นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 7

ผมทำเสียงดังวุ่นวายในห้องน้ำไปซะแล้ว ขายหน้าจริงๆเลยให้ตายสิ

แต่น่าแปลกใจมาก ในตอนที่ผมเข้าห้องน้ำอยู่ กลับไม่มีพนักงานคนอื่นๆได้ยินเสียงของผมหรือโอริออนดีลเลย

หรือว่าโอริออนดีลจะสร้างไอ้กำแพงล่องหนนั่นขึ้นมาอีกแล้วกันนะ?

จะว่าไปแล้ว ถึงผมจะได้ฟังเรื่องเกี่ยวกับโลกนี้มาก็เถอะ แต่ผมกลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโอริออนดีลเลยซักนิดแฮะ มาลองคิดดูแล้วภูติที่ใช้สุดยอดเวทย์มนต์อย่างการข้ามไปโลกคู่ขนานหรือการร่ายเวทย์มนต์เสน่ห์เนี่ยนะ ต้องเป็นภูติแบบไหนกันล่ะนั่น?

ใช้เวทย์มนต์ที่สุดยอดแบบนี้ได้ขนาดนั้น  ถ้าผมไปลองค้นหาตามหนังสือหรือวรรณกรรมน่าเจออะไรบางอย่างก็ได้มั้ง?

ไว้ถ้ามีเวลาแล้ว ลองไปค้นดูที่ห้องสมุดของกิลด์ดูก็แล้วกัน….

 

–“เรียว นั่งตรงไหนของนายกันน่ะ?”

“เอ๊ะ?”

1oนาทีที่กิลด์นักผจญภัยจะเปิดทำการ ผมก็กำลังนั่งคิดเกี่ยวกับเรื่องก่อนหน้านี้อยู่  

ในตอนที่ผมนั่งอยู่ที่ทำงานตามปกติ กิลด์มาสเตอร์ก็ทำหน้าแปลกใจและมองมาที่ผม

“นายน่ะเป็นพนักงานต้อนรับไม่ใช่รึไง เป็นเม็ดดำอันล้ำค่าของกิลด์เราเลยนะ”

“มะ…เม็ดดำ?”

เม็ดดำล้ำค่า? คืออะไรฟะ? ไฝรึไง?

ในที่สุดกิลด์มาสเตอร์ก็เพี้ยนไปแล้วจริงๆ? พักนี้ผมคงทำงานหนักมากเกินไปสินะ

 

อืม…ไม่ใช่สิ ไม่ใช่…  

ที่นี่คือโลกคู่ขนานนี่นา ดูเหมือนที่โอริออนดีลบอกมา ค่านิยมเรื่องความงามกับความอัปลักษณ์ในโลกนี้จะกลับกันสินะ 

แล้วก็ดูเหมือนว่าจำนวนประชากรชายหญิงจะแตกต่างกันมากซะด้วย ผู้ชายในโลกนี้เลยมีจำนวนน้อยมาก

ในโลกของผม ผู้หญิงจะเป็นพนักงานต้อนรับของกิลด์ แต่กลับกันเลย ในโลกนี้น่ะมีผู้หญิงอยู่เยอะ

ฉะนั้นแล้ว นักผจญภัยส่วนใหญ่ก็เลยเป็นผู้หญิง เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ชายถึงเป็นพนักงานต้อนรับสินะ

“ขอโทษนะครับ พอดีผมหลงๆลืมๆน่ะครับ”

“โอ้! แสดงว่าสบายดีใช่มั้ย? นายก็ดูแลตัวเองให้ดีๆด้วยล่ะ เพราะว่านอกจากฉันแล้ว ก็มีแค่นายนี่แหละที่เป็นผู้ชายน่ะ…”

‘เฮ้อ’ กิลด์มาสเตอร์ถอนหายใจ

 

ในโลกเก่านั้น ถึงแม้กิลด์มาสเตอร์จะร่างกายกำยำใหญ่โตยังกับโกเล็มหินตัวยักษ์ ที่มองดูแล้วให้ความรู้สึกน่าหดหู่ก็เถอะ

แต่ถึงเขาจะเป็นแบบนั้น คนรอบๆตัวก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเท่าไหร่ 

แต่ว่าถ้าเป็นที่โลกนี้น่ะ มันแตกต่างออกไปเลย

“ย๊าาา กิลด์มาสเตอร์ วันนี้ก็ถอนหายใจได้ดูเซ็กซี่มาก”

“หน้าบึ้งแบบนั้นก็คมเข้ม เท่มากค้า”

“นี่ รู้รึเปล่า เห็นว่าถึงกับมีนักผจญภัยบางคนถ่อมาถึงที่เมืองนี้เพื่อจะมาเจอกับกิลด์มาสเตอร์ ที่ลือกันว่าเป็นหนุ่มหล่อรูปงามที่ไม่มีใครเทียบได้เลยนะ”

พนักงานหญิงในกิลด์นักผจญภัยซุบซิบคุยกัน

 

พะ…พ่อหนุ่มรูปงามแถมยังสุดเท่?

ในโลกก่อน เขาถึงกับมีข่าวลือว่าโดนนักผจญภัยฟันเข้าบนถนนตอนกลางคืนเพราะคิดว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาดโกเลมเลยนะ แต่นี่มันน่าทึ่งไปเลยแฮะ ค่านิยมด้านความงามกับความอัปลักษณ์มันกลับกันจริงๆซะด้วย

ดูดีๆแล้ว ก็เห็นว่าพวกนักงานกิลด์หญิงบางคนก็กำลังรุมจีบกิลด์มาสเตอร์ยังกับแมวเลย

แต่ก็นะ เพราะว่าพวกเธอมั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเองกันนั่นแหละ ถึงได้กล้าจีบกัน

พูดให้ถูกก็คือ พวกที่คิดว่าตัวเองสวยในโลกนี้น่ะนะ ตาสองข้างนี่ห่างกันเป็นวาเลย จมูกนี่ก็ยังกับจมูกกลับข้าง จากมุมมองของผมแล้ว ก็คงเรียกพวกเธอว่าสวยไม่ได้ล่ะนะ

 

พูดตรงๆเลย สายตาของพวกเธอที่จ้องไปหามนุษย์หินอย่างกิลด์มาสเตอร์นั่น มันทำให้ผมรู้สึกตัวสั่นเลย

แน่นอนว่าไม่ใช่สั่นเพราะตื่นเต้น แต่รู้สึกหนาวสั่นเลยจริงๆ

ในตอนแรกผมคิดว่า ถ้าค่านิยมความงามมันสลับกันจริงๆ ผมก็ควรจะถูกมองว่ารูปหล่อไม่ใช่เหรอ?

อืม แต่พอมาคิดดูแล้วบางที ผมก็คงจะดูด้อยกว่าคนทั่วไปจริงๆนั่นแหละ

“อ่าาาาก เหนื่อยจัง”

กว่าวันนี้จะเลิกงาน ผมก็แทบจะไม่มีแรงเหลือ

ถึงจะรู้อยู่แล้วก็เถอะ แต่แผนกต้อนรับนี่ก็ลำบากจริงๆ

 

ในโลกนี้ จำนวนนักผจญภัยหญิงนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล 

แต่พอมาเทียบกับโลกเก่าแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าผู้หญิงจะเยอะขนาดนี้ ภารกิจการปราบมอนสเตอร์ก็ไม่น่าจะคืบหน้าเท่าไหร่นะ

แต่ดูเหมือนว่าผมจะคิดผิด ในโลกเก่าที่ผมจากมา นักผจญภัยหญิงส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเก่งกาจกันเท่าไหร่

แถมนักผจญภัยแรงค์สูงสุดในเมืองนี้อย่างปาร์ตี้แรงค์ B ก็เป็นชายวัยกลางคน 3 คนอีก

แต่เหมือนในโลกนี้ เขาจะเป็นปาร์ตี้นักผจญภัยหน้าตาดี 3 คนแทน  

ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน แต่พวกเขาใส่เสื้อลายเสือ กับลายลูกเสือด้วย

พวกเขาก็ไม่ใช่คนไม่ดีหรอกนะแต่…

 

“เรียวจัง วันนี้ทำหน้าดูเหนื่อยๆจังนะ!”

“หรือว่าจะเป็นไอ้นั่นนั้นงั้นหรอ?”

“เด็กผู้ชายไม่ควรจะเป็นแบบนั้นหรอกนะ”

ผมถูกหยอกล้อรัวๆ จนผมเริ่มรู้สึกกังวลนิดหน่อย ถึงแม้งานแผนกต้อนรับจะค่อนข้างสนุกดีก็เถอะ

แต่ถ้าผมชินกับงานแล้ว ก็แอบสงสัยนะว่าผมจะเลี่ยงสถานการณ์แบบนี้ได้มั้ยนะ

หนทางช่างยาวไกลยิ่งนัก

 

“ขอบคุณที่เหนื่อยนะครับ ขอตัวกลับก่อนนะครับ”

“เหนื่อยหน่อยนะ! แล้วพรุ่งนี้เจอกันนะ!”

กว่ากิลด์นักผจญภัยจะปิดก็อีกสักพัก แต่กิลด์มาสเตอร์บอกว่าผมสามารถเลิกงานเร็วได้กว่าคนอื่น 

คือต้อนรับเสร็จแล้วก็กลับบ้านได้เลย นี่ก็เป็นจุดที่ดีเหมือนกันนะถ้าเทียบกับโลกก่อนหน้านี้

เอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้รู้สึกผิดกับการออกก่อนคนอื่นเท่าไหร่หรอก 

แต่ทุกคนก็บอกผมมาเป็นเสียงเดียวกันอย่างจริงจังว่า….

“ถ้ากลับบ้านช้าล่ะก็ อาจจะถูกจู่โจมเอาได้นะ” ผมถูกบอกมาแบบนี้

เท่าที่ผมได้ยินมา จากการที่โลกนี้มีผู้ชายน้อย ผู้ชายเลยถูกจ้องจะเล่นอยู่บ่อยๆ

จากเท่าที่เห็นในเมือง ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีผู้ชายเลยหรอกนะ แค่ผู้หญิงมีจำนวนเยอะกว่ามากต่างหาก

ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นผลให้ผมที่เป็นพนักงานชายได้รับคำสั่งให้กลับบ้านได้เร็วกว่าคนอื่นๆ

“อืม….แต่สรุปแล้ว นี่มันเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ดีกันแน่เนี่ย?”

มันอะไรกันแน่นะ

 

แต่ว่าการถูกผู้หญิงเล่นงานเนี่ย ถ้าคิดตามบรรทัดฐานของผมแล้ว ผมก็คิดว่ามันก็คงไม่ดีมั้ง

ในระหว่างที่ผมกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ผมก็ได้เดินออกจากทางประตูหลังของกิลด์ซึ่งเป็นทางเข้าพนักงานไป

พระอาทิตย์กำลังจะตก เมืองคาสซานดร้าย้อมไปด้วยสีแสด แต่ถึงแบบนั้นท้องฟ้าก็ยังดูสดใส

อื้ม อย่างที่คิด ยังไงก็เป็นเรื่องดีแหละ ในเวลาแบบนี้ ได้อยู่บ้านนี่แหละดีที่สุดแล้ว

 

“คะ…คือว่า….”

มีคนเรียกผมจากด้านหลังอย่างอายๆนิดหน่อยในตอนที่ผมเดินออกมาจากกิลด์นักผจญภัย

แล้วพอผมหันหลังไปก็ได้เจอกับใบหน้าที่คุ้นเคย

“เธอคือ….”

ดวงตาสีเขียวมรกต ขนตาเรียวยาวและผมสีเงินสลวย

ผิวขาวเนียน หุ่นเพรียวและหูยาวแหลม

 

“ฉะ…ฉัน ไอริสจากโรเซนครูเซอร์ค่ะ”

คุณเอลฟ์ไอริสโค้งคำนับผม

เอ๋? เธอคือผู้หญิงที่อยู่กับคุณคาร์ล่านี่ ถ้าจำไม่ผิดล่ะก็เธอน่าจะเป็นนักธนู

“ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”

“พอดีว่ามีเรื่องที่อยากจะถามคุณอยู่น่ะค่ะ ขอเวลาสักเดี๋ยวนึงได้มั้ยคะ?”

“ก็ได้อยู่หรอก”

ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่พูดกันตรงนี้ไม่ได้ ผมเลยตัดสินใจเดินเข้าไปในตรอกซอยเล็กๆ กับคุณไอริส

เดิมทีทางเข้าของพนักงานกิลด์ก็อยู่นอกถนนสายหลักอยู่แล้ว เลยไม่น่าจะมีใครผ่านมาสักพักนึง

 

“รู้ได้ยังไงว่าทางเข้าของพนักงานกิลด์อยู่ทางไหนน่ะ?”

“ให้พวกพ้องใช้เวทย์ค้นหาเพื่อตรวจสอบดูน่ะค่ะ คือว่า มีคำถามที่ไม่ว่ายังไงก็จะต้องถามคุณให้ได้อยู่น่ะค่ะ”

คำถามที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องถามให้ได้? มันคืออะไรกันนะ

ผมเอียงคอด้วยความสงสัย แต่ในตอนนั้นคุณไอริสก็จ้องมาที่ผมเหมือนกับตัดสินใจอะไรบางอย่างได้

“คุณน่ะ…..จุดประสงของคุณคืออะไรกันแน่คะ?”

เอ๊ะ?

คือว่า กำลังพูดเรื่องอะไรกันเนี่ย?

“อะไรน่ะ จุดประสงค์ที่ว่า?”

“อย่ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เลยค่ะ คุณมีจุดประสงค์อะไรกันแน่คะ ที่เข้าหาคาร์ล่าแบบนี้”

“เอ๊ะ? คุณคาร์ล่า? นั่นมันก็เพราะว่าคุณคาร์ล่าเขาเป็นคนชวนฉันไง”

“มะ…ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ หมายถึงว่าทำไมคุณถึงตอบรับคำเชิญของคาร์ล่าต่างหากล่ะคะ 

พนักงานกิลด์อย่างพวกคุณมีกฎว่าไม่ควรปฏิบัติกับนักผจญภัยคนไหนเป็นพิเศษนี่คะ เหตุผลที่คุณถึงกับฝ่าฝืนกฎแล้วตอบรับคาร์ล่าคืออะไรคะ”

 

อ๊ะ มีกฎแบบนั้นอยู่ด้วยสินะ

ถึงจะมีกฎแบบนั้นอยู่ก็เถอะ แต่ถ้าเป็นนักผจญภัยระดับสูงล่ะก็ ทางกิลด์ก็คงจะไม่มีทางเลือกมากนักหรอก ก็คงมีแต่ต้องให้สิทธิพิเศษกับนักผจญระดับสูงเท่านั้นแหละ

แต่ว่า บางที่สิ่งที่คุณไอริสพยายามจะสื่อนั้นคงจะไม่ได้เกี่ยวกับกฎของกิลด์หรอก

 

เอิ่ม ยังไงก่อนอื่น ตอนนี้ก็…

“เมื่อวานนี้ ที่ผมไปกับคุณคาร์ล่าก็เพราะว่าเธอเป็นคนที่สวยมากยังไงล่ะครับ”

“สะ…สวยมาก?”

“ใช่ มันก็จริงแหละนะที่มันมีกฎแบบที่คุณไอริสพูดอยู่จริงๆ ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่ถ้าฉันเป็นคนรักคุณคาร์ล่า กฎแบบนั้นมันก็คงไม่ได้สำคัญหรอกใช่มั้ย?”

ยังไงก็ไม่ได้มีกฎไหนที่บอกว่าห้ามพนักงานกิลด์ตกหลุมรักนี่นา

ดวงตาสีเขียวมรกตของคุณไอริสเบิกกว้างขึ้นมากตอนที่ได้ยินคำพูดของผม

“คะ…คนรักของคาร์ล่า”

“อื้ม”

“ทะ…ทำไมกันล่ะคะ? พวกคุณเพิ่งเคยเจอกันไม่นานนี้เองนะคะ หรือว่าเคยเจอกันมาก่อนเหรอคะ?”

“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก  ก็เพราะว่าคุณคาร์ล่าน่ะทั้งสง่าแล้วก็เป็นสาวงามด้วยสิ มีความดุดันแล้วก็ยังมีความน่ารักด้วย ถึงแม้จะดูมีมุมที่เหมือนเด็กผู้ชายอยู่บ้าง แต่ก็มีมุมที่ดูไร้เดียงสาด้วยเหมือนกัน ถ้ามีคนถามว่าฉันอยากจะจริงจังในความสัมพันธ์กับเธอมั้ย ฉันก็ต้องตอบว่าแน่นอนอยู่แล้วล่ะ”

แถมหน้าอกเธอก็ยังใหญ่เบิ้มอีกด้วย!

ผมอดไม่ได้ที่พูดที่จะพูดถึง ในตอนที่คุยอยู่กับคุณไอริส

คุณไอริสเบิกตาขึ้นและไหล่สั่น

 

“คะ…คาร์ล่าเป็นสาวงาม?”

อ๊ะ ชิบหายแล้ว ผมยังไม่ชินกับมาตรฐานความงานในโลกนี้เลยนี่หว่า

ผมก็เลยเผลอพูดในสิ่งที่คิดออกไป

แต่ดูเหมือนว่าเธอจะอารมณ์ไม่ค่อยดีมากกว่าที่ผมคิดนะ

“อย่ามาตลกไปหน่อยเลยค่ะ! คุณพยายามจะทำอะไรกับเธอคนนั้นกันแน่คะ คาร์ล่าสวยเนี่ยนะคะ เรื่องนั้นน่ะมันไม่มีทา–“

หลังจากที่พูดไปแบบนั้นคุณไอริสก็ทำหน้าตกใจ เหมือนรู้ว่าตัวเองกำลังพยายามจะพูดอะไรไม่ดีใส่ผม เธอเลยเบือนหน้าหนีไปจากผม

 

“นี่ฉัน…ทำอะไรลงไป….”

ดวงตาของคุณไอริสเต็มไปด้วยน้ำตา

เธอรู้ตัวว่ากำลังพูดอะไรแย่ๆ และเธอก็รู้สึกเสียใจ

อ๊ะ นี่มัน ไอ้นั่นเรอะ?

เพราะเป็นห่วงเพื่อนในปาร์ตี้อย่างคุณคาร์ล่าเลยมาถามเรื่องแบบนี้กับผมด้วยตัวคนเดียวสินะ

จากที่ผมได้ยินมาเกี่ยวกับชื่อเสียงของพวกเธอ เหมือนพวกเธอจะได้ชื่อว่า ‘แรงค์ S ที่แต่งงานช้ากว่าชาวบ้าน’ ในโลกนี้สินะ

นึกว่าเป็นเรื่องเติมแต่งอะไรทำนองนั้นซะอีกนะ

 

“เอ่อคือ ขอโทษด้วย ที่ผมพูดไปเมื่อกี้นี้มันก็ชวนให้เข้าใจผิดอยู่เหมือนกัน”

“…..”

ผมพยายามจะขอโทษ แต่ดูเหมือนว่าคุณไอริสจะเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป ที่ตาของเธอยังมีน้ำตาอยู่

อืม เป็นห่วงพวกพ้องถึงขนาดนี้ ว่าแล้วเชียว ยังไงก็ไม่ใช่คนไม่ดีแหละนะ

“ฉันน่ะ ว่าไงดีล่ะ คือว่า….มันมีเหตุผลบางอย่างน่ะที่ทำให้ค่านิยมของฉันมันแตกต่างจากคนทั่วไป”

“ค่านิยมแตกต่างจากคนทั่วไป?”

ผมไม่สามารถจะหาคำไหนมาพูดเพื่อที่จะอธิบายให้คุณไอริสฟังและโน้มน้าวเธอได้  

ผมเลยตัดสินใจพูดความจริง แต่ถึงแม้ว่ามันจะเป็นตามที่ผมพูด แต่ผมก็ไม่ได้บอกเธอว่าผมมาจากโลกคู่ขนาน

เพราะมันเป็นข้อตกลงกับโอริออนดีลล่ะนะ

“ใช่แล้วล่ะ ถึงฉันจะเห็นสิ่งต่างๆเหมือนคนอื่นก็เถอะ แต่ว่า ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ฉันก็มักจะชอบหรือประทับใจกับสิ่งที่ตรงข้ามกับคนอื่นอยู่เสมอเลยน่ะ”

“นั่นมัน…หมายความว่ายังไง?”

โอ๊ะ ติดกับแล้ว เยี่ยม สถานการณ์นี้แหละ!

 

“ฉันน่ะคิดว่า ใบหน้าที่ใครๆ ก็ว่าสวยนั่นน่ะ สำหรับฉันแล้วมันน่าเกลียด กลับกัน ใบหน้าที่ใครๆมองว่าน่าเกลียดน่ะสำหรับฉันแล้ว ฉันมองว่าสวยนะ”

“มะ…มันมีเรื่องแบบนั้นอยู่ด้วยหรอคะ?”

คุณไอริสพุ่งเข้ามาหาผมด้วยใบหน้าแปลกใจ

“อ่า เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิดแล้วน่ะ ฉันก็เคยไปหาหมอมาแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกัน แต่เพื่อไม่ให้รบกวนกับชีวิตประจำวันของฉัน ฉันเลยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับกับคนรอบตัวน่ะ”

“อะไรกัน!? ถะ…ถะถะ…ถ้างั้น หน้าของฉันก็ด้วย งั้นตอนนี้คุณก็มองเห็นว่าหน้าฉันสวยด้วยอย่างงั้นเหรอคะ?”

“อื้ม คิดว่าดูน่ารักสุดๆไปเลยล่ะ”

“อ๊ะ!!!!”

 

ตอนที่ได้ยินผมพูดแบบนั้น หน้าของคุณไอริสก็แดงเป็นแอปเปิ้ลทันที

จากนั้นเธอก็พูดด้วยเสียงเบาๆ “นะ…น่ารักแหละไอริส มีผู้ชายบอกว่าเธอน่ารักด้วยแหละ”

แล้วเธอก็เอามือทั้งสองข้างลูบแก้มของเธอ

เอาล่ะ เพียงแค่นี้เธอก็คงรู้แล้วล่ะว่าผมไม่ใช่พวกต้มตุ๋นละมั้ง?

ผมชูกำปั้นในใจ จากนั้นคุณไอริสที่หน้าแดงก็ชี้มาทางผม

 

“ถะ…ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ จะให้เชื่อเลยก็คงไม่ได้หรอกนะคะ มันจะมีอะไรแสนสะดวกอย่างกับเรื่องราวของเจ้าชายขี่ม้าขาวแบบนั้นด้วยงั้นหรอคะ สำหรับฉันแล้ว ถ้าให้คิดว่าคุณมาหลอกคาร์ล่าเพื่อที่จะเอาเงินยังดูน่าเชื่อมากกว่าเลยค่ะ”

“งะ…งั้นหรอ?”

เอ๋ แบบนี้ก็ยังไม่ไหวงั้นเหรอ….

ในตอนที่ผมกำลังคิดแบบนั้นอยู่นั่นเอง…..

 

“เพราะฉันนั้น ช่วยพิสูจน์ให้เห็นสิคะ!”

“พิสูจน์?”

“ค่ะ จากนี้ไป ฉันก็ด้วย….ช่วยทำเรื่องลามกกับฉันเหมือนอย่างที่ทำกับคาร์ล่าด้วยค่ะ!”

….ครับ?

ผมถึงกับอ้าปากค้าง คุณไอริสขยับหูที่เรียวยาวของเธอแล้วมองมาที่ผมด้วยใบหน้าคาดหวัง

ผสมกับความกังวล

“ฉะ…ฉันคือเผ่าพันธ์เอลฟ์ที่น่าเกลียดที่สุดในโลกใบนี้ค่ะ ถ้าคุณบอกว่าคุณสามารถ

นอนค้างคืนด้วยกันกับฉันได้ล่ะก็ ฉันก็จะเชื่อคำพูดของคุณค่ะ!”

…..ครับ??

 

นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน

นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
อ่านนิยาย นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนานผมทำตามที่กิลด์มาสเตอร์สั่งและเดินตรงไปยังห้องประเมินของกิลด์ ในตอนที่ผมเปิดประตูเข้าไป สินค้าก็ได้วางอยู่ในห้องไว้อยู่แล้ว และเมจิคไอเทมที่กิลด์มาสเตอร์อยากให้ผมประเมินนั้นวางอยู่บนโต๊ะ ผมเดินไปหยิบคริสตัลประเมินออกมาจากตู้และเปิดใช้งานมันด้วยพลังเวทย์ คริสตัลประเมินนี่ถือว่าเป็นของมีค่ามากเลยทีเดียว ในแต่ละกิลด์ภายในอาณาจักรจะต้องคริสตัลนี้สาขาละ1อัน ก็ตามชื่อน่ะนะ คริสตัลอันนี้ มีไว้เพื่อใช้ประเมินค่าของเมจิคไอเทม ผมบอกตัวเองว่า ถ้าผมทำคริสตัลอันนี้แตกขึ้นมาล่ะก็ ต่อให้ผมจะเกิดใหม่ซัก 3 รอบก็คงไม่มีทางทำงานหาเงินมาจ่ายได้แน่ๆ จะว่าไปแล้ว คริสตัลอันนี้มันจำทำให้เราคิดมากจนเกินไปหน่อยแล้วมั้ง? หรือนี่มันจะเป็นชะตากรรมของผมกันนะ? ในตอนนั้นเองที่ผมกำลังหยิบคริสตัลประเมินผมไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่า ชายเสื้อของผมมันไปเกี่ยวกับไอเทมเวทย์มนต์บนโต๊ะและตอนที่ผมขยับออกมา เมจิคไอเทมอันหนึ่ง–ขวดแก้วเล็กๆ ตกลงไปที่พื้นและแตกเป็นเสี่ยงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset