พวกเราเดินลงบันไดลงมาจนถึงใต้ดินแล้วก็เปิดประตูเข้าไป
ตาผมชินกับความมืดไปแล้ว พอเจอเข้ากับแสงสว่างในห้องก็ถึงกับแสบตา
“เรียว!”
พอผมได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ผมก็เลยค่อยๆลืมตา
ในขณะที่แสงกำลังส่องเข้าตา ผมก็ได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่คุ้นเคย
“คุณซิลเวีย!”
คุณซิลเวียถูกมัดไว้กับเก้าอี้อยู่ตรงกลางห้อง แต่เท่าที่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้บาดเจ็บอะไร
แต่เธอดูผอมไปนิดนะ….
“โล่งอกไปที ปลอดภัยดีสินะเรียว….”
คุณซิลเวียทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา
พอดูดีๆแล้วเธอไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเหมือนกับตอนก่อนที่ผมจะหมดสติ
เธอใส่เสื้อเชิ้ตและกางเกงขายาว
“หลังจากตอนนั้นก็ผ่านมาเป็นสัปดาห์แล้ว นายไม่เป็นไรนะ? พวกนี้ทำอะไรนายรึเปล่า?”
“เอ๊ะ สัปดาห์?”
ผมเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ ผมเลยหันไปถามซึสึที่ยืนอยู่เยื้องหน้าผมไปว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ซึสึเธอก็หันกลับมามองผมและแลบลิ้นออกมา
“เหมียว? ยังไม่ได้บอกหรอกเหรอเมี้ยว? ตั้งแต่ที่ลักพาตัวนายมาจากเมืองคาสซานดร้ามันผ่านมาเป็นสัปดาห์แล้วล่ะเมี้ยว”
“อะไรนะ!? แต่ผมก็ไม่ได้หิวหรือมีอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายเลยนี่”
“นั่นก็เพราะว่าตอนที่นายหลับ เราได้ให้โพชั่นระดับสูงในขณะที่นายกำลังหลับไงล่ะเมี้ยว มันเป็นเครื่องดื่มสูตรผสมระหว่างยานอนหลับและโพชั่นระดับสูงยังไงล่ะเมี้ยว”
จะว่าไปแล้ว เธอก็ส่งจดหมายไปที่กิลด์นักผจญภัยด้วยนี่นาแถมยังเก็บโต๊ะทำงานเรียบร้อยเลยด้วย
จะผ่านไปเป็นสัปดาห์แล้วก็ไม่น่าแปลกอะไร
“นี่มันเรื่องอะไรกัน…..”
“การทำให้หมดสติไปมันก็สะดวกในหลายๆด้านน่ะเมี้ยว อีกอย่างนะ…..จะให้บอกด้วยมั้ยว่านายถูกบังคับให้ดื่มโพชั่นในขณะหมดสติได้ยังไงน่ะเมี้ยว♡?”
ซึสึหันหน้ามายิ้มให้ผมพร้อมใช้นิ้วแตะริมฝีปากของเธอ
แล้วเธอก็เลียริมฝีปากของตัวเอง
งั้นบอกรายละเอียดเรื่องนั้นให้ฟังหน่อยไม่ได้เหรอ!?
“เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวเถอะ ซึสึจัง เราอยู่ต่อหน้าแขกนะอย่าทำเป็นเล่นสิ”
“อ๊ะ เมย์ฟาจัง”
“เรื่องที่พูดนั่นน่ะ….ฮึฮึ ไว้ค่อยหลังจากนี้ก็แล้วกันนะ?”
