพงโดยไม่ได้ตั้งใจ
“เฮ้ย นายตรงนั้นน่ะ”
คุณซิลเวียส่งเสียงเรียกผม ผมจึงแอบมองไปรอบๆแบบไม่ได้ตั้งใจ
แต่น่าเสียดาย ดูเหมือนว่าจะมีแค่ผมกับเธอสองคนยืนอยู่บนทางเดินจากห้องน้ำไปห้องโถงนี่
ยิ่งไปกว่านั้น ตรงนี้เป็นจุดบอดที่กิลด์มาสเตอร์มองไม่เห็นอีกด้วย
รู้สึกมีอะไรไม่ชอบมาพากลยังไงก็ไม่รู้
“มีอะไรงั้นเหรอครับ….?”
“นายน่ะ ชื่ออะไร?”
“เรียวครับ ทำงานเป็นพนักงานกิลด์อยู่ที่กิลด์นักผจญภัยในเมืองคาสซานดร้าครับ”
“หืม? อา….อาจจะรู้อยู่แล้วสินะ ชื่อของฉันคือซิลเวีย เป็นนักผจญภัยแรงค์ S ที่อยู่ในปาร์ตี้เฮียกกะเรียวรันในเมืองหลวงแห่งนี้”
ครับ รู้จักอยู่แล้วครับ
แถมยังรู้ด้วยว่าคุณแต่งงานแล้วกับสามีที่มียศถาบรรดาศักดิ์ด้วย
คุณดาร์กเอลฟ์ซิลเวียที่แต่งงานแล้วจ้องมาที่ผมหัวจรดเท้า
แล้วอยู่ๆก็มีเสียงดังที่ข้างหูของผม
“ห้ะ!”
“เอาล่ะ เรียว….นายน่ะ ได้รับเงินมาเท่าไหร่ล่ะ?”
คุณซิลเวียเอามือข้างนึงพิงกำแพงแล้วมองมาที่หน้าผม
นะ นี่มัน ไม่ผิดแน่!
ถ้าเป็นตามสิ่งที่ผมเคยได้ยินพวกผู้หญิงในโลกเก่าของผมเล่าไว้ล่ะก็
‘ถ้าให้พูดถึงตอนที่ไปเที่ยวกับแฟนหนุ่มล่ะก็ มีสถานการณ์ที่ทำให้ใจเต้นตึกตักได้มากที่สุดอยู่ล่ะ!’
เรียกว่า คาเบะด้งรึเปล่านะ!?
“กำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่เหรอครับ?”
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องไปหน่อยเลย นายอุ้มแม่หนูนั่นอยู่ในสวนเมื่อตอนนั้นไม่ใช่หรือไง? ฉันกำลังถามว่าได้เงินมาเท่าไหร่อยู่ไงล่ะ”
พอพูดอย่างนั้น คุณซิลเวียก็ยิ้มราวกับกำลังรังแกคนโง่
อย่างงี้นี่เอง ใจเต้นตึกตักจริงๆด้วยแฮะ แต่เต้นตึกตักเพราะว่ากลัวต่างหากเล่า!
อะ ไอ้สถานการณ์แบบนี้มันเป็นสถานการณ์แบบที่สาวๆชอบจริงๆงั้นเหรอ?
แม้จะหาทางหลบหนี แต่ทางหลบหนีก็หายไปอย่างสิ้นเชิง นี่มันเป็นสถานการณ์ที่น่าจะเรียกว่าสิ้นหวังได้เลยไม่ใช่รึไง?
ตอนนี้ผมรู้เพียงแค่อย่างเดียว ว่าชีวิตของผมกำลังตกอยู่ในอันตรายอยู่ใช่มั้ยเนี่ย?
“ผมไม่เคยรับเงินจากคุณไอริสครับ เหมือนกับที่ผมเคยพูดไปเมื่อตอนที่เราเจอกันครั้งแรก ผมแค่สนุกกับการออกเดตกับคุณไอริสเท่านั้นครับ”
“ชิ….เรื่องเพ้อเจ้อแบบนั้นมันเป็นไปไม่ได้หรอก”
ตอนนี้ภายในอกของผมเต้นตุบตับอย่างแรงด้วยความกลัว แต่ผมก็พูดคำพูดของผมออกไป
“ผมไม่ได้โกหกนะครับ ผมชอบคุณไอริสที่เป็นแบบนี้ครับ”
“หื้ม ยังไม่ยอมบอกอีกงั้นเหรอ มันไม่มีทางหรอกที่จะมีผู้ชายจะชอบเอลฟ์น่าเกลียดแบบนี้อยู่น่ะ คงจะถูกแม่หนูคนนั้นสั่งให้ปิดปากเงียบไม่ให้พูดสินะ”
คุณซิลเวียยังคงยิ้มเย้ยหยัน แต่ไม่รู้ทำไมคำพูดเหล่านั้นของเธอถึงได้ฟังดูเจ็บปวด
ผมเอียงคออยู่ภายในใจ
ตามที่คุยกับคุณไอริสมา…..คุณซิลเวียนี่แต่งงานกับชนชั้นสูงไปแล้วนี่นา?
ถึงเธอจะเป็นภรรยาคนที่สิบสองก็เถอะ แต่เธอไม่ได้แต่งงานกันเพราะว่าเขาชอบเธอเหรอ?
แล้วทำไม เธอถึงยังมาพูดแบบนี้ล่ะ?
เอลฟ์กับดาร์กเอลฟ์แตกต่างกันยังไงนะ?
ไม่สิ ขนาดคุณไอริสยังบอกเลยนะว่าเผ่าเอลฟ์กับดาร์กเอลฟ์ยังมีความเกี่ยวข้องลึกซึ้งนี่นา…?
คุณซิลเวียช้อนค้างของผมด้วยมืออีกข้างก่อนที่จะถามบางอย่างกับผม
“เรียว นายน่ะขัดสนถึงขนาดต้องทำอะไรกับผู้หญิงที่น่าเกลียดแบบนี้เลยงั้นเหรอ? ถ้าเป็นฉันล่ะก็ ฉันจะให้มากเป็นสองเท่าจากที่ไอริสให้นายเลย”
“ห๊ะ”
“ถ้าสองเท่าไม่พอล่ะก็ สามเท่า….ไม่สิ จะให้ห้าเท่าเลยก็ได้นะ ว่าไงล่ะ?”
คำพูดเหล่านั้นสั่นหัวใจของผมอย่างรุนแรง แต่มันก็สั่นเพียงครู่เดียวเท่านั้น
ผมสะบัดมือของคุณซิลเวียออกและพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น
“ช่วยพอแค่นี้ด้วยเถอะครับ ถ้าทำอะไรไปมากกว่านี้ผมจะเรียกคนมาช่วยนะครับ ผมน่ะไม่ได้รับเงินมาจากคุณไอริสจริงๆครับ และผมก็ไม่เคยอยากได้เลยด้วยครับ”
“อึก…”
“ถ้างั้น ขอตัวนะครับ”
คุณซิลเวียมองไปที่มือของเธอที่ถูกปัดอย่างตกตะลึง
หลังจากนั้นเธอก็จ้องมาทางผมด้วยท่าทางน่ากลัว
มองผมแบบนั้นทำไม้!!?
มองยังไง คนที่เป็นเหยื่อน่ะมันก็เป็นผมไม่ใช่เรอะ!?
ทำไมถึงจ้องผมขนาดนั้นกันล่ะครับ
นะ นี่มันอะไรกันเนี่ย?
เป็นคนที่น่ากลัวอะไรแบบนี้นะ…..ผมไม่รู้จริงๆเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ถึงจะได้ยินมาจากคุณไอริสแล้วก็เถอะ แต่เมืองหลวงนี่ช่างน่ากลัวจริงๆ….
อาาา โธ่ รีบไปหากิลด์มาสเตอร์ดีกว่า
ถ้าเป็นอย่างที่คิดล่ะก็ เธอคงไม่เข้ามาหาในจุดที่คนอยู่เยอะๆหรอก
พอตัดสินใจได้แบบนั้นแล้วผมจึงเดินกลับไปหากิลด์มาสเตอร์ด้วยความสบายใจ
และพอผมเดินมาถึง ก็เห็นคุณอาเน็ตก็กลับมาแล้ว พวกเราทั้งสามคนจึงออกจากสำนักงานใหญ่
….แต่ว่า เรียกคุณไอริสที่อายุ 110 ว่าแม่หนูเนี่ย….คุณซิลเวียอายุเท่าไหร่กันแน่นะ?