นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 35

 

“เฮ้อ….วันนี้เป็นวันที่แย่จริงๆเลย ให้ตายสิ”

 

ผมกลับไปที่ห้องพักในโรงเตี๊ยม จากนั้นก็กระโดดลงบนเตียง

แล้วก็บ่นพึมพำกับตัวเองโดยที่หน้าของผมซุกอยู่ที่หมอน

 

“คุณซิลเวียตั้งใจจะทำอะไรกันแน่นะ? เธอตั้งใจจะว่าร้ายคุณไอริสงั้นเหรอ….? ไม่สิ เห็นเธอพูดถึงเรื่องเงินด้วยนี่นา”

 

ว่าแต่ จะเอายังไงดีว่า

คาใจเรื่องของคุณซิลเวียก็จริง แต่จะให้เอาไปคุยกับคุณไอริสก็คงไม่ได้

ถ้าบอกไปเธออาจจะรู้สึกแย่ก็ได้

 

หรือควรไปปรึกษาคุณซึกิคาเงะน่าจะดีกว่านะ?

แต่คุณซึกิคาเงะก็เป็นสมาชิกของโรเซนครูเซอร์ซะด้วยสิ  

คงซ่อนเรื่องนี้จากคุณไอริสไม่ได้แน่ๆ

 

จะให้ไปคุยกับกิลด์มาสเตอร์หรือคุณอาเน็ตก็ไม่ได้ด้วย

พวกเขายังยุ่งอยู่กับการส่งคำร้องให้กับทางสำนักงานใหญ่อยู่เลย

ที่โลกฝั่งนี้….ในเวลาแบบนี้แทบจะไม่มีเพื่อนผู้ชายที่สามารถคุยกันได้อยู่เลย….

 

“อา นั่นก็เป็นสิ่งที่ตัวคุณผู้มีพระคุณในโลกนี้เคยพูดไว้เหมือนกันเลยล่ะค่ะ เพราะว่าโลกนี้มีผู้ชายไม่กี่คน ดังนั้นเขาจึงไม่มีเพื่อนผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันเลยล่ะค่ะ…..เพราะงั้นตอนนี้ตัวเขาที่ได้เพื่อนใหม่กับการออกไปเที่ยวกับพนักงานกิลด์ชายด้วยกัน จึงรู้สึกสนุกเป็นอย่างมากเลยล่ะค่ะ”

 

“ใช่แล้วล่ะ นั่นค่อนข้างที่จะเป็นอุปสรรคเลยล่ะ….เฮ้ย!”

 

ผมที่ควรจะอยู่ในห้องคนเดียว แต่กลับมีเสียงตอบกลับมา

เสียงเล็กๆใสๆ น่ารักๆที่คุ้นเคย ผมจึงหันหน้าออกจากหมอน

ที่อยู่ตรงนั้นก็คือสิ่งที่ยังไงผมก็ไม่มีวันจะลืมลง

ภูติตัวน้อยที่มีปีกผีเสื้ออยู่ที่หลัง!

 

“โอ โอริออนดีล!? ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ!?”

 

“ค่า ภูติน้อยแสนอ่อนหวานของคุณ โอริออนดีลเองค่า!”

 

โอริออนดีลปรากฎตัวพร้อมกับรอยยิ้มที่ไร้เดียงสา

แต่จู่ๆเธอก็เอียงคอด้วยความสงสัย

 

“อ้าวแหมๆ? มีอะไรเหรอคะคุณผู้มีพระคุณ? ทำไมถึงไปขดตัวอยู่ที่มุมเตียงแบบนั้นล่ะคะ…..”

 

“อะ อาาา โทษทีนะ พอดีร่างกายมันขยับไปเองน่ะ…”

 

“แหม….ฉันนี่ล่ะก็ ขอโทษที่มาหาในตอนที่คุณผู้มีพระคุณกำลังเหนื่อยๆอยู่แบบนี้นะคะ….”