“โอเคค่าเมี้ยว♡”
พอซึสึได้ยินเสียงนั้นก็ออกห่างจากผมทันที
ผมมองเห็นไม่ค่อยชัดเพราะแสงที่ส่องเข้าตา
แต่พอหันไปมองทางเสียงนั้นก็เจอกับเด็กสาวหูกระต่ายอยู่ตรงผนังห้องขนาดใหญ่
รูปร่างผอมเพรียว กับชุดสีดำที่รัดรูปของเธอยังดูเร้าอารมณ์ได้ดีเหมือนเคย
แต่เธอไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว มองดีๆจะเห็นอีกคนยืนอยู่ข้างๆ
คนคนนั้นดูเหมือนจะเป็นมนุษย์และเป็นผู้ชายด้วย
น่าจะอายุมากกว่าผมซัก3-4ปีได้
ร่างกายอวบอ้วนปกคลุมไปด้วยไขมัน ปากเบ้
หน้าตาเหมือนกบและดวงตาทั้งสองข้างที่ห่างกันเป็นกิโล
ชายคนนั้นใส่ชุดแพรวพราวระยิบระยับ ประดับด้วยลวดลายต่างๆ
มีทั้งสีแดงสีเขียวบนผ้าสีขาว
และมีแม้กระทั่งอัญมณีติดไว้ตรงแขนเสื้อ
ผู้ชายที่กำลังทำลายรสนิยมความงามเสื้อผ้านี่คือใครกัน?
ผมจ้องมองไปที่มนุษย์กบคนนั้น เขาก็ก้าวเดินออกมาจากกำแพงและมองมาที่ผม
จากนั้นเขาก็เดินมาหยุดที่ข้างเก้าอี้ของคุณซิลเวีย แล้วเขาก็เอามือโอบหลังเก้าอี้ตัวนั้นไว้
“หื้ม….ช่างเป็นผู้ชายที่ดูบ้านๆอะไรอย่างงี้นะ เฮ้ย นายน่ะ ไม่คิดจะพูดอะไรกับผมคนนี้หน่อยรึไง?”
ชายคนนั้นเปิดปากพูดกับผมก่อน
แต่ถึงจะพูดงั้น ผมก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะสื่ออะไร
“เอ่อ….สวัสดีครับ? ยินดีที่ได้รู้จัก ผมคือพนักงานกิลด์ที่ทำงานอยู่กิลด์นักผจญภัยในเมืองคาสซานดร้าครับ”
“ใครบอกให้แนะนำตัวกัน”
อ๊ะ กะแล้วเชียว ไม่ได้สินะ
ผมลองแนะนำตัวดูแต่ก็ถูกตะหวาดกลับมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ
ก็ผมไม่รู้ว่าเอ็งเป็นใครนี่หว่า จะมีอะไรไปพูดกับเอ็งได้ไงกันเล่า
“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่!”
คุณซิลเวียเข้าแทรกแซงบทสนทนาของพวกเรา
เธอจ้องมองชายที่อยู่ข้างหน้าเธอด้วยแววตาที่ดูขมขื่น
หรือก็คือชายคนนี้คือคนรู้จักของคุณซิลเวียงั้นเหรอ?
….คนรู้จักของคุณซิลเวีย…..ผู้ชาย….อ๊ะ หรือว่า!
“หรือว่าคุณคือคุณอดีตสามีของคุณซิลเวียงั้นเหรอ?”
“ชิ…..อา ใช่แล้วล่ะ”
ถ้าอย่างงั้นก็แปลว่า เขาคือคนที่ว่าจ้างให้มาลักพาตัวผมกับคุณซิลเวียงั้นเหรอ!?
แล้วจุดประสงค์ที่ให้กิลด์แห่งความมืดลักพาตัวพวกเรามามันคืออะไรกันล่ะ?
“บ้าบอสิ้นดี…..คุณตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ถึงได้ว่าจ้างกิลด์แห่งความมืดแบบนี้ หากติดต่อกับกิลด์แห่งความมืดล่ะก็ถือเป็นโทษร้ายแรงเลยนะ ต่อให้คุณจะเป็นผู้ชาย ยังไงหนีโทษไม่พ้นหรอกนะ ไม่สิ ไม่ใช่แค่คุณ แต่ครอบครัวของคุณเองก็ต้องโดนเหมือนกันด้วยนะ”
คุณซิลเวียมองไปที่อดีตสามีของเธอ
แต่ว่าหน้าผู้ชายคนนั้นก็เริ่มแดงเดือดขึ้นเรื่อยๆ
“ตั้งใจจะทำอะไร……อย่างงั้นน่ะเหรอ? คนผิดมันคือแกยังใช่รึไงซิลเวีย! ที่สำคัญ เป็นแค่ผู้หญิงแท้ๆ แต่วิธีการพูดแบบนั้นมันอะไรกัน! จะบอกว่าตัวเองไม่ผิดเลยรึไง….!”
….หวา ไอ้หมอนี่อาการหนักกว่าที่คุณซิลเวียเคยบอกอีกแฮะ
ซึสึที่อยู่ข้างๆผมทำหน้าบูดบึ้งพร้อมพูดว่า
“เอ๋…..ถึงผู้ชายจะทำหน้ายังไง ก็หน้าตาดีอยู่ดีสินะเมี้ยว”
แต่เหมือนมนุษย์กบคนนั้นจะไม่ได้ยินเสียงของซึสึ
ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นแดงเดือดด้วยความโกรธ
เขาจ้องไปยังคุณซิลเวียที่ถูกมัดอยู่บนเก้าอี้
“เพราะการหย่าโดยพละการของเธอ การสนับสนุนทางการเงินของพ่อแม่เธอที่เคยส่งมาก็ถูกตัดขาดไปหมด! แม่ของผมดุด่าผมเพราะเรื่องนี้….แถมผมยังโดนขุนนางคนอื่นๆหัวเราะเยาะใส่อีกด้วย!”
“หัวเราะเยาะ?”
คุณซิลเวียขมวดคิ้วถามกลับไป
พอมนุษย์กบคนนั้นเห็นเธอดูนิ่งๆ เขาก็โกรธจัดและถ่มน้ำลายออกมา
“อา ใช่แล้ว! ก็เพราะว่าแกไปหย่าที่ราชการ…ข่าวการหย่าของเรามันเลยเป็นที่รู้จักไปทั่วเมืองหลวง! แกรู้รึเปล่าว่าฉันต้องเจอกับอะไรมาบ้างน่ะห๊ะ!”
….ถ้าจำไม่ผิด ไอ้หมอนี่มันยื่นใบหย่าที่กรอกครบถ้วนมาให้เธอเองนี่?
ทั้งอย่างงั้นทำไมถึงทำตัวเหมือนว่าตัวเองเป็นเหยื่อล่ะ
คุณซิลเวียก็ทำหน้าตาเหมือนยอมแพ้ไปแล้ว
ขนาดเด็กสาวหูกระต่ายที่ยืนข้างกำแพงก็ถึงกับหาวอย่างเบื่อหน่าย
“เข้าใจรึเปล่า? ดาร์ฟเอลฟ์หญิงขอหย่าน่ะมันถูกเล่าไปปากต่อปากในเมืองหลวงในเวลาไม่นาน! เพราะแบบนั้น ครอบครัวขุนนางจึงถูกวิพากษ์วิจารณ์เสียหายอย่างมากไงล่ะ! [การหย่าในยุคนี้เนี่ยนะ แถมยังเป็นการหย่าจากดาร์กเอลฟ์อีกต่างหาก] หรือไม่ก็ [หรือขุนนางคนนั้นอาจจะเป็นโรครึเปล่า?] พวกเขาพูดกันแบบนี้…..โธ่เว้ย! ไม่ว่าจะเรื่องไหนๆคนผิดมันก็คือแกนั่นแหละซิลเวีย!”
มนุษย์กบคนนั้นตะโกนเสร็จก็จ้องไปที่คุณซิลเวีย
เขาหายใจเข้าออกอย่างแรง
ทัศนคติของหมอนี่ที่มีต่อคุณซิลเวียนั้นแย่มาก
“นึกว่าจะพูดอะไรซะอีก แต่กลับพูดเรื่องแค่นี้เองเหรอ ไร้สาระสิ้นดี”
“ระ ไร้สาระงั้นเหรอ!?”
คุณซิลเวียมองไปที่มนุษย์กบคนนั้น จากนั้นก็ยักไหล่และถอนหายใจ
“แค่การถูกว่าร้ายน่ารักๆแค่นี้น่ะ เทียบกันที่ฉันโดนรังเกียจเพียงเพราะแค่เดินไปเดินมาที่เมืองหลวง ยังถือว่าเบากว่าเป็นสิบเท่าเลยล่ะ”
“นะ นั่นก็เพราะ….เธอเป็นนักผจยภัยไงล่ะ! ขุนนางน่ะมันแตกต่างกันออกไป! ขุนนางน่ะจำเป็นต้องรักษาหน้าไว้ไม่เหมือนกับนักผจญภัย! ถึงคนอย่างเธอไม่มีวันเข้าใจก็เถอะ!”
มนุษย์กบโต้คุณซิลเวียกลับไปด้วยความรู้สึกรังเกียจ
แต่สีหน้าของคุณซิลเวียกลับไม่เปลี่ยนไปซักนิดเดียว
“ไม่หรอก มันก็เหมือนกันนั่นแหละ จะนักผจญภัยหรือขุนนางก็ต่างอาศัยอยู่ในโลกที่ต้องปกป้องหน้าตาของตัวเอง เป็นโลกที่หากแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น ก็จะมีแต่คนรอเหยียบซ้ำและลากเราลงไปให้ตกต่ำ”
ถึงแม้เธอจะถูกมัดอยู่กับเก้าอี้และขยับไม่ได้
แต่คุณซิลเวียก็ได้พูดแบบนั้นออกมาด้วยท่าทางที่ดูสง่างาม
ทัศนคติที่ยอดเยี่ยมแบบนั้นของเธอยอดเยี่ยมมาก
เห็นได้ชัดจากอาการอึ้งของชายคนนั้นเลย
มือของชายคนนั้นเต็มไปด้วยเหงื่อ
“ถ้าคุณอยากที่จะปกป้องหน้าตาของตัวเองจริงๆ ก็แค่พูดไปว่า [ยัยผู้หญิงน่าเกลียดคนนั้นน่ะ ฉันไล่เธอออกไปเพราะว่าฉันเบื่อที่จะต้องเห็นหน้าแล้ว] หรือไม่ก็ [เพราะการจะไปหย่ามันยุ่งยาก ก็เลยให้เธอไปหย่าเอง] แค่บอกไปแค่นั้นก็พอแล้วนี่”
“ระ เรื่องแบบนั้น จะให้คิดออกในทันทีได้ยังไงกันล่ะ!”
“งั้นเหรอ ถ้างั้นปัญหามันก็อยู่ที่ตัวคุณล้วนๆแล้วล่ะนะ โทษทีนะแต่ฉันก็ทำอะไรกับเรื่องนั้นไม่ได้หรอก ยังไงซะเราก็หย่ากันแล้วด้วยนี่นา”
“วะ….ว่า….!”
มนุษย์กบคนนั้นขยับปากพะงาบๆ พร้อมทำสีหน้าเหมือนกับไม่อยากจะเชื่อ
จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะจากด้านข้างของผม
พอหันไปดูก็เห็นซึสึกำลังพยายามกลั้นขำอย่างหนัก
เธอปิดปากกลั้นขำอย่างเอาเป็นเอาตาย
“เดี๋ยวเถอะซึสึจัง”
“ขะ ขอโทษนะเมี้ยว….แต่ว่า คิกคิก!”
“หนวกหู! พวกแกน่ะหุบปากไปเลย!!”
สาวหูกระต่ายดุซึสึไป แต่ดูเหมือนมนุษย์กบคนนั้นจะได้ยินเสียงหัวเราะเยาะเย้ยเขา
ผู้ชายคนนั้นเริ่มกระทืบพื้นแล้วก็เกาหัวด้วยมือทั้งสองข้าง
“เวรเอ๊ย เวรเอ๊ย!! นอกจากหน้าตาจะน่ารังเกียจแล้ว นิสัยก็ยังน่ารังเกียจเหมือนกัน! ทั้งที่อุตส่าห์คิดว่าแกจะต้องเสียใจกับความโง่เขลาของตัวแล้วก็กลับมาหาผมคนนี้ด้วยตัวเองแล้วแท้ๆ!”
“โทษทีนะ แต่ฉันน่ะไม่เคยคิดถึงคุณเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วคุณน่ะตั้งใจจะทำอะไรกันแน่? ให้กิลด์แห่งความมืดลักพาตัวฉันกับเรียวแบบนี้ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่?”
พอชายคนนั้นได้ยินคำพูดของคุณซิลเวียเขาก็หยุดเคลื่อนไหวไป
“หึ….หึหึ จริงสิ…..ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาทำท่าทางอวดเก่งแบบนั้นหรอกนะ”
จากนั้นเขาก็มองมาที่ผมและคุณซิลเวียด้วยรอยยิ้มที่น่าขยะแขยงพร้อมกับหัวยุ่งๆของเขา
“ซิลเวีย….จะพูดอีกครั้งกลับมาแต่งงานกับผมอีกครั้งซะ”
“”ห๊ะ……?””
ผมกับคุณซิลเวียตกใจพร้อมกันกับคำพูดนั้น
“ไอ้นั่นน่ะ….พูดเล่นรึเปล่า?”
“แน่นอนว่าไม่ได้ล้อเล่น! ถ้าเธอแต่งงานกับผมอีกรอบแล้วล่ะก็ ผมก็จะได้รับเงินสนับสนุนจากครอบครัวของเธออีกครั้ง! แล้วทีนี้ความโกรธของพ่อแม่ผมก็จะหายไปผมก็จะสามารถฟื้นฟูชื่อเสียง และรักษาหน้าตาในสังคมเอาไว้ได้อีกครั้งไงล่ะ!”
ชายคนนั้นสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดแบบนั้นออกมา
ทำท่าทางภูมิใจเหมือนกำลังพูดถึงสิ่งที่ดีที่สุดที่ตัวเองจะคิดได้ในตอนนั้นออกมา
ผมกับคุณซิลเวียมองหน้ากันโดยไม่ได้ตั้งใจ
ผมกับคุณซิลเวียในตอนนี้มีแต่เครื่องหมายคำถามลอยอยู่บนหัวเต็มไปหมด
ไอ้หมอนี่กำลังพูดเรื่องบ้าอะไรอยู่กันเนี่ย?
ลืมที่คุณซิลเวียพูดกับนายอย่างเย็นชาเมื่อกี้ไปแล้วรึไงนะ?
ต่อให้จะแต่งงานใหม่ไปเธอก็ไม่มีทางจะมอบอะไรให้อีกต่อไปแล้ว
“….ดูเหมือนว่าคุณจะกำลังเพ้อเจ้อนะ ฉันจะไม่แต่งงานกับคุณอีกเป็นครั้งที่สอง หมายความว่าจะไม่มีการแต่งงานอะไรอีกทั้งนั้น ถ้าคุณมีเวลาว่างมากในการมาทำอะไรโง่ๆในที่แบบนี้ล่ะก็ ฉันว่าคุณรีบกลับไปที่เมืองหลวงตอนนี้เลยจะดีกว่านะ ถ้ารีบกลับไปฉันจะเก็บเรื่องที่คุณติดต่อกับกิลด์แห่งความมืดไว้เป็นความลับให้ก็แล้วกันนะ”
“ฮ่าฮ่า ไม่ได้เข้าใจอะไรเลยสินะซิลเวีย! ถ้าเห็นนี่แล้วจะยังพูดแบบเดิมได้อยู่อีกรึเปล่านะ?”
“อะไร…?”
พวกเราขมวดคิ้วกับท่าทางมั่นใจของชายคนนั้น
ในขณะนั้นเองจู่ๆก็มีแรงกระแทกบางอย่างเข้ามากระทบโดนผม
“หวา!?”
ก่อนที่ผมจะรู้สึกตัวว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมก็ลงไปนอนกองกับพื้น
ภาพที่ผมเห็นตอนนี้คือเพดานสีดำๆของห้องใต้ดิน
แล้วซึสึก็มองมาที่ผมด้วยดวงตาเป็นประกาย
“เรียว….!? นี่แกจะทำอะไรกัน….!”
“หื้ม….สีหน้าเปลี่ยนไปเลยนี่ซิลเวีย”
ผมได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา
ชายคนนั้นเดินเข้ามาทางผมนั่นเอง
“ให้ตายสิ…..ผู้ชายน่าเกลียดๆแบบนี้มันมีอะไรดีกัน? ไม่ว่าจะอำนาจ หน้าตา หรือเงินทอง ก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าผมซักอย่าง”
มนุษย์กบคนนั้นมองมาที่ผมด้วยสายตาเหยียดหยาม
“เป็นแค่สามัญชนแท้ๆแต่กลับมาทำให้ผมคนนี้ต้องขายขี้หน้า แต่เอาเถอะ ความผิดที่มาทำให้ผมต้องอับอาย จะให้ชดใช้ด้วยร่างกายนั่นก็แล้วกัน!”
“ร่างกายงั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว ร่างกายยังไงล่ะ ฟังนะซิลเวีย จากนี้ไปผมจะให้เหล่าผู้หญิงในกิลด์แห่งความมืด ข่มขืนผู้ชายคนนี้ต่อหน้าเธอยังไงล่ะ!”
“วะ ว่ายังไงน่ะ…..!?”
คุณซิลเวียเบิกตากว้างกับคำพูดของชายคนนั้น
“ถ้าไม่อยากให้มันเกิดขึ้น ก็ก้มหัวให้ผมซะสิ….ไม่สิ คงไม่ได้ เพราะที่นี่ไม่ใช่สถานที่สำหรับการจัดแสดงนี่นะ”
พอพูดแบบนั้นเสร็จ มนุษย์กบคนนั้นก็ยิ้มอย่างบ้าคลั่ง
รอยยิ้มนี่เป็นอะไรที่น่าเกลียดที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นเลย
“นั่นสินะ….ซิลเวีย ให้เธอไปคุกเข่าพร้อมเปลือยกายบนถนนสายหลักในเมืองหลวงดีกว่า! แล้วจากนั้นก็ให้พูดออกมาดังๆว่า [ฉันผิดไปแล้วค่ะ ให้ฉันเป็นภรรยาของคุณอีกครั้งเถอะค่ะ ฉันคิดถึงดุ้นที่แข็งแรงบึกบึนของคุณมากเลยค่ะ ข้างในตัวของฉันรู้สึกเจ็บปวดแล้วร้องโหยหาดุ้นของคุณอยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ] แบบนี้ก็แล้วกัน”
“ห๊ะ…..!”
“ผมน่ะจะยังไงก็ได้นะ? เธอจะแสดงให้ดูต่อหน้าพวกนี้หรือจะเลือกไปเปลือยอยู่บนถนนก็ได้ไม่ว่าเธอจะเลือกทางไหน ผมก็จะให้เธอได้ลิ้มรสความอัปยศเหมือนที่ผมได้รับคืนไปเป็นร้อยเท่าเลยล่ะ!”