ตอนที่ 304 มิสมเหตุสมผล
ถังเชียนจวินพ่ายแพ้เยี่ยงนั้นหรือ ?
ในฐานะผู้มีความสามารถสิบอันดับแรกของสำนักศึกษาหลีชาน ถังเชียนจวินพ่ายแพ้ต่อฟู่เสี่ยวกวน !
บัณฑิตราชวงศ์อู๋มิอาจยอมรับผลการตัดสินเช่นนี้ได้ บัดนี้ทุกสิ่งตกอยู่ในความเงียบสงบ แม้แต่กลุ่มสตรีผู้บ้าคลั่งต่างก็พากันเหม่อมอง
พวกนางยอมรับฟู่เสี่ยวกวนผู้มีพรสวรรค์จากราชวงศ์หยูได้ แต่พวกนางมิอาจจะยอมรับได้ว่าถังเชียนจวินจะพ่ายแพ้ให้กับผู้ไร้ความสามารถแห่งราชวงศ์หยูได้ !
แต่ในเมื่อถังเชียนจวินยอมรับว่าเขาพ่ายแพ้ และดูเหมือนว่าจะยอมรับอย่างเต็มอกเต็มใจเสียด้วย ถ้าเช่นนั้นฟู่เสี่ยวกวนชายหนุ่มผู้นี้ก็มีความสามารถทั้งด้านวรรณกรรมและการต่อสู้เยี่ยงนั้นหรือ ?
บัณฑิตในราชวงศ์อู๋รู้ดีว่าฟู่เสี่ยวกวนมีความสามารถด้านวรรณกรรมที่พวกเขายากจะเทียบเท่า เนื่องจากการที่พวกเขารู้ว่าฟู่เสี่ยวกวนเดินทางมาร่วมงานชุมนุมวรรณกรรม จึงได้วางแผนในวันนี้ขึ้นมา
ในเมื่อวรรณกรรมสู้เขามิได้ เช่นนั้นประลองกันด้านต่อสู้คงจะชนะได้ แม้ว่าฟู่เสี่ยวกวนจะได้รับชัยชนะในงานชุมนุมวรรณกรรมครานี้ แต่พวกเขาก็นับว่าเสมอกัน
แต่บัดนี้…แม้แต่การต่อสู้ก็ยังพ่ายแพ้แก่เขา !
หากด้านวรรณกรรมก็พ่ายแพ้อีกล่ะก็ พวกเขาก็แพ้ทั้งสองอย่างเลยมิใช่รึ ?
ไม่สิ พวกเขาแพ้ถึงสามอย่าง พวกเขาต้องสูญเสียองค์หญิงไท่ผิงไปอีกด้วย
ถ้าเช่นนั้น ข้อมูลของฟู่เสี่ยวกวนที่พวกเขาได้รับคือข้อมูลเท็จ !
ให้ตายสิ สายสืบของหอเชียนจี แม้แต่เรื่องที่ฟู่เสี่ยวกวนมีความสามารถทั้งวรรณกรรมและการต่อสู้ พวกเขามิรู้ได้เยี่ยงไร !
บัณฑิตราชวงศ์อู๋ต่างพากันหงุดหงิดและมิพอใจ ถังเชียนจวินเองที่ต้องเผชิญหน้ากับผลลัพธ์เช่นนี้ก็ได้แต่โทษตนเอง
เขาหันกลับมาโค้งคำนับให้กับเพื่อนร่วมชั้นเหล่านั้นและกล่าวว่า “เชียนจวินไร้ซึ่งความสามารถ เรื่องราวทั้งหลายได้จบลงแล้ว สัญญาก่อนหน้านี้ แพ้ก็คือแพ้ เชิญพวกท่านกลับไปเถิด ! ”
บัณฑิตทั้งหลายพากันนิ่งเงียบ พวกเขาหันไปทางฟู่เสี่ยวกวน ทำความคารวะแล้วกล่าวว่า “ข้าน้อยได้รับบทเรียนมากมายในการต่อสู้ครานี้ ไว้คราหน้าขอท่านโปรดช่วยชี้แนะด้วย ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนมิได้ยิ้มระรื่นนัก เนื่องจากการต่อสู้เมื่อครู่ช่างอันตรายเสียจริง กำลังภายในของเขาไม่สามารถเทียบกับถังเชียนจวินได้ถึงจะเป็นไทเก็กแต่ก็มีขีดจำกัด ในท้ายที่สุดเขาทำได้เพียงผลักฝ่ามือทั้งสองข้างออกไป เพราะตอนนี้กำลังภายในของถังเชียนจวินถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว ถ้าเขายังไม่รีบลงมือละก็ หากไทเก็กของเขาถูกทำลายลง ก็คงจะถูกทำร้ายจนตายเป็นแน่
ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะต่อสู้จนทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บเช่นนี้ !
และการที่เขาแข็งแกร่งกว่าถังเชียนจวินเล็กน้อย นั่นเป็นเพราะว่าเขาสวมชุดคราบจักจั่นที่ขันทีเจี่ยให้เขาไว้นั่นเอง
ชุดนี้ดูดซับแรงกระแทกจากกำลังภายในที่ถังเชียนจวินส่งออกมา จึงทำให้เขามิได้กระอักเลือดออกมา
หากประลองกันอีกครา ความลับคงถูกเปิดเผยเป็นแน่ !
ดังนั้นฟู่เสี่ยวกวนจึงรีบเอ่ยขึ้นว่า “เรื่องการต่อสู้นั้นช่างเถิด ข้ามีอีกหลายเรื่องต้องจัดการ เจ้าเองก็คงมีเช่นกัน พวกเราลบล้างทุกสิ่งไว้ที่นี่เถิด”
ถังเชียนจวินดวงตาเป็นประกาย “มิได้ พวกเราจะได้พบกันใหม่ที่ยุทธภพอีกแน่นอน ! ”
“ข้าน้อยเชียนจวินขอตัวก่อน คราหน้าขอให้ท่านช่วยชี้แนะด้วย ! ”
ถังเชียนจวินยกมือกำขึ้นคารวะ จากนั้นหันหลังเดินจากไป ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกไม่ดีนัก เขาโบกไม้โบกมือแล้วตะโกนออกไปว่า “เชียนจวิน ยุทธภพนั้นลึกยิ่ง พวกเรามิมีความจำเป็นต้องพบกันอีกแล้ว ! ”
บัณฑิตราชวงศ์หยูทั้งหลายพากันเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ มีเพียงสตรีกลุ่มหนึ่งที่ยักคิ้วหลิ่วตาเอ่ยกับฟู่เสี่ยวกวนก่อนจากไปว่า “ข้าว่ายน้ำเก่งยิ่ง จะให้ข้าพาคุณชายฟู่ไปท่องเที่ยวยุทธภพด้วยหรือไม่ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนพึมพำอยู่ในใจ เกรงว่าข้าจะจมน้ำตายเสียก่อนสิ !
……
ท่าป๋ายวนและเยียนหานยวี่ก็หันหลังพาบัณฑิตจากแคว้นของเขาออกไปจากที่นั่น ทั้งสองขึ้นขี่ม้า สีหน้าช่างเยือกเย็น
“ไร้เหตุผลเสียจริง ! ” ท่าป๋ายวนขมวดคิ้วพร้อมกับเอ่ยขึ้น จากนั้นก็อุ้มสตรีนางหนึ่งที่อยู่ข้างกายขึ้นมา “ถังเชียนจวินอ่อนข้อให้เขาหรือไม่ ? ผู้ที่จะเข้าสู่ขั้นที่สอง จะแพ้เพียงผู้ที่เพิ่งแตะขั้นที่สามได้เยี่ยงไร ? ”
เยียนหานยวี่ก็ยกแขนไปโอบสตรีนางหนึ่งขึ้นมานั่งบนตักเช่นกัน แล้วใช้แรงบิดไปที่แก้มของนาง สตรีนางนั้นส่งเสียงร้องออกมาอย่างออดอ้อน
“เขากล่าวว่ากระบวนท่านั้นชื่อว่าไทเก็ก เจ้าเคยได้ยินหรือไม่ ? ”
ท่าป๋ายวนส่ายหัว “หรือจะเป็นกระบวนท่าสูงสุดแห่งสำนักเต๋ากัน ? ”
“รอให้ข้ากลับไปจะตรวจสอบเรื่องนี้ ศิษย์จากสำนักเต๋าอยู่ข้างกายเขาถึง 3 คน การที่พวกเราจะจัดการเขามิใช่เรื่องง่าย นอกเสียจากหลอกล่อให้เขาออกมาเพียงลำพัง”
ท่าป๋ายวนครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “เจ้าหมอนี่ช่างระมัดระวังตัวยิ่ง ทุกคราที่ออกเดินทางไปที่ใดจะพาพวกเขาอย่างน้อยหนึ่งคนติดตามไปด้วย เช่นที่กวนหยุนถายเขาก็ได้พาแม่นางซูซูไปด้วย”
เยียนหานยวี่หัวเราะออกมา “เขามิใช่เทพเจ้า ข้ามิเชื่อหรอกว่าจะเขาจะไร้จุดอ่อน”
สตรีที่อยู่ในอ้อมอกเขากล่าวขึ้นว่า “ชายหนุ่มคนใดไร้ซึ่งจุดอ่อนกัน ? เงินทอง, อำนาจ, สาวงาม ต้องมีสักอย่างที่เขาชื่นชอบ นอกเสียจากเขาจะเป็นพระที่ไร้กิเลส”
เยียนหานยวี่หัวเราะออกมาแล้วนำมือฟาดไปยังก้นของหญิงสาวผู้นั้นจนนางร้องออกมา
“หลิวหยุนถาย เขาจะต้องไปที่นั่นเป็นแน่ ต่อให้เขามิไป ข้าก็จะวางแผนให้เขาไปให้ได้ ! ”
“แต่มีศิษย์ทั้งสามแห่งสำนักเต๋าติดตามไปด้วย เจ้าจะทำอันใดได้ ? ”
เยียนหานยวี่มองดูท่าป๋ายวนแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบว่า “ฉือมู่ มือดาบผู้บ้าคลั่งแห่งแคว้นฮวง เพิ่งออกมาจากคุกของท่านพ่อเจ้ามิใช่หรือ ? ข้าได้ยินมาว่า…เขากำลังมุ่งหน้าไปยังกวนหยุนถาย คาดว่าสองวันนี้คงจะมาถึงแล้ว ท่านพ่อของเจ้าส่งมาอารักขาเจ้ามิใช่รึ ? ”
ท่าป๋ายวนตกตะลึงไปชั่วครู่ เยียนหานยวี่ยิ้มเผยอยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “แคว้นของเราสองได้ลงนามร่วมมือกัน เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกัน เสด็จพ่อของข้าและท่านพ่อของเจ้าหารือเกี่ยวกับนโยบายของแคว้นหยู ซึ่งทำให้แคว้นหยูคิดว่าแคว้นฮวงจะโจมตีด่านเยี่ยนซาน แต่คงคาดมิถึงว่าแคว้นอี๋ของเราต่างหากที่จะบุกโจมตีแคว้นหยู กลยุทธ์ลับนี้เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น าเราทั้งสองเองก็ควรซื่อสัตย์ต่อกันด้วย”
“ข้าขอบอกกับเจ้าตามตรงว่า ในสงครามทางตะวันออก แคว้นหยูมีปืนใหญ่แบบใหม่ปรากฏขึ้น ทั้งหมดมีเพียง 20 กว่ากระบอก แต่กลับทำให้ฝ่ายข้าสูญเสียอย่างหนัก เจ้าสิ่งนี้ทำขึ้นโดยฟู่เสี่ยวกวน เจ้าว่า…ถ้าราชวงศ์หยูมีปืนใหญ่สักร้อยพันกระบอก แคว้นของเราทั้งสองจะจัดการกับมันเยี่ยงไร ? ”
“เสด็จพ่อให้ความสำคัญกับสิ่งนี้ยิ่ง ดังนั้นแคว้นข้าจึงได้ส่งกงซุนเดินทางมายังเมืองกวนหยุนนี้ด้วย จุดประสงค์มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น…” เยียนหานยวี่แสดงสีหน้าอันน่ากลัวออกมาแล้วเอ่ยทีละคำอย่างชัดเจนว่า “ฟู่เสี่ยวกวนจะต้องตาย ! ”
ท่าป๋ายวนตกตะลึง เขาเพิ่งรับรู้ว่าการมีชีวิตอยู่ของฟู่เสี่ยวกวนเป็นอันตรายต่อแคว้นอี๋และแคว้นฮวงเพียงใด
แม้ว่าเขาจะมิเคยเห็นปืนใหญ่ด้วยตาตนเองมาก่อน แต่ก่อนหน้านี้ปืนใหญ่มิได้มีประโยชน์อันใดซี่โครงไก่ยังมีประโยชน์เสียกว่า
แต่เจ้าสิ่งนี้กลับนำมาใช้ในสงครามตะวันออกของแคว้นหยู อีกทั้งยังทำให้แคว้นอี๋สูญเสียมากมาย เห็นได้ชัดว่ามันถูกปรับปรุงอย่างก้าวกระโดด กลายมาเป็นอาวุธอันน่ากลัว
ฟู่เสี่ยวกวนทำได้เยี่ยงไรกัน ?
เขาเป็นเพียงพวกบ้าคลั่งในหนังสือ หรืออาจจะพอมีความสามารถด้านการต่อสู้อยู่บ้าง แต่เขากลับค้นคว้าเกี่ยวกับปืนใหญ่และดูเหมือนว่าจะประสบความสำเร็จอย่างมาก ซึ่งมิสมเหตุสมผลเอาเสียเลย !
สีหน้าของท่าป๋ายวนมืดหม่นลง แผนการล่อลวงการโจมตีแคว้นหยูนั้นเขามิได้รู้รายละเอียดมากนัก เขารู้เพียงแต่ว่าสุดท้ายแล้วแคว้นอี๋และแคว้นฮวงจะแบ่งกันยึดครองพื้นที่ของแคว้นหยู
แต่ในวันนี้เมื่อมีฟู่เสี่ยวกวนปรากฏตัวขึ้น เขาเป็นหมากที่ไม่ได้วางไว้แต่แรกและคาดมิถึง ดังนั้นแคว้นอี๋จะต้องฆ่าเขาให้ได้ เช่นเดียวกันว่าแคว้นฮวงก็ต้องการให้เขาตายด้วย
“ข้าและเจ้าหลังกลับจากที่นี่จงมาร่วมมือกันวางแผนเถอะ อ่า…แม่นางสองคนนี้เล่า จะทำเช่นไร ? ”
“จะทำเช่นไรได้อีก ? ”
เสียงดังฉึบ ๆ ! สตรีทั้งสองนางก็ไร้ซึ่งลมหายใจไปทันพลัน และขบวนรถม้าก็ได้เข้าสู่สถานทูตของแคว้นฮวง