“เฮ้อ….วันนี้เป็นวันที่แย่จริงๆเลย ให้ตายสิ”
ผมกลับไปที่ห้องพักในโรงเตี๊ยม จากนั้นก็กระโดดลงบนเตียง
แล้วก็บ่นพึมพำกับตัวเองโดยที่หน้าของผมซุกอยู่ที่หมอน
“คุณซิลเวียตั้งใจจะทำอะไรกันแน่นะ? เธอตั้งใจจะว่าร้ายคุณไอริสงั้นเหรอ….? ไม่สิ เห็นเธอพูดถึงเรื่องเงินด้วยนี่นา”
ว่าแต่ จะเอายังไงดีว่า
คาใจเรื่องของคุณซิลเวียก็จริง แต่จะให้เอาไปคุยกับคุณไอริสก็คงไม่ได้
ถ้าบอกไปเธออาจจะรู้สึกแย่ก็ได้
หรือควรไปปรึกษาคุณซึกิคาเงะน่าจะดีกว่านะ?
แต่คุณซึกิคาเงะก็เป็นสมาชิกของโรเซนครูเซอร์ซะด้วยสิ
คงซ่อนเรื่องนี้จากคุณไอริสไม่ได้แน่ๆ
จะให้ไปคุยกับกิลด์มาสเตอร์หรือคุณอาเน็ตก็ไม่ได้ด้วย
พวกเขายังยุ่งอยู่กับการส่งคำร้องให้กับทางสำนักงานใหญ่อยู่เลย
ที่โลกฝั่งนี้….ในเวลาแบบนี้แทบจะไม่มีเพื่อนผู้ชายที่สามารถคุยกันได้อยู่เลย….
“อา นั่นก็เป็นสิ่งที่ตัวคุณผู้มีพระคุณในโลกนี้เคยพูดไว้เหมือนกันเลยล่ะค่ะ เพราะว่าโลกนี้มีผู้ชายไม่กี่คน ดังนั้นเขาจึงไม่มีเพื่อนผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันเลยล่ะค่ะ…..เพราะงั้นตอนนี้ตัวเขาที่ได้เพื่อนใหม่กับการออกไปเที่ยวกับพนักงานกิลด์ชายด้วยกัน จึงรู้สึกสนุกเป็นอย่างมากเลยล่ะค่ะ”
“ใช่แล้วล่ะ นั่นค่อนข้างที่จะเป็นอุปสรรคเลยล่ะ….เฮ้ย!”
ผมที่ควรจะอยู่ในห้องคนเดียว แต่กลับมีเสียงตอบกลับมา
เสียงเล็กๆใสๆ น่ารักๆที่คุ้นเคย ผมจึงหันหน้าออกจากหมอน
ที่อยู่ตรงนั้นก็คือสิ่งที่ยังไงผมก็ไม่มีวันจะลืมลง
ภูติตัวน้อยที่มีปีกผีเสื้ออยู่ที่หลัง!
“โอ โอริออนดีล!? ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ!?”
“ค่า ภูติน้อยแสนอ่อนหวานของคุณ โอริออนดีลเองค่า!”
โอริออนดีลปรากฎตัวพร้อมกับรอยยิ้มที่ไร้เดียงสา
แต่จู่ๆเธอก็เอียงคอด้วยความสงสัย
“อ้าวแหมๆ? มีอะไรเหรอคะคุณผู้มีพระคุณ? ทำไมถึงไปขดตัวอยู่ที่มุมเตียงแบบนั้นล่ะคะ…..”
“อะ อาาา โทษทีนะ พอดีร่างกายมันขยับไปเองน่ะ…”
“แหม….ฉันนี่ล่ะก็ ขอโทษที่มาหาในตอนที่คุณผู้มีพระคุณกำลังเหนื่อยๆอยู่แบบนี้นะคะ….”
โอริออนดีลไหล่ตกแล้วทำหน้าเศร้าหลบตาผม
“เป็นฝ่ายฉันที่มาหาอย่างกระทันหันแบบนี้เองด้วยแหละค่ะ ไม่ต้องสนใจเรื่องของฉันแล้วนอนบนเตียงต่อไปเลยก็ได้นะคะ”
“มะ ไม่เป็นไร ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ”
ผมพยายามบังคับร่างกายที่แข็งทื่อของผมให้ออกมาจากมุมเตียง
อืม ที่ผมหนีไปขดตัวอยู่มุมเตียงไม่ใช่ว่าเพราะเหนื่อยล้าหรืออะไรหรอก
“ว่าแต่ มีเรื่องอะไรล่ะ? เห็นบอกว่าจะข้ามมาโลกฝั่งนี้ไม่ได้ซักพักนี่นา”
“ค่ะ พอดีตอนนี้สะสมพลังเวทย์ไว้เพียงพอที่จะมาเจอกับคุณผู้มีพระคุณได้ซักพักแล้วล่ะค่ะ! แล้วก็พอดีว่าสัมผัสได้ว่าคลื่นวิญญาณของคุณผู้มีพระคุณมีความปั่นป่วนอยู่นิดหน่อยด้วย ก็เลยเป็นห่วงน่ะค่ะ”
“คลื่นมีความปั่นป่วน?”
“สภาวะความเครียดทางจิตใจสูง ถ้าพูดแบบนี้คงเข้าใจได้ง่ายกว่าสินะคะ? คุณผู้มีพระคุณ เกิดอะไรขึ้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้รึเปล่าคะ? เมื่อกี้คุณก็พูดว่าเป็นวันที่แย่จริงๆด้วยสินะคะ?”
“อา…..”
ผมสับสนว่าจะเล่าหรือไม่เล่าดี
แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับโอริออนดีลฟัง
ตอนแรกคิดจะไม่พูดความจริงออกไป แต่พอได้ฟังคำว่าคลื่นปั่นป่วนหรือสภาวะความเครียดสูง
กับเรื่องสภาพจิตใจของผมในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาจากโอริออนดีลแล้ว
พูดความจริงไปเลยน่าจะดีกว่า
กลับกันถ้ามัวแต่มีเล่ห์เหลี่ยมล่ะก็เรื่องคงจะยิ่งยุ่งยากไปอีกแน่ๆ
….จะว่าไปแล้ว ภูติทำแบบนี้ได้ด้วยเรอะ น่ากลัวนะเฟ้ย
ถึงแม้ว่าจะอยู่อีกโลกหนึ่งแต่เธอก็รับรู้ได้ถึงสภาพจิตใจของผมได้….
อย่างงี้ผมก็เหมือนกับเป็นการบอกผมอ้อมๆว่าผมไม่มีทางหนีไปไหนได้อะดิ…..
“หื้มๆๆ….แบบนี้นี่เอง! ดันเจี้ยนที่อยู่ใกล้ๆบ้านเกิดของคุณผู้มีพระคุณ ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปล่ะก็ ในอนาคตก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการปะทุของมอนสเตอร์(แสตมปีด)แน่ๆเลยล่ะค่ะ”
“ใช่แล้วล่ะ เอาเถอะ เมืองคาสซานดร้าประสบความสำเร็จในการดึงดูดนักผจญภัยก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ถ้าฉุกเฉินจริงๆก็น่าจะสามารถเรียกนักผจญภัยระดับสูงมาได้โดยให้รางวัลเยอะๆได้อยู่ล่ะนะ”
“ปัญหาก็คือ นักดาบดาร์กเอลฟ์สาวคนนั้นสินะคะ”
“ไม่รู้เลยซักนิดว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่…..ตัวเองก็มีสามีอยู่แล้วแท้ๆ แต่ทำไมต้องพยายามเสนอเงินให้ผมแบบนั้นด้วยล่ะ? จะว่าดูเหมือนตามรังควานคุณไอริสก็ไม่น่าใช่ด้วยสิ”
โอริออนดีลก็ยังทำเสียง อืมงืมๆๆ พร้อมหน้าลำบากใจไปด้วย
แต่ในจังหวะนั้นก็เหมือนเธอจะปิ๊งอะไรขึ้นมาได้
“เข้าใจแล้วล่ะค่ะ! ยังไงก่อนอื่นฉันจะร่ายคำสาปใส่ทั้งตระกูลของนักดาบดาร์ฟเอลฟ์สาวนั่นเลยก็แล้วกันค่ะ!”
“โทษที เข้าใจอะไรนะ ช่วยอธิบายมาที!?”
ผมรีบจับโอริออนดีลที่กำลังพยายามจะบินไปที่ไหนซักที่
ผมคว้าร่างเล็กๆของเธอไว้ด้วยมือข้างนึงของผม
ถึงแม้ว่าผมจะกังวลว่าผมจะบีบเธอแรงเกินไปรึเปล่าก็เถอะ
แต่เธอก็ดันทำหน้าดูสงบนิ่ง
“ทำไมที่คุยกันถึงมีเรื่องเกี่ยวกับตระกูลด้วยล่ะนั่น? นี่หรือว่าจะไปทำแบบนั้นจริงๆอย่างงั้นเหรอ?”
“ค่ะ! มีโอกาสดีๆก็ให้รีบทำสิคะ”
(ตีเหล็กต้องตีตอนร้อนๆ)
ดีที่ไหน ดีก็บ้าแล้ว!
“ก็นักดาบดาร์กเอลฟ์คนนั้นเป็นคนไม่ดีใช่มั้ยล่ะคะ?ฉันพาคุณผู้มีพระคุณมาที่โลกนี้เพราะหวังอยากจะให้คุณมีความสุขไปกับโลกใบนี้แท้ๆ ทั้งอย่างนั้นกลับมีเรื่องที่ทำให้ผู้มีพระคุณของฉันต้องลำบากแบบนี้น่ะ มันจะเกินไปแล้วนะคะ!”
โอริออนดีลแก้มป่องโกรธฮึ่มๆ
พูดเรื่องบ้าบอ100%แบบนั้นออกมาได้ด้วยเสียงน่ารักๆแบบนั้นเนี่ย น่ากลัวจริงวุ้ย
“แล้วทำไมถึงเป็นทั้งตระกูลล่ะ?”
“เอ๊ะ? ก็นั่นไงคะ ถ้าครอบครัวของตัวเองถูกสาปกระทันหันล่ะก็ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่น่าจะมีเวลาเข้ามายุ่งกับคุณผู้มีพระคุณหรอกค่ะ เพราะงั้นเลยจะร่ายคำสาปไว้จนกว่าคุณผู้มีพระคุณจะเดินทางกลับไปยังเมืองคาสซานดร้าน่ะค่ะ….”
โอริออนดีลเปลี่ยนสีหน้าของตัวเอง ใบหน้าของเธอนั้น ไม่มีความชั่วรายปนอยู่เลย
แต่กลับเต็มไปด้วยความปราถนาดีอันบริสุทธิ์ แต่จะปราถนาดีเกินไปแล้วนะ
“…..ขอบคุณที่ช่วยคิดอะไรให้เยอะแยะนะ แต่ขอรับไว้แค่ความรู้สึกก็พอแล้วล่ะ”
“เอ๊ะ”
“ไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้ ผมรู้สึกถึงความรู้สึกเป็นศัตรูจากคุณซิลเวียอยู่ก็จริง….แต่ผมไม่รู้สึกถึงเจตนาร้ายของเธอเลยซักนิด ผมว่าจะจับตาดูไปก่อนอีกซักพักนึงน่ะ บางทีอีกฝ่ายก็อาจจะจับตาดูผมอยู่ด้วยเหมือนกันก็ได้ล่ะนะ”
“แบบนั้นดีแล้วจริงๆเหรอคะ….? หรือว่าคุณเกรงใจอยู่เหรอคะ? ไม่ต้องเกรงใจฉันก็ได้นะคะ?”
“ไม่ล่ะ ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ….เพียงแค่ความรู้สึกนั้นของโอริออนดีลก็ช่วยฉันไว้มากแล้วล่ะ เพียงแค่นั้นก็เกินพอแล้วล่ะนะ”
“ตายจริง”
โอริออนดีลแก้มแดง ผมล่ะไม่อยากพูดแบบนี้กับภูติน้อยตนนี้เลยจริงๆ
แต่ถ้าผมไม่พูดแบบนี้ออกไปแล้วเธอคงคิดว่าผมเกรงใจเธอจริงๆแน่
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงล่ะก็ครอบครัวของคุณซิลเวียเดือนร้อนหนักแน่ๆ….
“พอดีว่ายังมีอีกเรื่องที่อยากรู้เผื่อไว้น่ะนะ คำสาปนั้นเนี่ยจะมีผลยังไงเหรอ?”
“มันก็ไม่ได้ร้ายแรงถึงชีวิตหรืออะไรถึงขนาดนั้นหรอกนะคะ แค่ทำให้โชคร้ายนิดหน่อยเท่านั้นเองค่ะ”
“โชคร้ายนิดหน่อยเนี่ย ประมาณว่าจะเดินสะดุดหินอะไรงี้เหรอ?”
“เป็นคำสาปที่น่าจะทำให้โชคติดลบอะไรประมาณนี้ล่ะมั้งคะ ตัวอย่างเช่น ถ้ามีแผลถลอกเล็กน้อย แผลนั่นก็เริ่มกลายเป็นแผลฉกรรจ์ที่จะทำให้บาดเจ็บจนไม่สามารถลุกออกจากเตียงได้เป็นเวลาหลายเดือนเลยล่ะค่ะ หรือไม่ก็ทำให้ธุรกิจโดนโกงจนต้องติดหนี้….เป็นคำสาปอะไรประมาณนี้แหละค่ะ!”
ภูติตนนี้ เข้าใจคำว่า ‘นิดหน่อย’ รึเปล่าเนี่ย?
“แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละค่ะ….คุณผู้มีพระคุณบอกว่าเธอดูไม่ได้มีเจตนาร้ายก็จริง แต่เราก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเผ่าอายุยืนนั่นจะทำอะไรอยู่ดีนี่คะ…..อ๊ะ จริงสิ จะว่าไปก็มีของดีๆอยู่นะคะ!”
โอริออนดีลร่ายเวทย์บนขึ้นข้างบนด้วยรอยยิ้มราวกับว่าคิดอะไรดีๆได้
จากนั้นวงเวทย์ก็ปรากฎขึ้นบนอากาศ มีแหวนสีทองประกายหล่นลงมาจากกลางวงเวทย์
ผมเลยยื่นมือออกไปจับแหวนนั้นก่อนที่มันจะตกลงพื้น
“แหวนนี่คือ….?”
“นี่ก็คือแหวนที่ถูกเรียกว่า ‘แหวนแห่งควอนดร้า’ ค่ะ
ฉันจะให้สิ่งนี้กับคุณผู้มีพระคุณนะคะ จะสวมที่นิ้วไหนก็ได้นะคะ!”
“…..ถามเผื่อเพื่อความปลอดภัยนะ มันไม่มีข้อเสียอะไรใช่มั้ย?”
“ค่ะ สบายหายห่วงเลยค่ะ!”
พอโอริออนดีลบอกแบบนั้น ผมก็ได้ใส่แหวนด้วยความรู้สึกกลัวๆ
แหวนนี้มันพอดีกับนิ้วผม ราวกับว่ามันถูกสร้างมาเพื่อผมเลย
“ในขณะที่สวมแหวนนั้นอยู่ ให้พูดว่า [หนามอัมพาต] หรือไม่ก็ [หนามพิษ] ดูนะคะ”
(จริงๆต้นฉบับใช้คำว่ากรงเล็บ แต่พอใช้ออกมามันดันออกมาเหมือนหนาม ก็เลยเปลี่ยนให้ดูเข้ากับบริบทเป็นหนามแทน)
“เอ่อ….ถ้างั้นก็ [หนามอัมพาต]”
ผมส่งเสียงดังนั้นในหัวของผม
จากนั้นก็มีหนามแหลมๆโผล่ออกมาจากแหวน แต่ว่า ถึงหนามนั่นจะทิ่มโดนผมแต่ผมกลับไม่รู้สึกเจ็บเลย
“ว้าว!? สุดยอดเลยนะ นี่มันอะไรกันน่ะ”
“อะไรก็ตามที่ถูกโจมตีจากหนามนี้จะทำให้สิ่งนั้นเป็นอมพาตหรือติดพิษได้โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างของความสามารถเลยล่ะค่ะ!”
“เห….นี่มันสุดยอดไปเลยนะ”
“ฉะนั้นแล้ว ถ้าในยามที่นักดาบดาร์กเอลฟ์สาวคนนั้นจ้องจะเอาชีวิตคุณขึ้นมาหรือไม่ก็ตอนที่คุณรู้สึกว่าชีวิตตกอยู่ในอันตรายล่ะก็ ได้โปรดใช้สิ่งนี้นะคะ เพียงแค่นึก [ปลดปล่อยหนาม] ก็จะสามารถโจมตีศัตรูด้วยหนามได้ค่ะ”
“เริ่มจะสุดยอดขึ้นเรื่อยๆแล้วแฮะ ให้เจ้านี่กับผมมันจะดีเหรอ?”
“แน่นอนค่ะ! ถ้าเพื่อคุณผู้มีพระคุณอันเป็นที่รักของฉันแล้วล่ะก็”
โอริออนดีลยิ้มออกมา ยิ้มของเธอน่ารักจริงๆเลย….ใช่ น่ารักแค่ยิ้มน่ะนะ
เอาเถอะ อย่างน้อยนี่มันก็คงดีกว่าการร่ายคำสาปใส่ทั้งตระกูลเยอะล่ะนะ
….แต่ว่า คุณซิลเวียก็เป็นนักผจญภัยแรงค์ S ด้วยสิ อย่างน้อยก็น่าจะมีอุปกรณ์ต้านทานสถานะผิดปกติอยู่ล่ะนะ….
เอาเถอะ ไม่ต้องบอกเรื่องนั้นกับโอริออนดีลจะดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยวคงได้มีการร่ายคำสาปใส่วงตระกูลอีกแน่ๆ
“งั้นก็ขอรับไว้แล้วกันนะ ขอบคุณสำหรับหลายๆเรื่องนะ”
“แค่นี้เอง ไม่มีปัญหาเลยซักนิดค่ะ หลังจากนี้ถ้ากำลังลำบากล่ะก็ สามารถเรียกโอริออนดีลผู้น่าเชื่อถือคนนี้ได้เสมอเลยนะคะ!”
“ไม่ล่ะ ถ้าต้องมาที่ฝั่งนี้บ่อยๆจะแย่เอานะ แบบนั้นโอริออนดีลก็คงจะไม่ไหวเอาน่ะสิ ไม่จำเป็นที่จะต้องมาที่ฝั่งนี้บ่อยมากก็ได้นะ…..จริงๆนะ”
“แหม….กะแล้วเชียวคุณผู้มีพระคุณนี่ใจดีจริงๆเลยนะคะ….!”
โอริออนดีลดูเหมือนจะประทับใจ
ในช่วงเวลานี้นี่แหละ จะต้องใช้เวลาในการตัดสัมพันธ์กับภูติตนนี้ให้ได้อย่างสมบูรณ์
“อ๊ะ จริงสิ ฉันนี่ล่ะก็ ลืมเรื่องที่จะบอกไปซะได้ค่ะ”
“หืม?”
“แหวนนั่นน่ะ ต่อให้อีกฝ่ายจะมีต้านทานสถานะผิดปกติก็ไร้ผลค่ะ เพราะงั้นหายห่วงได้เลยค่ะ เพราะตัวแหวนมีสกิลติดตัว(Passive skill) ในการลบล้างการต่อต้านสถานะผิดปกติติดตัวอยู่ด้วยค่ะ”
“ห๊ะ!?….เดี๋ยวก่อนนะ….นั่นมันอะไรกันน่ะ!?”
“อ้าว ไม่รู้จักการต่อต้านสถานะผิดปกติเหรอคะ?”
“ก็เพราะรู้ถึงได้ตกใจนี่ยังไงล่ะ! มันเป็นอุปกรณ์ที่สุดโต่งขนาดนั้นเลยหรอเจ้านี่น่ะ!?”
สกิลลบล้างการต้านทานสถานะผิดปกตินี่จะเป็นสกิลติดตัวงั้นเหรอเนี่ย….!
ถ้าเป็นงั้นจริงไอเทมชิ้นนี้น่าจะต้องเป็นแรงค์ S ขึ้นไปเลยนะ!?
มีความเป็นไปได้ที่อาจจะมากกว่าแรงค์ SS ซะด้วยซ้ำ….!
พอถึงจุดนี้จู่ๆผมก็สังเกตถึงอะไรบางอย่าง
แหวนนี้ แหวนแห่งควอนดร้า ใช่มั้ยนะ?
ถ้าชื่อควอนดร้าล่ะก็ นั่นเป็นชื่อที่ไม่ว่าใครประเทศนี้ก็ต้องรู้จัก
…..ว่ากันว่าตัวจริงของผู้ชายคนนั้นคือมนุษย์มาร ลูกครึ่งมนุษย์ปีศาจ
ชายคนนั้นได้ก่อตั้งองค์กรชั่วร้ายผิดกฎหมายในประเทศนี้เมื่อ 300 ปีก่อน
เป็นคนที่กระทำความผิดทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะลักลอบสินค้า ลอบสังหาร ลักพาตัว
ค้ามนุษย์ กักขังหน่วงเหนี่ยว ทำร้ายร่างกาย เป็นชายผู้ที่ประสบความสำเร็จในการก่ออาชญากรรมอย่างแท้จริง
กิลด์แห่งความมืด…..ชื่อของกิลด์มาสเตอร์แห่งความมืดนั่นก็คือ ควอนดร้า เคเซารอส
ตามบันทึก ควอนดร้านั้นเก่งในเรื่องของการลอบสังหารเป็นพิเศษ
เป้าหมายที่เข้ามาในรัศมี 5 เมตรของควอนดร้าจะเป็นติดสถานะอัมพาตหรือไม่ก็ติดพิษ
ไม่ว่าจะใส่อุปกรณ์ต้านทานสถานะผิดปกติราคาแพงขนาดไหนก็ไร้ผล
จนถึงตอนนี้เรื่องที่ว่าเขาสามารถสร้างบาดแผลให้กับเป้าหมายได้ยังไงนั้นก็ยังคงไม่มีใครรู้
บางทีอุปกรณ์ที่เป็นปริศนาเมื่อสามร้อยปีก่อนนั้นจะตกมาอยู่ในมือของผมตอนนี้แล้ว!?
“ดะ เดี๋ยวก่อน โอริออนดีล! ว่าแล้วผมรับแหวนนี้ไว้ไม่ได้จริงๆ….!?”
พอผมพูดอย่างงั้นออกไป ก่อนที่ผมจะรู้สึกตัว ร่างกายของโอริออนดีลก็โปร่งแสง
“คุณผู้มีพระคุณ กับฉันแล้วไม่จำเป็นต้องเกรงใจหรอกนะคะ! ถ้าอย่างงั้นไว้พบกันอีกในซักวัน ถึงตอนนั้นค่อยมาคุยกันสบายๆนะคะ”
ดูเหมือนว่าตอนนี้จะเป็นเวลาที่จะต้องกลับไปที่โลกฝั่งนั้นแล้ว
โอริออนดีลโบกมือลาผมพร้อมกับรอยยิ้ม แล้วจากนั้นเธอก็หายไป
“……”
ผมจ้องเขม็งไปตรงที่ที่ว่างเปล่า
เนื่องจากโอริออนดีบจากไปอย่างงดงาม ผมเลยนั่งคิดกับตัวเองว่าหรือจริงๆแล้วผมกำลังฝันอยู่รึเปล่า
แต่น่าเสียดาย ความหวังที่อยากจะให้มันเป็นแค่ฝันนั้ของผมกลับถูกทำลายด้วยแหวนที่ส่องประกายเจิดจ้าบนนิ้วของผม