ตอนที่ 352 แผนการลอบสังหาร
ในขณะที่ฟู่เสี่ยวกวนกำลังตกตะลึงอยู่ ประตูบานนั้นก็ถูกเปิดออก มีนางในหน้าตางดงามนางหนึ่งเดินออกมา
สายตาของนางกวาดมองไปยังทุกคนที่นั่น จากนั้นก็ได้หยุดลงตรงฟู่เสี่ยวกวน
นางเอียงศีรษะมองอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็คารวะอย่างงดงามพร้อมกับกล่าวว่า “ข้าน้อยหวินกุย คารวะคุณชายฟู่”
“เจ้ารู้ได้เยี่ยงไรว่าข้าคือคุณชายฟู่ ? ”
หวินกุยยืดตัวตรงแล้วหัวเราะ “เนื่องจากในที่นี้ ท่านดูเยาว์ที่สุดน่ะสิ”
ดูเหมือนข้าจะเอ่ยถามคำถามโง่ ๆ ออกไปเสียแล้ว ! ฟู่เสี่ยวกวนยกมือขึ้นลูบจมูกของตนเอง จากนั้นหวินกุยก็ได้เอ่ยต่อไปว่า “ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินมาว่าท่านจะมาอาศัยอยู่ที่นี่สักระยะ ข้าน้อยจึงได้จัดเตรียมห้องหับไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เชิญพวกท่านตามข้ามาเถิด”
……
……
ด้านในคุกแห่งเมืองกวนหยุนช่างมืดมิด กลิ่นเหม็นอับผสมกับกลิ่นคาวเลือดตีเข้าจมูกชวนให้อาเจียนยิ่งนัก
อู๋หลิงเอ๋อร์กลั้นหายใจเดินตามผู้คุมคุกเข้ามาจนถึงชั้นในสุด ที่นี่มีการคุมเข้มกว่าที่ใด ๆ แน่นอนว่านักโทษที่ถูกกังขังอยู่ในนั้นต้องสำคัญยิ่ง
นางจะต้องสอบถามขันทีเกา อดีตหัวหน้าขันทีผู้ยิ่งใหญ่ให้รู้แจ้งว่า แผนการที่ตั้งใจจะจัดการกับฟู่เสี่ยวกวนเหล่านั้น เป็นฝีมือของเสด็จแม่จริงเยี่ยงนั้นหรือ ?
นึกถึงสตรีที่ถูกกังขังไว้ในตำหนักเย็นผู้นั้น นางสูญเสียความสง่างามและความน่าเกรงขามไปเสียสิ้นแล้ว แม้ภายนอกมองไปจะดูสงบนิ่ง แต่ตรงกลางคิ้วทั้งสองที่ขมวดเข้ามาติดกันนั้นมิอาจปิดบังความผิดหวังและเศร้าโศกได้
สตรีผู้นั้นคือเสด็จแม่ของนาง นางหวังว่าจะมีความหวังอันเล็กน้อยที่จะสามารถช่วยเสด็จแม่ออกมาได้ มิใช่ในฐานะจักรพรรดินี แต่ในฐานะมารดาธรรมดา ๆ คนหนึ่งก็เพียงพอ
หากต้องการจะช่วยเหลือมารดาของนางออกมา ก็จะต้องให้ขันทีเกาเป็นผู้ยอมรับผิดทั้งหมด และนางเชื่อว่าขันทีเกาจะยอมรับความผิดนี้ เนื่องจากนางได้จับตัวบุตรชายของเขาเกาฟู่ลวี่ไว้ในกองทัพทหารหญิงแล้ว
เดิมทีนางตั้งตารองานชุมนุมวรรณกรรมที่กำลังจะเริ่มขึ้นในวันนี้อย่างใจจดใจจ่อ แต่บัดนี้นางมิอาจปลีกตัวออกไปได้ ฟู่เสี่ยวกวนจะประพันธ์กวีเช่นใดขึ้นมากัน ?
น่าเสียดายยิ่งที่มิมีโอกาสได้เห็นเขาโดดเด่นในสนามประลอง
ผู้คุมคุกเดินตรงมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องขังท้ายสุด จากนั้นก็หยิบกุญแจขึ้นมาไขประตู แล้วกล่าวเสียงเบาว่า “องค์หญิง กระหม่อมให้เวลาได้เพียง 1 ก้านธูปเท่านั้น นี่คือสิ่งที่กระหม่อมทำเพื่อองค์หญิงได้มากสุดแล้ว มิเช่นนั้นหากฝ่าบาททรงรู้เข้า…”
“ไปเถิด ข้าเข้าใจดี”
นางก้าวเข้าไปด้านในห้องคุมขังอันมืดมิด เกาเสี่ยนถูกโซ่ตรวนเส้นใหญ่ล่ามเอาไว้ เขานั่งหันหลังเข้ากำแพงในมุมมืดนั้น
เดิมทีที่แห่งนี้ คือสถานที่ที่เขาใช้ควบคุมตัวนักโทษต่าง ๆ แต่บัดนี้ตนกลับเข้ามานั่งอยู่ด้านในฐานะนักโทษเสียเอง
เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา เขาจึงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วหรี่ตามอง เมื่อพบว่าเป็นองค์หญิงไท่ผิงก็ทำให้เขารู้สึกตกใจยิ่ง เดิมทีเขาคิดว่าจะเป็นคนจากศาลต้าหลี่ หรืออาจจะเป็นขันทีเข้ามาประกาศพระราชโองการ
“ลุกขึ้นนั่งเถิด”
อู๋หลิงเอ๋อร์นั่งลงตรงโต๊ะเก่า ๆ ตัวหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยกับเกาเสี่ยนว่า “ข้ามิได้มาเพื่อช่วยเจ้า ข้ามาเพื่อถามคำถามกับเจ้าสักหน่อย”
เกาเสี่ยนลุกขึ้นยืน จากนั้นก็พยุงตนเองเดินมานั่งลงที่โต๊ะนั้น เสียงโซ่เหล็กครูดกับพื้นชวนให้ขนลุกยิ่ง
“กระหม่อมมิมีสิ่งใดจะเอ่ยกับองค์หญิง”
สายตาของอู๋หลิงเอ๋อร์จ้องไปที่เกาเสี่ยนไม่กะพริบ “ฟู่เสี่ยวกวนคือบุตรนอกสมรสขององค์จักรพรรดิจริงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
เดิมทีนางมิได้ตั้งใจจะถามคำถามนี้ในตอนแรก แต่ทว่านางกลับเอ่ยถามขึ้นมาเป็นอันดับแรก
เกาเสี่ยนเผยอยิ้ม “ในเมื่อฝ่าบาททรงตรัสออกมาด้วยพระองค์เอง แน่นอนว่าต้องมิใช่เรื่องเท็จ”
“มีหลักฐานอื่นอีกหรือไม่ ? ”
“กระหม่อมคิดว่าองค์หญิงจะทรงเสด็จมาเพื่อเสด็จแม่เสียอีก คาดมิถึงว่าทรงมาเพื่อชายผู้นั้น หากองค์หญิงทรงต้องการหลักฐาน ควรจะเสด็จไปเข้าเฝ้าไทเฮา เนื่องจากบันทึกชีวิตในสามปีนั้นอยู่ในพระหัตถ์ของไทเฮามิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”
อู๋หลิงเอ๋อร์ได้เดินทางไปเข้าเฝ้าไทเฮาแล้ว แต่ทว่าพระนางมิได้ประทับอยู่ในตำหนัก แม้แต่นางในรับใช้ก็มิรู้ว่าไทเฮาทรงเสด็จไปที่ใด
“การลอบสังหารฟู่เสี่ยวกวน เป็นฝีพระหัตถ์ของเสด็จแม่จริงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“องค์หญิงทรงรู้ดีอยู่แก่ใจดี เหตุใดจึงต้องเอ่ยถามคำถามนี้ออกมากัน ? ”
อู๋หลิงเอ๋อร์นิ่งไปหลายวินาที สีหน้าของนางแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมแล้วเอ่ยว่า “เจ้าจงฟังและจำไว้ให้ดี ! ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้เป็นความคิดของเจ้า เป็นแผนการของเจ้า ส่วนเหตุผลนั้นคือ เมื่อหลายวันก่อนที่หอจิ้นสุ่ยในทะเลสาบสือหลี่ บุตรชายของเจ้าเกาฟู่ลวี่ได้เกิดเรื่องบาดหมางเข้ากับฟู่เสี่ยวกวน บุตรชายของเจ้าถูกฟู่เสี่ยวกวนดูถูกเหยียดหยาม จึงทำให้เจ้าคับแค้นใจ เเละเพื่อเป็นการระบายความโกรธนี้ เจ้าจึงได้ตัดสินใจกระทำทุกอย่างลงไป ส่วนเรื่องจักรพรรดินีนั้น เจ้าเพียงขอกำลังผู้มีฝีมือมาจากนางเท่านั้น นางมิได้มีส่วนรู้เห็นในการลอบสังหารครานี้ นางมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย ! ”
เกาเสี่ยนตกตะลึงทันพลัน จักรพรรดินีเซียวต้องการให้เขาเป็นเเพะรับบาปเยี่ยงนั้น ?
จากที่เกาเสี่ยนมองดูแล้ว นี่คือคำบอกใบ้ของจักรพรรดินีเซียว แม้ว่าพระนางจะถูกกักขังในตำหนักเย็น แต่ทว่าพระนางกลับมิยอมรับต่อชะตากรรม
“หากว่ากระหม่อมมิยินยอมเล่า ? ”
อู๋หลิงเอ๋อร์ยิ้มอย่างเยือกเย็น “หากเจ้ามิยินยอมก็ย่อมได้ ข้าจะให้บุตรชายของเจ้าตายอย่างทุกข์ทรมานต่อหน้าเจ้า ! ”
เกาเสี่ยนตกตะลึงเสียยิ่งกว่าเก่า “บุตรชายของข้ามิได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย แม้แต่ศาลต้าหลี่ ก็มิอาจใส่ร้ายบุตรชายข้าได้ ! กรรมใดใครก่อก็ควรจะยอมรับมันด้วยตนเอง มิควรเอาคนในครอบครัวเข้ามายุ่งเกี่ยว องค์หญิงอย่าได้ทำเช่นนี้เลย ! ”
“ครอบครัวเยี่ยงนั้นหรือ ? เจ้าขันทีชราเยี่ยงเจ้าเข้าใจคำว่าครอบครัวด้วยเยี่ยงนั้นหรือ ? บุตรชายของเจ้าอยู่ในกำมือข้าแล้ว เขาจะเป็นหรือตาย ก็อยู่ที่ความร่วมมือของเจ้า”
เกาเสี่ยนสูดลมหายใจยาว ใบหน้าอันหมองคล้ำของเขาดูแล้วมืดมนยิ่ง
จักรพรรดินีเซียว !
เดิมทีความผิดนี้หากจะให้ข้ารับไว้แต่เพียงผู้เดียวมิใช่เป็นไปมิได้ แต่วิธีการของพระนางช่างเยือกเย็นยิ่ง !
ในเมื่อพระนางไร้ซึ่งความเมตตา ก็อย่าได้หาว่าข้าไร้คุณธรรม !
เขาหัวเราะออกมาทันใด แล้วเอ่ยถามว่า “องค์หญิงทรงเป็นห่วงฟู่เสี่ยวกวนจริงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“นั่นเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว ! ”
“องค์หญิงทรงคิดว่าบัดนี้ฟู่เสี่ยวกวนปลอดภัยแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
อู๋หลิงเอ๋อร์ชะงักลงทันพลัน “ผู้ที่ลอบสังหารฟู่เสี่ยวกวน บัดนี้ได้ตายไปสิ้นแล้ว อีกทั้งผู้ที่สมรู้ร่วมคิด บัดนี้ก็ถูกจับได้จนสิ้น ท่านหมายความว่าเยี่ยงไรกัน ? ”
“ฮ่า ๆ ๆ…” เกาเสี่ยนหัวเราะออกมาด้วยเสียงดังกึกก้อง “องค์หญิง เกรงว่าท่านจะมิรู้จักเสด็จแม่ของตนดีพอ ! ”
อู๋หลิงเอ๋อร์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เสด็จแม่ถูกขังอยู่ในตำหนักเย็นแล้ว นางจะทำสิ่งใดได้อีกกัน ?
“กล่าวมา ! ”
“บัดนี้คาดว่าฟู่เสี่ยวกวนคงจะเดินทางไปถึงวันหานหลิงแล้ว องค์หญิงเพียงแค่ทรงให้สัญญาว่าจะมอบความปลอดภัยให้แก่บุตรชายข้า ข้าถึงจะบอกเรื่องที่น่าตกใจนี้ให้แก่ท่าน”
“เจ้ามิมีทางเลือกอื่น ! ”
“องค์หญิงผิดแล้ว กระหม่อมมีทางเลือก หากว่าบุตรชายของกระหม่อมถูกสังหาร ฟู่เสี่ยวกวนเองก็อย่าคิดว่าจะมีชีวิตรอดไปได้ ! ”
เกาเสี่ยนนั่งหลังตรง สายตาไร้ซึ่งความแยแสของเขากล่าวว่า “องค์หญิงอย่าได้ทรงเสียเวลาไป เมื่อถึงตอนนั้นอาจสายเกินไปเสียแล้ว”
อู๋หลิงเอ๋อร์กัดฟันแล้วตอบว่า “ตกลง ข้าสัญญา ! ”
“เชิญองค์หญิงสาบาน”
“ข้าขอสาบานด้วยชีวิต หากว่าฟู่เสี่ยวกวนอยู่ดีมีสุข เกาฟู่ลวี่ก็จะปลอดภัยเช่นกัน”
“พ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงทรงโปรดฟังให้ดี ที่หลังภูเขาวัดหานหลิง ภายในรูปปั้นพระพุทธรูปองค์ใหญ่นั้น มีหน่วยสอดแนมอยู่ 1,000 คนและทหารรักษาพระองค์อีก 3,000 คน อีกทั้งปืนใหญ่ 50 กระบอก และจะยิงออกไปในยามเว่ย เมื่อบัณฑิตทั้งหลาย…รวมตัวกันที่สนามแข่งขัน ! ”
อู๋หลิงเอ๋อร์รีบหันหลังจากไปโดยมิลังเลเลยแม้แต่น้อย
ยามเว่ยเยี่ยงนั้นหรือ บัดนี้ก็ยามอู่แล้ว ต่อให้ใช้ม้าไวก็คาดว่าคงมิทันการ
จะทำเยี่ยงไรดี ?
จิตใจของนางร้อนรนดั่งไฟ บัดนี้จึงได้คิดถึงคำเอ่ยของเสด็จแม่ขึ้นมาได้ ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้เป็นกลลวงเพื่อสังหาร !