ตอนที่ 430 เป็นฝีมือมนุษย์
“จวนฟู่แห่งเมืองหลินเจียง แม่ทั้งห้าได้ให้กำเนิดบุตรเรียบร้อยแล้ว เป็นบุตรชาย 3 คน บุตรสาว 2 คน… ระยะเวลากำเนิดห่างกันมิเกิน 1 เดือน บัดนี้พวกนางกำลังอยู่ไฟ มิสะดวกให้เจ้าเข้าพบ รอให้ผ่านปีนี้ไปก่อนเถิด ? ”
ต่งชูหลานเก็บสัมภาระแล้วกล่าวกับฟู่เสี่ยวกวนถึงเรื่องนี้
“ท่านพ่อข้ายังมิกลับมาเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ยังมิได้รับรายงานเรื่องนี้…”
ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกเป็นกังวล ชายอ้วนนั่นเดินทางไปยังแคว้นฝานได้กว่าครึ่งปีแล้ว เหตุใดจึงยังมิกลับมากัน ?
“ข้าวของเครื่องใช้ในจวนที่หลินเจียงเพียงพอหรือไม่ ? ”
“ข้าเพิ่มให้อีก 3 ส่วน และให้ชุนซิ่วกลับไปดูแล้ว และได้กำชับนางว่าให้ซื้อเสื้อผ้าอีกทั้งของใช้ทารกด้วย คาดว่าคงมิขาด”
ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้า “เมื่อครู่ข้าได้เดินทางไปที่สำนักศึกษา ท่านอาจารย์ฉินและบัณฑิตทั้งหลายจะร่วมเดินทางไปที่เมืองหลวงกับข้าด้วย อีกประเดี๋ยวก็คงจะต้องออกเดินทาง”
“อือ”
ฟู่เสี่ยวกวนมองดูหมอกยามเช้าที่ยังมิจางหายไปในลานกว้างแห่งนี้แล้วขมวดคิ้วด้วยความกังวลใจ ชายอ้วนนั่นหายไปอยู่ที่ใดกันแน่ ?
……
……
เขาเดินทางไปกลับเมืองกวนหยุนอีกคราเมื่อวันที่สิบ เดือนสิบ
เขาและหูฉินได้เดินทางไปยังที่ราบสูงที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ
เขาพักอยู่ที่นั่นนานถึงสามวันสามคืน
ในเดือนสี่ วันที่เก้า ได้เกิดเหตุการณ์หิมะถล่มคราใหญ่ แต่หุบเขาที่ถูกหิมะถล่มปกคลุมนั้นได้ถูกเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว หาได้มีร่องรอยของผู้เสียชีวิตหลงเหลืออยู่ไม่
หูฉินมิรู้ว่าฟู่ต้ากวนกำลังตามหาสิ่งใดอยู่กันแน่
“ผู้คนนับหมื่นคนค้นหาที่นี่ในทุกซอกทุกมุมแล้ว เจ้าคิดว่าเจ้ายังจะสามารถค้นพบอันใดได้อีกเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ฟู่ต้ากวนทำสีหน้าเคร่งขรึม เขามิได้เอ่ยอันใดออกมา
เขาค้นหาตั้งแต่ทางเข้าหุบเขาจนกระทั่งพบวัดเก่าแก่เข้า เดินเข้าเดินออก ทำเช่นนี้อยู่สามครา สุดท้ายเขาก็ออกมายืนอยู่ด้านหน้าวัดแล้วเงยหน้ามองดูภูเขาหิมะที่ตั้งสูงตระหง่าน
“เจ้าจงออกไป ยิ่งไกลยิ่งดี”
หูฉินมิเข้าใจในสิ่งที่เขากล่าว นางมองไปยังฟู่ต้ากวนด้วยท่าทางกังวลใจ ชายอ้วนผู้นี้รับบทเป็นพ่อของฟู่เสี่ยวกวนมาถึง 17 ปี บัดนี้ปรากฏว่าฟู่เสี่ยวกวนเป็นโอรสของจักรพรรดิเหวิน เกรงว่าความจริงนี้จะทำให้เขารับมิได้ กังวลว่าเขาจะคิดสั้น
“ข้ารู้ว่าฟู่เสี่ยวกวนคือโอรสของจักรพรรดิเหวิน”
“เช่นนั้นเหตุใดเจ้าจึงเลี้ยงดูทะนุถนอมเขาถึงเพียงนี้กัน ? ”
“ข้าจะบอกเจ้าในภายภาคหน้า เจ้าจงออกไปก่อน จำไว้ว่ายิ่งไกลเท่าใดก็ยิ่งดี”
หูฉินมิรู้ว่าฟู่ต้ากวนจะทำสิ่งใด นางเดินออกไปจากหุบเขาแห่งนี้ และมุ่งหน้าไปยังที่ราบสูง
ฟู่ต้ากวนเงยหน้ามองดูภูเขาหิมะที่ตั้งสูงตระหง่านนี้ ร่างของเขาลอยขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับเหยี่ยว
ร่างกายของชายอ้วนผู้นั้นว่องไวขึ้นมาทันใด เขาพุ่งตัวไปยังภูเขามิหิมะสูง ขาทั้งสองแตะลงที่หิมะแล้วพุ่งตัวลอยขึ้นไปอีก จนกระทั่งถึงจุดที่หิมะถล่มลงมา
จุดนี้คือบริเวณกลางเขา
เขาหยุดอยู่ที่นี่ดูคล้ายกับกำลังมองหาบางสิ่งอยู่
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เขาจึงได้หยุดฝีเท้าแล้วลงที่พื้น
เบื้องหน้าเขาได้ปรากฏรอยเท้าคู่หนึ่ง !
เนื่องจากมีหิมะและลมพัดพา ทำให้รอยเท้านี้ดูจางลง หากมิสังเกตคงจะมองมิเห็นอันใด
เขาขมวดคิ้วมุ่นแล้วยื่นมือออกไปเทียบ รอยเท้านี้เป็นของผู้ชาย ราชวงศ์อู๋กว้างขวางถึงเพียงนี้ แต่คนที่สามารถมายังที่แห่งนี้ได้ และสามารถหลบผู้คนที่วัดมาได้ น้อยเสียจนนับนิ้วได้ !
เขายืดตัวตรงแล้วมองออกไปเบื้องหน้า
นี่มิใช่ภัยพิบัติ แต่เป็นการกระทำของมนุษย์ !
เป่ยหวังฉวนนั้นกระดูกหัก มิอาจหยิบคันธนูได้ แต่มิได้ส่งผลต่อวิชาตัวเบา
โหยวเป่ยโต้วต่อสู้กับผู้มีความสามารถทั้งสิบสองคนจนบาดเจ็บ ส่งผลกระทบต่อวิชาตัวเบา
เยี่ยงนั้นผู้ที่กระทำเป็นเป่ยหวังฉวนเยี่ยงนั้นหรือ ?
เขาเป็นพระสหายของฝ่าบาท แม้ว่าจะเคยใช้ธนูยิงฟู่เสี่ยวกวน แต่ว่าก็ได้กลับไปช่วยฟู่เสี่ยวกวนไว้ที่ทะเลสาบจิ้งหู เขาจะมีเหตุผลอันใดที่ต้องสร้างภัยพิบัติครานี้ขึ้นมากัน ?
หรือเนื่องจากลูกศิษย์ของเขา อู๋กานอดีตองค์รัชทายาทที่ถูกฝ่าบาทปลดออกจากตำแหน่ง และได้ตายในน้ำมือของหนิงฝาเทียน เขาต้องการแก้แค้นให้เยี่ยงนั้นหรือ ?
เหตุผลนี้มิน่าจะเป็นไปได้
การที่เป่ยหวังฉวนถ่ายทอดวิชาตัวเบาให้อู๋กานเพราะเป็นคำสั่งของฝ่าบาท เขากับอู๋กานนั้นเป็นเพียงอาจารย์และศิษย์เท่านั้น
เยี่ยงนั้นแล้ว…ยังมีผู้ใดอีก ?
จอมหลงทิศสุ่ยหยุนเจียน ?
เจ้าโง่หลีมู่ป๋าย ?
ฟู่ต้ากวนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่แล้วจึงตัดคนเหล่านี้ออกไป
พวกเขามิมีแรงจูงใจใดที่จะทำเรื่องนี้ เยี่ยงนั้นแล้วยังมีผู้ใดอีกกัน ?
เขาต้องการให้จักรพรรดิเหวินหรือฟู่เสี่ยวกวนตายกันแน่ ?
แสงสุริยาส่องมากระทบเข้ากับเขาสูง ฟู่ต้ากวนหันไปมองแล้วขมวดคิ้วขึ้น สายตาของเขามองไปยังหน้าผา
ในบริเวณที่แสงแดดส่องลงมา มีหลุมที่สามารถหลบภัยจากหิมะถล่มได้พอดีสำหรับหนึ่งคน
เนื่องจากที่แห่งนี้ถูกบังเอาไว้ จึงทำให้หิมะตกลงไปมิถึง หลุมนี้โดดเด่นเป็นอย่างมาก เพียงแต่มันอยู่ในที่ที่ยากจะหาพบ
ฟู่ต้ากวนนั่งลงเบื้องหน้าหลุม เขายื่นมือขึ้นไปจับหิมะในหลุมนั้นแล้วนำมาบดขยี้ แล้วหยิบหิมะขึ้นมาอีกกำหนึ่ง พบว่าด้านในมีเศษอาหารหลงเหลืออยู่
ผู้ก่อเหตุรู้ว่าวันบวงสรวงสู่สวรรค์คือวันที่เก้าเดือนสี่ ดังนั้นเขาจึงเดินทางมาที่นี่ก่อนวันเกิดเหตุแล้วซุกตัวอยู่ในหลุมนี้ รอจนกระทั่งฝ่าบาทและฟู่เสี่ยวกวนเดินทางมาถึง ดังนั้นผู้ก่อเหตุมิจำเป็นต้องเป็นปรมาจารย์!
เมื่อเขาจัดฉากหิมะถล่มลงมาเรียบร้อยแล้ว และได้มีหน่วยค้นหาเข้ามามากมาย เขาจึงมิได้เดินทางออกไปทันที แต่กลับนอนหลบอยู่ในหลุมนี้จนกระทั่งการค้นหาสิ้นสุดลง จนกระทั่งมิมีผู้คนในหุบเขานี้
เยี่ยงนั้นเขาก็ต้องนอนอยู่ในนี้นานเป็นอย่างมาก
แต่ที่แห่งนี้ช่างหนาวเหน็บมากยิ่งนัก คนธรรมดาทั่วไปสามารถทนทานได้เพียงมิกี่วันเท่านั้น
วิชาแสร้งตาย !
ลัทธิจันทรา !
ฟู่ต้ากวนลุกขึ้นทันใด เขารวบรวมพลังในตันเถียนแล้วใช้ฝ่ามือส่งพลังออกไปในภูเขาหิมะ
“ตู้ม… ! ”
เสียงดังสนั่น ทำให้หิมะที่ทับถมกันอยู่สั่นไหว จากนั้นก็ถล่มลง แน่นอนว่าย่อมรุนแรงเป็นอย่างมาก พลังฝ่ามือของปราจารย์หนึ่งคราสามารถทำให้ภูเขาหิมะถล่มลงมาได้ หากเป็นผู้มีความสามารถขั้นสูงกว่าที่จะทำให้หิมะถล่มลงมาได้ คงจะต้องออกหมัดพลังหลายครา !
ลัทธิจันทราได้แทรกตัวเข้ามาในราชวงศ์อู๋แล้ว !
หูฉินที่ยืนอยู่ด้านล่างมองดูหิมะที่ถล่มลงมาด้วยความตกตะลึง เจ้าอ้วนนั่นพบเข้ากับหิมะถล่ม ช่างบังเอิญเสียจริง !
เขาจะวิ่งออกมาได้ทันหรือไม่ ?
หูฉินได้แต่ยืนมองดูหิมะที่ถล่มลงมา เมื่อเสียงดังสนั่นนั้นสิ้นสุดลงแล้ว นางก็รีบวิ่งเข้าไปในหุบเขาทันที แต่ก็มิพบฟู่ต้ากวน
ฟู่ต้ากวนออกมาจากที่นั่นแล้ว เขาได้เดินทางไปยังเมืองกวนหยุน มุ่งหน้าเข้าสู่พระราชวังและตรงไปยังหอเทียนจี
“ข้าต้องการพบฝ่าบาท ! ”
โจวถงถงลุกขึ้นยืน คารวะแล้วกล่าวว่า “ท่านได้สัญญากับจักรพรรดิองค์ก่อนแล้วว่าจะมิเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องราชวงศ์อู๋”
“แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับความเป็นตายของราชวงศ์อู๋ ! ”
“ราชวงศ์อู๋ปลอดภัยดีภายใต้การปกครองของไทเฮาซี”
“เช่นนั้นข้าจะไปหอเทียนจีชั้นสิบแปด”
“ตราหยกของจักรพรรดิองค์ก่อนได้สูญหาย มิสามารถเปิดชั้นสิบแปดได้”
“เกาเสี่ยนอยู่ที่ใด ? ”
“เขาถูกบุตรชายของตนแทงตายเมื่อตอนอยู่ในคุก ไทเฮาทรงรับสั่งให้นำศพของเขาไปโยนทิ้งในป่า”
“พาข้าไปจุดที่โยนศพเกาเสี่ยนทิ้งประเดี๋ยวนี้ ! ”
โจวถงถงผงะ เเล้วเงยหน้าขึ้นมอง “ท่านกำลังสงสัยสิ่งใดอยู่กัน ? ”
“อย่าได้ถามให้มากความ รีบพาข้าไปเถิด”
รถม้าเดินทางออกจากเมืองกวนหยุน มายังเชิงเขาหานซาน ที่แห่งนี้เป็นที่รกร้างและลึกมากยิ่งนัก จริงดังคาด เขามิพบศพของเกาเสี่ยน
มิมีแม้แต่ผมเส้นเดียว
“บัดนี้เจ้าอย่าได้เอ่ยถามสิ่งใดกับข้า จงไปบอกกับโหยวเป่ยโต้วให้ลักลอบเข้าเมืองกวนหยุนเพื่อปกป้องหลิงเอ๋อร์เสีย ! ”
โจวถงถงมองไปในตาของฟู่ต้ากวนแล้วรีบขึ้นรถม้าเดินทางจากไปทันที
ฟู่ต้ากวนเองก็หันหลังกลับ แต่มิได้มุ่งหน้าไปยังเมืองกวนหยุน เขารีบตรงไปยังสำนักเต๋าทันที