 

โอริออนดีลไหล่ตกแล้วทำหน้าเศร้าหลบตาผม

 

“เป็นฝ่ายฉันที่มาหาอย่างกระทันหันแบบนี้เองด้วยแหละค่ะ ไม่ต้องสนใจเรื่องของฉันแล้วนอนบนเตียงต่อไปเลยก็ได้นะคะ”

 

“มะ ไม่เป็นไร ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ”

 

ผมพยายามบังคับร่างกายที่แข็งทื่อของผมให้ออกมาจากมุมเตียง

อืม ที่ผมหนีไปขดตัวอยู่มุมเตียงไม่ใช่ว่าเพราะเหนื่อยล้าหรืออะไรหรอก

 

“ว่าแต่ มีเรื่องอะไรล่ะ? เห็นบอกว่าจะข้ามมาโลกฝั่งนี้ไม่ได้ซักพักนี่นา”

 

“ค่ะ พอดีตอนนี้สะสมพลังเวทย์ไว้เพียงพอที่จะมาเจอกับคุณผู้มีพระคุณได้ซักพักแล้วล่ะค่ะ! แล้วก็พอดีว่าสัมผัสได้ว่าคลื่นวิญญาณของคุณผู้มีพระคุณมีความปั่นป่วนอยู่นิดหน่อยด้วย ก็เลยเป็นห่วงน่ะค่ะ”

 

“คลื่นมีความปั่นป่วน?”

 

“สภาวะความเครียดทางจิตใจสูง ถ้าพูดแบบนี้คงเข้าใจได้ง่ายกว่าสินะคะ? คุณผู้มีพระคุณ เกิดอะไรขึ้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้รึเปล่าคะ? เมื่อกี้คุณก็พูดว่าเป็นวันที่แย่จริงๆด้วยสินะคะ?”

 

“อา…..”

 

ผมสับสนว่าจะเล่าหรือไม่เล่าดี

แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับโอริออนดีลฟัง

 

ตอนแรกคิดจะไม่พูดความจริงออกไป แต่พอได้ฟังคำว่าคลื่นปั่นป่วนหรือสภาวะความเครียดสูง

กับเรื่องสภาพจิตใจของผมในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาจากโอริออนดีลแล้ว

พูดความจริงไปเลยน่าจะดีกว่า

 

กลับกันถ้ามัวแต่มีเล่ห์เหลี่ยมล่ะก็เรื่องคงจะยิ่งยุ่งยากไปอีกแน่ๆ

….จะว่าไปแล้ว ภูติทำแบบนี้ได้ด้วยเรอะ น่ากลัวนะเฟ้ย

 

ถึงแม้ว่าจะอยู่อีกโลกหนึ่งแต่เธอก็รับรู้ได้ถึงสภาพจิตใจของผมได้….

อย่างงี้ผมก็เหมือนกับเป็นการบอกผมอ้อมๆว่าผมไม่มีทางหนีไปไหนได้อะดิ…..

 

“หื้มๆๆ….แบบนี้นี่เอง! ดันเจี้ยนที่อยู่ใกล้ๆบ้านเกิดของคุณผู้มีพระคุณ ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปล่ะก็ ในอนาคตก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการปะทุของมอนสเตอร์(แสตมปีด)แน่ๆเลยล่ะค่ะ”

 

“ใช่แล้วล่ะ เอาเถอะ เมืองคาสซานดร้าประสบความสำเร็จในการดึงดูดนักผจญภัยก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ถ้าฉุกเฉินจริงๆก็น่าจะสามารถเรียกนักผจญภัยระดับสูงมาได้โดยให้รางวัลเยอะๆได้อยู่ล่ะนะ”

 

“ปัญหาก็คือ นักดาบดาร์กเอลฟ์สาวคนนั้นสินะคะ”

 

“ไม่รู้เลยซักนิดว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่…..ตัวเองก็มีสามีอยู่แล้วแท้ๆ แต่ทำไมต้องพยายามเสนอเงินให้ผมแบบนั้นด้วยล่ะ? จะว่าดูเหมือนตามรังควานคุณไอริสก็ไม่น่าใช่ด้วยสิ”

 

โอริออนดีลก็ยังทำเสียง อืมงืมๆๆ พร้อมหน้าลำบากใจไปด้วย

แต่ในจังหวะนั้นก็เหมือนเธอจะปิ๊งอะไรขึ้นมาได้

 

“เข้าใจแล้วล่ะค่ะ! ยังไงก่อนอื่นฉันจะร่ายคำสาปใส่ทั้งตระกูลของนักดาบดาร์ฟเอลฟ์สาวนั่นเลยก็แล้วกันค่ะ!”

 

“โทษที เข้าใจอะไรนะ ช่วยอธิบายมาที!?”

 

ผมรีบจับโอริออนดีลที่กำลังพยายามจะบินไปที่ไหนซักที่

ผมคว้าร่างเล็กๆของเธอไว้ด้วยมือข้างนึงของผม

 

ถึงแม้ว่าผมจะกังวลว่าผมจะบีบเธอแรงเกินไปรึเปล่าก็เถอะ

แต่เธอก็ดันทำหน้าดูสงบนิ่ง

 

“ทำไมที่คุยกันถึงมีเรื่องเกี่ยวกับตระกูลด้วยล่ะนั่น? นี่หรือว่าจะไปทำแบบนั้นจริงๆอย่างงั้นเหรอ?”

 

“ค่ะ! มีโอกาสดีๆก็ให้รีบทำสิคะ”

(ตีเหล็กต้องตีตอนร้อนๆ)

 

ดีที่ไหน ดีก็บ้าแล้ว!

 

“ก็นักดาบดาร์กเอลฟ์คนนั้นเป็นคนไม่ดีใช่มั้ยล่ะคะ?ฉันพาคุณผู้มีพระคุณมาที่โลกนี้เพราะหวังอยากจะให้คุณมีความสุขไปกับโลกใบนี้แท้ๆ ทั้งอย่างนั้นกลับมีเรื่องที่ทำให้ผู้มีพระคุณของฉันต้องลำบากแบบนี้น่ะ มันจะเกินไปแล้วนะคะ!”

 

โอริออนดีลแก้มป่องโกรธฮึ่มๆ

พูดเรื่องบ้าบอ100%แบบนั้นออกมาได้ด้วยเสียงน่ารักๆแบบนั้นเนี่ย น่ากลัวจริงวุ้ย

 

“แล้วทำไมถึงเป็นทั้งตระกูลล่ะ?”

 

“เอ๊ะ? ก็นั่นไงคะ ถ้าครอบครัวของตัวเองถูกสาปกระทันหันล่ะก็ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่น่าจะมีเวลาเข้ามายุ่งกับคุณผู้มีพระคุณหรอกค่ะ เพราะงั้นเลยจะร่ายคำสาปไว้จนกว่าคุณผู้มีพระคุณจะเดินทางกลับไปยังเมืองคาสซานดร้าน่ะค่ะ….”

 

โอริออนดีลเปลี่ยนสีหน้าของตัวเอง ใบหน้าของเธอนั้น ไม่มีความชั่วรายปนอยู่เลย

แต่กลับเต็มไปด้วยความปราถนาดีอันบริสุทธิ์ แต่จะปราถนาดีเกินไปแล้วนะ

 

“…..ขอบคุณที่ช่วยคิดอะไรให้เยอะแยะนะ แต่ขอรับไว้แค่ความรู้สึกก็พอแล้วล่ะ”

 

“เอ๊ะ”

 

“ไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้ ผมรู้สึกถึงความรู้สึกเป็นศัตรูจากคุณซิลเวียอยู่ก็จริง….แต่ผมไม่รู้สึกถึงเจตนาร้ายของเธอเลยซักนิด ผมว่าจะจับตาดูไปก่อนอีกซักพักนึงน่ะ บางทีอีกฝ่ายก็อาจจะจับตาดูผมอยู่ด้วยเหมือนกันก็ได้ล่ะนะ”

 

“แบบนั้นดีแล้วจริงๆเหรอคะ….? หรือว่าคุณเกรงใจอยู่เหรอคะ?  ไม่ต้องเกรงใจฉันก็ได้นะคะ?”

 

“ไม่ล่ะ ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ….เพียงแค่ความรู้สึกนั้นของโอริออนดีลก็ช่วยฉันไว้มากแล้วล่ะ เพียงแค่นั้นก็เกินพอแล้วล่ะนะ”

 

“ตายจริง”

 

โอริออนดีลแก้มแดง ผมล่ะไม่อยากพูดแบบนี้กับภูติน้อยตนนี้เลยจริงๆ

แต่ถ้าผมไม่พูดแบบนี้ออกไปแล้วเธอคงคิดว่าผมเกรงใจเธอจริงๆแน่

ถ้าเป็นแบบนั้นจริงล่ะก็ครอบครัวของคุณซิลเวียเดือนร้อนหนักแน่ๆ….

 

“พอดีว่ายังมีอีกเรื่องที่อยากรู้เผื่อไว้น่ะนะ คำสาปนั้นเนี่ยจะมีผลยังไงเหรอ?”

 

“มันก็ไม่ได้ร้ายแรงถึงชีวิตหรืออะไรถึงขนาดนั้นหรอกนะคะ แค่ทำให้โชคร้ายนิดหน่อยเท่านั้นเองค่ะ”

 

“โชคร้ายนิดหน่อยเนี่ย ประมาณว่าจะเดินสะดุดหินอะไรงี้เหรอ?”

 

“เป็นคำสาปที่น่าจะทำให้โชคติดลบอะไรประมาณนี้ล่ะมั้งคะ ตัวอย่างเช่น ถ้ามีแผลถลอกเล็กน้อย แผลนั่นก็เริ่มกลายเป็นแผลฉกรรจ์ที่จะทำให้บาดเจ็บจนไม่สามารถลุกออกจากเตียงได้เป็นเวลาหลายเดือนเลยล่ะค่ะ หรือไม่ก็ทำให้ธุรกิจโดนโกงจนต้องติดหนี้….เป็นคำสาปอะไรประมาณนี้แหละค่ะ!”

 

ภูติตนนี้ เข้าใจคำว่า ‘นิดหน่อย’ รึเปล่าเนี่ย?

 

“แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละค่ะ….คุณผู้มีพระคุณบอกว่าเธอดูไม่ได้มีเจตนาร้ายก็จริง แต่เราก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเผ่าอายุยืนนั่นจะทำอะไรอยู่ดีนี่คะ…..อ๊ะ จริงสิ จะว่าไปก็มีของดีๆอยู่นะคะ!”

 

โอริออนดีลร่ายเวทย์บนขึ้นข้างบนด้วยรอยยิ้มราวกับว่าคิดอะไรดีๆได้

จากนั้นวงเวทย์ก็ปรากฎขึ้นบนอากาศ มีแหวนสีทองประกายหล่นลงมาจากกลางวงเวทย์

ผมเลยยื่นมือออกไปจับแหวนนั้นก่อนที่มันจะตกลงพื้น

 

“แหวนนี่คือ….?”

 

“นี่ก็คือแหวนที่ถูกเรียกว่า ‘แหวนแห่งควอนดร้า’ ค่ะ  

ฉันจะให้สิ่งนี้กับคุณผู้มีพระคุณนะคะ จะสวมที่นิ้วไหนก็ได้นะคะ!”

 

“…..ถามเผื่อเพื่อความปลอดภัยนะ มันไม่มีข้อเสียอะไรใช่มั้ย?”

 

“ค่ะ สบายหายห่วงเลยค่ะ!”

 

พอโอริออนดีลบอกแบบนั้น ผมก็ได้ใส่แหวนด้วยความรู้สึกกลัวๆ

แหวนนี้มันพอดีกับนิ้วผม ราวกับว่ามันถูกสร้างมาเพื่อผมเลย

 

“ในขณะที่สวมแหวนนั้นอยู่ ให้พูดว่า [หนามอัมพาต] หรือไม่ก็ [หนามพิษ] ดูนะคะ”

(จริงๆต้นฉบับใช้คำว่ากรงเล็บ แต่พอใช้ออกมามันดันออกมาเหมือนหนาม ก็เลยเปลี่ยนให้ดูเข้ากับบริบทเป็นหนามแทน)

 

“เอ่อ….ถ้างั้นก็ [หนามอัมพาต]”

 

ผมส่งเสียงดังนั้นในหัวของผม

จากนั้นก็มีหนามแหลมๆโผล่ออกมาจากแหวน แต่ว่า ถึงหนามนั่นจะทิ่มโดนผมแต่ผมกลับไม่รู้สึกเจ็บเลย

 

“ว้าว!? สุดยอดเลยนะ นี่มันอะไรกันน่ะ”

 

“อะไรก็ตามที่ถูกโจมตีจากหนามนี้จะทำให้สิ่งนั้นเป็นอมพาตหรือติดพิษได้โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างของความสามารถเลยล่ะค่ะ!”

 

“เห….นี่มันสุดยอดไปเลยนะ”

 

“ฉะนั้นแล้ว ถ้าในยามที่นักดาบดาร์กเอลฟ์สาวคนนั้นจ้องจะเอาชีวิตคุณขึ้นมาหรือไม่ก็ตอนที่คุณรู้สึกว่าชีวิตตกอยู่ในอันตรายล่ะก็ ได้โปรดใช้สิ่งนี้นะคะ เพียงแค่นึก [ปลดปล่อยหนาม] ก็จะสามารถโจมตีศัตรูด้วยหนามได้ค่ะ”

 

“เริ่มจะสุดยอดขึ้นเรื่อยๆแล้วแฮะ ให้เจ้านี่กับผมมันจะดีเหรอ?”

 

“แน่นอนค่ะ! ถ้าเพื่อคุณผู้มีพระคุณอันเป็นที่รักของฉันแล้วล่ะก็”

 

โอริออนดีลยิ้มออกมา ยิ้มของเธอน่ารักจริงๆเลย….ใช่ น่ารักแค่ยิ้มน่ะนะ

เอาเถอะ อย่างน้อยนี่มันก็คงดีกว่าการร่ายคำสาปใส่ทั้งตระกูลเยอะล่ะนะ

 

….แต่ว่า คุณซิลเวียก็เป็นนักผจญภัยแรงค์ S ด้วยสิ อย่างน้อยก็น่าจะมีอุปกรณ์ต้านทานสถานะผิดปกติอยู่ล่ะนะ….

เอาเถอะ ไม่ต้องบอกเรื่องนั้นกับโอริออนดีลจะดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยวคงได้มีการร่ายคำสาปใส่วงตระกูลอีกแน่ๆ

 

“งั้นก็ขอรับไว้แล้วกันนะ ขอบคุณสำหรับหลายๆเรื่องนะ”

 

“แค่นี้เอง ไม่มีปัญหาเลยซักนิดค่ะ หลังจากนี้ถ้ากำลังลำบากล่ะก็ สามารถเรียกโอริออนดีลผู้น่าเชื่อถือคนนี้ได้เสมอเลยนะคะ!”

 

“ไม่ล่ะ ถ้าต้องมาที่ฝั่งนี้บ่อยๆจะแย่เอานะ แบบนั้นโอริออนดีลก็คงจะไม่ไหวเอาน่ะสิ ไม่จำเป็นที่จะต้องมาที่ฝั่งนี้บ่อยมากก็ได้นะ…..จริงๆนะ”

 

“แหม….กะแล้วเชียวคุณผู้มีพระคุณนี่ใจดีจริงๆเลยนะคะ….!”

 

โอริออนดีลดูเหมือนจะประทับใจ

ในช่วงเวลานี้นี่แหละ จะต้องใช้เวลาในการตัดสัมพันธ์กับภูติตนนี้ให้ได้อย่างสมบูรณ์

 

“อ๊ะ จริงสิ ฉันนี่ล่ะก็ ลืมเรื่องที่จะบอกไปซะได้ค่ะ”

 

“หืม?”

 

“แหวนนั่นน่ะ ต่อให้อีกฝ่ายจะมีต้านทานสถานะผิดปกติก็ไร้ผลค่ะ เพราะงั้นหายห่วงได้เลยค่ะ เพราะตัวแหวนมีสกิลติดตัว(Passive skill) ในการลบล้างการต่อต้านสถานะผิดปกติติดตัวอยู่ด้วยค่ะ”

 

“ห๊ะ!?….เดี๋ยวก่อนนะ….นั่นมันอะไรกันน่ะ!?”

 

“อ้าว ไม่รู้จักการต่อต้านสถานะผิดปกติเหรอคะ?”

 

“ก็เพราะรู้ถึงได้ตกใจนี่ยังไงล่ะ! มันเป็นอุปกรณ์ที่สุดโต่งขนาดนั้นเลยหรอเจ้านี่น่ะ!?”

 

สกิลลบล้างการต้านทานสถานะผิดปกตินี่จะเป็นสกิลติดตัวงั้นเหรอเนี่ย….!

ถ้าเป็นงั้นจริงไอเทมชิ้นนี้น่าจะต้องเป็นแรงค์ S ขึ้นไปเลยนะ!?

มีความเป็นไปได้ที่อาจจะมากกว่าแรงค์ SS ซะด้วยซ้ำ….!

พอถึงจุดนี้จู่ๆผมก็สังเกตถึงอะไรบางอย่าง

 

แหวนนี้ แหวนแห่งควอนดร้า ใช่มั้ยนะ?

ถ้าชื่อควอนดร้าล่ะก็ นั่นเป็นชื่อที่ไม่ว่าใครประเทศนี้ก็ต้องรู้จัก

…..ว่ากันว่าตัวจริงของผู้ชายคนนั้นคือมนุษย์มาร ลูกครึ่งมนุษย์ปีศาจ

 

ชายคนนั้นได้ก่อตั้งองค์กรชั่วร้ายผิดกฎหมายในประเทศนี้เมื่อ 300 ปีก่อน

เป็นคนที่กระทำความผิดทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะลักลอบสินค้า ลอบสังหาร ลักพาตัว

ค้ามนุษย์ กักขังหน่วงเหนี่ยว ทำร้ายร่างกาย เป็นชายผู้ที่ประสบความสำเร็จในการก่ออาชญากรรมอย่างแท้จริง

 

กิลด์แห่งความมืด…..ชื่อของกิลด์มาสเตอร์แห่งความมืดนั่นก็คือ ควอนดร้า เคเซารอส

ตามบันทึก ควอนดร้านั้นเก่งในเรื่องของการลอบสังหารเป็นพิเศษ

 

เป้าหมายที่เข้ามาในรัศมี 5 เมตรของควอนดร้าจะเป็นติดสถานะอัมพาตหรือไม่ก็ติดพิษ

ไม่ว่าจะใส่อุปกรณ์ต้านทานสถานะผิดปกติราคาแพงขนาดไหนก็ไร้ผล

 

จนถึงตอนนี้เรื่องที่ว่าเขาสามารถสร้างบาดแผลให้กับเป้าหมายได้ยังไงนั้นก็ยังคงไม่มีใครรู้

บางทีอุปกรณ์ที่เป็นปริศนาเมื่อสามร้อยปีก่อนนั้นจะตกมาอยู่ในมือของผมตอนนี้แล้ว!?

 

“ดะ เดี๋ยวก่อน โอริออนดีล! ว่าแล้วผมรับแหวนนี้ไว้ไม่ได้จริงๆ….!?”

 

พอผมพูดอย่างงั้นออกไป ก่อนที่ผมจะรู้สึกตัว ร่างกายของโอริออนดีลก็โปร่งแสง

 

“คุณผู้มีพระคุณ กับฉันแล้วไม่จำเป็นต้องเกรงใจหรอกนะคะ! ถ้าอย่างงั้นไว้พบกันอีกในซักวัน ถึงตอนนั้นค่อยมาคุยกันสบายๆนะคะ”

 

ดูเหมือนว่าตอนนี้จะเป็นเวลาที่จะต้องกลับไปที่โลกฝั่งนั้นแล้ว

โอริออนดีลโบกมือลาผมพร้อมกับรอยยิ้ม แล้วจากนั้นเธอก็หายไป

 

“……”

 

ผมจ้องเขม็งไปตรงที่ที่ว่างเปล่า

เนื่องจากโอริออนดีบจากไปอย่างงดงาม ผมเลยนั่งคิดกับตัวเองว่าหรือจริงๆแล้วผมกำลังฝันอยู่รึเปล่า

แต่น่าเสียดาย ความหวังที่อยากจะให้มันเป็นแค่ฝันนั้ของผมกลับถูกทำลายด้วยแหวนที่ส่องประกายเจิดจ้าบนนิ้วของผม

 

 

 

นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน

นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
อ่านนิยาย นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนานผมทำตามที่กิลด์มาสเตอร์สั่งและเดินตรงไปยังห้องประเมินของกิลด์ ในตอนที่ผมเปิดประตูเข้าไป สินค้าก็ได้วางอยู่ในห้องไว้อยู่แล้ว และเมจิคไอเทมที่กิลด์มาสเตอร์อยากให้ผมประเมินนั้นวางอยู่บนโต๊ะ ผมเดินไปหยิบคริสตัลประเมินออกมาจากตู้และเปิดใช้งานมันด้วยพลังเวทย์ คริสตัลประเมินนี่ถือว่าเป็นของมีค่ามากเลยทีเดียว ในแต่ละกิลด์ภายในอาณาจักรจะต้องคริสตัลนี้สาขาละ1อัน ก็ตามชื่อน่ะนะ คริสตัลอันนี้ มีไว้เพื่อใช้ประเมินค่าของเมจิคไอเทม ผมบอกตัวเองว่า ถ้าผมทำคริสตัลอันนี้แตกขึ้นมาล่ะก็ ต่อให้ผมจะเกิดใหม่ซัก 3 รอบก็คงไม่มีทางทำงานหาเงินมาจ่ายได้แน่ๆ จะว่าไปแล้ว คริสตัลอันนี้มันจำทำให้เราคิดมากจนเกินไปหน่อยแล้วมั้ง? หรือนี่มันจะเป็นชะตากรรมของผมกันนะ? ในตอนนั้นเองที่ผมกำลังหยิบคริสตัลประเมินผมไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่า ชายเสื้อของผมมันไปเกี่ยวกับไอเทมเวทย์มนต์บนโต๊ะและตอนที่ผมขยับออกมา เมจิคไอเทมอันหนึ่ง–ขวดแก้วเล็กๆ ตกลงไปที่พื้นและแตกเป็นเสี่ยงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset