ตอนที่ 547 หลง
ในวันที่ยี่สิบเจ็ด เดือนสอง คืนนั้นซูซูลอบสังหารผู้สอดแนมทั้งหมด ในเช้าวันที่ยี่สิบแปดเดือนสอง กระสุน 2 นัดได้ทำให้มู่หรงเจียนที่มีฝีมือเข้าขั้นปรมาจารย์ไปแล้วครึ่งก้าวได้รับบาดเจ็บสาหัส
มู่หรงเจียนหนีกลับมา เพียงหงเหนียงจื่อสีฮวาได้เห็นบาดแผลนั้นก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นมาทันพลัน… นี่คือบาดแผลจากกระสุนปืนคาบศิลา !
หรือว่าดาบเทวะจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่แล้วกัน ?
นางทราบถึงอานุภาพของปืนคาบศิลานี้อยู่แล้ว ส่วนดาบเทวะเพียงแค่ได้ยินเรื่องราวมาก็เท่านั้น
แต่ทว่าตามคำบอกเล่าของลัทธิจันทรา เป็นความจริงที่ว่ากองกำลังดาบเทวะจำนวน 1,000 นายได้กวาดล้างกองทัพจำนวน 20,000 นายของแคว้นฮวงที่ภูเขาผิงหลิง นี่ก็แสดงให้เห็นถึงความทรงพลังของกองกำลังดาบเทวะมากพอควร
เดิมที คิดว่ากองกำลังดาบเทวะจะถูกโยกย้ายไปทางใต้แล้ว มิว่าจะคิดเยี่ยงไร ก็มิมีความเป็นไปได้เลยที่จะมาถึงสมรภูมิทางตะวันตกเฉียงใต้ได้เร็วถึงเพียงนี้
สีฮวาจ้องไฟที่ส่องสว่างอยู่ในโคมพร้อมคิ้วที่ขมวดมุ่น
กลยุทธ์โจมตีแบบสายฟ้าแลบที่วางเอาไว้แต่แรก บัดนี้ดูเหมือนจะใช้การมิได้แล้ว
เมื่อยกธงต่อต้านขึ้นมาแล้ว วันนี้จึงไร้หนทางให้ถอยกลับ
ทางสายเก่าจินหนิวที่แสนยาวไกลนี้ หรือจะกลายเป็นที่ฝังกระดูกของพวกเรากัน ?
นางนั่งอยู่ในกระโจมทั้งคืนโดยมิได้หลับตา
เช้าวันรุ่งขึ้น ฝนยังคงตกดังเดิม
นางลูบใบหน้าที่แข็งค้างของตน พ่นลมหายใจยาวออกมา ก่อนจะลุกขึ้นแล้วตะโกนว่า “ถ่ายทอดคำสั่งออกไปว่า… ให้ถอนค่ายและเดินหน้าต่อ ! ”
หลังจากสีฮวามีคำสั่งออกไป เผิงยวี๋เยี่ยนก็ได้นำกองทหารภูเขา 3,000 นายเดินทางมาถึงชีหลี่ผิง
เดิมทีเผิงยวี๋เยี่ยนคิดว่าจะพบกองกำลังกบฏที่นี่ แต่เมื่อมาถึงกลับเจอเข้ากับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด นอกจากศพจำนวน 20 ร่างแล้วกลับมิพบผู้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว
“เป็นคนของผู้ใดกัน ? ”
เผิงยวี๋เยี่ยนคุกเข่าลงสำรวจศพเหล่านั้นอย่างถี่ถ้วน ทั้งหมดล้วนถูกสังหารด้วยคมกระบี่ ห้าศพเป็นผู้สอดแนมของฝ่ายนาง นอกนั้นเป็นศพผู้สอดแนมของทัพศัตรู
เยี่ยงนั้น มือสังหารเป็นคนของฝ่ายใด ?
จากนั้นนางจึงส่งผู้สอดแนมออกไปอีกครา และตรวจสอบที่ชีหลี่ผิงโดยละเอียดอีกหนึ่งรอบ แต่ทว่ากลับไร้ร่องรอยของศัตรู วิ่งไปที่ใดเสียแล้ว ?
หรือที่ฉินหลิงนี้ยังมีเส้นทางอื่นอยู่อีกกัน ?
ใจของเผิงยวี๋เยี่ยนบีบรัด หากศัตรูอ้อมไปทางด้านหลัง พวกมันก็จะทำการจู่โจมกองกำลังหลักของหยูชุนชิว… !
นางอยากย้อนกลับไปมากยิ่งนัก แต่ในเมื่อได้มาถึงแล้ว จึงตัดสินใจเดินหน้าไปอีกหนึ่งวัน เพื่อรอดูเหตุการณ์
“ผู้สอดแนม หยิงกวนและเสี่ยวซี รับคำสั่ง ! ”
“รายงานตัวขอรับ ! ”
“ข้าขอสั่งให้เจ้านำผู้สอดแนม 30 คนเดินทางอ้อมเขาและต้องกลับมาภายในครึ่งวัน ! ”
“น้อมรับคำสั่ง ! ”
ผู้สอดแนม 30 คนแยกตัวออกจากกองทัพ แล้วหายเข้าไปในป่าทันที
ผ่านไปอีกราวครึ่งชั่วยาม กองกำลังหลักของทหารภูเขา 3,000 นายก็ได้หายเข้าไปในป่าเช่นกัน ชีหลี่ผิงจึงกลับมาสงบลงอีกครา มิมีแม้แต่เสียงนกเสียงกา
ในยามที่ทัพของเผิงยวี๋เยี่ยนมาถึงชีหลี่ผิง กองกำลังดาบเทวะที่สามก็ได้มาถึงหุบเขาต้าเยี่ยนแล้ว
หยูชุนชิวตื่นตกใจยิ่ง… มารดามันสิ ศัตรูอ้อมมาทางด้านหลังตั้งแต่เมื่อใด ?
“ศัตรูบุก ! ทหารม้าเรียงแถว หมุนปากกระบอกปืน เตรียมยิง ! ”
เป็นเพราะคำสั่งนี้ ส่งผลให้ทหารจำนวน 105,000 นายตกอยู่ในความโกลาหล ซูม่อกลัดกลุ้มใจมากยิ่งนัก เนื่องจากเขามิรู้จักหยูชุนชิว แน่นอนว่าหยูชุนชิวเองก็มิรู้จักเขา
ซูม่อตะโกนเสียงดังด้วยอารามร้อนรน “นายพลหยู พวกเราคือกองกำลังของฟู่เสี่ยวกวน ! ”
หยูชุนชิวประหลาดใจ กองกำลังของฟู่เสี่ยวกวนเยี่ยงนั้นหรือ ?
ดาบเทวะ ?
ดาบเทวะกองแรกถูกส่งไปที่เมืองเปียนเฉิงนี่ กองที่สองเกรงว่าตอนนี้เพิ่งจะเปิดรับสมัครได้ครบจำนวน ฟู่เสี่ยวกวนยังมีกองทัพอันใดอยู่อีกกัน ?
“มีหลักฐานหรือไม่ ? ”
นั่น… ซูม่อจะไปมีหลักฐานกับผีอันใดได้ ในยามนี้ก็มิทราบแล้วว่าฟู่เสี่ยวกวนที่ตามอยู่ด้านหลังนั้นห่างไกลออกไปเท่าใด
“ฟู่เสี่ยวกวนเองก็มาด้วย หากท่านมิเชื่อ สามารถส่งคนออกไปตรวจสอบได้ ถึงเยี่ยงไรพวกข้าก็ต้องขอยืมเส้นทางล่วงหน้าไปก่อน”
ฟู่เสี่ยวกวนก็มาด้วยเยี่ยงนั้นหรือ ?
หยูชุนชิวชะงักลงทันพลัน ลอบคิดไปว่า…ตนเองเพิ่งจะได้รับสารด่วนจากฟู่เสี่ยวกวน แล้วเขาจะวิ่งมาที่แห่งนี้ได้เยี่ยงไร นี่ต้องเป็นกลลวงเป็นแน่ !
“มิสามารถให้ยืมเส้นทางได้ พวกเจ้าจงถอยเท้าไปเสีย หากฟู่เสี่ยวกวนมาด้วยจริง ๆ เยี่ยงนั้นก็รอให้เขามาถึงก่อนแล้วค่อยเจรจาอีกครา ! ”
ซูม่อกลัดกลุ้มใจยิ่ง ทัพของพวกข้ารีบร้อนมาไกลถึงเพียงนี้ก็เพื่อจะมาช่วยเจ้า แต่เจ้าก็ยังมิเชื่อพวกข้า… แล้วแบบนี้จะทำเยี่ยงไรได้อีกเล่า ?
ซูเจวี๋ยตบบ่าของซูม่อ “พวกเรามิมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือ จึงเป็นเรื่องปกติที่แม่ทัพใหญ่จะกังวลว่าเป็นกลลวง เช่นนั้นก็อ้อมหุบเขาเอาเถิด”
ดังนั้นท่ามกลางสายตาของหยูชุนชิวและกองทัพทหาร 105,000 นายก็ได้เห็นทุกคนในกองกำลังปริศนานี้ลอยตัวขึ้นไปบนอากาศแล้วกระโจนไปในป่าอีกด้านราวกับนกเหยี่ยว เพียงเวลาครึ่งถ้วยชาก็หายไปจดหมด
หยูชุนชิวตกตะลึงขึ้นทันพลัน นี่คือกองกำลังที่รวบรวมผู้มีฝีมือระดับสูงของยุทธภพเอาไว้ !
หรือฟู่เสี่ยวกวนจะส่งองครักษ์ชุดแดงของราชวงศ์อู๋มาช่วยกัน ?
แต่ก็มิถูก ราชวงศ์อู๋อยู่ห่างจากที่แห่งนี้นับพันลี้ ตั้งแต่ได้รับจดหมายจากฟู่เสี่ยวกวนก็เพิ่งผ่านไปได้เพียงมิกี่วันเท่านั้น ต่อให้องครักษ์ชุดแดงมีปีกก็มิมีทางบินได้เร็วถึงเพียงนี้ สุดท้ายแล้วพวกเขาเป็นกองกำลังใดกันแน่ ?
การอ้อมหุบเขาต้าเยี่ยนทำให้กองกำลังดาบเทวะที่สามล่าช้าไปถึงครึ่งวัน ในยามที่พวกเขามาถึงชีหลี่ผิงก็เป็นเวลากลางดึกของวันที่ยี่สิบเก้า เดือนสองแล้ว
และในยามนี้ เผิงยวี๋เยี่ยนก็ได้พบกับกองกำลังหลักของศัตรู !
กองทหารภูเขา 3,000 นายซ่อนตัวอยู่ในป่า ส่วนทัพของศัตรูวิ่งอยู่บนทางสายเก่าจินหนิว
ผู้สอดแนมที่สีฮวาส่งออกมาไม่ได้พบกองกำลังของเผิงยวี๋เยี่ยนที่อยู่ในป่าลึก และเผิงยวี๋เยี่ยนก็ไม่เห็นว่าบนต้นไม้ที่ห่างออกไปสิบกว่าจ้างมีซูซูนั่งอยู่
ซูซูและมู่หรงเจียนต่างก็ได้รับบาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่ นางจึงซ่อนตัวรักษาบาดแผลอยู่บนต้นไม้
ฉินของนางถูกมู่หรงเจียนฟันจนขาดเป็นสองท่อน นางจึงฝังฉินเทพคู่กายที่อยู่เคียงข้างมานานหลายปีไปแล้ว สิ่งที่เรียกว่าศาสตราเทพ ในวันนี้ได้ถูกศาสตราเทพอีกชนิดหนึ่งกำจัด
ในมือของนางยังมีปืนอยู่ อานุภาพของมันรุนแรงยิ่งกว่าฉินเสียอีก
ความสนใจทั้งหมดของเผิงยวี๋เยี่ยนตกอยู่ที่กองทัพใหญ่บนทางสายเก่าจินหนิว ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ทัพใหญ่นี้เพิ่งเดินผ่านไปจนหมด คิ้วของนางกลับขมวดขึ้น
จำนวนมิถูกต้อง !
กองกำลังนี้อย่างมากสุดต้องมี 105,000 นาย และอย่างน้อยกองทัพชายแดนตะวันตกก็ควรมีถึง 300,000 นาย ยังมีอีก 150,000 นายคอยเฝ้าอยู่ที่ด่านชีผานอีกเยี่ยงนั้นหรือ ?
เผิงยวี๋เยี่ยนใคร่ครวญอยู่ชั่วครู่ และปฏิเสธความคิดนี้ไป
ทัพหน้าของศัตรูหรือกองทัพทหารชายแดนใต้สามารถคาดเดาจำนวนได้เพียงก้ำกึ่งเท่านั้น ในขณะที่กองทัพชายแดนใต้กำลังรอคอยอย่างสบายใจเพื่อสะสมกำลังรอให้ศัตรูอ่อนแอก่อนแล้วค่อยโจมตี หลังจากที่จัดวางแนวทัพแล้ว จะทำให้พวกเขาได้เปรียบเชิงกลยุทธ์มากยิ่งขึ้น
มิมีทางที่เซวี๋ยติ้งชานจะทิ้งกองกำลังกว่า 150,000 นายเอาไว้ที่ด่านชีผาน แล้วให้ทัพหน้านี้ปะทะกับสงครามที่มิแน่นอน
ดังนั้น ทัพหน้านี้จะต้องรั้งรอการมาถึงของทัพหลังอยู่ ณ ชีหลี่ผิงเป็นแน่
ถ้าเป็นเช่นนั้น ต้องมิแหวกหญ้าให้งูตื่น รอให้ทัพหน้าเดินผ่านไปก่อน ข้าจะพากองกำลัง 3,000 นายไปหยุดทัพหลังของเซวี๋ยติ้งชานเอง !
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เผิงยวี๋เยี่ยนก็ได้นำทหารทั้งสามพันนายเดินทางไปยังด่านชีผาน
หงเหนียงจื่อสีฮวาที่นั่งอยู่บนหลังอาชาได้เกิดคำถามขึ้นมาในใจทันทีว่า ทัพที่ด่านชีผานล่าช้าไปถึง 3 วันแล้ว เดิมทีนางคิดที่จะชิงโอกาสในการรบกลับมา ทว่าผู้สอดแนมได้รายงานว่าทัพของหยูชุนชิวได้จัดแนวรบไว้ที่หุบเขาต้าเยี่ยนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นางจึงพบว่าโอกาสได้หายไปแล้ว ดังนั้นจึงตั้งค่ายขึ้นชั่วคราวแล้วรออยู่หนึ่งวันเต็ม
ตามเวลาที่ได้คำนวณเอาไว้ เซวี๋ยติ้งชานควรจะนำทัพหลังมาถึงแล้ว แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังมิมีข่าวคราวอันใดจากทัพหลัง
หรือจะเกิดเรื่องขึ้นกับทัพหลังกัน ?
ในยามที่นางกำลังสงสัยอยู่นั้น ก็ได้มีผู้สอดแนมกลับมารายงาน 1 นาย
บุรุษผู้นี้บินลงมายังเบื้องหน้าของสีฮวา กล่าวเสียงแผ่วเบาหนึ่งประโยค แต่กลับทำให้ใบหน้าของสีฮวาที่ทาชาดสีแดงเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันพลัน !
“มีรายงานว่า เฟ่ยอันจัดตั้งกองทัพ 400,000 นายขึ้นที่หลินจื๋อ ท่านแม่ทัพกล่าวว่า… เจี้ยนโจวกำลังตกอยู่ในอันตราย ! ”