ตอนที่ 1027 แผนยุทธการ
รัชสมัยต้าเซี่ยปีที่หนึ่ง วันที่สิบห้า เดือนสี่
ณ กองบัญชาการกองทัพแห่งประเทศต้าเซี่ย กรมกลาโหม
ฟู่เสี่ยวกวนนั่งมองโต๊ะทรายจำลองสภาพภูมิศาสตร์เบื้องหน้าพลางฟังจัวเปี๋ยหลีเอ่ย “ทหารบกกองทัพที่หนึ่งภายใต้การนำของกวนเสี่ยวซีเดินทางถึงด่านเม่าซานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาได้นำจดหมายส่วนตัวของท่าป๋าวั่งไปด้วย ผู้ที่คุมด่านเม่าซานคือแม่ทัพใหญ่ท่าป๋าเซียว… ท่าป๋าวั่งยังต้องเดินทางอีกราวครึ่งเดือนโดยประมาณกว่าจะถึงเมืองซิ่งชิง จึงเป็นเหตุให้อำนาจในการบริหารซีเซี่ยยังมิถูกเปลี่ยนแปลงพ่ะย่ะค่ะ”
“มีรายงานว่าท่าทีของแม่ทัพใหญ่ท่าป๋าเซียวยังมีความคลุมเครือเป็นอย่างมาก เขามิยอมส่งมอบที่นี่ให้…”
จัวเปี๋ยหลีถือไม้แล้วชี้ไปที่ตำแหน่งหนึ่งบนโต๊ะทราย “นี่คือเขตป้องกันที่สองของสนามรบซีเซี่ยซึ่งเรียกว่าลู่เจียว ตามแผนที่วางเอาไว้คือทัพที่หนึ่งของกวนเสี่ยวซีควรรักษาการณ์อยู่ที่แนวหน้าของลู่เจียว จากนั้นให้ใช้เมืองต้งจื่อที่อยู่ด้านหลังสกัดกองทัพของราชวงศ์เหลียวเอาไว้พ่ะย่ะค่ะ”
ดูเหมือนว่าฟู่เสี่ยวกวนมิได้รู้สึกประหลาดใจแม้แต่น้อย “แล้วตอนนี้กองทัพของกวนเสี่ยวซีอยู่ที่ใด ? ”
“อยู่ตรงนี้…เขตป้องกันที่สามเรียกว่าเนินฉางเยียน เนินนี้อยู่ด้านหลังเมืองต้งจื่อ 50 ลี้และเป็นฐานที่มั่นของกองทัพใหญ่ซีเซี่ยซึ่งมีกำลังพล 120,000 นาย ในจำนวนนั้นมีทหารม้าชุดเกราะฝีมือเยี่ยมของซีเซี่ยอยู่ด้วย 50,000 นายพ่ะย่ะค่ะ”
“เกิดการปะทะกันหรือไม่ ? ”
จัวเปี๋ยหลีส่ายศีรษะ “ผู้นำของทหารม้าชุดเกราะคือท่าป๋าฮวงชินอ๋องผู้เลื่องชื่อ เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของท่าป๋าวั่ง เขามิได้เคลือบแคลงต่อจดหมายส่วนตัวฉบับนั้นของท่าป๋าวั่งเลยสักนิด เพียงแต่…เขามิได้เข้าไปโน้มน้าวท่าป๋าเซียวราวกับว่ากำลังรอให้ท่าป๋าวั่งกลับมาเสียก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วกวนเสี่ยวซีจัดการเยี่ยงไร ? ”
“เขาเดินทางไปยังด่านภูเขาเม่าซานเพียงลำพัง คาดว่าอีกมินานคงมีข่าวคราวส่งมาพ่ะย่ะค่ะ”
เจ้านี่ใจกล้าบ้าบิ่นเสียจริง จะว่าไปแล้วที่ด่านเม่าซานก็มิได้มีอันตรายมากนัก คาดว่าเขาคงอยากเข้าไปโน้มน้าวท่าป๋าเซียว มิเช่นนั้นหากต้องสูญเสียเมืองต้งจื่อไปก็คงวุ่นวายมิน้อย
ซีเซี่ยมิใช่สนามรบหลักของสงครามในครานี้ ทว่าสงครามที่ซีเซี่ยก็เป็นอีกหนึ่งศึกที่มีความสำคัญมากเช่นกัน
ทหารฝีมือชั้นยอดแห่งราชวงศ์เหลียวล้วนกระจุกตัวอยู่ในภูเขาต้าเซียนเปย ราชวงศ์เหลียวได้เตรียมความพร้อมในการโจมตีซีเซี่ยขนานใหญ่ สิ่งที่กวนเสี่ยวซีต้องทำมิเพียงแค่สังหารล้างบางศัตรูที่รุกล้ำเข้ามาในด่านเม่าซานเท่านั้น เขายังต้องร่วมมือกับทหารม้าของท่าป๋าเฟิงเพื่อพุ่งเข้าไปในอาณาเขตของราชวงศ์เหลียวเพื่อบุกโจมตีหัวเมืองต่าง ๆ
ฟู่เสี่ยวกวนต้องการให้ราชวงศ์เหลียวถูกโจมตีพร้อมกันสามทางในเวลาเดียวกัน…กวนเสี่ยวซีกับท่าป๋าเฟิงโจมตีที่แนวหน้าและภูเขาต้าเซียนเปย โดยมีเฮ้อซานเตานำกองนาวิกโยธินเข้าโจมตีเมืองต้าติ้งศูนย์กลางอำนาจของราชวงศ์เหลียวอย่างฉับพลัน !
“บัดนี้การเตรียมตัวในแต่ละกองทัพเป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ”
จัวเปี๋ยหลีอธิบายออกมาโดยละเอียดว่า “ทหารบกกองทัพที่สองถึงห้ามีด้วยกันทั้งสิ้น 400,000 นาย บัดนี้ได้ออกเดินทางจากเขตป้องกันแต่ละเขตไปยังเส้นทางเหอเป่ยตะวันตกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กำหนดการรวมกองทัพคือวันที่สิบเดือนห้า การติดอาวุธให้กองนาวิกโยธินยังมิแล้วเสร็จ ทางกรมโยธาธิการแจ้งมาว่าปืนเหมาเซ่อ 20,000 กระบอกและกระสุนอีก 400,000 นัดต้องใช้เวลาผลิต 1 เดือนพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อฟู่เสี่ยวกวนได้ยินดังนั้น จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่าแรงงานประจำสถาบันวิจัยอาวุธปืนของกรมสรรพาวุธจะมีจำนวนหลายหมื่นคน ทว่าการผลิตก็ยังมีปัญหาอยู่ดี เห็นทีจะต้องปฏิรูปเรื่องอาวุธทางการทหารสักหน่อยแล้ว
ทว่ากองนาวิกโยธินของเฮ้อซานเตาเดินทางโดยเรือซึ่งมิได้มีผลกระทบใดต่อแผนยุทธการในครานี้
“ต่อไปพวกเจ้าจงจำเอาไว้ว่า จี้หยุนกุย…”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ! ”
“ทางหอเทียนจีต้องจับตามองความเคลื่อนไหวที่ภูเขาต้าเซียนเปยอย่างใกล้ชิด พวกเราได้รับรู้ถึงความลับในภูเขาบางส่วนแล้ว จงส่งฝูงมดเข้าไปเพิ่มอีกและให้ส่งรายงานกลับมาทุกวัน”
“กระหม่อมน้อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“ต่อไปนี้รายงานด่วนจากหอเทียนจีให้ส่งมายังกรมกลาโหมโดยตรง หลังจากที่ได้รับรายงานแล้วให้ทางกองบัญชาการวิเคราะห์รายงานฉบับนั้นอย่างละเอียด จากนั้นให้ออกคำสั่งไปยังกองทัพอย่างทันท่วงที”
“กรมฝ่ายธุรการแนวหลังและกรมสรรพาวุธต้องแน่ใจว่าเสบียงกับกระสุนของแนวหน้ามีเพียงพอ… หากประสบปัญหาในการขนส่ง กรมกลาโหมสามารถเรียกใช้บริการขนส่งซีซานและขนส่งทางน้ำของตระกูลหลู่ได้ชั่วคราว”
ทุกวันนี้ขนส่งซีซานได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดดโดยที่ฟู่เสี่ยวกวนมิได้เข้าไปบริหารจัดการเลยแม้แต่น้อย เขาคาดมิถึงว่าต่งชูหลานจะคอยบริหารมาโดยตลอด
หลังจากที่สวี่หยุนชิงหวนกลับคืนมา ขนส่งซีซานได้มอบหมายให้ฉ้ายซีหลงจู๊เก่าแก่ของหยูฝูจี้มารับผิดชอบดูแลโดยมีต่งชูหลานคอยจัดการอยู่เบื้องหลัง
เมื่อมินานมานี้ เขาได้ยินต่งชูหลานเอ่ยว่าขนส่งซีซานได้กระจายไปทั่วทั้งสิบเจ็ดมณฑลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังกระจายไปในระดับอำเภออีกด้วย… ตอนนั้นหยูเวิ่นเต้าต้องการให้หอซี่หยู่กระจายอยู่ทั่วทั้งผืนปฐพีทว่าก็ต้องล้มเลิกไป แต่ในวันนี้ขนส่งซีซานกลับทำมันสำเร็จจนได้
นี่เป็นองค์กรขนส่งขนาดมหึมาที่ครอบครองตลาดขนส่งสินค้าเกินกว่าครึ่ง การลงทุนในขนส่งซีซานระยะแรกยังมีมิมากนัก แต่ผลกำไรของมันทำให้มุมมองของฟู่เสี่ยวกวนเปลี่ยนไป !
สืบเนื่องจากความเจริญรุ่งเรืองทางด้านเศรษฐกิจของประเทศต้าเซี่ย จึงทำให้มีสินค้าไหลเวียนในระบบมากขึ้น ขนส่งซีซานถึงได้ผงาดขึ้นมาเช่นนี้
มิเพียงแค่ขนส่งสินค้าได้เท่านั้น ฉ้ายซียังได้รับการส่งเสริมจากสวี่หยุนชิงให้มีอีกหนึ่งบทบาทสำคัญด้วยเช่นกัน…ซึ่งนั่นก็คือคอยส่งรายงานด่วนจากแต่ละท้องที่ให้แก่องค์จักรพรรดิ มิเพียงรายงานเรื่องความเป็นอยู่ของผู้คนในแต่ละท้องที่เท่านั้น ยังรวมไปถึงความสามารถด้านการบริหารราชการของแต่ละท้องถิ่นและขนบธรรมเนียมในแต่ละที่อีกด้วย
ดังนั้นจึงเอ่ยได้ว่าขนส่งซีซานทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาให้แก่จักรพรรดิอย่างแท้จริง เพียงแต่มิมีผู้ใดในใต้หล้าล่วงรู้ก็เท่านั้น
“หากต้องการความช่วยเหลือจากขนส่งซีซาน เจ้าจงไปหาฉ้ายซีผู้รับผิดชอบสำนักงานใหญ่ประจำเมืองกวนหยุน โดยบอกว่าเป็นคำสั่งของข้า เขาจะช่วยเหลือพวกเจ้าอย่างสุดความสามารถแน่นอน และอีกเรื่อง…”
ฟู่เสี่ยวกวนนิ่งเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็หันไปมองไป๋ยู่เหลียน “พวกเราต้องมิลืมการเดินทางบนท้องทะเล บัดนี้อู่ต่อเรือทั้งสามแห่งที่เซินกัง ซื่อไห่และเซี่ยเย๋เริ่มต่อเรือรบแล้ว ด้านอู่ต่อเรือทั้งสามแห่งที่หยวนตงเต้าก็กำลังต่อเรือเช่นเดียวกัน”
“ข้าเห็นว่าควรให้กองทัพเรือที่หนึ่งย้ายไปประจำที่หยวนตงเต้า กองทัพเรือที่สองยังคงประจำอยู่ที่เซินกังและกองทัพเรือที่สามให้ปักหลักอยู่ที่เซี่ยเย๋ ให้เรือรบของอู่ต่อเรือซื่อไห่เดินทางไปยังหยวนตงเต้า เพราะที่นั่นคือแนวป้องกันทางทะเลด่านแรกของต้าเซี่ย”
“ส่วนเรือรบที่อู่ต่อเรือเซินกังและอู่ต่อเรือเซี่ยเย๋สร้างขึ้นมา ก็ให้เป็นของกองทัพเรือที่สองและสามตามลำดับ ส่วนเรือรบที่ท่าเรือเจียงเฉิงให้เป็นของกองทัพเรือที่สอง”
“คร่าว ๆ ก็ประมาณนี้ สิ่งใดที่ข้ายังคิดมิออกพวกเจ้าก็จงไปเสริมกันเอาเอง”
จัวเปี๋ยหลีและไป๋ยู่เหลียนต่างก็หันไปมองหน้ากัน ฝ่าบาทหมายความว่าเยี่ยงไร ?
สงครามที่อยู่เบื้องหน้านี้กำลังอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดแท้ ๆ ทว่าเมื่อได้ฟังสิ่งที่ฝ่าบาทตรัสก็รู้สึกราวกับว่าพระองค์จะวิ่งหนีมิยอมเข้ามายุ่งใช่หรือไม่ ?
ไป๋ยู่เหลียนเอ่ยถามขึ้นมาว่า “ฝ่าบาท…พระองค์มีแผนการใดเยี่ยงนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะฮึ ๆ “บัดนี้ฤดูใบไม้ผลิใกล้ลาลับเต็มทีแล้ว อีกมินานฤดูร้อนก็จะมาเยือน ข้ารับปากเจี่ยหนานซิงว่าจะพาเขาไปเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ ในต้าเซี่ยจึงเกรงว่าหากมัวรอให้ถึงปีหน้า…”
ฟู่เสี่ยวกวนสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครา สีหน้าพลันหงอยเหงาขึ้นมาทันใด “ข้าเกรงว่าหากรอให้ถึงปีหน้า เขาคงมิมีโอกาสได้เที่ยวชมอีกแล้ว”
“นี่… ? ”
หมายความว่าขันทีเฒ่าผู้หนึ่งมีความสำคัญมากกว่ายุทธศาสตร์ทางสงครามอีกหรือ ?
ทั้งจัวเปี๋ยหลี ไป๋ยู่เหลียนและหลิวจิ่นต่างก็รู้สึกสงสัยมากยิ่งนัก ทว่ามิมีผู้ใดกล้าทูลถามออกไปแม้แต่คนเดียว
นี่คือพระเมตตาของฝ่าบาท จะไปคัดค้านพระองค์ได้เยี่ยงไร ?
“เรื่องนี้ก็ตกลงตามนี้เถิด เมื่อถึงเวลาก็ให้จัวเปี๋ยหลีประจำการ ณ เมืองกวนหยุนเพื่อออกคำสั่งโยกย้ายและควบคุมสถานการณ์โดยรวม ส่วนไป๋ยู่เหลียนให้ไปที่ภูเขาต้าเซียนเปย มิแน่ว่าพวกเราอาจจะได้พบกันที่เมืองต้าติ้งก็เป็นได้”
นี่ฝ่าบาททรงมีพระประสงค์จะออกรบในแนวหน้าเยี่ยงนั้นหรือ ?
จัวเปี๋ยหลีและคนอื่น ๆ รู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันใด
“ทูลฝ่าบาท แถบเจียงหนานเหมาะแก่การพักผ่อนมากยิ่งนัก ผู้อาวุโสเจี่ยมิเหมาะที่จะเดินทางขึ้นเหนือพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาท อากาศที่เมืองฉางจินเหมาะแก่การพักผ่อนมากยิ่งนัก พระองค์มิเคยเสด็จไปที่นั่น เช่นนั้นเดินทางไปยังเมืองฉางจินมิดีกว่าหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะร่าพร้อมกับพยักหน้าเบา ๆ “อืม…ไปทั้งทีก็ควรไปเที่ยวชมให้ทั่วสิถึงจะถูก สงครามในครานี้ พวกเจ้าต้องคว้าชัยกลับมาให้จงได้ เพราะข้าอยากออกไปชมทิวทัศน์ด้านนอกกำแพงทางเหนือเต็มทนแล้ว ! ”