“โอ้! ที่นี่น่ะเหรอหอสมุดแห่งชาติ….!”
หอสมุดที่มีประวัติความเป็นมายาวนานถึง 500 ปี
ว่ากันมาเป็นหอสมุดที่ใหญ่ที่สุดและมีหนังสือมากที่สุดในประเทศนี้เลยทีเดียว
ในปัจจุบันมีหนังสือถึง 8 ล้านเล่ม และจะมีจำนวนหนังสือมากขึ้นเป็นพันๆเล่มในทุกปี
แม้แต่ตัวอาคารก็งดงามเช่นกัน
หลังคาสีเขียวเข้มผนังทาด้วยสีขาว
แล้วdHตกแต่งด้วยทองแดงอย่างกับคฤหาสน์ขุนนางแน่ะ
พอผมเข้ามาข้างใน ผมก็ได้แสดงบัตรประจำตัวให้ที่แผนกต้อนรับดู
เสร็จแล้วก็จ่ายเงินค่าธรรมเนียม
จากนั้นก็ได้รับคำแนะนำในเข้าใช้หอสมุด
“ท่านนักผจญภัยแรงค์ S หนึ่งท่านกับท่านพนักงานกิลด์หนึ่งท่านสินะคะ รับทราบแล้วค่ะ ถ้าเช่นนั้น ท่านทั้งสองโปรดชำระค่าธรรมเนียมค่าเข้าเป็นเหรียญเงินสามเหรียญกับเงินมัดจำสามเหรียญทอง เผื่อกรณีที่ทำหนังสือหาย ขโมยหรือทำหนังสือชำรุดนะคะ แล้วก็ แจ้งมาให้ทราบ หากว่าท่านทำให้หนังสือชำรุดเสียหาย ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่จะมีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นค่ะ โปรดอ่านข้อตกลงในเอกสารและลงนามที่ตรงนี้ด้วยนะคะ”
ถึงจะรู้ว่าเหรียญทองที่ผมจ่ายไปจะได้คืนหลังออก แต่เอาจริงๆผมก็รู้สึกกังวลอยู่ดีนั่นแหละ
ครั้งนี้คุณลิซล็อตเต้ก็พยายามจะจ่ายให้ผม แต่ครั้งนี้ผมขอจ่ายเอง
หอสมุดใหญ่เป็นสถานที่ที่ผมใฝ่ฝันอยากมาโดยตลอด
ถ้าผมไม่ได้จ่ายเงินเองล่ะก็ผมคงไม่สามารถสนุกไปกับการเข้าหอสมุดนี่ได้หรอก
“ถ้างั้น เรียวคุง….หลังจากนี้ที่จะไปดื่มชาให้พี่สาวจัดการเองนะ โอเคมั้ย….?”
“อย่าคิดมากขนาดนั้นสิครับ อีกอย่าง…..ถึงจะมีนักท่องเที่ยวแบบผมมาที่หอสมุดนี้ก็เถอะ แต่หอสมุดนี้เงียบสงบจริงๆนะครับ”
หอสมุดมีบันไดเวียนอยู่ตรงกลาง สามารถไปชั้นต่อไปจากตรงนั้นได้
มีแชนเดอเรีย(โคมระย้า)ห้อยลงมาจากเพดาน
แถมยังมีผู้ใช้งานหอสมุดที่เข้ามานั่งอ่านหนังสือกันอย่างตั้งใจ
“ที่นี่น่ะไม่ได้มีแค่คนที่มาอ่านหนังสือเฉยๆหรอกนะ คนที่มาเพื่อมาเรียนก็มีนะ…..ถ้าส่งเสียงดังมากเกินไป อาจถูกพนักงานในหอสมุดตักเตือนเอาได้ เพราะงั้นระวังด้วยนะ”
“เข้าใจแล้วครับ”
“เรียวคุงมีหนังสือที่อยากอ่านหรือเปล่า?”
“อืม….ไหนๆก็ได้มาแล้วทั้งที ก่อนอื่นผมเลยอยากขอไปดูให้ทั่วก่อนจะได้รึเปล่าครับ?”
“งั้น อีกครึ่งชั่วโมงค่อยมาเจอกันที่นี่ดีมั้ย…..? พอดีว่าฉันก็มีหนังสือที่อยากอ่านอยู่เหมือนกันน่ะ”
“เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นแล้วเจอกันนะครับ”
ผมก็แยกทางกับคุณลิซล็อตเต้ แล้วผมก็ได้เดินไปดูรอบๆหอสมุด
ไม่เคยถูกห้อมล้อมไปด้วยหนังสือที่มากมายขนาดนี้มาก่อนเลย
ตื่นเต๊น ตื่นเต้นมากเลยล่ะ
ที่กิลด์นักผจญภัยในเมืองคาสซานดร้าก็มีชั้นหนังสือที่มีหนังสืออยู่เต็มชั้นอยู่หรอก
แต่ที่นี่ไม่เหมือนกัน เพราะที่นี่น่ะจะมองไปทางไหนก็เจอแต่ชั้นหนังสือเต็มไปหมดเลยยังไงล่ะ
“แต่จะว่าไป หนังสือที่นี่ก็เยอะสุดยอดจริงๆนั่นแหละนะ”
หน้าต่างโค้งสีขาวที่เปิดรับแสงแดดอ่อนๆ เห็นละอองฝุ่นเล็กน้อยที่ลอยอยู่ในอากาศ
ในขณะที่ผมกำลังเดินดูประเภทหนังสืออยู่บนชั้นหนังสือ ผมก็เดินหาหนังสือที่ผมต้องการอ่าน
ในตอนที่ผมเดินไปมาอยู่ผมก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมาทางผมเขม็งเป็นระยะๆ
พอผมหันหน้าไปทางสายตา ก็มักจะเห็นผู้หญิงที่ก้มหน้าหลบสายตาด้วยความตกใจ
แต่ก็มีผู้หญิงบางคนที่ขยิบตาส่งมาให้ผมอย่างมั่นใจ
แต่ว่าน่าเศร้านะ เพราะผมไม่มีความตื่นเต้นกับผู้หญิงที่หน้าตาดูอย่างกับหมูป่าแบบนั้นเลย
“อย่างน้อยๆก็ขอเป็นเหมือนแมวหรือไม่ก็หมาก็ยังดีนะ……”
ผมพยายามหลีกเลี่ยงสายตาเหล่านั้นระหว่างเดินผ่านชั้นหนังสือ
ช่างโชคดี ที่ชั้นวางหนังสือที่ผมสนใจนั่นก็คือประเภทประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่มีคนอยู่เลยซักคนเดียว
ผมยืนลังเลอยู่หน้าชั้นหนังสือซักพัก แล้วจากนั้นผมก็ตัดสินใจค่อยๆดึงหนังสือเล่มหนึ่งออกมา
หนังสือเล่มนั้นคือ หนังสือประวัติศาสตร์โลก -การต่อสู้และการล่มสลาย- เล่ม 3
ดูเหมือนว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นหนังสือที่สรุปประวัติศาสตร์ประเทศต่างๆในทวีปนี้ไว้คร่าวๆ
ตัวหนังสือค่อนข้างจะหนาและหนักมาก
“เอาล่ะ….”
สิ่งที่ผมอยากจะรู้นั่นก็คือเหตุการณ์ที่โอริออนดีลเคยก่อไว้ในโลกนั้น เกิดขึ้นทางโลกฝั่งนี้เหมือนกันหรือไม่นั่นเอง
หรือถ้าพูดง่ายๆก็คือ ผมอยากรู้ว่าเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดหายนะฮาเร็มทำลายประเทศที่เป็นการตอบแทนผู้มีพระคุณคนนั้นของเธอนั่นมันเกิดขึ้นที่นี่ด้วยรึเปล่านั่นเอง
ถึงจะน่าเสียดายแต่ผมก็รู้ว่ายังไงความสัมพันธ์ของผมกับโอริออนดีลก็ยังคงต้องดำเนินต่อไปแบบนี้
ไหนๆก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้างั้นก็ต้องรวบรวมความรู้เกี่ยวกับภูติตนนั้นไว้ให้มากที่สุดก่อนที่จะได้เจอกันในครั้งต่อไป
ภูติตนนั้น–ตัวตนของโอริออนดีลคืออะไรกันแน่นะ?
ทำไมถึงมีพลังมหาศาลขนาดนั้น?
เรื่องราวในอดีตของผู้มีพระคุณคนเก่าของเธอเป็นยังไง?
ทำไมภูติพลังมหาศาลแบบเธอถึงไม่สามารถทำลายผนึกของเขาคนนั้นได้?
“…..ถ้าจำไม่ผิด….ก็คือเมื่อ 300 ปีก่อนสินะ”
เพื่อที่จะรีบคลายข้อสงสัย ผมจึงรีบพลิกหน้าหนังสือหาประวัติศาสตร์เกี่ยวกับผู้มีพระคุณคนนั้นเมื่อ 300 ปีก่อน
แต่ว่า….
“ไม่ไหวแฮะ….หาไม่เจอเลย แสดงว่าโลกทางนี้ไม่ได้มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอย่างงั้นเหรอ?
หรือมันอาจจะเป็นเหตุการณ์ที่คล้ายๆกัน แต่สำหรับที่นี่มันอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่รึเปล่านะ?”
ผลลัพธ์ไม่เป็นไปดั่งที่ผมต้องการเท่าไหร่
ผมเปิดดูหนังสือประวัติศาตร์เล่มอื่นไปเรื่อยๆ แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม
ถ้างั้น ก็ลองไปที่ประเภทหนังสือที่เกี่ยวกับมอนสเตอร์ก็แล้วกัน
ตรงนี้มีนักผจญภัยอยู่รอบๆเต็มไปหมด รวมถึงคุณลิซล็อตเต้ด้วย
ผมกำลังจะส่งเสียงเรียกเธอ แต่ผมเห็นเธอกำลังทำหน้าซีเรียสอยู่ ผมเลยไม่ได้เรียกเธอ
ผมเห็นคุณลิซล็อตเต้แบบนั้น ผมจึงเอาเธอเป็นแบบอย่างบ้าง
และผมก็หยิบหนังสือออกมาอ่านอย่างจริงจัง
แต่ก็น่าเสียดายที่ผลลัพท์ที่ได้นั้นก็ยังคงไร้ประโยชน์เหมือนเดิม
“….ภูตินั้นค่อนข้างอ่อนโยนและเป็นมิตร แต่ว่าก็ต้องระวังตัวให้ดี เพราะถ้าหากบุกรุกเข้าไปในถิ่นของพวกเธอโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต
แล้วพลังเวทย์ก็ไม่ค่อยแข็งแกร่งแล้วต้องสู้กับพวกเธอขึ้นมา ต้องหืดขึ้นคอแน่นอน”
วิธีนี้ก็เป็นวิธีที่สามารถเรียนรู้ได้ทั่วไปตามปกติอยู่แล้ว
“เอาเถอะ ผมก็ไม่คิดว่าจะมีภูติอยู่เยอะซะด้วยสิ….อย่างที่คิดก็คงมีแต่โอริออนดีลที่เป็นตัวตนพิเศษสินะ”
ผมยัดหนังสือกลับเข้าที่เดิม และไหล่ตกเพราะรู้สึกไม่ได้อะไรเลย
ในตอนที่ผมกำลังยัดหนังสือกลับเข้าไปนั่นเอง
ผมก็เห็นประกายแสงที่ส่องกระทบกับแหวนสีทองของผม
อาจจะเป็นเพราะแสงจากแชนเดอเลียส่องมาโดนเฉยๆก็ได้
แต่มันกลับดูไม่ใช่แบบนั้น เหมือนมันกำลังดึงดูดกับอะไรบางอย่าง
อ๊ะ ใช่แล้ว!
ผมหันกลับไปยังมุมหนังสือประวัติศาสตร์
ผมกลับมาตรงที่ชั้นหนังสือที่มีหนังสือประวัติศาสตร์เรียงกันเป็นแถว
ผมหยิบหนังสือประวัติศาสตร์ขึ้นมาหนึ่งเล่ม
ที่สันปกเล่มนั้นเขียนไว้ว่า บันทึกเรื่องราวของควอนดร้า เคเซารอส
“โอริออนดีลมีแหวนวงนี้ งั้นบางที ถ้าหาข้อมูลเกี่ยวกับดวอนดร้า ก็อาจจะเจออะไรที่เกี่ยวข้องกับโอริออนดีลก็ได้รึเปล่า?”
กิลด์มาสเตอร์คนแรกของกิลด์แห่งความมืด ควอนดร้า เคเซารอส
สิ่งที่โด่งดังมีเพียงชื่อของเขา เรื่องราวนอกจากนั้นที่เกี่ยวข้องยังเป็นปริศนา
เอาจริงๆแล้วยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชื่อนั่นเป็นชื่อจริงๆของเขารึเปล่าเลยด้วย
เนื่องจากควอนดร้า เคเซารอสไม่เคยปรากฎตัวโจ่งแจ้ง เลยไม่รู้เลยว่าเข้าเป็นคนแบบไหน
แล้วทำไมเขาถึงต้องสร้างกิลด์แห่งความมืดขึ้นมา
รู้แค่ว่าในตอนนั้นพวกลูกน้องที่ถูกจับทุกคนเรียกกิลด์มาสเตอร์ของตัวเองว่า ‘ควอนดร้า เคเซารอส’
เลยมีข้อมูลเกี่ยวข้องกับเขาแค่เรื่องชื่อนี้เท่านั้นที่ได้รับการเปิดเผยสู่สาธารณะ
พอผมเปิดไปที่หน้านึง สิ่งที่ผมเจอก็คือสำเนารูปหน้าเสมือนของควอนดร้าเคเซารอส
ดูเหมือนจะมีผู้ติดตามที่อยู่ในกิลด์แห่งความมืดคนอื่นอยู่ด้วย
แต่ว่า ส่วนใบหน้าของเขาในกระดาษกับถูกฉีกออกไปเล็กน้อย
ผมจึงไม่รู้ว่าเขาหน้าตาเป็นยังไง แต่มองจากรูปที่เหลืออยู่จะเห็นมือยื่นออกมา
ดูคล้ายๆกับมนุษย์ผู้ชาย…..
….แล้วก็เห็นแหวนทองที่วาดได้เหมือนจริงมากๆ
“……”
….ไม่หรอกมั้ง!
ดูแค่นี้คงยังฟันธงอะไรไม่ได้หรอกนะ! อืม!
ในขณะที่เปิดดูหน้าถัดไป ผมก็พยายามปลอบใจตัวเองที่เกือบจะหน้ามืดจนล้มลง
แต่ว่า นอกจากหน้าแรกนั้นแล้วก็ไม่ค่อยจะมีอะไรอีกเท่าไหร่
เพราะในเนื้อหาแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นแค่คำพูดที่เหล่าสาวกของควอนดร้าพูดยกย่องเขาก็แค่นั้น
มีคำอธิบายบางอย่างที่เกี่ยวกับควอนดร้าอยู่หรอกแต่มันก็เป็นแค่เรื่องเพ้อเจ้อ
“หืม…..? นี่มัน…..”
ผมอ่านจนใกล้จะจบเรื่อยๆ ในขณะที่ผมกำลังจะยอมแพ้ ผมก็ไปสะดุดตาประโยคนึงเข้า
“–อย่าไปขอพรกับภูติเด็ดขาด”
ผมอ่านข้อความนั้นอย่างต่อเนื่องด้วยความตั้งใจ
“อย่าขอพรอะไรจากภูติเด็ดขาด ถ้านายขออะไรออกมา แปลว่านายกำลังจะทำลายชีวิตของตัวเองด้วยความปราถนาของตัวนายเองนั่นแหละ”
แต่ว่า ประโยคมันก็จบลงแค่นั้น
ผมพลิกหนังสืออ่านตั้งแต่หน้าแรกอีกครั้ง
แต่ผมก็เห็นแค่คำยกย่องควอนดร้าเหมือนเดิม
“….ขอน้อมรับสลักคำแนะนำนั้นลงในจิตใจเลย”
ในท้ายที่สุดแล้วผมก็ไม่ได้รู้อะไรเพิ่มเกี่ยวกับโอริออนดีลเลย
แต่ว่าก็ได้อะไรดีๆกลับมาอยู่ล่ะ
อืม ดีจังที่ได้มาที่นี่ในวันนี้
สงสัยต้องขอบคุณ คุณลิซล็อตเต้ซักหน่อยแล้วล่ะ
“เอาล่ะ คงต้องรีบกลับไปเจอเธอแล้วล่ะ….หือ?”
ทันใดนั้นเองผมก็ได้เห็นหนังสือปกสีแดงเล่มหนึ่งยื่นออกมาจากชั้นหนังสือที่ผมกำลังจะเดินผ่านไป
ผมหยุดตรงนั้นแล้วลองหยิบหนังสือเล่มนั้นมาเปิดดู
ผมเสียวสันหลังวาบเลย หนังสือเล่มนี้มันเป็นที่นิยมอย่างงั้นเหรอ
สิ่งแรกที่สะดุดตาของผมคือ ชายหัวล้านที่อายุประมาณ 30 ปลายๆ
“!?”
ดูเหมือนกับภาพคอลเล็กชั่น แต่เป็นการบรรยายที่ประณีตมากๆ (อารมณ์คล้ายๆกับหนังสือรูปโป๊หญิงในญี่ปุ่น)
ลุงหัวล้านเรียงรายจ้องมาที่ผมในท่าโลดโผน โคตรน่ากลัว
ผมคิดว่ามันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ผมเลยพลิกหน้าถัดไป
ผมเห็นชายอายุ 40 ผมดำ สวมเสื้อเชิ้ตที่ทำหน้าน้ำตาคลอเบ้า และทำสีหน้าหวาดกลัว
“!?!?”
ไอ้นี่มันคัมภีร์อัญเชิญอสูรรึเปล่าฟะเนี่ย!?
ไม่สิ…..ถ้าต้องมีปีศาจอัญเชิญหน้าตาแบบนี้ออกมาล่ะก็ผมคงขอผ่านล่ะนะ
“อ๊ะ…เรียวคุง อยู่ที่นี่เองเหรอ”
ในขณะที่ผมกำลังตกตะลึง คุณลิซล็อตเต้ก็เดินมาหาผมจากอีกฝั่ง
เธอมาหาผมในช่วงเวลาที่แย่เอามากๆ
(จังหวะโคตรนรก)
คุณลิซล็อตเต้หน้าแดงเมื่อมองเห็นหนังสือที่ผมถืออยู่
แล้วเธอก็หัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ออกมา
“โธ่ เรียวคุงนี่ล่ะก็ มาอ่านหนังสือลามกแต่หัววันแบบนี้ไม่ได้นะ…..♡”
“หนังสือลามก!? ไอ้นี่อะนะ!?”
“เด็กผู้ชายก็สนใจหนังสือลามกเหมือนกันสินะ….หรือจริงๆแล้วเป็นเพราะเรียวคุงลามกเป็นพิเศษอยู่แล้วกันนะ? ฮุฮุ”
“ไม่ล่ะ ผมไม่สนใจหนังสือลามกแบบนี้หรอกครับ ที่ผมแปลกใจกว่าคือคนชอบหนังสือนี่ต่างหากล่ะครับ”
“ฮุฮุ ไม่ต้องอายถึงขนาดนั้นก็ได้นะ….♡?”
ผมพยายามอธิบายให้คุณลิซล็อตเต้ฟังหลายครั้งแล้ว แต่ความเข้าใจผิดของคุณลิซล็อตเต้ก็ไม่หายไปซักที
อย่างงี้นี่เอง…..แม้แต่เนื้อในของหนังสือลามกของโลกนี้ก็กลับกันด้วยสินะ
หนังสือลามกเล่มแรกตั้งแต่ที่ผมได้เห็นตั้งแต่ที่มาโลกนี้
ที่อาจเป็นสิ่งที่ผมเสียใจที่สุดตั้งแต่ทีได้มาโลกนี้เลยก็ได้…..