ตอนที่ 208 ใส่ความ
“ท่านซือไท่ ท่านทำเช่นนี้มิถูกต้อง ! ”
ปู้เนี่ยนซือไท่หันหลังกลับไปมองแล้วเบิกตาจ้องมอง “สิ่งนี้มาจากที่ใด ? ”
ซูซูหลบอยู่ด้านหลังฟู่เสี่ยวกวนแล้วหัวเราะออกมา เยี่ยนเสี่ยวโหลวหน้าแดงเรื่อ ดีที่แสงไม่สว่างมากนัก มิเช่นนั้นนางคงจะหันหลังวิ่งหนีไป
นางมองไปยังฟู่เสี่ยวกวนแล้วคิดว่า เขาช่างทำเรื่องน่าอายเสียจริง เรื่องเช่นนี้มีเพียงเขาผู้เดียวที่กล้าคิดออกมา
สิ่งนั้นคือกางเกงชั้นในของเยี่ยนเสี่ยวโหลว แน่นอนว่าเขามิได้ถอดมันออกมาโดยที่ฟู่เสี่ยวกวนใช้กำลังข่มขู่ แต่ฟู่เสี่ยวกวนหว่านล้อมอยู่นาน สุดท้ายเยี่ยนเสี่ยวโหลวจึงยอมถอดออกมาโดยมิเต็มใจมากนัก
“สิ่งนี้มีประโยชน์ เชื่อข้าเถิด”
“เอ่อ…” มีผู้ใดกันจะนำของใช้ส่วนตัวของหญิงสาวให้แก่ชายหนุ่มเช่นนี้ ?
หลังจากเยี่ยนเสี่ยวโหลวครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน และนึกไปว่าอาจเป็นประโยชน์แก่เขาจริง ๆ ก็เป็นได้ ดังนั้นนางจึงยอมกัดฟันถอดออกให้แก่เขา
ฟู่เสี่ยวกวนถือกางเกงชั้นในสีแดงสดแล้วเดินมาหยุดที่หน้าปู้เนี่ยนซือไท่ เขาประหลาดใจเล็กน้อยเนื่องจากสตรีผู้เรียบร้อยอย่างเยี่ยนเสี่ยวโหลวน่าจะเลือกใส่สีอ่อน ๆ คาดมิถึงว่านางจะสวมใส่สีแดง
หากใช้หลักวิทยาศาสตร์ทางด้านสีสันมาตัดสินนิสัย แม่นางเสี่ยวโหลวผู้นี้มีนิสัย…เร่าร้อน
คำนี้เขามิกล้าเอ่ยออกไป เพียงแต่นึกในใจก็รู้สึกว่าน่าสนใจอยู่ไม่น้อย
“ท่านซือไท่ได้รับฉายาว่าปู้เนี่ยนซึ่งแปลว่าไร้สิ่งยึดติด แต่จากที่ข้าดู ข้าว่ามิใช่เช่นนั้น ดูจากขนาดแล้วมิใช่ขนาดของท่าน เล็กไปสองขนาด ท่านบอกกับข้าได้หรือไม่ว่าสิ่งนี้เป็นของผู้ใดกัน ? หรือว่า…ที่แห่งนี้ท่านซุกซ่อนสตรีผู้อื่นไว้ ?”
“เจ้า เจ้าอย่าใส่ความผู้บริสุทธิ์ ! ” ปู้เนี่ยนซือไท่ลุกขึ้นยืน สีหน้าของนางโมโหจนขาดสติ
อืม เขาต้องการให้เรื่องราวเป็นเช่นนี้ แต่นี่ยังมิพอ
ฟู่เสี่ยวกวนเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า “ท่านซือไท่ ข้านั้นมาตามหาแมวของข้า ท่านกล่าวว่าข้าใส่ร้าย…หรือท่านคิดว่าข้าเดินทางมาที่นี่โดยนำของสิ่งนี้มาด้วยงั้นรึ ? ท่านลองฟังข้าดู ช่วงนี้ที่เมืองหลวงมักมีสตรีหายตัวไป ทางจวนผู้ว่าเขตหาตัวพวกนางมิพบ ในวันนี้ข้าพบเบาะแสบางอย่างนี้ในอารามซุ่ยเยว่ของท่าน ขอถามท่านว่า ข้าควรจะไปฟ้องร้องหรือมิไปฟ้องร้องกัน ? ”
ปู้เนี่ยนซือไท่เข้าใจดีว่าเรื่องกางเกงชั้นในที่อารามซุ่ยเยว่ของนางนั้นเป็นเพียงเรื่องที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายนาง เดิมทีนางควรจะฟ้องร้องให้ตรวจสอบ
แต่บริเวณนี้มิอาจให้ตรวจสอบได้ โดยเฉพาะตอนนี้
นางถอนหายใจออกมาแล้วกล่าวว่า “เจ้าต้องการสิ่งใด ? ”
“คืนแมวของข้ามา เรื่องนี้ข้าจะทำเป็นมิเคยเกิดขึ้น”
“ข้ามิเคยเห็นแมวเจ้ามาก่อน จะคืนให้แก่เจ้าได้เยี่ยงไร ?”
“ข้าไม่สนใจ ข้าจะนับถึงสิบ หากไม่เห็นแมวที่ข้าต้องการ อารามซุ่ยเยว่ของท่านเกรงว่าจะเกิดเรื่องขึ้น และชีวิตต่อจากนี้…ท่านคงต้องไปนอนในคุก”
“สิบ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนเดินถือกางเกงชั้นในนั้นออกไปทีละก้าว ๆ
“เก้า ! ”
เขาเดินไปยังปากประตูใหญ่
“แปด ! ”
เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
“เจ็ด ! ”
จากนั้นหันไปมองต้นเหมยต้นหนึ่ง
“หก ! ”
สายตาของเขาจ้องไปยังขอบบ่อ
“ห้า ! ”
เขาเริ่มขมวดคิ้วขึ้น
“ช้าก่อน ! ”
ทันใดนั้นเอง ปู้เนี่ยนซือไท่ส่งเสียงออกมา สายตาของฟู่เสี่ยวกวนยังคงจ้องไปที่ขอบบ่อนั้น เนื่องจากฝาปิดบ่อเคยถูกเปิดออก เพราะหิมะที่ปกคลุมอยู่ได้หายไป
“ซือไท่หาแมวที่ข้าต้องการพบแล้วงั้นหรือ ?”
“ขอเชิญเข้าไปดื่มชาด้านในก่อน ข้าจะใช้เวลาหาสักครู่”
“ข้ามิกระหายและมิประสงค์ดื่มชา…” ฟู่เสี่ยวกวนหันหลังกลับไปมองปู้เนี่ยนซือไท่แล้วยิ้ม “อืม…ดื่มน้ำในบ่อนั่นสักหน่อยเป็นไร”
สายตาเขาจ้องไปยังลูกประคำของซือไท่ เป็นจริงดังที่คิด เมื่อเขากล่าวคำนั้นออกไป ปู้เนี่ยนซือไท่ชะงักลงชั่วครู่ จากนั้นจึงได้หมุนลูกประคำต่อ
เขาใช้ไม้หยิบกางเกงชั้นในลงมาแล้วใส่ลงในกระเป๋า ซูซูได้แต่จ้องมองมิพูดอันใด ส่วนเยี่ยนเสี่ยวโหลวนั้นอายจนไร้ซึ่งคำบรรยาย
เขา…เขาหมายความว่าอย่างไร ?
หรือเขามีนิสัยเช่นนี้กัน ?
ตายแล้ว ช่างน่าอายจริง ๆ ต่อไปนางจะมองหน้าเขาได้อย่างไร !
สีหน้าของเยี่ยนเสี่ยวโหลวในบัดนี้ ฟู่เสี่ยวกวนมองไปแวบหนึ่ง หากมิใช่เพราะกำลังจัดการเรื่องสำคัญอยู่ เกรงว่าจะเกิดฉากงดงามขึ้นเหมือนในละครเสียแล้ว
“อากาศหนาวเหน็บเยี่ยงนี้ หากท่านดื่มน้ำบ่อลงไป เกรงว่าอาจจะทำให้ปวดท้องได้”
“อืม ซือไท่กล่าวถูกแล้ว ที่จริงข้ามิได้อยากดื่มน้ำ เพียงแต่ต้องการแมวตัวนั้น !”
“ท่าน…ไม่ค่อยมีเหตุผลนัก”
“ผิดแล้วท่านซือไท่ ท่านเก็บซ่อนแมวของข้าไว้ อีกทั้งยังมีกางเกงชั้นในสตรีด้วย ไม่ว่าเยี่ยงไรข้าก็รู้สึกว่าที่อารามซุ่ยเยว่แห่งนี้มิสะอาดนัก เมื่อวานข้าต่อสู้กับทหารจากจวนฮุ่ยชินอ๋องจนแทบไม่เหลือชีวิต ในวันนี้ข้าเดินทางมาที่นี่ ท่านซือไท่อายุมิน้อยแล้ว คงจะเข้าใจในความหมายข้าดี ข้าคิดว่ามิจำเป็นต้องเอ่ยให้มากความ เพียงข้านั้นพบสิ่งของสกปรกในอารามของท่าน อารามนี้ก็ต้องปิดลง”
“สิ่งของนั้นข้าพบแล้ว และข้าก็ให้เวลาท่าน ลองดูสิ ข้ามีเมตตาเพียงใด แต่ท่านซือไท่มิแสดงความจริงใจแก่ข้า ดังนั้น…”
“สี่ สาม สอง…”
“ช้าก่อน ! ” ปู้เนี่ยนซือไท่หยุดมิให้ฟู่เสี่ยวกวนนับต่อไป นางเคยได้ยินมาว่าเขาโหดเหี้ยมเพียงใด เรื่องในวันนี้เกรงว่าคงจัดการมิง่าย แต่หากมอบให้เขาและขับไล่เขากลับไปก็คงดีกว่ารอให้ทหารมาตรวจค้นแล้วไม่เหลือสิ่งใด
“ซือไท่เห็นด้วยแล้วงั้นหรือ ?”
ปู้เนี่ยนซือไท่พยักหน้า “รอข้าสักครู่”
นางหันหลังเดินกลับไป แต่ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยขึ้นมาว่า “แมวของข้านั้นมูลค่าหนึ่งพันตำลึง ท่านจงอย่าได้ไปนำแมวจรจัดที่ไหนมาตบตาข้า”
ปู้เนี่ยนซือไท่หยุดฝีเท้าลงชั่วครู่ จากนั้นเดินเข้าไปด้านใน
ฟู่เสี่ยวกวนมิได้เดินตามไปด้วย เขามองไปยังบ่อนั้นอีกครั้ง เนื่องจากระยะห่างค่อนข้างไกล อีกทั้งปากบ่อยังมีต้นเหมยบังตา
บัดนี้เยี่ยนเสี่ยวโหลวจึงได้เข้าใจว่าฟู่เสี่ยวกวนกำลังทำสิ่งใด ส่วนซูซูเพียงแต่ยืนกินลูกอมในมือของนางเสียแทบจะหมดแล้ว
เยี่ยนเสี่ยวโหลวก้มหน้าก้มตา นางมิรู้ว่าควรจะขอของชิ้นนั้นคืนมาหรือไม่ แต่ว่าจะให้นางเอ่ยเช่นไร ? นางสวมกางเกงชั้นในจนชินเสียแล้ว บัดนี้รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวนัก
ของชิ้นนี้ต่งชูหลานและองค์หญิงเก้าทำขึ้นมา เหตุใดเขามิไปนำมาสักชิ้นเล่า เหตุใดต้องมาบังคับให้นาง…เห้อ ยิ่งคิดยิ่งน่าอาย
เยี่ยนเสี่ยวโหลวก้มหน้าต่ำลงกว่าเดิม แก้มนั้นแดงเรื่อ เมื่อฟู่เสี่ยวกวนหันมาพบจึงได้หรี่ตาลงมอง แม่นางผู้นี้…มิเลว !
ไม่นานต่อมา มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านใน ซูซูยืนขึ้นเพื่อปกป้องฟู่เสี่ยวกวนตามสัญชาตญาณ ฟู่เสี่ยวกวนหันความสนใจจากเยี่ยนเสี่ยวโหลว สายตาเขายังคงมองไปยังปากบ่อและภูเขาจำลองนั้น
“ข้าคิดว่านี่คือแมวที่ท่านตามหา”
ฟู่เสี่ยวกวนเดินไปทางบ่อน้ำ เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า เกล็ดหิมะตกลงมายังไปหน้าของเขา “ด้านในมืดไปหน่อย พามันออกมาให้ข้าดูข้างนอกเถิด”
ปู้เนี่ยนซือไท่พาสตรีผู้หนึ่งตรงไปยังที่เขายืนอยู่ ฟู่เสี่ยวกวนจึงได้มองไปทางนาง
อายุราวยี่สิบห้าปี หน้าตาดูดี แต่แววตาค่อนข้างดุร้าย นางจ้องมองเขาคล้ายกับจะกัดกิน
“แม่นางชื่อว่าอะไร ?”
