นายน้อยเจ้าสำราญ – ตอนที่ 513 คลอด

ตอนที่ 513 คลอด

ในมือของสุ่ยหยุนเจียนถือกล่องอยู่ 1 ใบ

บัดนี้เขายืนอยู่เบื้องหน้าของอู๋หลิงเอ๋อร์ โค้งคำนับ แล้วทูลถามว่า “ฝ่าบาท ประสงค์จะทำเยี่ยงนี้จริงหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”

“จริง ! ”

“…กระหม่อมต้องทูลถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นให้ฝ่าบาททราบ”

“มิจำเป็น ข้าตัดสินใจแล้ว ! ”

สุ่ยหยุนเจียนเงยหน้ามองอู๋หลิงเอ๋อร์ นึกชื่นชมในความกล้าหาญของสตรีผู้นี้เป็นอย่างมาก ทว่าด้วยความเป็นหมอ เขายังคงถามว่า “หากเกิดปัญหาขึ้นระหว่างการทำคลอด ต้องการให้ปกป้องเด็กหรือฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ? ”

เมื่อโจวเปี๋ยหลีได้ยินดังนั้น จึงรีบเอ่ยแทรกขึ้นมาว่า “ย่อมเป็นฝ่าบาท ! ”

“ไม่…ปกป้องเด็กเอาไว้ ! ”

“ฝ่าบาท…”

อู๋หลิงเอ๋อร์โบกมือเพื่อขัดโจวเปี๋ยหลี นางมองไปทางสุ่ยหยุนเจียน “ทำตามประสงค์ของข้าเถอะ ! ”

“…ถ้าเยี่ยงนั้น ฝ่าบาทโปรดรอสักครู่ กระหม่อมต้องปรุงยาเร่งคลอดก่อน”

สุ่ยหยุนเจียนง่วนอยู่กับหน้าที่ของตนเอง นับเป็นอีกคราที่อู๋หลิงเอ๋อร์นั่งลงข้างหน้าต่าง แล้วมองออกไปยัง

ท้องนภา

ท่าทางของนางสงบนิ่ง ยามที่มองออกไปบนท้องนภาราวกับว่านางเห็นแสงแห่งความหวังอยู่เลือนลาง

มือยังคงลูบอยู่บนครรภ์ นางกำลังสนทนากับลูกในครรภ์อย่างเงียบ ๆ…

ลูกจงจำเอาไว้ บิดาของเจ้าชื่อฟู่เสี่ยวกวน เป็นบุรุษที่โดดเด่นที่สุดในใต้หล้า !

เจ้ามิจำเป็นต้องมีพรสวรรค์เยี่ยงเขา แต่จงแข็งแกร่งให้ได้เหมือนกับเขา

หลังจากเจ้าเกิดออกมา จงอยู่ที่นี่ไปก่อน สถานที่แห่งนี้คือบ้านของเจ้าเช่นกัน ประเดี๋ยวแม่ต้องออกศึก เพื่อแย่งชิงบ้านอีกหลังของเจ้ากลับคืนมา !

โจวเปี๋ยหลียืนอยู่ด้านหลังของอู๋หลิงเอ๋อร์ เขาอยากจะเอ่ยอะไรบางอย่างกับนาง แต่มิว่าเยี่ยงไรก็มิสามารถเอ่ยออกไปได้ เขาจึงทำได้เพียงยืนอมพะนำอยู่ด้านหลังเท่านั้น

นอกเสียจากเจ้าเด็กฟู่เสี่ยวกวนจะกลับมา มีเพียงฟู่เสี่ยวกวนขึ้นครองราชบัลลังก์เท่านั้น ตนจึงจะกล้าเอ่ยความลับนี้กับอู๋หลิงเอ๋อร์ มิเช่นนั้น…อู๋หลิงเอ๋อร์จะหมดโอกาสทวงบัลลังก์กลับคืนมา มือของนางจะไร้อำนาจและสูญเสียสิทธิ์ในการปกป้องตนเองและลูกไปด้วย

หวังว่ามารดาและบุตรจะปลอดภัย !

โจวเปี๋ยหลีเดินออกไปและตรงไปยังฐานทัพของเหล่าองครักษ์ชุดแดง

อีกมินานจะเกิดสงครามนองเลือดขึ้นมาอีกครา เขาต้องเตรียมตัวสักเล็กน้อย

เวลาผ่านไปราวครึ่งก้านธูป สุ่ยหยุนเจียนก็กลับมา ในมือถือยาอยู่หนึ่งถ้วย “เมื่อฝ่าบาทดื่มยานี้เข้าไปแล้ว จำต้องคลอดเท่านั้น ฝ่าบาทลองทบทวนอีกคราดีหรือไม่ ? ”

อู๋หลิงเอ๋อร์ลุกขึ้นยืน รับยานั้นมาและดื่มลงไป “ข้าเคยบอกกับเจ้าไปแล้วนี่ว่าข้าได้ตัดสินใจไปแล้ว ! ”

“…เยี่ยงนั้น ฝ่าบาททรงประทับที่เตียงบรรทมเถิด อีกประเดี๋ยวก็จะประสูติพระโอรสแล้ว”

สุ่ยหยุนเจียนเรียกหมอตำแยเข้ามา พวกนางคอยเตรียมน้ำร้อนอยู่ตลอดเวลา ส่วนเขาหยิบเครื่องมือออกมาจากกล่อง แล้ววางเตรียมเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ

เวลาผ่านไปอีกราวหนึ่งก้านธูป อู๋หลิงเอ๋อร์จึงรู้สึกปวดท้องขึ้นมาและปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ นางขบกรามแน่น เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก

สุ่ยหยุนเจียนส่งผ้าที่พับเอาไว้อย่างดีให้กับนาง “ฝ่าบาท ประเดี๋ยวจะปวดยิ่งกว่านี้ ฝ่าบาทกัดสิ่งนี้เอาไว้จะสามารถช่วยได้เล็กน้อย”

อู๋หลิงเอ๋อร์กัดผ้าเอาไว้แน่น ท้องเริ่มกระตุก สองมือกำผ้าปูอย่างเอาเป็นเอาตาย สองขาชันขึ้นมา เสียงหวีดร้องดังขึ้นในลำคอเป็นระยะ

“ข้าจะถอดฉลองพระองค์ จุดไฟเผาถ่านอีก 2 กอง แล้วเตรียมน้ำร้อนไว้ให้ดี”

…..

…..

โจวเปี๋ยหลีเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้อง รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลยสักนิด

โหยวเป่ยโต้วมองตามจนเริ่มมึนหัว จึงเอ่ยถามว่า “ฝ่าบาทคลอดบุตร เจ้าตื่นเต้นอันใดกัน ? ”

“…ข้ากังวลถึงความปลอดภัยของฝ่าบาท ! ”

“ฝ่าบาทเรียกเจ้ามาเตรียมทัพ ประเดี๋ยวจะออกศึกแล้วมิใช่หรือ ? ”

“องครักษ์ชุดแดงมีสิ่งใดให้ต้องจัดการกัน มีถังเชียนจวินและจัวตงหลายคอยบัญชาการอยู่ สามารถออกเดินทางได้ตลอดเวลา”

“เขตวังหลวงนั้นแข็งแกร่งยิ่ง เมื่อถึงเวลานั้น พวกเราทั้งสองต้องลงมือสังหารทหารมากมายเพื่อฝ่าเข้าไป”

“ต้องคอยระวังเอาไว้ให้ดี นางปิศาจนั่นเกรงว่าจะมิสามารถจัดการได้โดยง่าย”

โหยวเป่ยโต้วเงียบไปหนึ่งอึดใจ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาว่า “เจ้าว่า…บิดาของเด็กที่อยู่ในครรภ์ฝ่าบาท คือฟู่เสี่ยวกวนจริงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

โจวเปี๋ยหลีจ้องอีกฝ่ายเขม็ง “ข้าจะทราบได้เยี่ยงไร พวกเราอย่าได้ใส่ใจเรื่องยุ่งยากนี้เลย”

“ข้าเพียงจะบอกว่าหากเป็นฟู่เสี่ยวกวนจริง ก็มินับว่าเขาเป็นคนเที่ยงธรรม เยี่ยงไรเสียก็ต้องรับผิดชอบภาระนี้แต่เขากลับหนีไปราชวงศ์หยู นี่หมายความว่าเยี่ยงไรกัน ? ”

“ไม่ เขามิได้รับทราบเรื่องนี้”

โหยวเป่ยโต้วอ้าปากตะลึงงันทันที เขามิอาจเข้าใจคำเอ่ยของโจวเปี๋ยหลีได้

ในยามที่จะซักถามต่อ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของอู๋หลิงเอ๋อร์ดังออกมาจากในห้อง ตามด้วยเสียงร้องของทารก “อุแว้… ! ”

โจวเปี๋ยหลีหันไปทางประตูห้อง โหยวเป่ยโต้วเองก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน เพียงไม่นาน สุ่ยหยุนเจียนก็ได้เดินออกมาพร้อมใบหน้าท่วมเหงื่อ ทว่ากลับมีรอยยิ้มแฝงความโล่งใจประดับเอาไว้อยู่

“เรื่องทำคลอด ข้าผู้นี้เก่งกาจที่สุดในใต้หล้า ! ”

“มารดาและบุตรปลอดภัยใช่หรือไม่ ? ” โจวเปี๋ยหลีเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น

“แน่นอน มารดาเจ้าเถอะ ! วันส่งท้ายปีเก่ายังตามข้ามาทำงาน หากเกิดปัญหาขึ้น เกรงว่าเจ้าจะสับข้าจนเละเป็นแน่ เอาล่ะ ! จ่ายค่ารักษามา 10,000 ตำลึง !

โจวเปี๋ยหลีหยิบตั๋วแลกเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ แล้ววางลงบนฝ่ามือของสุ่ยหยุนเจียน “นี่คือเงิน 50,000 ตำลึง”

“ข้ามิได้ต้องการมากถึงเพียงนี้”

“มิได้ ประเดี๋ยวหลิงเอ๋อร์ยังต้องออกศึก เจ้าต้องติดตามไปด้วย”

ดวงตาของสุ่ยหยุนเจียนเบิกโพลงขึ้นมาทันพลัน “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ เจ้าก็ทราบว่านางเพิ่งจะประสูติพระโอรส แรงกายย่อมสูญสิ้น เพิ่งดื่มน้ำแกงไปเพียงถ้วยเดียว ประเดี๋ยวทารกยังต้องกินน้ำนมอีก บาดแผลก็เพิ่งเย็บปิด อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลากว่าสิบวันในการฟื้นตัว เจ้าเข้าใจหรือไม่ ? ”

โจวเปี๋ยหลีนิ่งเงียบอยู่เนิ่นนาน “ข้ามิได้บ้าและเข้าใจดี แต่ทว่านี่คือพระประสงค์ของฝ่าบาท นางต้องการเข้าวัง”

“ให้ตายเถอะ จะล้อเล่นกับชีวิตหรือเยี่ยงไรกัน ข้ามิไป เงินข้าก็มิต้องการแล้ว หากเลือดตกยางออกขึ้นมา คงถึงแก่ชีวิตโดยแท้ ! ”

“มิต้องการก็ต้องรับไว้ ผู้ใดใช้ให้เจ้าเอาชนะข้ามิได้กันเล่า ? ข้ามิสนว่าจะเกิดปัญหาขึ้นหรือไม่ แต่เจ้าต้องดูแลความปลอดภัยของฝ่าบาทเอาไว้ให้ดี”

เพิ่งผ่านไปได้เพียงครึ่งชั่วยาม ประตูห้องก็ถูกเปิดออก

พระพักตร์อันอ่อนแรงของอู๋หลิงเอ๋อร์ถูกแต่งแต้มให้ดูสดใสขึ้นมาบ้าง นางเดินออกมาพร้อมกับดาบยาวในมือ

ใบหน้าเริ่มฉายแววเอาจริงเอาจัง ท่าทีมิผ่อนคลาย แววตาแน่วแน่กว่าที่เคย ส่วนน้ำเสียงของนางก็หนักแน่นกว่าที่ผ่านมา

“เคลื่อนพล ! ”

“น้อมรับพระบัญชา ! ”

โจวเปี๋ยหลีหายเข้าไปในป่า เพียงมินาน บริเวณโดยรอบของคฤหาสน์จิ้งหูก็ปรากฏเสียงเกือกม้าดังขึ้น

อู๋หลิงเอ๋อร์นำทัพทหารหญิงมายังเบื้องหน้ากองทัพ ผู้ที่ยืนอยู่ด้านหน้าขององครักษ์ชุดแดงคือจัวตงหลาย ถังเชียนจวิน รวมไปถึงหนิงซือเหยียนกับหนิงฝาเทียนบิดาของเขา

นี่คือกองกำลังทั้งหมดที่นางมีในปัจจุบัน นางต้องการใช้กองทัพนี้ชิงบัลลังก์มังกรของฟู่เสี่ยวกวนกลับคืนมา !

นางกวาดตามองอย่างสงบ แล้วชูดาบยาวในมือขึ้น “ทหารทั้งหลาย ตามข้ามา… ! ”

เมืองกวนหยุนที่ค่อย ๆ คืนสู่ความสงบ ก็ได้แตกสลายลงในชั่วพริบตาอีกครา

…..

…..

กลุ่มของฟู่ต้ากวนทั้งสาม เดินลงมาจากจายซิงถาย สิ่งแรกที่ต้อนรับพวกเขากลับเป็นลูกธนูของเป่ยหวังฉวน

หนึ่งในพวกเขาสะบัดมือสองสามคราเพื่อปัดลูกศรดอกนั้นออกไปให้พ้นตัว โจวถงถงคำรามเสียงต่ำ “ข้าเอง”

เป่ยหวังฉวนถลาลงมาพร้อมกับคิ้วที่ขมวดนิ่ว มองดูโจวถงถงแล้วหยุดสายตาอยู่ที่ใบหน้าของฟู่ต้ากวน

“…อู๋ต้าหลาง ฝ่าบาท ! ”

“หลิงเอ๋อร์สบายดีหรือไม่ ? ”

“ทูลฝ่าบาท เมื่อครึ่งชั่วยามก่อนหน้านี้ จักรพรรดินีได้ประสูติพระโอรสจนสำเร็จแล้ว มารดาและบุตรล้วนปลอดภัย ในยามนี้ พระนางทรงนำทัพองครักษ์ชุดแดงสามหมื่นนายไปยังวังหลวง”

ฟู่ต้ากวนตื่นตกใจขึ้นมาทันพลัน “มีผู้คุ้มกันที่มีฝีมือระดับสูงหรือไม่ ? ”

“โหยวเป่ยโต้วกับโจวเปี๋ยหลีติดตามไปด้วย ส่วนข้าทำหน้าที่คุ้มกันที่นี่เอาไว้”

“เยี่ยงนั้นก็จงคุ้มกันเอาไว้ให้ดี ! ”

กล่าวจบ ทั้งสามก็เร่งเดินทางออกไปทันที ฟู่ต้ากวนและอาจารย์ฮุ่ยเจวี๋ยไล่ตามอู๋หลิงเอ๋อร์ ส่วนโจวถงถงกลับซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางความมืดมิดของยามราตรี แล้วลงไปยังอุโมงค์ลึกของกวนหยุนถาย

นายน้อยเจ้าสำราญ

นายน้อยเจ้าสำราญ

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง นายน้อยเจ้าสำราญโชคดีที่ได้ทะลุมิติมา ทั้งยังได้เกิดในตระกูลเศรษฐีที่ดิน ชีวิตนี้ไม่ได้ขาดแคลนอาหารและเสื้อผ้าแต่ก็ไม่อยากจะเอาแต่กินจนตายไปทั้งอย่างนั้น ดังนั้นฟู่เซี่ยวกวนจึงได้กระทำเรื่องบางอย่างตามอำเภอใจ โดยไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะเกิดผล กระทบที่ใหญ่หลวงตามมาเยี่ยงนี้ ฮ่องเต้ต้องการให้เขาเป็นขุนนางชั้นหนึ่ง องค์หญิงต้องการแต่งตั้งให้เขาเป็นราชบุตรเขย บุตรีแห่งจวนเสนาบดีสำนักตรวจการต้องการแต่งกับเขา คนป่าต้องการหัวของเขา รัฐอี๋ต้องการชีวิตของเขา ส่วนรัฐฝานต้องการเงินของเขา… แต่เขา.. ฟู่เซี่ยวกวนนั้นต้องการเป็นเศรษฐีที่ดินผู้ยิ่งใหญ่ต่างหากเล่า !

Comment

Options

not work with dark mode
Reset