ตอนที่ 121 นางฟ้าสะพานนกกางเขน
หลังจากทำความคุ้นเคยกับเมืองหลวงได้ครึ่งเดือน ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้เข้าใจขึ้นมาหนึ่งเรื่อง ไม่ว่าเขาจะไปหรือไม่ไปวังหลวง ก็มิมีผลกระทบอันใดทั้งสิ้น
เพราะเขาเป็นเหวินซ่านกวน ไม่ว่าจะกั๋วจื่อเจี้ยนหรือกรมคลัง เขาก็มิต้องรอฟังคำสั่งทั้งสิ้น หรือกล่าวได้ว่า มิมีใครสามารถควบคุมเขาได้โดยสิ้นเชิง
หลังจากนั้นเขาก็ได้ไปทำความเข้าใจกับเหวินซ่านกวนอีกคน และได้รับการยืนยันมา ดังนั้นเขาจึงเข้าวังหลวงไปเดินรอบ ๆ เป็นครั้งคราว หลังจากนั้นก็กลับไปยังโรงเตี๊ยม
จวนหลังใหญ่ที่ทะเลสาบซวนอู่นั้นกำลังดำเนินการปรับปรุงอย่างเต็มกำลัง ตามความคืบหน้าในตอนนี้ คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จปลายเดือนสิบ และเหลือเวลาอีกเพียงครึ่งเดือน แต่ฟู่เสี่ยวกวนกลับมิได้รีบร้อนอันใด
ในยามนี้ท้องฟ้ามืดมิดแล้ว เขานั่งอยู่ด้านหน้าโต๊ะและอ่านจดหมายตอบกลับของฟู่ต้ากวน
“บุตรชายของข้ายอดเยี่ยมยิ่ง ! พ่อรู้สึกตื่นเต้นอย่างหาที่สุดมิได้ คิดว่านี่คือพรจากมารดาของเจ้าที่อยู่บนชั้นฟ้า พ่อได้ไปสุสานของมารดาเจ้า และเผากระดาษเงินไปให้นางอีกเล็กน้อย
การแต่งงานใหม่ของพ่อเจ็บปวดแต่ก็มีความสุข ราวกับว่าได้อ่อนเยาว์ลงไปอีกหลายปี แต่กระดูกกระเดี้ยวนั้นรับมิไหวแล้ว ดังนั้นจึงซื้อโสมมาเป็นจำนวนมาก และส่งไปให้เจ้าเล็กน้อย บุตรชายเอ๋ย การเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าย่อมดีกว่า
ฉีซื่อคลอดแล้ว เป็นเด็กหญิง เหมือนว่านางจะมิชอบเท่าใด แต่พ่อชอบอย่างมาก หวังว่าเจ้าจะรักและเอ็นดูน้องสาวผู้นี้
ข้าไปที่ซีซานมา ดังนั้นจึงส่งจดหมายตอบกลับเจ้าล่าช้าไป
โรงงานเหล่านั้นใกล้จะสร้างเสร็จแล้ว พ่อบ้านจางกล่าวว่าเจ้ายังมิได้วางแผนขั้นต่อไป มิทราบว่าโรงงานเหล่านั้นมีไว้ทำสิ่งใด ข้าเองก็มิทราบ เรื่องนี้ทำได้เพียงรอเจ้ากลับมา หากมิสะดวก ก็ทิ้งไว้ที่ตรงนั้นก่อน อย่างไรเจ้าก็ได้มีตัวตนเป็นขุนนางแล้ว เรื่องของฝ่าบาทย่อมสำคัญที่สุด
แหล่งแร่ในภูเขาเฟิ่งหลินแห่งนั้นได้ดำเนินการแล้ว แต่การซ่อมถนนหนทางเป็นไปได้อย่างล่าช้า กล่าวกันว่ายังไปมิถึงครึ่งทาง แต่เฝิ๋งหล่าวซื่อก็ได้พานายช่างไปอีกเป็นจำนวนมาก กล่าวว่าต้องเปิดภูเขา ข้ามิเข้าใจเรื่องนี้ จึงปล่อยให้พวกเขาทำไป
เรื่องเงินโปรดวางใจและใช้ไปอย่างเต็มที่ ส่วนในบ้านนั้นมีเงินมากน้อยเพียงใด ข้ายังต้องใช้เวลาในการจัดการอีกเล็กน้อย คาดว่ายังเหลืออยู่หกถึงเจ็ดแสนตำลึง จึงส่งตั๋วเงินจำนวน 200,000 ตำลึงมาให้เจ้าพร้อมกับจดหมายนี้ ใช้วัสดุที่ดีที่สุดในการปรับปรุงจวนหลังใหญ่นั้นให้แก่ข้า รอจนกระทั่งฤดูใบไม้ผลินี้ข้าจักพาแม่ทั้งหกของเจ้าไปเมืองหลวงด้วยกัน
อยู่ในราชสำนักเจ้าต้องปราดเปรื่อง จำต้องดูแลทั้งเบื้องบนและเบื้องล่าง ต้องการสิ่งใดก็ต้องจ่ายเงินออกไป อย่าไปก่อความขุ่นเคืองให้แก่ผู้อื่น เรื่องนี้เจ้าต้องจำเอาไว้ให้มั่น
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งเรื่อง ทางด้านซีซานได้มีผู้ประสบภัยเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งหมื่นกว่าคน ข้าใคร่ครวญแล้วจึงรับพวกเขาไว้ชั่วคราว แล้วส่งพวกเขาไปซ่อมหนทางที่ภูเขาเฟิ่งหลิน และเหล่าดอกไม้ที่ชาวไร่ปลูกไว้ก็บานแล้ว พ่อบ้านจางกล่าวว่าเดิมทีเจ้าตั้งไว้ที่ 1 ชั่ง 100 อีแปะ เนื่องจากเจ้าได้กล่าวเรื่องนี้เอาไว้แล้ว ก็จะคิดตามราคานี้ไปก่อน แม่นางนามจางเสี่ยวเหมยกล่าวว่าสิ่งนี้จะนำมาทำน้ำหอม ข้าจึงส่งบางส่วนกลับไปยังหลินเจียง เพื่อให้บรรดาแม่ ๆ ของเจ้าใช้ ดมแล้วมีกลิ่นหอมยิ่ง พวกนางชื่นชอบอย่างมาก
ท้ายที่สุดนี้โรงกลั่นสุราใหม่ได้เปิดทำการแล้ว ข้าได้เชิญนายช่างมาอีกสามสิบกว่าคน และได้หาลูกมือจากเหล่าผู้ประสบภัยอีกสามถึงสี่ร้อยกว่าคน ข้าอยากจะถามเจ้าเสียเล็กน้อย นายช่างกลั่นสุรานามจางเอ้อหนิวที่เจ้าขังไว้ที่ซีซาน ได้มือขาดไปแล้วหนึ่งข้าง เจ้าเตรียมจะจัดการเยี่ยงไร?
และในตอนนี้เจ้าก็ได้เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและมีตำแหน่งเป็นขุนนางแล้ว แต่อายุยังน้อยนัก บุตรีตระกูลใหญ่ในหลินเจียงต่างตั้งตาคอยกัน โดยเฉพาะเด็กสาวนามเหยาเสี่ยวม่านจากตระกูลเหยาจี้ มาหาแม่เจ็ดของเจ้าถึงจวนทุกวัน มันหมายความว่าต้องการจะแต่งงานกับเจ้า จะจัดการเยี่ยงไร เจ้าต้องแสดงความคิดเห็นออกมา มิอย่างนั้นข้าก็มิรู้จะจัดการเยี่ยงไร
เอาล่ะ อากาศเย็นแล้ว จงใส่เสื้อเพิ่มขึ้นอีกสักชั้น
พุทราที่เจ้าส่งมามิค่อยสดใหม่นัก แต่รสชาติยังคงดีอย่างยิ่ง… จวนสวี่ หากเจ้ายินยอมพร้อมใจ ก็ไปเยี่ยมเยียนเสีย
บิดาฟู่ต้ากวน รัชสมัยเซวียนลี่ ปีที่ 8 เดือนสิบวันที่สิบ”
ฟู่เสี่ยวกวนคิดอยู่เป็นเวลานาน เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าแม่เจ็ดคือผู้ใด สำหรับจวนสวี่ ในตอนนี้เขายังมิคิดจะไปเยือน
นายช่างกลั่นเหล้าผู้นั้นมีนามว่าหลี่เอ้อหนิว เดิมทีตั้งใจจะสังหารที่ซีซานเพื่อให้เป็นที่ประจักษ์แก่เหล่านายช่างทั้งหลาย ผลสุดท้ายหยูเวิ่นหวินและต่งชูหลานไปด้วยจึงฆ่ามิสำเร็จ และหลงลืมไปแล้ว
เรื่องของซีซานในตอนนี้ดูแล้วยังต้องใช้เวลาพอสมควรเป็นแน่แท้ โชคดีที่การจัดทำน้ำหอมถูกส่งมอบให้จางเสี่ยวเหมยแล้ว ดูเหมือนว่าจางเสี่ยวเหมยจะทำได้ดีกว่าที่คิด
เหยาเสี่ยวม่านเป็นใคร เขาคิดอยู่เนิ่นนานก็คิดไม่ออก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจอีก
ส่วนเรื่องผู้ประสบภัยที่มีมาเพิ่มอีกหมื่นกว่าคน เขามิได้รู้สึกแปลกใจอะไร ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันก็ได้รับฟังที่ห้องทรงพระอักษรมาบ้างแล้ว เรื่องนี้บิดาจัดการเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
วางจดหมายลง และหยิบกล่องนั้นออกมา ให้ซูม่อใช้ดาบแหวกกลอนให้เปิดออก สองชั้นด้านหน้าสุดนั้นมีโสมอายุยี่สิบปีถูกห่อไว้ด้วยผ้าแดง ด้านล่างของกล่องนั้นมีตั๋วเงินอยู่เต็มเปี่ยม บิดาช่างใจกล้าเสียเหลือเกิน 200,000 ตำลึงเชียวนะ !
หากหายไป จะให้ไปตามเอากับใคร ?
และในตอนนั้นเองต่งชูหลานและหยูเวิ่นหวินก็ได้กลับมา สีหน้าดูมีความสุขยิ่ง แต่ก็มีความเหนื่อยล้าที่มิอาจปกปิดไว้ได้
“ลานตรงนั้นถูกแก้ไขเรียบร้อยแล้ว เวิ่นหวินได้ซื้อทาสสาววัยเยาว์จากกรมเจี้ยวฟางมาสี่สิบกว่าคน เพื่อจัดการที่พักภายในจวนให้เป็นที่เรียบร้อย วัสดุจำเป็นตอนบ่ายก็สามารถนำเข้าโกดังได้แล้ว พรุ่งนี้ก็จะเริ่มทำการผลิตได้”
ในเรื่องของชุดชั้นในฟู่เสี่ยวกวนเพียงให้คำปรึกษาเล็กน้อยเท่านั้น นอกเหนือจากนี้ก็มิได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว มองออกและรับรู้ได้ถึงความสำเร็จของพวกนาง
“นี่คือตั๋วเงินที่บิดาข้าส่งมาให้ พวกเจ้าเก็บเอาไว้ ทางซีซานยังมีเรื่องอีกมากมายที่รอให้ข้ากลับไปจัดการ ข้าต้องหาเวลาไปเจรจากับฝ่าบาท”
ต่งชูหลานรับกล่องนั้นมาดู ตื่นตกใจ เมื่อได้ยินฟู่เสี่ยวกวนกล่าวเยี่ยงนั้น จึงเอ่ยถาม “เจ้าจะไปแล้วหรือ ?”
“ใช่ เรื่องที่ซีซานสำคัญอย่างยิ่ง พวกเจ้าก็ทราบ แต่ยังมิได้กำหนดวันและเวลา”
“แล้ว… เจ้าจะกลับมาอีกเมื่อใดกัน ? ” หยูเวิ่นหวินเอ่ยถาม
“มิว่าอย่างไรวันฉลองปีใหม่ก็ต้องกลับมา เพราะพ่อข้ากล่าวว่าช่วงวันฉลองปีใหม่ต้องกลับมาพักที่เมืองหลวง”
ทันทีที่สองสาวได้ยินว่าเขานั้นจะกลับไปหลิงเจียง ดวงใจพลันวูบโหวง ตั๋วเงินกล่องนี้ในสายตานี้ดูเยี่ยงไรก็ไร้ความรู้สึก สิ่งที่ทำมาทั้งหมดในหลายวันนี้ดูกลับกลายเป็นจืดชืดในทันที
โดยมิทันรู้สึกตัว ฟู่เสี่ยวกวนที่อยู่ในใจของพวกนางก็ได้กลายเป็นสลักอยู่บนแกนกระดูกไปเสียแล้ว ราวกับว่าเพียงมีเขาอยู่ข้างกาย จิตใจก็สงบ พวกนางชอบแบบนั้น ต่อให้มันจะทรมานจะเหนื่อยเพียงไหน ก็มิเคยรับรู้ถึงเลย
ฟู่เสี่ยวกวนย่อมมิยินยอมหากการจากไปของตนเองจะส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของพวกนาง ดังนั้นเขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เมื่อครู่ เหมือนสมองของข้าจะนึกถึงกลอนบทหนึ่งขึ้นมาได้อีกหน”
“ชุนซิ่วฝนหมึก”
“ข้าเอง” ชุนซิ่วเมียงมองหยูเวิ่นหวินที่แย่งหน้าที่ฝนหมึกของนางไป ปากเล็กจึงมุ่ยลงน้อย ๆ
ต่งชูหลานกลอกสายตามองบนใส่เขา และวางกระดาษให้กับเขา แล้วฟู่เสี่ยวกวนก็ถือพู่กัน และจรดลงไป
นางฟ้าสะพานนกกางเขน
เมฆละเอียดเปลี่ยนลักษณ์อย่างชำนาญ ดวงดาวที่ลอยล่องพาลชิงชัง ทางช้างเผือกที่แสนไกลก็เข้มขึ้น
ลมทองพานพบน้ำค้างใส ได้รับชัยชนะ ท่ามกลางผู้คนอีกมากมาย
ละมุนเสมือนนที นัดพบราวกับฝัน อดทนกับทางกลับสะพานนกกางเขน
ความรักทั้งสองจะยืนยาวได้ ขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในทุกเมื่อเชื่อวัน
ต่งชูหลานและหยูเวิ่นหวินเหม่ออยู่ตรงนั้นไปชั่วขณะ
ใช่แล้ว หากความรักทั้งสองจะยืนยาวได้ ก็ขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในทุกเมื่อเชื่อวัน !
ที่ซีซานฟู่เสี่ยวกวนยังมีเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เขามิสามารถอยู่ที่เมืองหลวงกับพวกข้าได้ตลอดเวลา เขาจะกลับมาอีกครายามฤดูใบไม้ผลิ เหตุใดพวกข้าจึงต้องวุ่นวายเพียงนี้กัน
“กวีบทนี้ข้าขอ” หยูเวิ่นหวินมองต่งชูหลานและกล่าวว่า “เขายังมิเคยเขียนบทกวีให้ข้าเลยสักบท”
“อือ ข้าสลักจำเอาไว้ในใจแล้ว เจ้าวางใจและไปซีซานเถิด เมืองหลวงมีข้าและเวิ่นหวินอยู่ จะจัดการทุกอย่างไว้ให้ดี”
ฟู่เสี่ยวกวนยกยิ้ม “ไปกัน พวกเราไปหงซิ่วจาวกันเถิด !”