“จีหลินชุน”
ฟู่เสี่ยวกวนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แมวตัวนี้มีมูลค่าเหมาะสมกับหนึ่งพันตำลึง แต่เยี่ยนเป่ยซีกล่าวว่าแม่นางจีหลินชุนอยู่ที่จวนฮุ่ยชินอ๋อง เหตุใดจึงมาอยู่ที่อารามนี้กัน ?
“ปู้เนี่ยนซือไท่ แมวข้านั้นหาพบแล้ว นับจากนี้…พวกเราไม่มีสิ่งใดติดค้างกัน ท่านว่าอย่างไร ?”
“เช่นนั้นข้าขอขอบคุณท่านมาก ! ”
“ข้ามิรบกวนเวลาท่านแล้ว เราจะพาแมวกลับไปเดี๋ยวนี้”
“เชิญ ! ”
“มิต้องไปส่ง ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนพาจีหลินชุนจากไปจริง ๆ เมื่อเขาเดินผ่านบ่อน้ำนั่นก็มิได้เหลียวมองไปอีก ปู้เนี่ยนซือไท่มองเขาจนลับตาไป จากนั้นได้เดินไปปิดประตูอารามลง
คาดไม่ถึงว่าขณะที่นางกำลังปิดประตู ฟู่เสี่ยวกวนก็โผล่เข้ามา ทำให้นางตกใจไม่น้อย
“หึ ๆ ท่านซือไท่ ข้าว่าที่นี่มิเลวทีเดียว พรุ่งนี้ข้าจะมาสร้างรูปปั้นให้ใหม่ ไม่ทราบว่าท่านเห็นด้วยหรือไม่ ? ”
ปู้เนี่ยนซือไท่สูดหายใจเข้าลึกๆ “ตามใจท่าน…”
“ท่านจะไปแล้วงั้นรึ ? ”
ปู้เนี่ยนซือไท่ตกตะลึง หลายปีมานี้ ในวันนี้นางตกตะลึงนับครั้งไม่ถ้วนจริง ๆ !
ฟู่เสี่ยวกวนทำท่าไม่รู้ร้อนรู้หนาว คำที่เขาเอ่ยออกมาทุกประโยคช่างมีความหมายลึกซึ้ง ฟังดูแล้วช่างหนาวเหน็บ
เช่นเดียวกับบัดนี้ ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยออกมาอีกว่า “อากาศหนาวเหน็บเพียงนี้ ท่านซือไท่จะไปที่ใดเล่า ? สู้พำนักอยู่ที่นี่ยังสามารถให้ความอบอุ่น มิดีงั้นรึ ? ”
เขาส่ายหัวแล้วเดินจากไป !
ปู้เนี่ยนซือไท่ยืนดูเงาของเขาจนลับตา นางยืนอยู่สักพักจนหิมะตกลงบนศีรษะเป็นสีขาว
นางหันหลังกลับเข้าไปด้านใน เมื่อเดินผ่านบ่อน้ำนั้น นางได้เด็ดกิ่งเหมยออกมากิ่งหนึ่ง
……
……
ไม่ว่าซูซูหรือเยี่ยนเสี่ยวโหลวก็คิดว่าฟู่เสี่ยวกวนจะพาตัวจีหลินชุนกลับไปยังจวนฟู่ แม้แต่แม่นางจีหลินชุนเองก็คิดเช่นนั้น
ระหว่างทาง นางครุ่นคิดมากมาย หากมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบากเช่นนั้น สู้ยอมอยู่ในกำมือฟู่เสี่ยวกวนเสียดีกว่า
ต่อให้ตายด้วยน้ำมือเขา ก็นับว่ามีค่าแล้ว เพราะเขาผู้นี้เป็นผู้มีความสามารถอย่างแท้จริง
ไม่ว่าจะเป็นวรรณกรรม การต่อสู้หรือกลยุทธ์ต่าง ๆ เขาก็มิเป็นรองใคร
แต่พวกนางคิดไม่ถึงว่าฟู่เสี่ยวกวนมิได้พานางไปยังจวนฟู่ แต่กลับพาทั้งสามไปยังตรอกซานเยวี่ย และเดินมาถึงหน้าจวนฮุ่ยชินอ๋อง
ศีรษะที่กองไว้ยังคงอยู่ที่เดิม
ประตูบานนั้นปิดสนิท มีแผ่นผนึกปิดไว้ ด้านในไร้ซึ่งเสียงใด ๆ
หน้าประตูมีทหารยามคอยเฝ้าระวังไว้ เมื่อเห็นฟู่เสี่ยวกวนเดินทางมา ใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความเคารพนับถือ