ตอนที่ 533 อ้าปากก็เป็นเงิน 100 ล้าน
การประชุมใหญ่ราชวงศ์ครานี้จบลงแบบเละเทะมิเป็นท่า
ฟู่เสี่ยวกวนเป็นผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว
เขาได้รับบรรดาศักดิ์จึเจวี๋ยที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมิมียุติ อีกทั้งฝ่าบาทยังทรงประทานตำแหน่งเต้าถายของว่อเฟิงเต้าให้กับเขาอีกด้วย
เต้าถายอายุ 17 ปี… ภายในใจของเหล่าขุนนางได้กลายเป็นความริษยาและเกลียดชังอย่างแท้จริง !
ดวงดาราที่เจิดจรัสดวงหนึ่งในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์หยูได้ขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดแล้ว สถานการณ์นี้ มิมีผู้ใดสามารถขัดขวางได้อีกแล้ว !
ตำแหน่งนี้ ในสายตาของขุนนางทั้งหมด มีอำนาจเสียยิ่งกว่าผู้นำกรมการค้าขั้นสามเสียอีก
อำนาจที่แท้จริง !
เหตุใดขุนนางที่ไต่ระดับมิได้จึงอยากโยกย้ายกัน ?
ก็เพื่ออำนาจที่แท้จริงที่อยู่ภายนอกนั้น !
เต้าถายของมณฑลหนึ่ง ได้ควบคุมดูแลหลายสิบเขตและร้อยกว่าอำเภอ มีผู้คนหลายล้านคนอยู่ภายใต้การบังคับบัญชา
ในทางความคิด ถือเป็นการควบคุมอนาคตของขุนนางนับพัน ภายใต้นโยบายเดียว ซึ่งนั่นก็คือการกำหนดความมั่งคั่งและความยากจนของผู้คนหลายล้านชีวิต
นี่คือประโยชน์ของอำนาจอย่างแท้จริง มันทำให้ผู้คนโหยหา ทำให้ผู้คนลุ่มหลง
แต่ทว่าฟู่เสี่ยวกวนกลับมิได้โหยหาและมิได้ลุ่มหลง
ในยามนี้ เขาได้นั่งอยู่ในห้องทรงพระอักษรพร้อมด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง
“ชีวิตคนเรามีเวลาอยู่ได้เพียงมิกี่สิบปี เจ้ามิมีแรงจูงใจเลยหรือเยี่ยงไรกัน ? ” ฝ่าบาทประทับฝั่งตรงข้ามกับเขา และได้ตรัสอย่างจริงจังออกมาว่า “หรือว่ายศจึเจวี๋ยได้บดบังสายตาของเจ้าจนมิสามารถมองให้ไกลออกไปอีกสักเล็กน้อยได้ เจ้าจะมิไขว่คว้ายศกงเจวี๋ยเพื่อรุ่นลูกรุ่นหลานเลยหรือเยี่ยงไรกัน ? ”
“ต่อให้เจ้ามิสนใจบรรดาศักดิ์นี้ แต่ฟู่ต้ากวนในวันนี้… หรือก็คืออู๋ต้าหลาง บัดนี้เขาได้ขึ้นครองบัลลังก์และคอยปกป้องราชวงศ์อู๋ เขาทำเพื่อผู้ใดกัน ? เขาทำเพื่อเจ้าเยี่ยงไรเล่า ! ข้ารู้จักฟู่ต้ากวนผู้นี้ดี กล่าวไปแล้วเขาช่างเกียจคร้านเสียยิ่งกว่าเจ้าอีก ยิ่งไปกว่านั้นเขายังอยากเป็นเพียงแค่ปลาเค็มตัวหนึ่งเท่านั้น มิเช่นนั้น เมื่อสิบสามปีก่อนเขามิหยุดปะทะกับจักรพรรดิเหวินหรอก ! ”
“หรือเจ้าคิดว่าในตอนนี้นิสัยของเขาเปลี่ยนไปแล้ว ? เขายังคงเป็นอู๋ต้าหลางจอมขี้เกียจ แต่เพราะเจ้ามิกลับไป เขาจึงไร้หนทางที่จะปฏิเสธบัลลังก์นี้ อู๋หลิงเอ๋อร์คลอดก่อนกำหนด เมื่อรวมกับการปะทะกันในคืนนั้น จึงไร้หนทางที่จะจัดการงานในราชสำนักได้ หากฟู่ต้ากวนมิสืบทอดราชบัลลังก์ อู๋หลิงเอ๋อร์ก็ทำได้เพียงตายตกอยู่ในตำแหน่งนั้น บางคราข้าก็มิเข้าใจเจ้าอย่างแท้จริง อัครมหาเสนาบดีเยี่ยนกล่าวว่าเจ้าไร้ปณิธานต่อบ้านเมือง แต่เจ้ากลับคิดหาวิธีเปลี่ยนแปลงทั่วทั้งใต้หล้า…”
“แน่นอนว่า ข้าหวังให้เจ้าอยู่ที่ราชวงศ์หยูตลอดกาล แต่ข้าก็รู้ว่ามันเป็นไปมิได้ วันนี้ข้ามีความคิดประหลาด สิ่งที่คิดไว้ก็คือการมอบสถานที่แห่งนั้นให้เจ้าได้ฝึกปรือฝีมือ รอจนกระทั่งเจ้ากลับไปยังราชวงศ์อู๋ รับเอาบ้านเมืองมาไว้ในมือ เจ้าจะสามารถเข้าใจได้ดีมากยิ่งขึ้นว่าต้องดูแลจัดการเยี่ยงไร”
“ของสิ่งนี้ มิใช่การหารือการทหารบนกระดาษ จำต้องลงมือปฏิบัติจริง ไปจัดการเสีย ! ข้ารู้ว่าเจ้ามีความสามารถ หวังว่าเจ้าจะสามารถสร้างผลงานที่ว่อเฟิงเต้าขึ้นมาได้ ให้เหล่าพลทหารและขุนนางทั่วทั้งราชสำนักได้ทราบว่าที่ข้ามอบตำแหน่งเต้าถายให้กับเจ้า มิใช่เพราะข้าเล่นพรรคเล่นพวก และมิใช่ว่าข้าตาบอด”
ฟู่เสี่ยวกวนเม้มปาก “กระหม่อมยังสามารถทำอันใดได้อีกเยี่ยงนั้นหรือ ? ในเมื่อราชโองการก็ได้ออกมาแล้ว”
ฮ่องเต้แย้มพระโอษฐ์ขึ้นทันพลัน “ถูกต้อง มา ๆ ๆ เจ้าลองกล่าวมาว่ามีสิ่งใดอยากให้ข้าช่วย รับรองว่าข้าจะแก้ปัญหาให้กับเจ้าอย่างแน่นอน”
เยี่ยนเป่ยซีและต่งคังผิงล้วนหันไปมองทางฟู่เสี่ยวกวน
ภายในใจของพวกเขาสงสัยต่อการที่ฟู่เสี่ยวกวนเข้ารับตำแหน่งเต้าถาย
เช่นเดียวกับที่ฝ่าบาทได้ตรัสไว้ การปกครองสถานที่หนึ่ง ของสิ่งนี้มิใช่การหารือบนกระดาษ ทุกเรื่องที่เข้ามาพัวพัน ต้องมีความกล้าเผชิญหน้า ทั้งยังต้องมีความสามารถแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ รวมถึงความฉลาดและความว่องไวทั้งแปดด้าน ต้องมีการตัดสินใจที่แน่วแน่ ฯลฯ
ทว่าทุกอย่างที่ฟู่เสี่ยวกวนทำในปัจจุบัน จำกัดอยู่ที่การค้าเท่านั้น
ในด้านนี้ ความสามารถของเขาไร้คำจำกัดความ แต่เต้าถายกลับมิใช่เพียงการผลักดันทางด้านการค้าเท่านั้น
ฝ่ายฟู่เสี่ยวกวนมิได้คิดมากถึงเพียงนั้น เรื่องที่คิดถึงเป็นอันดับแรกก็คือ เงิน !
“สิ่งที่กระหม่อมคิดไว้ ว่อเฟิงเต้านี้สามารถตั้งให้เป็นเขตการปกครองพิเศษแบบใหม่ของราชวงศ์หยูได้ สิ่งที่เรียกว่าเขตการปกครองพิเศษแบบใหม่ คือนโยบายใหม่ทั้งหมด ลองทดสอบที่ว่อเฟิงเต้าเสียก่อน ให้กลายเป็นหน้าต่างแห่งการเปลี่ยนแปลงของราชวงศ์หยู เพื่อหาแนวทางให้กับนโยบายการปกครองต่าง ๆ ”
เพียงเยี่ยนเป่ยซีได้ฟังก็รู้สึกดีขึ้นในทันที ว่อเฟิงเต้ายังเป็นมณฑลใหม่ การพิสูจน์นโยบายใหม่ต่อให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาก็จะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของมณฑลเพียงมณฑลเดียวเท่านั้น มิสูญเสียทั้งแคว้นแต่อย่างใด
หากการผลักดันนโยบายใหม่นี้ประสบผลสำเร็จ ก็จะสามารถกลายเป็นแบบอย่างให้กับอีก 13 มณฑลให้ได้ศึกษา การผลักดันไปทั่วแคว้นควรลงแรงน้อยแต่ได้ผลลัพธ์สูง
เจ้าเด็กคนนี้มิเลวนี่ !
เขาอดที่จะเงยหน้าขึ้นมองฟู่เสี่ยวกวนมิได้
ฝ่าบาทเองก็คิดเช่นนั้น จึงเงียบไปชั่วครู่แล้วพยักหน้าขึ้นลง “กลยุทธ์นี้ดีมากยิ่งนัก ! ”
“เยี่ยงนั้น กระหม่อมคิดว่าให้กำหนดเขตจำนวนหนึ่งไว้ทดลองนโยบายใหม่ ไร้ซึ่งข้อจำกัดใดภายใต้ว่อเฟิงเต้า และกระหม่อมต้องการการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากราชสำนักส่วนกลาง ! ”
“เจ้าต้องการการสนับสนุนอันใด ? ข้าจะมอบให้ทั้งหมด ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าระรื่น “กระหม่อมต้องการเงิน 100 ล้านตำลึง ! ”
สีพระพักตร์ของฝ่าบาทมืดครึ้มขึ้นมาทันพลัน ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตนมองคนผิดไปหรือไม่
สีหน้าของเสนาบดีกรมคลังเยี่ยงต่งคังผิง มืดครึ้มยิ่งกว่าฮ่องเต้เสียอีก…
ตามข้อตกลงในการเจรจาของกรมพิธีการแล้ว วันนี้เงินทั้งหมดจะมาถึงธนาคารเป่าหลง ข้ายังมิทันได้ยล เด็กเยี่ยงเจ้าก็คิดจะเอาไป 100 ล้านแล้วเยี่ยงนั้นหรือ !
เจ้าคิดอันใดอยู่กัน ?
มิมีทาง !
ในตอนที่กำลังจะเอ่ยปากคัดค้าน คาดมิถึงว่าฟู่เสี่ยวกวนจะชิงเอ่ยตัดหน้าขึ้นมาเสียก่อน “100 ล้านนี้กระหม่อมต้องการอย่างแท้จริง ส่วนจะถูกนำไปใช้เยี่ยงไรนั้น… ขอมิบังอาจปิดบังฝ่าบาท กระหม่อมวางแผนนำเงินจำนวนนี้ไปสร้างถนน ! ”
“สร้างถนน ? ”
นี่เจ้าโง่หรือเยี่ยงไรกัน ?
ต่งคังผิงรู้สึกไม่ดีไปทั้งร่าง “เจ้าทราบหรือไม่ว่าราชวงศ์หยูมีอีกกี่แห่งที่จำเป็นต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วน ? คาดมิถึงว่าเจ้าจะนำเงินไปสร้างถนน การสร้างถนนสามารถนำเงินเหล่านี้กลับคืนมาได้เยี่ยงนั้นหรือ ? นี่มิเท่ากับว่าเป็นการละลายเงินให้หายไปกับสายน้ำ โดยมิมีแม้แต่ฟองขึ้นมาหรอกหรือ ? ไร้สาระ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนกระตุกยิ้ม เขามิสามารถตำหนิต่งคังผิงได้ ในสายตาของทุกคนบนใต้หล้านี้ เกรงว่านอกจากพ่อค้าแล้ว จะมิมีผู้ใดตระหนักถึงความสำคัญของการคมนาคม
“ท่านพ่อตาอย่าเพิ่งผลีผลามไป ได้โปรดฟังลูกเขยอธิบายโดยละเอียดเสียก่อน”
“ข้ามิฟัง ! …ฝ่าบาท กระหม่อมขอบังอาจเสนอแนะเรื่องหาเต้าถายสำหรับว่อเฟิงเต้า หาคนใหม่เถอะพ่ะย่ะค่ะ เจ้าเด็กคนนี้ …มิสามารถพึ่งพาได้อย่างแท้จริง ! ”
ในใจของฮ่องเต้รู้สึกยากที่จะรับได้ หากกล่าวว่าเจ้ามีความสามารถนำเงินหนึ่งร้อยล้านมาจากแคว้นอี๋ได้ แต่ข้าก็ได้ประทานบรรดาศักดิ์ให้เจ้าไปแล้ว อีกทั้งยังมอบตำแหน่งเต้าถายให้อีก แต่เจ้ากลับจะนำเงิน 100 ล้านไป นี่มิใช่การกรีดหัวใจของข้าหรอกหรือ ?
แต่เยี่ยนเป่ยซีกลับกล่าวขึ้นมาว่า “คังผิงสงบก่อน ให้เสี่ยวกวนได้อธิบายเสียก่อน”
“พวกท่านจงจำไว้ ถ้าอยากร่ำรวยต้องสร้างถนนก่อน ! ” ฟู่เสี่ยวกวนเริ่มอธิบายอย่างฉะฉาน หากมิได้รับเงินนี้มา แต่อยากจะสร้างถนนในว่อเฟิงเต้าก็มิใช่เรื่องยากอันใด แต่จะทำให้ล่าช้าไปนานโขก็เท่านั้น
เขามิอยากอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานจนเกินไป คอยกบดานอยู่ในจินหลิงนี้สบายกว่า
“ท่านพ่อตาขอรับ หากต้องการเรียกหงส์ทอง ก็ต้องปลูกต้นอู๋ถงเสียก่อน การสร้างถนนสามารถแก้ไขปัญหาการงานของชาวบ้านจำนวนมากได้ เป็นการเพิ่มรายได้ให้กับพวกเขา ให้กระเป๋าเงินของพวกเขาได้นูนขึ้นมา
ประการที่สอง ถนนราบเรียบย่อมเกิดการไหลเวียนสินค้า การขนส่งสินค้าจะรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เดิมทีต้องใช้เวลา 10 วันในการขนส่ง แต่ภายภาคหน้าเกรงว่าวันสองวันก็สามารถไปถึงที่หมายได้แล้ว
ประการที่สาม หลังจากการคมนาคมราบรื่น ผู้คนก็จะเดินทางได้สะดวกมากยิ่งขึ้น นี่คือนโยบายแห่งความเมตตาจากราชสำนัก ราษฎรทั้งหลายย่อมสำนึกในสิ่งที่ราชสำนักได้กระทำเอาไว้ มันจะเกี่ยวเนื่องถึงความมั่นคงของราชสำนัก สำเร็จในตอนนี้แต่ทว่าผลประโยชน์ยังคงอยู่นับพันฤดูกาล ! ”