ตอนที่ 437 พิธีอภิเษกสมรสที่มิถูกกาลเทศะ
รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่เก้า เดือนสิบเอ็ด วันที่สิบแปด
เหมาะที่จะออกเดินทาง ตบแต่งภรรยา รับทรัพย์ หลับนอนอย่างสบายใจ จัดวางทรัพย์สมบัติ…
แสงสุริยาในเช้าวันนี้ของจินหลิงเจิดจรัส ขบวนรับเจ้าสาวของฟู่เสี่ยวกวนออกเดินทางในยามเช้าตรู่ ขบวนที่ใหญ่โตได้เดินไปตามตรอกซอกซอยในจินหลิง เรียกสายตาจากชาวบ้านได้อย่างล้นหลาม
ในขบวนนี้ มีฮั่วหวยจิ่นที่ขี่ม้าตัวใหญ่คอยเปิดทางอยู่เบื้องหน้า และมีลูกศิษย์นับพันมาคอยคุ้มกันขบวนของอาจารย์
ฟู่เสี่ยวกวนสวมชุดสีแดงตัวโคร่งกำลังขี่ม้าตัวใหญ่ เขาได้อยู่ใจกลางขบวน ด้านหลังของเขาคือเกี้ยวแปดคนหาม 3 คัน
ซูโหรวและซูซูคอยขนาบข้างเพื่อปกป้องฟู่เสี่ยวกวน ส่วนชายอ้วนผู้นั้นแท้จริงแล้วเขาควรจะรออยู่ที่จวน เพื่อรอต้อนรับเจ้าสาวเข้าบ้าน และดื่มชากับเขา
แต่เหมือนเขาจะมิได้ใส่ใจอันใด เขาเดินเข้าไปในฝูงชน ติดตามด้านหลังของขบวน ใบหน้าเต็มไปด้วยความระรื่น แต่สายตาคู่นั้นกลับสำรวจเข้าไปในฝูงชนด้วยความระมัดระวัง
ขบวนรับเจ้าสาวนำหน้าไปยังวังหลวง เพื่อรับองค์หญิงเก้าหยูเวิ่นหวินที่ตำหนักขององค์หญิง
หยูเวิ่นหวินย่อมแต่งตัวครบองค์ ใบหน้าของนางเป็นสีแดงสดใส ฮองเฮาซั่งเองก็อยู่ที่ตรงนั้นด้วย และกำลังจับมือหยูเวิ่นหวินและย้ำถึงหน้าที่ที่พึงกระทำในฐานะภรรยาอีกครา
ต่อจากนั้นฟู่เสี่ยวกวนก็กระโดดลงมาจากรถม้า เดินตรงไปหาหยูเวิ่นหวินด้วยรอยยิ้มซื่อ ๆ
เขาโค้งคำนับให้แก่ฮองเฮาซั่ง “ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะท่านแม่ยาย ! ”
ทันทีที่เขาตะโกน คนรอบข้างของฮองเฮาซั่งต่างก็ผงะกันไปถ้วนหน้า ตามประเพณีแล้ว ควรจะเปลี่ยนคำเรียกในยามที่กลับมาในวันรุ่งขึ้น ชายผู้นี้ทนรอมิไหวแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?
ฟู่เสี่ยวกวนจะไปทราบข้อกำหนดนี้ได้เยี่ยงไร ฮองเฮาซั่งเองก็หาได้ใส่ใจไม่ นางกล่าวยิ้ม ๆ กับฟู่เสี่ยวกวนว่า “ข้ามอบเวิ่นหวินให้เจ้าแล้ว หากนางได้รับความอยุติธรรม อย่าได้กล่าวโทษกันยามที่ข้าถามหาความรับผิดชอบจากเจ้า ! ”
“ท่านแม่ยายโปรดวางใจเถิด ข้ารักนางจนมิมีเวลาทำอื่นใดแล้ว จะให้นางได้รับความอยุติธรรมได้เยี่ยงไรพ่ะย่ะค่ะ”
“อือ… พวกเจ้าไปเถิด”
หญิงสาวผู้หนึ่งจูงมือของหยูเวิ่นหวินพาขึ้นไปบนเกี้ยว ท่ามกลางเสียงฆ้องและกลอง ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยลาฮองเฮาซั่ง และหันหลังเดินออกไปท่ามกลางสายตาดุร้ายของหยูเวิ่นเต้า
หยูเวิ่นเต้ามองขบวนที่หายไปจากวังหลวง ทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่าตนนั้นแก่กว่าฟู่เสี่ยวกวนอยู่ 2 ปี ชายผู้นี้ก็ได้แต่งงานแล้ว แต่ตนนั้นยังคงเป็นเรื่องที่ห่างไกลมากยิ่งนัก… ต้องไปหาฉินรั่วเสวียเสียหน่อยแล้ว
ฮองเฮาซั่งเองก็มองออกไปไกล ๆ ความสุขบนใบหน้านั้นยังมิได้จางหายไป
บุตรีของนางเติบใหญ่แล้ว มีครอบครัว ทั้งยังมีบุตรแล้วด้วย ฟู่เสี่ยวกวนเป็นคนที่นางเลือกด้วยตนเอง ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย แต่ในวันนี้การเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นจะมิมีอีกต่อไป หวังว่าวันข้างหน้าของพวกเขาจะยังคงเหมือนเดิมดั่งในอดีต เคียงรักกันไปกาลนาน
ฟู่เสี่ยวกวนใช้เวลาถึง 2 ชั่วยาม กว่าจะพาเจ้าสาวทั้งสามกลับมายังจวนฟู่
หลังจากนั้นเขาถึงได้ตระหนักถึงปัญหาขึ้นมา ค่าสินสอดนี้…เหมือนว่าจะยังมิได้ให้ !
ให้ตายเถอะ แม่ยายทั้งสามจะว่าเยี่ยงไร ?
ประมาทเกินไปแล้ว ในคราแรกนี้คือความมิคุ้นชิน ช่างมันเถอะ เพียงแค่ได้รับภรรยาทั้งสามกลับมาก็ดีแล้ว !
มีผู้คนจำนวนมากมายังจวนฟู่ที่กว้างขวาง !
มีฉินปิ่งจงและหลานสาวของเขาฉินรั่วเสวีย มีชางกวนเหวินซิ่วและหลานชายของเขาชางกวนเหมี่ยว และย่อมมีผู้ว่าการเขตจินหลิงหนิงหยู่ชุน สีฉวินเหมย ซังหยูและคนอื่น ๆ อีกมากมาย
สี่ตระกูลใหญ่ที่เหลืออยู่ในเมืองหลวง นอกจากตระกูลเยี่ยนที่มิได้มาเพราะถือเป็นตระกูลของฝ่ายเจ้าสาวแล้ว สามตระกูลที่อยู่นอกเหนือจากนั้นก็ได้ส่งคนมาทั้งหมด
มีเสนาบดีในราชสำนักมากันอย่างล้นหลาม ฟู่เสี่ยวกวนคือเจี้ยนอี้ต้าฟูเสมียนกลางของราชวงศ์หยู เขาได้กลับมาจากแคว้นอู๋อย่างปลอดภัย ภายภาคหน้านั้นเขาจะต้องทะยานสูงขึ้นอย่างแน่นอน
ดังนั้นฟู่เสี่ยวกวนจึงวุ่นวายเป็นอย่างมาก
เจ้าสาวทั้งสามถูกส่งไปยังเรือนหลักแล้ว แต่เขาต้องวิ่งออกมาเพื่อทักทายแขกทีละคน ๆ… เป็นเรื่องที่ช่วยมิได้ คนเหล่านี้ต่างมาพร้อมของขวัญชิ้นใหญ่ จากความคิดของฟู่เสี่ยวกวน คนแบบนี้ควรค่าแก่การให้ตนเองเคารพ เยี่ยงนั้นจึงต้องเข้าไปทักทายและขอบคุณด้วยตนเองเสียหน่อย
ต่างสรรเสริญและอวยพรซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นแขกเหรื่อก็ได้เข้าที่นั่ง พ่อครัวจากหอซื่อฟางต่างก็กำลังยุ่งวุ่นวายเป็นพัลวัน บ่าวรับใช้ต่างถือถ้วยชามผ่านแต่ละโต๊ะไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เครื่องดื่มถูกนำออกมา อาหารถูกนำขึ้นโต๊ะ ฟู่เสี่ยวกวนจึงตะโกนขึ้นมาว่า “เริ่มงานได้ ! ”
หมดแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?
ทุกคนต่างหันไปมองฟู่เสี่ยวกวน ยามนี้เจ้าต้องพาเจ้าสาวออกมาเดิน 1 รอบมิใช่หรือ ?
ชายผู้นี้… ผู้คนจำนวนมากที่ทราบถึงนิสัยของฟู่เสี่ยวกวนก็ได้หัวเราะขึ้นมา ดังนั้นจึงมิมีผู้ใดคิดเล็กคิดน้อยกับพิธีอภิเษกสมรสที่มิถูกต้องตามหลักกาลเทศะนี้
ฟู่เสี่ยวกวนได้กลับมายังเรือนหลักแล้ว และได้หย่อนก้นลงนั่งในทันที เจ้าสาวทั้งสามมิใช่พวกเคร่งในขนบธรรมเนียมประเพณี จึงได้เปิดผ้าคลุมหน้าออก และจ้องมองไปทางเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ข้าเหนื่อยจะตายแล้ว หิวมากอีกด้วย เรียกให้เสี่ยวฉีนำสำรับอาหารเข้ามาเถอะ”
“เจ้ามิออกไปอยู่กับแขกเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“มิไป ข้ายิ้มจนหน้าเกร็งไปหมดแล้ว”
ต่งชูหลานกลอกตาใส่เขา เยี่ยนเสี่ยวโหลวหัวเราะ หยูเวิ่นหวินกลับรู้สึกดีมากยิ่งนัก เพราะนางเองก็รู้สึกเหนื่อยมากแล้วเช่นกัน
ดังนั้น ในยามที่งานได้ดำเนินไปจนถึงช่วงสุดท้าย ฟู่เสี่ยวกวนถึงได้โผล่หน้าออกมา
“ทุกท่านโปรดเดินทางกลับอย่างปลอดภัย โปรดอภัยให้กันด้วยหากข้าต้อนรับได้มิทั่วถึง… ขุนนางระดับสูงช่างกวนเดินทางปลอดภัยขอรับ อาจารย์ฉิน ไว้วันข้างหน้าข้าจะไปดื่มชากับท่าน… ท่านซัง ข้าเพิ่งจะแต่งงาน คงต้องขอลาพักไปอีกครึ่งเดือน คงมิมากเกินไปใช่หรือไม่… ไอหยา ! ท่านขุนนางหนิง ไว้วันข้างหน้าข้าจะไปหาท่านที่จวนผู้ว่าการเพื่อดื่มสุราเสียหน่อย… ท่านสวี่ ยินดีด้วยที่ได้เลื่อนขั้น ข้าคงมิได้ไปที่จวนสวี่ชั่วอีกสักพัก…”
ฟู่เสี่ยวกวนใช้เวลาครึ่งชั่วยามในการส่งแขกเหรื่อทั้งหมด แล้วจึงได้เดินหมดแรงกลับไปที่เรือนหลัก
เขาได้เชิญฟู่ต้ากวนมา และให้ฟู่ต้ากวนนั่งลงในตำแหน่งประมุข
“ภรรยาทั้งหลาย นี่คือบิดาของพวกเรา น้ำชาคำนับ และบิดาก็ได้เตรียมซองแดงซองใหญ่เอาไว้ให้พวกเจ้าแล้วด้วย ! ”
สตรีทั้งสามรู้สึกตกใจอยู่เล็กน้อย และย่อมชนสุราคำนับด้วยความสุข ชายชราอวบอ้วนผู้นี้ก็ดื่มด้วยความชอบใจเช่นกัน แต่ว่า…ซองแดงซองใหญ่เล่า ?
เขาหน้าแดงทันพลัน และกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “เรื่องนี้… เรื่องนี้ข้ามาที่นี่ด้วยความรีบร้อนอย่างแท้จริง เป็นเยี่ยงนี้ข้านั้นได้ซื้อเรือนขนาดใหญ่ไว้ที่เมืองกวนหยุนพวกเจ้าก็คงทราบ นอกจากนี้ข้ายังได้ซื้อที่ดินแห่งหนึ่งในแคว้นฝาน”
“ข้ามิทราบมาก่อนว่าพวกเจ้าจะแต่งงานกัน และข้าก็มิมีเวลากลับไปที่หลินเจียง ดังนั้น…”
ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะร่า “ดังนั้นหลังจากที่ท่านพ่อกลับไปหลินเจียงก็ต้องชดเชยให้พวกนาง มิใช่ ท่านโร่ไปซื้อที่ดินที่แคว้นฝานเพื่อการใดอีกกัน ? ”
“นี่มิใช่เพื่อความสะดวกของพวกเจ้ายามไปเที่ยวเล่นที่แคว้นฝานหรอกหรือ ? ”
เหมือนว่าจะสมเหตุสมผล ฝานเทียนหนิงได้เชิญฟู่เสี่ยวกวนแล้ว เพียงแค่เขานั้นยังมิมีเวลาว่างอย่างแท้จริง ภายภาคหน้าหากมีเวลาว่างคงพาเหล่าภรรยาและลูกน้อยไปท่องทั่วสารทิศ เรือนหลังนั้นถือว่ามีความจำเป็น
สตรีทั้งสามก็มิได้นำเรื่องซองแดงมาใส่ใจ ในตอนนี้จึงได้เปลี่ยนคำเรียก เสียงเรียกบิดาจากแต่ละคน ทำให้ฟู่ต้ากวนประทับใจเป็นอย่างมาก
บุญคุณที่ข้าเลี้ยงดูเจ้ามา 17 ปี สุดท้ายก็คุ้มค่า !
เขามิเคยเอ่ยถึงสถานการณ์ปัจจุบันของราชวงศ์อู๋กับฟู่เสี่ยวกวน และมิได้กล่าวถึงตัวตนที่น่าสงสัยของไทเฮาซี
เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าฟู่เสี่ยวกวนจะสามารถใช้ชีวิตคู่ได้อย่างมีความสุข มิต้องมาวุ่นวายกับเรื่องยุ่งยากเหล่านี้อีกแล้ว
“ข้าได้ลองคิดอย่างถี่ถ้วนมาตลอดสองวันนี้ ในช่วงนี้พวกเจ้ายังมิต้องกลับไปที่หลินเจียง ประเดี๋ยวข้าจะกลับไปดูให้เอง ส่วนเรื่องกิจการที่ซีซาน ยังคงต้องให้ชูหลานมาดำเนินการต่อ”
“มิใช่ ตาอ้วน ท่านคิดจะทำอันใดอีกกัน ? ”
ฟู่ต้ากวนหัวเราะ “พ่อยังมีเรื่องอีกเล็กน้อยที่ต้องไปจัดการ”
ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยถามพลางขมวดคิ้ว “เรื่องอันใดกัน ? ”
“เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ”