ตอนที่ 394 ถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์อีกครา
จินหลิงยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง
เพียงแต่ว่าฝนที่ตกลงมานี้มิได้รุนแรงเท่าใดนัก เพียงแค่โปรยปรายเป็นหยาดละอองเท่านั้น
ชายคาศาลาเถาหรานในจวนฟู่หยดน้ำค่อย ๆ หยดลงต่อกันกลายเป็นม่านฝน หยูเวิ่นหวินและเยี่ยนเสี่ยวโหลวนั่งอยู่ในศาลา มองดูทะเลสาบซวนอู่ที่ปกคลุมไปด้วยม่านฝนและไอหมอกไกลจนสุดลูกหูลูกตา
“พี่ชูหลานไปยังซีซานได้ราวครึ่งเดือนแล้ว มิรู้ว่าเขาอยู่ที่นั่นเป็นเยี่ยงไรบ้าง พี่เวิ่นหวิน ข้า…ข้าอยากไปดูที่ซีซานสักหน่อย”
หยูเวิ่นเหวินถอนหายใจ “ข้าเองก็อยากไป เพียงแต่…”
เยี่ยนเสี่ยวโหลวกัดริมฝีปาก ในใจแน่วแน่ “พี่สาว การค้าที่จินหลิงบัดนี้ก็เป็นปกติดี ข้ามิมีแก่ใจที่จะอยู่ที่นี่ พวกเราเดินทางกันพรุ่งนี้เลยเป็นเยี่ยงไร ? ”
“หากเขาเกิดกลับมาจินหลิงจะทำเยี่ยงไร ? ”
เยี่ยนเสี่ยวโหลวคิดอย่างถี่ถ้วน แล้วกล่าวว่า “ในเมื่ออู๋หลิงเอ๋อร์ราชาภิเษกขึ้นเป็นจักรพรรดินี เขามิมีทางกลับไปที่เมืองกวนหยุนอย่างแน่นอน เพราะเขามิได้อยากเป็นจักรพรรดิของที่นั่น อีกทั้งเขายังเป็นโอรสของจักรพรรดิเหวิน เรื่องนี้คือความจริง ดังนั้นข้าคิดว่าเขาจะต้องหลบซ่อนตัวปิดบังชื่อเสียงเรียงนามไปสักพัก รอให้อู๋หลิงเอ๋อร์ได้ครองตำแหน่งอย่างมั่นคงเสียก่อน เขาถึงจะเผยตัวตนออกมา มิเช่นนั้นคาดว่าคงจะก่อให้เกิดความไม่มั่นคงของราชวงศ์อู๋และราชสำนักอย่างแน่นอน”
“ในเมื่อต้องปิดบังชื่อเสียงเรียงนาม เช่นนั้นแล้วเขามิมีทางกลับมายังจินหลิง ที่จินหลิงมีผู้คนรู้จักเขาตั้งมากมาย ข่าวนี้จะแพร่ไปยังราชวงศ์อู๋อย่างรวดเร็ว เช่นนั้นแล้วความตั้งใจของเขาก็จะสูญเปล่าแล้ว”
ดวงตาของเยี่ยนเสี่ยวโหลวเปล่งประกาย “ดังนั้นหากเขาจะกลับมา เขาจะต้องไปที่ซีซานอย่างแน่นอน แม้แต่เมืองหลินเจียงเขาก็มิอาจจะเผยตัวด้วยซ้ำ ! ”
หยูเวิ่นหวินนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ดูเหมือนจะว่าที่นางกล่าวมานั้นค่อนข้างมีเหตุผล นางก็ฉลาดมิน้อยเลยนี่ “ได้ เยี่ยงนั้นพรุ่งนี้พวกเราเดินทางกัน ! ”
……
รัชสมัยเซวียนลี่ เดือนแปด วันที่สิบห้า
เทศกาลไหว้พระจันทร์มาถึงอีกครา
ฟู่เสี่ยวกวนยังไร้ซึ่งข่าวสารใดๆ แต่เทศกาลไหว้พระจันทร์นี้กลับยังต้องดำเนินต่อไป
หลานถิงจี๋แห่งทะเลสาบเว่ยยางยังคงมีการจัดงานเทศกาลไหว้พระจันทร์ เพียงแต่ห้านักปราชญ์เลื่องชื่อในปีที่แล้วกลับขาดไป 1 ท่าน อาจารย์ฉิน ฉินปิ่งจงนึกมิถึงว่าจะไปยังหลินเจียง เขามิได้ไปยังสำนักศึกษาหลิงเจียง แต่ทว่ากลับไปยังสำนักศึกษาซีซาน
ชื่อสำนักศึกษาแห่งนี้ยังมิมีผู้ใดเคยได้ยินมาก่อน หลังจากนั้นถึงได้ทราบว่าแท้จริงแล้วฟู่เสี่ยวกวนเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นมาที่ซีซาน
ยามนี้ข่าวการจากไปของฟู่เสี่ยวกวนได้แพร่มาถึงจินหลิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อาจารย์ฉินเพื่อที่จะสานต่อปณิธานของฟู่เสี่ยวกวนจึงได้ยอมละทิ้งหน้าที่เพื่อไปให้ความรู้ที่ยิ่งใหญ่ยังสำนักศึกษาแห่งนั้น ทำให้ผู้คนจำนวนมากเลื่อมใสในตัวเขา
ดังนั้นจึงมีอาจารย์ที่เกษียณอายุจากสำนักศึกษาจี้เซี่ยติดตามเขาไปยังสำนึกศึกษาซีซานด้วย
ช่างกวนเหวินซิ่วมาถึงหลานถิงจี๋เนิ่นนานแล้ว เขายืนอยู่เบื้องหน้าของหินเชียนเปยสือ แล้วมองดูบทกวีทำนองเพลงสายน้ำอย่างเงียบ ๆ
ในใต้หล้านี้มิมีฟู่เสี่ยวกวนอีกแล้ว ผู้ใดจะขับทำนองร้องเพลงสายน้ำได้อีก !
บางทีอาจเพื่อรำลึกถึงนักวรรณกรรมฟู่เสี่ยวกวน ผู้คนที่มาหลานถิงจี๋ในปีนี้ถึงได้มากเป็นพิเศษ
แน่นอนว่าส่วนใหญ่แล้วเป็นบัณฑิตในสำนักศึกษา ฉินเหวินเจ๋อและคนอื่น ๆ ของสมาคมกวีหลานถิงกำลังยืนอย่างสงบอยู่เบื้องหน้าหินเชียนเป่ยสือ พลางมองดูบทความและบทกวีของฟู่เสี่ยวกวนที่ถูกสลักอยู่ด้านบน
“ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะไปซีซาน”
ฉินเหวินเจ๋อหันตัวกลับไปเผชิญหน้ากับเหล่าบัณฑิต “ยามนี้ฝ่าบาททรงส่งเสริมแผนการของอาจารย์ ข้าจะไปที่สำนักศึกษาซีซาน และนำความรู้ด้านเศรษฐกิจที่อาจารย์ได้สั่งสอนข้า สอนให้กับเด็กเหล่านั้น ถึงแม้ความรู้เหล่านั้นข้าจะเข้าใจเพียงแค่ผิวเผิน อย่างที่อาจารย์ได้กล่าวไว้ว่า ถึงแม้จะเป็นเพียงดวงไฟดวงน้อย ๆ แต่ก็อาจจะกลายเป็นไฟลามทุ่งได้ ! ”
เฉินชู่ลุกขึ้นมา “ข้าจะไปกับเจ้าด้วย สำนักศึกษาที่นี่มิอาจเปิดสอนหลักสูตรทฤษฎีเก๋ออู้ได้แล้ว บางทีศูนย์วิจัยซีซานอาจจะชี้ทางสว่างให้กับข้าได้”
“ข้าไปด้วย ! ” ชางกวนเหมี่ยวกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าได้ยินอาจารย์บอกว่าที่ซีซานมีหน่วยปราบปรามอยู่กองหนึ่ง ข้าจะไปช่วยอาจารย์ฝึกหน่วยปราบปรามนั้น ! ”
คำกล่าวของฉินเหวินเจ๋อได้ดึงดูดเสียงขานรับของเหล่าบัณฑิตนับสิบคน พวกเขาล้วนเป็นคนหนุ่มสาวที่ได้เข้าร่วมงานชุมชุนวรรณกรรมกับฟู่เสี่ยวกวน พวกเขาจำนวนมากจะเข้าร่วมการสอบชิวเหวยในปีหน้า แต่บัดนี้พวกเขาได้ถอดใจแล้ว เพราะอุดมคติที่ไม่ชัดเจนในใจของตน
การกระทำของพวกเขาก่อให้เกิดคลื่นเป็นวงกว้างในสำนักศึกษาจี้เซี่ย บัณฑิตหลายคนเริ่มคิดไตร่ตรอง และไตร่ตรองถึงนโยบายใหม่ของฝ่าบาท ไตร่ตรองถึงการศึกษาว่านอกจากเข้าราชวงศ์เพื่อเป็นขุนนางแล้วยังจะสามารถทำเรื่องที่มีความหมายอะไรได้อีก
ฟู่เสี่ยวกวนได้จุดประกายไฟในใจของบัณทิตนับร้อย เพียงแต่ในยามนี้ดวงไฟนั้นยังคงริบหรี่ ยังมิเห็นถึงความหวังอย่างไฟลามทุ่งเลยสักนิด
สุริยาลาลับภูผา จันทราลอยเด่น เป็นเวลาที่หลายครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมกันอีกครา
จวนฟู่ในหลินเจียงขณะนี้ก็ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาเฉกเช่นเดียวกัน เพียงแต่บรรยากาศพร้อมหน้าพร้อมตานี้แปลกประหลาดไปมากนัก
ฟู่ต้ากวนไปหลายเดือนแล้วยังมิกลับมา มิมีแม้กระทั่งจดหมายที่ส่งกลับมา อีกทั้งยังนำเงินเกือบทั้งหมดที่มีในจวนไปด้วย !
ปีที่แล้วเขารับอนุถึง 5 คน และยามนี้แต่ละคนต่างก็หน้าท้องโตใกล้คลอดเต็มทีแล้ว
แต่สามีของพวกนางกลับมิอยู่ !
ลูกชายของเขาก็ได้ตายจากไปแล้ว !
ตระกูลฟู่นี้ หรือว่าจะล่มสลายเสียแล้ว ?
ดังนั้นในคืนเทศกาลไหว้พระจันทร์ ฉีซื่อในฐานะฮูหยินรองได้เรียกรวมตัวอนุอีก 5 คนที่เหลือ เพื่อหารือว่าในอนาคตจะทำเยี่ยงไรดี
ฟู่เสี่ยวกวนนั้นตายแล้ว เดิมทีคิดว่าลูกสาวของตนฟู่เสี่ยวซีนั้นจะได้ใช้ชีวิตดั่งองค์หญิง แต่ยามนี้คงเป็นได้เพียงแค่เรื่องตลกขบขันเท่านั้น
“น้องสาวทุกท่าน แม้ว่าวันธรรมดาทุกคนจะยังอยู่สุขสบาย แท้ที่จริงแล้วข้ามิได้เห็นแก่ใครเป็นการส่วนตัว ในเมื่อข้าเข้ามาก่อนพวกเจ้า วันนี้ข้าอยากจะบอกความในใจกับน้องสาวทุกท่าน”
ฉีซื่อกวาดสายตามองหญิงท้องโตทั้งห้าคน “นายท่านไปครานี้ บัดนี้ก็ครึ่งปีแล้ว ครึ่งปีมานี้มิมีแม้ข่าวคราว เงินในจวนเดิมทีนายท่านเป็นคนถือไว้ เจ้าและข้าต่างก็มิมีอำนาจจัดการ ยามนี้ที่ข้าอยากจะเอ่ยกับพวกเจ้าก็คือ เงินในจวนเหลืออยู่น้อยนิดสามารถประทังชีวิตไปได้เพียงแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น
อนุทั้งห้าคนได้ฟังแล้วก็รู้สึกตื่นตกใจ มองหน้ากันไปมาแล้วเอ่ยถาม “แล้วเงินล่ะ ? ”
ฉีซื่อหัวเราะหึ “ข้าเองก็เพิ่งรู้เมื่อต้นเดือนที่แล้ว นายท่านนำเงินติดตัวไปด้วย 1,600,000 ตำลึง ! ”
“ไอหยา… ! ”
อนุทั้งห้าต่างตกตะลึง คุณนายที่สามเอ่ยถาม “นายท่านมิได้ไปผิงหลิงและชวูอี้สองอำเภอเพื่อลงทุนสร้างโรงงานเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“สร้างโรงงานอันใดกัน นายท่านเดินทางไปยังแคว้นอู๋ ! ”
อนุทั้งห้าขมวดคิ้วทันที ฟู่เสี่ยวกวนเป็นโอรสของจักรพรรดิเหวินเรื่องนี้เกรงว่าจะทราบกันทั่วทั้งใต้หล้าแล้ว
ฟู่เสี่ยวกวนเป็นความภูมิใจของนายท่าน สตรีที่อยู่ในห้องทั้งหกคนต่างก็ทราบดี
ถ้าเยี่ยงนั้นเงิน 1,600,000 ตำลึงที่นายท่านเอาไปที่แคว้นอู๋…เงินเหล่านั้นต้องเอาไปมอบให้กับฟู่เสี่ยวกวนเป็นแน่ พวกเขาไม่เข้าใจ ฟู่เสี่ยวกวนมิใช่ลูกแท้ ๆ ของนายท่าน สวี่หยุนชิงเพียงแค่สวมหมวกสีเขียวให้กับนายท่านเท่านั้น เหตุใดนายท่านยังต้องนำเงินก้อนใหญ่ถึงเพียงนั้นไปที่แคว้นอู๋ด้วย ?
เวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชา อนุสี่ก็ได้ตบหน้าอก “ยังดีที่ว่าที่นาและกิจการของตระกูลเรานั้นยังอยู่ ดูแลรายได้เหล่านั้นเอาไว้ วันหน้าคงมิมีผลกระทบอะไรมากมายนัก”
ฉีซื่อมองไปทางอนุสี่ ใบหน้าแสดงถึงสีหน้าถากถาง “เจ้าอยู่ในจวนเลี้ยงดูทารกในครรภ์ เกรงว่าจะมิทราบว่าคู่หมั้นของฟู่เสี่ยวกวนไปถึงซีซานเนิ่นนานแล้ว ! ”
“ฟู่เสี่ยวกวนตายไปแล้ว นางมาทำอันใดที่ซีซานกัน ? ”
“ได้ยินว่านางไปที่โรงงานทุกแห่งในซีซาน และพบกับผู้เช่านาทุกรายอีกด้วย มิกี่วันก่อนนางยังไปที่เขตเหยา ในยามนี้สมุดบัญชีกิจการทั้งหมดของซีซานล้วนอยู่ในมือต่งชูหลาน พวกเจ้าว่านางมาทำอันใดที่ซีซานกันล่ะ ? “