ตอนที่ 1079 สิทธิความเป็นมนุษย์ตั้งแต่เกิด
ซุนจือกั๋วรู้สึกสิ้นหวังภายใต้แสงสุริยาเจิดจ้าที่ส่องลงมาแผดเผาตัวเขาที่ถูกมัดอยู่
“น้ำ น้ำ…”
ร่างกายของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ อาภรณ์ที่แห้งแล้วกลับมาเปียกอีกครา เครื่องแบบทางการที่แต่ก่อนเขาเคยโอ้อวด บัดนี้ได้กลายเป็นภาระที่หนักอึ้งแล้ว
ตอนนี้เขาอยากจะถอดมันออกแล้วโยนทิ้งเสียจริง ทว่าก็มิสามารถถอดมันออกได้
เครื่องแบบทางการเปียกโชกไปด้วยเหงื่อไคล คราบเกลือปรากฏให้เห็นเด่นชัด
บริเวณลำคอของเขาถูกแผดเผาจนดำคล้ำ อาการขาดน้ำทำให้ริมฝีปากของเขาก็แตกออกอย่างรวดเร็ว
หวางซู่ที่ถูกมัดอยู่ข้าง ๆ ก็มีสภาพมิต่างจากเขามากนัก
เมื่อต้องเผชิญกับพื้นธรณีที่ร้อนระอุ ดูเหมือนว่าเขาจะตระหนักถึงความยากลำบากของราษฎรได้ทันใด ราษฎรเหล่านั้นต่างก็ต้องหันหลังสู้ฟ้าหันหน้าสู้ดิน
นี่เขากำลังหาเรื่องใส่ตัวชัด ๆ !
ดูเหมือนว่าคุณชายท่านนั้นจะเป็นบุคคลสำคัญ !
เขาถึงกับพาทหารสวมเสื้อเกราะมาด้วย !
ได้ยินมาว่ากองทัพ 500,000 นายขององค์รัชทายาทก็พ่ายแพ้ให้กับทหารที่สวมเสื้อเกราะเช่นกัน !
แท้จริงแล้วคุณชายท่านนั้นมีสถานะอันใดกันแน่ ?
ขณะที่หวางซู่กำลังคาดการณ์อยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงร้องสิ้นหวังของนายอำเภอซุนดังขึ้นมาแผ่ว ๆ “น้ำ น้ำ… ”
แล้วข้าจะไปหาน้ำจากที่ใดมาให้เจ้าได้เล่า ?
ยังจะมีหน้ามาหิวน้ำอยู่อีก !
บัดนี้ยังจะทำอันใดได้อีกเล่า ?
คุณชายท่านนั้นสังหารเจ้าหน้าที่ทั้งหกคนอย่างมิลังเลใจเลยแม้แต่น้อย และเห็นได้ชัดว่านายอำเภอซุนมิได้อยู่ในสายตาของเขาเลย
เขามิแม้แต่จะหวาดกลัวขุนนางของอดีตราชวงศ์เหลียวเลยแม้แต่น้อย เขาจะต้องมาจากประเทศต้าเซี่ยเป็นแน่
ใช่ ! ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว
สถานที่แห่งนี้เป็นอาณาของต้าเซี่ยแล้ว ถ้าหากอยากมีชีวิตรอดกลับไป ก็จำต้องบากหน้าไปขอเป็นขุนนางของต้าเซี่ย !
จะทำเยี่ยงไรถึงจะเข้าตาของคุณชายผู้นั้นได้กัน ?
ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เป็นคราแรก เขาคงจะให้ความสนใจกับเหล่าขุนนางที่ทุจริตเหล่านั้น
ดวงตาที่สิ้นหวังของหวางซู่เปล่งประกายขึ้นมาทันใด จากนั้นเขาก็รวบรวมแรงทั้งหมดที่มีอยู่ตะโกนออกไปว่า “คุณชาย… คุณชาย… ข้าต้องการพบคุณชายของพวกเจ้า ! ”
“ข้าทราบเรื่องสินบนของคนแซ่ซุนว่าเขานำไปซ่อนไว้ที่ใด และข้าก็ยังรู้เรื่องการเอาตัวรอดไปวัน ๆ ของนายอำเภอเฉียนอีกด้วย… ! ”
……
……
ชาป๋อเหอที่ต้มเสร็จถูกยกเข้ามาด้านใน
หลิวอีเกินจ้องมองไปที่ฟู่เสี่ยวกวนด้วยสายตาเกรงใจ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาว่า “แท้จริงแล้วในสถานที่รกร้างและห่างไกลความเจริญเยี่ยงหมู่บ้านของพวกเรา มิมีชามาต้อนรับแขกหรอก ชาป๋อเหอนี้ขึ้นตามทุ่งนาและหุบเขามีสรรพคุณสามารถแก้ร้อนในได้เป็นอย่างดี หากคุณชายและนายท่านทุกคนมิรังเกียจล่ะก็…”
ฟู่เสี่ยวกวนยกมือขึ้นห้าม จากนั้นก็เอ่ยต่อว่า “ยกมาเถิด พวกเรามิได้พิถีพิถันถึงเพียงนั้น”
หลี่ซิ่วไฉที่ยืนอยู่ข้าง ๆ คอยสังเกตท่าทางของฟู่เสี่ยวกวนอย่างเงียบ ๆ เขาเกิดความสงสัยในตัวตนของคุณชายท่านนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
บ้านเมืองเจริญ ราษฏรเป็นทุกข์ บ้านเมืองสิ้นชาติ ราษฎรเป็นทุกข์
ช่างเป็นคำเอ่ยที่สั่นสะเทือนปลุกเร้ามากยิ่งนัก !
ดูเหมือนว่าคุณชายท่านนี้จะอายุยี่สิบต้น ๆ เท่านั้น แต่กลับเข้าใจชาติบ้านเมืองเป็นอย่างดี
เขาครุ่นคิดต่ออีกว่า เมื่อครู่ตอนที่คุณชายท่านนี้เดินทางมาถึงที่นี่ เขาได้เดินไปยังแปลงนาที่ร้อนระอุ คิดว่าเขาคงจะเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี หลังจากนั้นเขาก็เข้ามานั่งในบ้านแคบ ๆ สกปรกและยากจนข้นแค้นของตนเอง และเขาก็ยังสังหารเจ้าหน้าที่ทั้งหกคนอย่างเด็ดเดี่ยวโดยไร้ซึ่งความปรานีใด ๆ ทั้งยังมิกังวลว่าตนจะมีปัญหากับทางการอีกด้วย
บัดนี้เขากำลังนั่งดื่มชาป๋อเหอในบ้านของหลิวอีเกินอย่างไม่ยี่หระ…เขาเป็นคุณชายผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่จริง ๆ หรือ ?
หลี่ซิ่วไฉรู้สึกสับสนขึ้นมาทันใด เพราะในความคิดของเขาอย่าเอ่ยถึงขุนนางที่มีตำแหน่งสูง ๆ อันใดนั่นเลย เพียงแค่คุณชายจากตระกูลใหญ่ในเขตเหอเย่ พวกเขาล้วนเป็นพวกมิเอาการเอางาน เกาะผู้อื่นกินไปวัน ๆ
จะมีผู้ใดบ้างกัน ที่จะรู้เกี่ยวกับนโยบายของประเทศ ทั้งยังอ่อนโยนและเข้ากับผู้คนได้ทุกระดับ มิหนำซ้ำยังคำนึงถึงความทุกข์ยากของราษฎรเยี่ยงคุณชายท่านนี้ ?
เยี่ยนเป่ยซี ฉินปิ่งจงและเจี่ยหนานซิงปลื้มใจในตัวฟู่เสี่ยวกวนมากยิ่งนัก โดยเฉพาะเยี่ยนเป่ยซี…เขารู้สึกว่าการสิ้นเอกราชของราชวงศ์หยูถือเป็นโชคดีของชาวหยู !
หลิวอีเกินเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเพื่อที่จะไปรับถ้วยชาป๋อเหอมาชิมดู ส่วนฟู่เสี่ยวกวนยกชามาเป่าให้หายจากความร้อน จากนั้นก็ส่ายศีรษะเบา ๆ ในใต้หล้านี้ยังมีผู้คนอีกมากมายที่ต้องการทำร้ายเจิ้น !
ชาป๋อเหอเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับฤดูร้อนเป็นอย่างมาก เพราะมันมีกลิ่นหอมจรุงใจของสะระแหน่อยู่ เพียงแต่ว่าชาป๋อเหอนี้ถือกำเนิดขึ้นที่ภูเขาและมิค่อยมีผู้ใดรู้จักมากนัก
“ท่านลุง…ที่บ้านของท่านยังมีชาป๋อเหออีกหรือไม่ ? ”
“อ่า…นี่เป็นสตรีที่คุณชายพบเมื่อครู่ ทั้งยังเป็นคู่หมั้นของบุตรชายของข้าน้อย นางเก็บมาผึ่งแดดให้แห้ง บัดนี้ที่บ้านของข้าน้อยยังมีเหลืออยู่บ้าง หากคุณชายชื่นชอบข้าน้อยจะมอบให้แก่คุณชายขอรับ ! ”
“ไม่…ข้าจะซื้อ ! เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ 1 ชั่งคิดเป็นเงิน 5 ตำลึง ? ”
เมื่อหลิวอีเกินได้ยินดังนั้นก็ตื่นตกใจจนผงะไปชั่วครู่ จากนั้นก็รีบยกมือขึ้นมาห้ามทันใด “มิ…มิได้เด็ดขาดขอรับ ! วันนี้คุณชายออกหน้าให้กับหมู่บ้านฮวงหลินของพวกเรา ชาป๋อเหอนี้มิได้มีราคาอันใดถือว่าเป็นการขอบคุณคุณชายก็แล้วกัน นอกจากนี้…”
หลิวอีเกินนิ่งเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็เอ่ยสิ่งที่คิดอยู่ในใจมาเป็นเวลานานอย่างขี้ขลาดตาขาวว่า “อีกอย่างคุณชายเป็นผู้ที่มีความสามารถยิ่ง คุณชายสามารถ…สามารถคุ้มครองความปลอดภัยของหมู่บ้านฮวงหลินนี้ได้หรือไม่ เพราะข้าน้อยกังวลว่าพวกเขาจะกลับมาคิดบัญชีแค้นกับพวกเราขอรับ”
นี่คือสิ่งที่ฟู่เสี่ยวกวนมิเคยคิดมาก่อน เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยกยิ้มขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า “พวกเจ้ามิต้องเป็นห่วงหรอก ข้ากำลังจะเดินทางไปยังเมืองต้าติ้ง และการเดินทางครานี้ต้องผ่านเขตเหอเย่รวมถึงว่านเซิ่งโจวอยู่แล้ว ดังนั้นข้าจะต้องจัดการอย่างแน่นอน”
เมื่อเอ่ยออกมาเช่นนั้นก็ทำให้หลี่ซิ่วไฉตื่นตกใจขึ้นมาทันใด คุณชายท่านนี้สามารถจัดการกับนายอำเภอได้เชียวหรือ !
สถานะของเขาสูงส่งเพียงใดกัน ?
หลี่ซิ่วไฉเอ่ยถามออกมาว่า “ขอเอ่ยถามคุณชายสักหน่อยเถิด ท่าน…ท่านเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่องค์จักรพรรดิส่งมาตรวจการเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนยกยิ้มออกมาทันใด “เจ้าเดาถูกแล้ว ข้าเป็นผู้ติดตามข้างกายจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน พระองค์ได้มอบหมายให้ข้ามาออกตรวจการแทน”
ทันทีที่ฟู่เสี่ยวกวนยืนยันสถานะของตนเอง หลี่ซิ่วไฉก็นำหน้าคุกเข่าลงไปจนเกิดเสียงดัง “ฟุ่บ ! ” ส่วนหลิวอีเกิน หลิวต้าเถียนและชาวบ้านทั้งสามคนที่มองดูสถานการณ์นี้อยู่ พลางครุ่นคิดไปว่า… ไอหยาสวรรค์ ! นายท่านผู้นี้ช่างเป็นขุนนางที่ยอดเยี่ยมเสียจริง
ในขณะนั้นพวกเขาทั้งห้าคนก็คุกเข่าลงไป หลี่ซิ่วไฉได้ศึกษาเล่าเรียนตำรามามากมาย จึงรู้เกี่ยวกับพิธีการบ้าง เขารีบเอ่ยออกมาว่า “ข้าน้อยมีตาแต่หามีแววไม่ นายท่านโปรดยกโทษให้ข้าน้อยด้วยขอรับ ! ”
“พวกเจ้าลุกขึ้นเถิด ข้ามิใช่คนที่ยึดถือประเพณี พวกเรามาสนทนาและดื่มชาป๋อเหอกันมิดีกว่าหรือ ? ลุกขึ้นทำตัวตามสบายเถิด”
ใบหน้าของชาวบ้านทุกคนปรากฏรอยยิ้มออกมา จากนั้นพวกเขาก็ลุกขึ้นยืน เนื่องจากฟู่เสี่ยวกวนเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่ถือครองกระบี่อาญาสิทธิ์ขององค์จักรพรรดิ เขาสามารถจับกุมตัวขุนนางที่ทุจริตทั้งหมดได้โดยมิมีความผิด
ชาวบ้านล้วนมิเคยพบเห็นเหตการณ์เช่นนี้มาก่อน พวกเขาจึงทำตัวมิถูก พวกเขามิรู้ว่านายท่านผู้นี้มีตำแหน่งสูงระดับใด และจะต้องต้อนรับบุคคลสำคัญนี้เยี่ยงไร
ทันใดนั้นเอง หนิงซือเหยียนก็ได้เดินเข้ามาข้างใน เขาทำความเคารพฟู่เสี่ยวกวนแล้วเอ่ยว่า “คุณชาย ผู้ช่วยขุนนางนามว่าหวางซู่เอ่ยว่า…เขารู้เรื่องสกปรกทุกอย่างของที่นี่ และเขาต้องการพบคุณชายขอรับ”
“ไอหยา…เช่นนั้นก็พาตัวเขาเข้ามาที่นี่เถิด นายอำเภอนั่นเป็นเยี่ยงไรบ้าง ? สิ้นลมกลางแดดไปแล้วหรือยัง ? ”
“ยังมีลมหายใจขอรับ”
ฟู่เสี่ยวกวนยกถ้วยชาขึ้นมาจิบด้วยใบหน้าเย็นยะเยือก “เช่นนั้นก็จงให้มันตากแดดต่อไป จนกว่าจะกลายเป็นเนื้อแห้ง ! ”
“ขอรับ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนจิบชาป๋อเหอที่ยังร้อน ๆ อยู่ จากนั้นก็มองไปที่ชาวบ้าน “เมื่อต้องรับมือกับคนชั่วจะต้องใช้วิธีที่โหดร้ายยิ่งกว่า เกรงว่าพวกเจ้าคงยังมิรู้กฎหมายของประเทศต้าเซี่ยสินะ ขุนนางหรือผู้ใดก็ตามห้ามกดขี่ข่มเหงผู้อื่นเป็นอันขาด ถ้าหากพบสถานการณ์เช่นนี้ ผู้ที่โดนกดขี่สามารถต่อต้านโดยใช้อาวุธได้”
“นี่เป็นสิทธิของผู้คนที่เกิดมาในใต้หล้าแห่งนี้ ! อำนาจนี้เป็นประมวลกฎหมายสูงสุดที่ถูกเขียนไว้ในต้าเซี่ย ถึงแม้ว่าจะเป็นจักรพรรดิ…หากเขาเลวทรามต่ำช้าโง่เขลาเบาปัญญา ราษฎรต้าเซี่ยก็สามารถล้มล้างระบบการปกครองที่โหดเหี้ยมนี้ได้”
ทุกคนจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เห็นได้ชัดว่ามันเกินความเข้าใจของพวกเขา และรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่เป็นไปมิได้ !
ในนี้มีเพียงฉินปิ่งจงและเยี่ยนเป่ยซีเท่านั้นที่จ้องมองไปยังฟู่เสี่ยวกวนราวกับต้องการจะสื่อความหมายบางอย่าง