นายน้อยเจ้าสำราญ – ตอนที่ 502 แผนจัดงานฉลองขึ้นปีใหม่

ตอนที่ 502 แผนจัดงานฉลองขึ้นปีใหม่

เรื่องที่เยี่ยนเป่ยซีสงสัย ฟู่เสี่ยวกวนมิได้ไขข้อข้องใจแต่อย่างใด

ณ พื้นที่ราบชังซี ในตอนนั้น ตนมีโอกาสได้สนทนากับหยูชุนชิวและภรรยา ตนได้อธิบายถึงความสำคัญของการทำสงครามในภูเขา และได้อธิบายถึงการฝึกกองทัพโดยละเอียดอีกด้วย

ด้วยความสามารถของเผิงยวี๋เยี่ยนเมื่อได้ฟังวิธีการฝึกกองทัพจบแล้ว คาดว่าคงได้ลงมือกระทำการบางสิ่ง หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ฟู่เสี่ยวกวนคิดว่าเผิงยวี๋เยี่ยนต้องทำการฝึกฝนกองทัพขึ้นมาแล้วเป็นแน่

ดังนั้น จากแผนการเดิมที่จะส่งปืนจำนวน 30,000 กระบอกไปยังชายแดนตะวันออก เปลี่ยนเป็นส่งมอบให้กับเผิงยวี๋เยี่ยนเสียก่อน เมื่อประเมินจากความสามารถของนางแล้ว เขาย่อมมั่นใจได้ว่านางจะนำปืนคาบศิลาไปใช้ประโยชน์ได้ดียิ่ง

ทว่ากำลังการผลิตปืนคาบศิลามีจำนวนจำกัดเพียงวันละ 100 กระบอกเท่านั้น

ส่วนปืนที่ผลิตออกมาก่อนหน้านี้ แน่นอนว่าต้องเตรียมส่งให้ทหารดาบเทวะของตนรวมไปถึงทหารกลุ่มแรกที่เปิดรับสมัครในผิงหลิงและกลุ่มที่สองในซีซาน รวมแล้วราว 10,000 คนเห็นจะได้

ภายในหนึ่งเดือนซีซานสามารถผลิตปืนคาบศิลาได้เพียง 3,000 กระบอก นับตั้งแต่เดือนเก้าที่ทหารดาบเทวะเดินทางออกจากภูเขาเฟิ่งหลินก็ผ่านมาถึงสามเดือนแล้ว หมายความว่าปืนคาบศิลา 10,000 กระบอกเมื่อหักความต้องการของทหารดาบเทวะไป 6,000 กระบอก และส่งไปยังสำนักเต๋า 1,500 กระบอก ยังคงเหลืออีกประมาณเกือบ 3,000 กระบอก

ฟู่เสี่ยวกวนมิรู้ว่าทหารของเผิงยวี๋เยี่ยนเป็นเยี่ยงไร สำหรับปืนคาบศิลาเมื่ออยู่ในมือของทหารดาบเทวะพวกเขาจะสามารถใช้งานได้อย่างมีประโยชน์ แต่เมื่ออยู่ในมือของเผิงยวี๋เยี่ยน…มิรู้ว่านางจะสามารถเอาชนะบรรดาผู้มีความสามารถแห่งลัทธิจันทราได้หรือไม่ ?

ถึงเยี่ยงไรแล้ว ปืน 3,000 กระบอกนี้ก็ต้องส่งไปให้เผิงยวี๋เยี่ยนเสียก่อน เกรงว่าสำนักอาวุธปืนที่ผิงหลิงต้องเร่งมือให้มากกว่าเดิมเสียหน่อยแล้ว

มิรู้ว่าเจ้าฉินเฉิงเย่ได้เดินทางไปถึงผิงหลิงและได้พบกับโจวเถียเจี้ยงแล้วหรือยัง

เฟิ๋งหล่าวซื่อได้นำคณะเดินทางไปถึงผิงหลิงแล้ว แต่เนื่องจากหิมะที่ตกหนัก การค้นหาเหมืองเหล็กในภูเขาผิงหลิงต่อให้เร่งรีบถึงเพียงใดก็ต้องรอให้ผ่านวันปีใหม่ไปเสียก่อน เพื่อรอให้หิมะละลาย

ทางขนส่งซีซานได้ส่งแร่เหล็กไปที่ผิงหลิงจำนวนมาก หวังว่าโจวเถียเจี้ยงจะสามารถค้นหาวิธีการถลุงเหล็กที่มีความเสถียรมากกว่าเดิมได้

ในระยะเวลาสั้น ๆ นี้ ฟู่เสี่ยวกวนได้ครุ่นคิดหลายเรื่องอยู่เนิ่นนานและเล็งเห็นว่าที่ห้องทรงพระอักษรคงมิมีเรื่องอื่นใดนอกจากนี้แล้ว จึงลุกขึ้นยืนแล้วขอตัวออกมา หลังออกจากวังหลวงเขาได้เงยหน้าขึ้นมองท้องนภา จึงได้เห็นว่าสุริยาได้โผล่พ้นขึ้นมาเหนือศีรษะแล้ว

ฟู่เสี่ยวกวนนั่งรถม้ากลับจวนฟู่ พบว่าภรรยาทั้งสามกำลังนั่งล้อมวงปรึกษากันเรื่องงานฉลองขึ้นปีใหม่

“เมื่อปีก่อน ทุกคนในจวนได้รับอั่งเปาคนละ 10 ตำลึง ส่วนปีนี้มีทั้งสิ้น 200 คนรวมผู้ดูแลอีก 80 คน เนื่องจากตลอดทั้งปีที่ผ่านมาพวกเขาล้วนปฏิบัติหน้าที่อย่างขันแข็ง ข้าคิดว่าในปีนี้ควรเพิ่มเงินอีก 20 ตำลึงจากปีก่อน พวกเจ้าเห็นว่าเป็นเยี่ยงไร ? ”

เมื่อต่งชูหลานเอ่ยจบ สายตาของนางพลันไปเห็นฟู่เสี่ยวกวนกำลังเดินเข้ามา ส่วนหยูเวิ่นหวินและเยี่ยนเสี่ยวโหลวยังมิเคยได้ยินว่าปีใหม่ต้องให้อั่งเปาแก่บ่าวรับใช้ คาดว่าคงเป็นสามีของพวกนางนั่นแหละที่ตั้งกฎเหล่านี้ขึ้น จากนั้นพวกนางจึงพยักหน้าเห็นด้วย

บัดนี้ หยูเวิ่นหวินเองก็ได้เห็นฟู่เสี่ยวกวนเดินเข้ามาแล้วเช่นกัน นางจึงเอ่ยถามขึ้นว่า “แม่นางที่กำลังรักษาตัวอยู่ในเรือนซีเซวี๋ยผู้นั้น…คือแม่นางจากยุทธภพที่ช่วยเจ้าเอาไว้เยี่ยงนั้นหรือ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้าแล้วนั่งลงข้างเตาผิงเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ฝ่ามือ “เมื่อคืนนี้สามีของพวกเจ้าช่างโชคดีเสียจริง หากมิใช่เพราะแม่นางผู้นั้น คาดว่าจวนฟู่ต้องแขวนผ้าขาวเสียแล้ว”

ต่งชูหลานจ้องไปที่เขาเขม็ง “วันปีใหม่ทั้งที อย่าได้เอ่ยถึงเรื่องมิเป็นมงคลเลย ! ”

เยี่ยนเสี่ยวโหลวมองไปที่ฟู่เสี่ยวกวนอย่างกังวลใจ “วันนี้ ข้าได้ยินเรื่องนี้มาเช่นกัน เล่ากันว่ามีคนตายจำนวนมาก คนพวกนั้นสมควรตายอย่างแท้จริง… ท่านพี่ ต่อจากนี้ทุกคราที่เดินทางออกนอกจวนควรจะระมัดระวังเป็นพิเศษ ข้าว่าท่านเพิ่มผู้ติดตามดีหรือไม่ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนโบกไม้โบกมือ “มิเป็นไร โจรเหล่านั้นถูกสังหารจนหมดแล้ว…แม่นางผู้นั้นเป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ”

“ยังมิสามารถลงจากเตียงได้ สีหน้าซีดเซียว ซูซูได้ปรุงยาสูตรเฉพาะที่ศิษย์พี่ใหญ่คิดค้นขึ้นมาให้กับนาง กล่าวว่าบาดแผลบริเวณท้องค่อนข้างฉกรรจ์ เกรงว่าต้องใช้เวลากว่าครึ่งเดือนถึงจะหายดี ข้าเองก็ได้ไปดูอาการและได้เคี่ยวซุปโสมให้กับนางด้วย ทว่านางสามารถดื่มได้เพียงไม่กี่คำเท่านั้น ยังดีที่นางสามารถกินข้าวต้มได้หนึ่งถ้วย…”

หยูเวิ่นหวินครุ่นคิดแล้วกล่าวด้วยท่าทางเปี่ยมเลศนัย “ข้ามิเคยพบเจอแม่นางผู้นี้มาก่อน รูปร่างหน้าตาช่างงดงามยิ่ง ในตอนที่พวกเจ้าไปหงซิ่วจาว บังเอิญพบนางได้เยี่ยงไรกัน ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนชะงักขึ้นมาทันพลัน จำได้ว่าหยูเวิ่นหวินเคยพบหลิ่วเยียนเอ๋อร์มาก่อน หรือนางลบการพรางตัวแล้วคืนสู่สภาพความเป็นจริงแล้ว ?

เกรงว่าถ้าถงเหยียนยังคงใบหน้าของหลิ่วเยียนเอ๋อร์อยู่ หากเป็นเช่นนี้ ผู้คนในเมืองหลวงจำนวนมากย่อมจดจำนางได้เป็นแน่ หากต้องการสร้างตัวตนใหม่ให้แก่นางคงจะวุ่นวายน่าดู

นี่ถือเป็นความคิดของซูโหรว หลังแน่ใจว่าฟู่เสี่ยวกวนและซูเจวี๋ยจะมิลงมือฆ่าสตรีนางนี้ นางจึงได้เปิดบทสนทนากับถงเหยียน

บทสนทนานั้นไร้ซึ่งผู้อื่นรับรู้ ท้ายที่สุดถงเหยียนจึงยอมรับคำแนะนำของซูโหรวแล้วลบการอำพรางใบหน้าออก เพื่อคืนสู่สภาพเดิมของตน

นึกได้ดังนั้น ฟู่เสี่ยวกวนจึงตระหนักได้ว่าจะต้องเดินทางไปจวนสวี่

“เอ่ยไปแล้วพวกเจ้าอาจจะมิเชื่อ ทว่าแม่นางผู้นี้คือลูกพี่ลูกน้องของข้า นางมิได้เติบโตขึ้นมาในเมืองจินหลิง แต่เพิ่งเดินทางมาได้มินาน อย่าว่าแต่พวกเจ้ามิรู้จักเลยเพราะก่อนหน้านี้แม้แต่ข้าเองก็มิรู้จักเช่นกัน ถ้ามิใช่เพราะบังเอิญพบกันที่หงซิ่วจาวและนางได้ช่วยชีวิตข้าเอาไว้”

หยูเวิ่นหวินมิได้เอ่ยถามออกมาอีก ส่วนต่งชูหลานและเยี่ยนเสี่ยวโหลวก็มิได้คิดมาก เพียงสามีปลอดภัยก็พอแล้ว อีกอย่างแม่นางผู้นี้ก็ช่วยชีวิตสามีของพวกนางเอาไว้ พวกนางควรหาโอกาสตอบแทนจึงจะถูก

ด้านฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกผิดอยู่ในใจเพราะเป็นคราแรกที่โกหกภรรยา ทว่าตัวตนที่แท้จริงของถงเหยียนจะให้ผู้ใดรับรู้มิได้เป็นอันขาด เขามิมีทางเลือกอื่นจึงตัดสินใจเช่นนี้

ดังนั้นชายหนุ่มจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ยกยิ้มแล้วกล่าวขึ้นมาว่า “เมื่อครู่ ข้าได้ยินพวกเจ้าเจรจากันเรื่องอั่งเปา ทางซีซานได้จัดการเรียบร้อยแล้วหรือยัง ? อย่าลืมที่ผิงหลิงกับชวูอี้ และที่หนานซานด้วยล่ะ”

“ข้าจัดการที่ซีซานเรียบร้อยแล้ว ได้ให้เท่ากับปีที่ผ่านมา แต่ที่ผิงหลิงและชวูอี้อีกทั้งหนานซาน… เนื่องจากยังมิได้สร้างผลิตภัณฑ์ออกขาย ข้าเห็นว่าทั้งสามที่นี้ให้ผ่านไปก่อนดีหรือไม่ ? มิเช่นนั้น ถ้าในอนาคตจวนฟู่ขยับขยายกิจการไปทั่วหล้า มิต้องแจกอั่งเปาจำนวนมากขึ้นกว่าเดิมหรือ ?

ฟู่เสี่ยวกวนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เขามิได้ขัดความเห็นของต่งชูหลาน แต่เอ่ยเสริมขึ้นมาว่า “เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ หากโรงงานอุตสาหกรรมแห่งใหม่ทำกำไรได้ พอถึงปลายปีพวกเราค่อยแจกอั่งเปาให้กับพวกเขา มิจำเป็นต้องให้จำนวนมากเช่นนี้ ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กน้อยจากพวกเราดีหรือไม่ ?”

“อืม” ต่งชูหลานพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นจึงปรากฏร่างของเสี่ยวเซวี๋ยวิ่งเข้ามา “นายท่าน ฮูหยินเชิญรับประทานอาหารเจ้าค่ะ”

ฟู่เสี่ยวกวนนึกถึงคำเชิญของต่งคังผิงแล้วยกยิ้มออกมา “คืนนี้พวกเราจะเดินทางไปกินมื้อค่ำที่จวนต่ง ทราบมาว่าท่านแม่ยายได้ทำหัวปลาน้ำแดงเตรียมไว้”

ต่งชูหลานเหล่ตามองสามีของนางพลางนึกในใจว่านางได้ลองทำหัวปลาน้ำแดงอยู่หลายครา เหตุใดจึงทำได้มิดีกัน ?

ทว่าเวิ่นหวินกลับสามารถปรุงน้ำซุปได้รสชาติใกล้เคียงกับฮองเฮาซั่งมากยิ่งนัก

ต่อจากนี้นางจะมัวแต่สนใจกิจการเพียงอย่างเดียวมิได้แล้ว เรื่องปากท้องและความพึงพอใจของสามี นางก็จำเป็นต้องฝึกฝนให้มากขึ้นด้วยเช่นกัน

นายน้อยเจ้าสำราญ

นายน้อยเจ้าสำราญ

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง นายน้อยเจ้าสำราญโชคดีที่ได้ทะลุมิติมา ทั้งยังได้เกิดในตระกูลเศรษฐีที่ดิน ชีวิตนี้ไม่ได้ขาดแคลนอาหารและเสื้อผ้าแต่ก็ไม่อยากจะเอาแต่กินจนตายไปทั้งอย่างนั้น ดังนั้นฟู่เซี่ยวกวนจึงได้กระทำเรื่องบางอย่างตามอำเภอใจ โดยไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะเกิดผล กระทบที่ใหญ่หลวงตามมาเยี่ยงนี้ ฮ่องเต้ต้องการให้เขาเป็นขุนนางชั้นหนึ่ง องค์หญิงต้องการแต่งตั้งให้เขาเป็นราชบุตรเขย บุตรีแห่งจวนเสนาบดีสำนักตรวจการต้องการแต่งกับเขา คนป่าต้องการหัวของเขา รัฐอี๋ต้องการชีวิตของเขา ส่วนรัฐฝานต้องการเงินของเขา… แต่เขา.. ฟู่เซี่ยวกวนนั้นต้องการเป็นเศรษฐีที่ดินผู้ยิ่งใหญ่ต่างหากเล่า !

Comment

Options

not work with dark mode
Reset