นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 61

 

“ขอบอกเผื่อไว้ก่อนนะเมี้ยว อย่าคิดหนีเชียวล่ะเมี้ยว? การที่นายจะสามารถหนีออกจากที่นี่ด้วยตัวเองน่ะ มันเป็นไปไม่ได้หรอกนะเมี้ยว”

 

ซึสึทำแต่รอยยิ้มอย่างชั่วร้ายพร้อมเสียงเหมียวๆของเธอ

พร้อมกันนั้นเธอก็มัดมือของผมด้วยเชือก

จากนั้นเธอก็บังคับให้ผมยืนขึ้น

 

ผมกำลังสงสัยว่าเธอจะทำอะไรกันแน่

ในตอนนั้นเองซึสึก็ได้ดึงเชือกที่มัดแขนของผมออกไปทางประตู

 

ในที่สุดก็ได้ออกจากห้องซักที

 

“ท่านซึสึ ที่ห้องใต้ดินเตรียมการเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”

 

“ผู้ว่าจ้างมาถึงแล้วเหรอเมี้ยว?”

 

“ค่ะ เขาไปรออยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้วค่ะ”

 

“รับทราบ เหนื่อยหน่อยนะเมี้ยว”

 

พอผมเดินออกมาจากประตูห้อง ผมก็เจอกับเด็กผู้หญิงสองคนที่ใส่เสื้อผ้าสีดำรัดรูปเหมือนกับซึสึ

ทั้งสองคนนั้นเป็นเอลฟ์ แล้วเอลฟ์ทั้งสองคนนั้นก็หันมาหาผมและยิ้มให้ผม

 

“นั่นคือเด็กหนุ่มที่พูดถึงงั้นเหรอ? ค่อนข้างใช้ได้เลยนี่นา”

 

“จริงด้วย งานจ้างวานในครั้งนี้ท่าจะมีอะไรดีๆเยอะนะเนี่ย♡”

 

พวกเธอสองคนเป็นเอลฟ์ผิวขาวที่ค่อนข้างหน้าตาดีเลยล่ะ

งั้นที่มีสาวๆที่น่าเกลียดของโลกนี้มารวมกันที่นี่กันขนาดนี้

แสดงว่าที่นี่คือกิลด์แห่งความมืดจริงๆนั่นเอง

 

“พวกเธอน่ะ อย่าไปทำให้เขากลัวสิ”

 

“ค่าาา ท่านซึสึ”

 

“เอาล่ะ ไปกันเถอะเมี้ยว”

 

ผมคิดจะเรียกเอลฟ์สองคนนั้น แต่ก่อนที่ผมจะได้เรียก 

ซึสึก็ดึงเชือกที่ข้อมือของผมไว้ก่อน

ผมจึงต้องไปกับเธออย่างไม่มีทางเลือก

 

ถึงงั้นก็เถอะนะ เป็นรูปแบบอาคารที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยแฮะ

ห้องอื่นนอกจากห้องที่ผมเคยอยู่ เหมือนจะเป็นประตูเลื่อนที่มีกระดาษสีขาวๆแปะอยู่ที่ประตูทรงสี่เหลี่ยมทั้งหมดเลย

จากที่ได้ยินมา เหมือนจะเรียกว่าฟุสึมะรึเปล่านะ? (ประตูเลื่อนขาวๆของญี่ปุ่น)

 

เหมือนที่ซึสึบอกเมื่อกี้ว่าที่นี่ไม่ใช่เมืองคาสซานดร้าท่าจะจริงแฮะ

ไม่มีตรงไหนที่มีอาคารสไตล์ตะวันออกเหมือนเมืองคาสซานดร้าซักนิด

แล้วก็มีทางเดินไม้ที่พอเดินจะได้ยินเสียงไม้เอี๊ยดๆ

 

หลังจากนั้นไม่นานก็เดินมาถึงกำแพงหนึ่งที่เป็นทางตัน แต่ส่วนหนึ่งของกำแพงนั้น

มีทางเข้าไป พอมองดูดีๆเหมือนจะเป็นทางลงไปสู่ห้องใต้ดิน

ยังกับว่าเป็นเส้นทางสู่นรกเลยแฮะ

 

“เข้าไปในนี้แหละเมี้ยว เดี๋ยวจะนำทางให้เอง ระวังเท้าไว้ด้วยล่ะเมี้ยว!”

 

“เข้าใจแล้ว….”

 

ผมก็ลังเลนิดหน่อย แต่มือผมถูกมัดไว้แบบนี้ก็คงทำอะไรไม่ได้

นอกจากนี้แล้ว ถ้าคุณซิลเวียอยู่ข้างหน้านี้ล่ะก็ ผมก็คงมีแต่ต้องไปเท่านั้น

 

[อาร์กุส โทโมชิบิโยะ]

 

หลังจากซึสึท่องคาถาด้วยเสียงเล็กๆของเธอ ก็เกิดลูกบอลแสงขนาดเล็กเท่าฝ่ามือของเธอปรากฎขึ้นบนมือของเธอ

มันส่องสว่างเล็กน้อย ในที่สุดผมก็สามารถมองเห็นเท้าของผมได้ซักที

 

“ต้องลงบันไดตรงนี้ไปไกลอีกหน่อยน่ะ ถ้าเกิดกลัวล่ะก็ จะมาเกาะแขนไว้ก็ได้นะเมี้ยว? เมี้ยวฮ่าฮ่า!”

 

“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ รีบไปกันเถอะ”

 

“ชิ….น่าเบื่อจริงเมี้ยว”

 

ซึสึยิ้มให้ผม แต่พอผมตอบแบบนั้นไปอย่างเย็นชา เธอก็เลยทำหน้ามุ่ย

ผมลงบันไดไปตามที่ซึสึบอกอย่างเงียบๆ

 

เหมือนที่ซึสึพูดเลย บันไดนี่มันไกลกว่าที่คิด  

ยิ่งกว่านั้นบันไดนี่ยังกว้างพอให้เดินสวนกันทั้งสองฝั่งด้วย

แต่ถ้าจะผ่านบันไดนี้โดยไม่มีแสงสว่างมันอาจจะอันตรายเหมือนกัน

 

“…..นี่ ขอถามอะไรหน่อยได้รึเปล่า?”

 

“หืม อะไรล่ะเมี้ยว?”

 

ผมเรียกซึสึในตอนที่ลงบันไดมาได้ซักพัก

 

“พวกเธอลักพาตัวผมกับคุณซิลเวียมาได้ก็จริง แต่ถ้าจู่ๆพนักงานกิลด์กับนักผจญภัยแรงค์ S หายไปแบบนี้ กิลด์จะไม่คิดว่ามันแปลกๆหรอกเหรอ ยิ่งกับคุณซิลเวียที่เป็นลูกสาวบริษัทใหญ่แล้วด้วย ครอบครัวของเธอจะต้องตามหาเธอกันอย่างเต็มที่แน่ๆ พวกเธอน่ะคิดจะจัดการเรื่องนี้กันยังไงล่ะ?”

 

“อ๋า เรื่องเนี้ยวหรอกเหรอ”

 

จู่ๆซึสึก็หยุดเดินแล้วหันกลับมามองทางผม

แล้วเธอก็วางมือข้างหนึ่งบนสะโพกของเธอ เอนหลังแล้วก็ อะแฮ่มออกมา

 

“หึหึ มาตรการรับมือกับเรื่องแบบนั้นน่ะ สำหรับกิลด์แห่งความมืดแล้วมันสมบูรณ์แบบมากเลยล่ะเมี้ยว!”

 

“สมบูรณ์แบบเนี่ย…..?”

 

“อย่างที่นายพูดนั่นแหละ ครอบครัวกับเพื่อนของนายจะต้องเอะใจกับการหายตัวไปอย่างกันทันหันแน่นอนเมี้ยว แต่พวกเราก็ได้เตรียมการสำหรับเรื่องนั้นไว้แล้วล่ะเมี้ยว!”

 

ซึสึพูดต่อด้วยท่าทางภูมิใจ หางแมวดำของเธอก็แกว่งไปมาแบบดูเหมือนอยากจะโอ้อวดเหมือนกัน

 

“ก่อนอื่น ทางเราได้ส่งจดหมายลาออกจากงานของนายไปแล้วไงล่ะเมี้ยว!”

 

“จดหมายลาออก!?”

 

“ในจดหมายนั้นได้ระบุว่า[ผมได้รับเงินเดือนสูงๆกับที่พักดีๆจากกิลด์นักผจญภัยในเมืองอื่นแล้ว ดังนั้นผมจะย้ายไปที่นั่น ผมได้ส่งเอกสารสมัครพร้อมเตรียมย้ายไปที่แล้วแล้ว]ไงล่ะเหมียว”

 

“เดี๋ยวนะ งั้นก็แปลว่าตอนนี้ผมว่างงานอะดิ!? แล้วเงินเกษียณล่ะ!?”

 

ตกงานด้วยฝีมือคนอื่นเนี่ยนะ โหดร้ายฟ่ะ….!

 

“พอเงินเกษียณถูกจ่ายแล้วมันจะเข้าบัญชีเงินฝากของนายเองนั่นแหละเมี้ยว”

 

“แต่ต่อให้จะมีจดหมายลาออกแบบนั้น ทุกคนในกิลด์ก็น่าจะต้องคิดว่ามันแปลกๆแน่ๆ แถมกิลด์มาสเตอร์ก็ยังเป็นพ่อบุญธรรมของผมด้วยนะ”

 

“หึหึ คิดว่ามีแค่นั้นเหรอเมี้ยว”

 

“อะไร?”

 

ซึสึหัวเราะอย่างเพลิดเพลินกับท่าทางที่ดูสิ้นหวังของผม และเธอก็พูดต่อไป

 

“สิ่งที่ส่งไปน่ะ ไม่ได้มีแค่จดหมายลาออกอย่างเดียวหรอกน่ะแต่มีจดหมายอำลาด้วย….ใช่แล้ว พวกเราส่งเอกสารมอบหมายงานของสถานที่ที่นายจะไปไว้ด้วยไงล่ะเมี้ยว!”

 

“วะ ว่าไงนะ….!?”

 

“ไม่เพียงแค่นั้น มือสังหารของทางเรายังได้แอบเข้าไปในกิลด์เพื่อเก็บกวาดโต๊ะทำงานของนายเรียบร้อยแล้วไงล่ะ หึหึ….โต๊ะทำนายตอนนี้ไม่มีแม้แต่ฝุ่น มันกลายเป็นโต๊ะว่างๆไปแล้วยังไงล่ะเมี้ยว”

 

“ยะ อย่าบอกนะว่า โต๊ะทำงานนั้นถูกส่งต่อไปให้กับคนอื่นแล้วอย่างงั้นเหรอ!?”

 

“ฮึฮึ ถ้าเกิดว่านายหายตัวไปกระทันหันทุกคนจะสงสัยเอาได้ แต่ถ้าทำขนาดนี้ก็คงไม่มีใครคิดว่าถูกลักพาตัวโดยกิลด์แห่งความมืดหรอกเมี้ยว….”

 

กะ ก็จริง ถ้าวางแผนไว้แยบยลขนาดนั้น 

คนรอบตัวผมก็คงไม่มีใครคิดว่าผมถูกกิลด์แห่งความมืดลักพาตัวมาหรอก…

กิลด์แห่งความมืดนี่สุดจัดเลยแฮะ แต่แบบนี้ผมก็ตกงานโดยสมบูรณ์เลยอะเดะ!?

 

“ถะ ถ้ามีฝีมือในการจัดการเอกสารดีขนาดนั้น ทำไมถึงได้มาอยู่ที่กิลด์แห่งความมืดนี่ล่ะ?”

 

“หื้ม….ผู้ชายคงไม่เข้าใจสินะเมี้ยว”

 

ซึสึหันหน้าไปทางด้านข้างของเธอ

 

“ผู้หญิงน่าเกลียดอย่างพวกเราน่ะ เป็นได้แค่ตัวตลกของพวกนักผจญภัยเท่านั้นแหละ นอกจากงานอันตรายก็ไม่มีอย่างอื่นที่ทำได้แล้วล่ะเมี้ยว”

 

“…….”

 

“แม้จะทำเต็มที่ หรือจะปกป้องประเทศแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วก็ยังถูกเลือกปฏิบัติอยู่ดีเมี้ยว”

 

ดวงตาของซึสึที่ว่างเปล่า มองไปยังที่ๆห่างไกลออกไป

 

“ต่อให้จะฝึกวิชาหรือยกระดับการเป็นนักผจญภัยไปขนาดไหน แต่สายตาของคนรอบๆตัวก็ไม่เคยดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย ก็เคยคิดหรอกนะว่าถ้าพยายามต่อไปก็คงจะมีอะไรดีขึ้น….แต่ในวันหนึ่ง ตอนที่เค้าลงไปในดันเจี้ยนกับเพื่อนๆในปาร์ตี้ก็ได้เจอกับการปะทุของมอนสเตอร์ล่ะเมี้ยว”

 

ซึสึเองเคยเป็นนักผจญภัยมาก่อนเหมือนกับคุณซิลเวียแล้วก็โรเซนครูเซอร์งั้นสินะ

 

“ในระหว่างที่กำลังวิ่งหนี ก็ถูกเพื่อนๆทิ้งให้อยู่กับฝูงมอนสเตอร์คนเดียวล่ะเมี้ยว”

 

ซึสึหันกลับมามองผมด้วยแววตาที่มีความตั้งใจและความเข้มแข็ง

 

“ในตอนนั้นเค้าถึงได้เข้าใจไงล่ะเมี้ยว ว่าต่อให้พยายามไปขนาดไหนก็ไม่มีทางสำเร็จ  เพราะงั้น ถ้าเพื่อให้ใช้ชีวิตแบบที่ต้องการแล้วล่ะก็ ต่อให้ต้องเดินไปบนทางที่ผิดก็จะทำล่ะเมี้ยว”

 

และแล้วความเงียบก็เข้าปกคลุมพวกเราสองคน

แต่พอผ่านไปซักพักผมก็เปิดปากพูดกับเธอ

 

“ขอโทษนะ…..”

 

ผมขอโทษซึสึ แล้วเธอก็กระพริบตาปริบๆ

 

“หืม? ทำไมนายต้องขอโทษล่ะเมี้ยว?”

 

“ก็แบบ….ทั้งที่ผมไม่รู้อะไรเลยแท้ๆ แต่ผมก็กลับเอาแต่ตัดสินอะไรเองไปคนเดียว”

 

ซึสึจ้องใบหน้าของผมด้วยความตกใจ

 

“นายรู้สึกเสียใจอย่างงั้นเหรอเมี้ยว?”

 

ซึสึยังคงจ้องหน้าผม พร้อมกันนั้นเธอก้เดินเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ

ตอนนี้หน้าของซึสึอยู่ต่ำกว่าหน้าอกของผมเพราะเธออยู่บันไดขั้นล่างกว่าหน่อยนึง

 

“ฮึฮึ เป็นคนดีน่าดูเลยนะเมี้ยว…..อืม ถึงหน้าตาจะไม่ได้ดีมากขนาดนั้นก็เถอะนะ”

 

“ขอโทษที่ไม่ได้หน้าตาดีก็แล้วกัน!”

 

“แต่ว่า พอได้ดูดีๆแล้วก็ค่อนข้างจะใช้ได้อยู่นะ ขยับมาให้ดูใกล้ๆหน่อยสิเมี้ยว”

 

พอพูดแบบนั้นซึสึก็ได้ยื่นมือมาแตะปลายคางของผม

 

“เอาล่ะ ส่งเสียงอ้อนเมี้ยวออกมาหน่อยสิ…..เอ๊ะ? มนุษย์เนี่ยไม่ส่งเสียงตอนเกาคางอย่างงั้นเหรอเมี้ยว? เรื่องจริงเหรอเนี่ย แต่เอาเถอะ จะยังไงก็ช่างมันละกันเมี้ยว”

 

คางและแก้มของผมถูกเกาเบาๆด้วยปลายนิ้ว

บางทีหางเธอก็มาจิ้มหน้าท้องผมเหมือนกัน

 

“โอ๋ โอ๋ เด็กดีจังเลยนะเมี้ยว เค้าค่อนข้างถูกใจนายเลยล่ะเมี้ยว♡….แต่ให้ทำแบบนี้ก็ไม่เห็นใจนายมากขึ้นหรอกนะ”

 

ซึสึพูดแบบนั้นพร้อมเกาคางของผมลงไปถึงคอ

 

“งานที่ทำอยู่ตอนนี้ก็ดีอยู่แล้วล่ะนะเมี้ยว นอกจากนี้ทุกคนในกิลด์แห่งความมืดก็เป็นคนที่หน้าตาน่าเกลียดเหมือนกันหมดด้วย ไม่มีอะไรให้ต้องรู้สึกลังเลเลย…..นอกจากนี้แล้ว ในครั้งนี้ก็อาจมีเศษเหลือตกมาถึงก็ได้นะ……♡”

(เศษเหลือก็คือเผื่อได้นางจะได้กินตับพระเอกหลังจากคนอื่นกินไปแล้วเหมือนพล็อตNTR ขืนใจ)

 

“เศษเหลือ?”

 

ซึสึเงยหน้าขึ้นจ้องมองผมพร้อมเลียมุมปากด้วยปลายลิ้น

แววตาสีน้ำเงินและสีทองของเธอเปล่งประกายมาก

 

“ฮ่าฮ่า♡ หวังว่านายจะตั้งตารอนะเมี้ยว”

 

 

 

นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน

นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
อ่านนิยาย นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนานผมทำตามที่กิลด์มาสเตอร์สั่งและเดินตรงไปยังห้องประเมินของกิลด์ ในตอนที่ผมเปิดประตูเข้าไป สินค้าก็ได้วางอยู่ในห้องไว้อยู่แล้ว และเมจิคไอเทมที่กิลด์มาสเตอร์อยากให้ผมประเมินนั้นวางอยู่บนโต๊ะ ผมเดินไปหยิบคริสตัลประเมินออกมาจากตู้และเปิดใช้งานมันด้วยพลังเวทย์ คริสตัลประเมินนี่ถือว่าเป็นของมีค่ามากเลยทีเดียว ในแต่ละกิลด์ภายในอาณาจักรจะต้องคริสตัลนี้สาขาละ1อัน ก็ตามชื่อน่ะนะ คริสตัลอันนี้ มีไว้เพื่อใช้ประเมินค่าของเมจิคไอเทม ผมบอกตัวเองว่า ถ้าผมทำคริสตัลอันนี้แตกขึ้นมาล่ะก็ ต่อให้ผมจะเกิดใหม่ซัก 3 รอบก็คงไม่มีทางทำงานหาเงินมาจ่ายได้แน่ๆ จะว่าไปแล้ว คริสตัลอันนี้มันจำทำให้เราคิดมากจนเกินไปหน่อยแล้วมั้ง? หรือนี่มันจะเป็นชะตากรรมของผมกันนะ? ในตอนนั้นเองที่ผมกำลังหยิบคริสตัลประเมินผมไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่า ชายเสื้อของผมมันไปเกี่ยวกับไอเทมเวทย์มนต์บนโต๊ะและตอนที่ผมขยับออกมา เมจิคไอเทมอันหนึ่ง–ขวดแก้วเล็กๆ ตกลงไปที่พื้นและแตกเป็นเสี่ยงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset