ตอนที่ 553 ข้าจะสังหารพวกเจ้า !
จ้าวลี่จู้ตื่นตระหนกเสียจนวิญญาณแทบหลุด !
เขาอยู่ห่างจากเฮ้อซานเตาอีก 3 จั้ง จึงมิสามารถไปช่วยได้ทัน
คุณชาย… ท่านยังมิทันได้แต่งงาน ยังมิทันได้รับพรจากคุณหนูหก ท่านก็จะจากไปแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?
คุณชาย หลับให้สบาย !
ในยามที่จ้าวลี่จู้คิดว่าเฮ้อซานเตาใกล้ถึงแก่ความตายแล้วนั้น เฟ่ยอันก็ได้ยกธนูขึ้นมายิง ลูกศรพุ่งเข้ามา ในยามที่ดาบกำลังสัมผัสถึงเสื้อของเฮ้อซานเตา ลูกศรนั้นก็ปักเข้าที่หน้าผากของศัตรูผู้นั้นเข้าอย่างจัง
ข้าศึกล้มลงกับพื้น เฮ้อซานเตาหันกลับไปมอง ตื่นกลัวเสียจนเหงื่อท่วมกาย
เขาได้รับแรงกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้ง ขมกรามแน่นมองดูแล้วดุดันยิ่ง จากนั้นก็เผยท่าทีดุร้ายออกมา “ไอ้พวกสารเลว คาดมิถึงว่าจะลอบทำร้ายข้า ข้าจะสังหารพวกเจ้า ! ”
ความโกรธในใจลุกโชนส่งผลต่อความกล้า เฮ้อซานเตาหยิบดาบขึ้นมาอีกข้าง หันหลังกลับทันพลัน กวัดแกว่งดาบสองเล่มในมือ แล้วเดินหน้าทะลวงข้าศึกอย่างคาดมิถึง !
เฟ่ยอันรู้สึกยินดียิ่ง ชายผู้นี้ใช้ได้ !
เขาต้องคว้ามาไว้ในมือให้ได้ เลี้ยงดูฝึกฝนให้ดี เพราะคนเยี่ยงนี้หาได้ยากในหมู่ทหารทั่วไป ชายผู้นี้คือทัพหน้าโดยกำเนิด
หากขัดเกลาให้ดีอีกสักหน่อย ต้องเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงแห่งยุคได้อย่างแน่นอน มิสามารถปล่อยให้เขาตกตายได้
ยามที่เฮ้อซานเตาปรี่สังหารไปด้านหน้า เฟ่ยอันก็คอยใช้ธนูกำจัดศัตรูรอบด้านให้จากด้านหลัง ความร่วมมือของทั้งสองส่งเสริมซึ่งกันและกันอย่างคาดมิถึง ก่อให้เกิดอานุภาพรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เลยทำให้ขบวนศัตรูเกิดช่องโหว่
จ้าวลี่จู้ไร้ความลังเล เขาง้างดาบขึ้น และไล่ตามคุณชายไป เขาได้เข่นฆ่าศัตรูไปหลายคนระหว่างที่เดินผ่าน
เพียงแต่ในใจของเขากลับเต็มไปด้วยคำถามมากมาย
เหตุใดคุณชายถึงได้กล้าหาญเยี่ยงนี้ ?
แต่ทว่าคุณชายเชื่อฟังคุณหนูหกเพียงผู้เดียว…
คุณหนูหกบอกให้ไปทางตะวันออก คุณชายย่อมมิกล้าไปทางตะวันตก คุณหนูหกกล่าวว่าหากคุณชายไปหอชุ่ยหงอีก นางจะหักขาของคุณชายทิ้ง คุณชายจึงชิงหักขาตนเองก่อน…
นี่ต่างหากคือคนโฉดอย่างแท้จริง !
หรือที่ผ่านมาคุณชายจะแสร้งทำมาโดยตลอดกัน ?
เขาแสร้งเป็นหมูเพื่อรอกินหรือเยี่ยงไร ?
เขาคือตัวละครเอกที่ถูกซ่อนเอาไว้ เพื่อกักขังสาวงามเยี่ยงคุณหนูหกหรอกหรือ ?
ต้องเป็นแบบนี้เป็นแน่ !
ด้วยความน่าเกรงขามของคุณชายในตอนนี้ หากคุณหนูหกทราบเข้า เกรงว่าจะสวามิภักดิ์ต่อความองอาจของคุณชายไปโดยปริยาย
ฝ่ายเฮ้อซานเตาที่ถูกจ้าวลี่จู้คิดว่าเป็นเทพสังหารก็มิได้รับรู้เรื่องทั้งหมดนี้เลย
เขาคึกราวกับม้าป่าที่ถูกถอดบังเหียน ทั้งยังเหมือนสัตว์ร้ายที่ออกมาอาละวาด พุ่งไปแนวหน้าโดยมิหวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อย
ในใจของเขายามนี้มีเพียงสองความคิดเท่านั้น
หากมิสังหารพวกเจ้า ก็ต้องเป็นพวกเจ้าที่จะสังหารข้า ! ให้มันรู้กันไปว่าชะตาของผู้ใดจะแข็งกว่ากัน !
อย่าได้คิดรังแกคุณชายเศรษฐีที่ดินเยี่ยงข้า ฟู่เจวี๋ยเยสังหารกงเซินจ่าง ข้าก็จะสังหารเซวี๋ยติ้งชานเช่นกัน !
เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงได้ถือกำเนิดนักสู้ขึ้น
หากจะกล่าวถึงเฮ้อซานเตา เรื่องทะเลาะต่อยตี คุณชายเศรษฐีที่ดินแห่งหลินจื๋อก็ทำมามิน้อย แต่หากกล่าวถึงการเข่นฆ่า เขาในอดีตมิมีความกล้าเอาเสียเลย
ทว่าพอเข้าสู่สนามรบและได้รับการชักจูงจากบรรยากาศ หลังจากได้รับการอาบด้วยโลหิต เขาก็ได้สังหารคนราวกับหั่นผัก และมิรู้สึกลำบากเลยแม้แต่น้อย กลับยิ่งห้าวหาญมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
เขาสังหารไปเรื่อย ๆ ทันใดนั้นจึงรู้สึกเหนื่อยขึ้นมา จากนั้นจึงสังหารไปพลางครุ่นคิดถึงปัญหานี้ไปพลาง ต้องทำเยี่ยงไรให้การฆ่ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ?
หากใช้หลักการตอบคำถามนี้ ก็คงเกี่ยวไปถึงการเคลื่อนไหว อิริยาบถรวมไปถึงมุมที่ออกแรง จนถึงขั้นต้องเข้าใจโครงสร้างของร่างกายมนุษย์และอื่น ๆ
เห็นได้ชัดว่าเฮ้อซานเตามิได้คิดไปถึงขั้นสูงถึงเพียงนั้น สิ่งที่เขาคิดคือในกระบวนท่าปราบหมื่นบุปผา ต้องทำเยี่ยงไรถึงจะเก็บพลังไว้โดยมิส่งออก แต่สามารถส่งแรงโจมตีที่รุนแรงออกไปได้…
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็ตระหนักสิ่งหนึ่งขึ้นมาได้ นั่นคือการทำให้พวกนางมีความปีติยินดี
แล้วต้องทำเยี่ยงไรกันเล่า ?
ถือเป็นเรื่องง่ายดาย ต้องเกลี้ยกล่อม ต้องหยอกล้อโดยไร้ยางอาย หลังจากนั้นก็ลงดาบ และส่งพวกนางไปยังสรวงสวรรค์เสีย !
ดังนั้น รูปแบบการต่อสู้ของเขาจึงเปลี่ยนไปอย่างแนบเนียน
เฟ่ยอันเห็นชายผู้นั้นงอเอวอย่างกะทันหัน เขามิได้สะบัดดาบออกกว้างอีกต่อไป แต่แล้วในตอนที่กำลังจะสัมผัสกับศัตรูก็ได้ถอยห่างไปอีกครา จากนั้นก็ได้อาศัยจังหวะที่ข้าศึกกำลังตกตะลึง ชักดาบออกมาแล้วแทงเข้าไปในทันใด เยี่ยงนี้ ศัตรูก็ถูกสังหารจนตาย
ในขณะที่สังหารศัตรู สายตาของชายผู้นั้นก็เล็งไปข้างหน้าอย่างชั่วร้าย ดูแล้วมีทัศนวิสัยการมองที่มิเลวเสียทีเดียว สามารถเข้าถึงการสังเกตสถานการณ์ของการรบได้เล็กน้อย เพราะเขามักจะเตรียมการป้องกันพวกลอบโจมตีได้ในชั่วพริบตาขณะที่กำลังสังหารใครอีกคนอยู่
อืม มิเลว… มิเลวเลย… !
จิตสำนึกในการทำกลศึกรุนแรง เปลี่ยนวิธีสู้ได้อย่างง่ายดาย ผู้มีพรสวรรค์ ! ข้าได้เจอกับผู้มีพรสวรรค์ 1 คนแล้ว !
เห็นได้ชัดว่าเฮ้อซานเตามิทราบว่าอนาคตของตนจะเกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะการตัดสินใจแสนบุ่มบ่าม เขาในยามนี้ยังคงสังหารศัตรูอยู่ เขามิรู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่ามีศัตรูตกตายไปด้วยคมดาบของตนไปแล้วกี่คน
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม
เขาก็รู้สึกเหนื่อยมากยิ่งขึ้น อ่อนแรงลงเล็กน้อย ดังนั้น เขาจึงใช้วิธีเบี่ยงเบนความสนใจ เอ่ยพึมพำอยู่ในปากตลอดเวลา
“ข้าจะสังหารพวกเจ้า ! ”
“อยู่ที่ซีหรงดีดีมิชอบ รนออกมาหาที่ตายถึงข้างนอก ! ”
“หึ… เยี่ยงนั้น เจ้ากบฏอย่าได้หนีไปเชียว อยู่ลิ้มรสดาบของข้าเสีย ! ”
“ไอหยา… ข้าเรียกเจ้าอยู่ หยุดฝีเท้าให้ข้าประเดี๋ยวนี้ ! ”
ศัตรูรู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก คนผู้นี้เป็นคนบ้า มิสามารถเอาชีวิตไปเสี่ยงกับเขาได้
ดังนั้น จึงเกิดฉากที่แปลกประหลาดขึ้นในศึกคราใหญ่
มิว่าเฮ้อซานเตาจะผ่านไปที่ใด ศัตรูก็พากันถอยหนีไปทั้งหมด มิมีผู้ใดคิดขวางทางอาวุธของเขา
คนเดียวไล่สังหารคนเป็นกลุ่ม คาดมิถึงว่าจะยังมีแรงราวกับแรงหักไม้ไผ่… ทำให้แม่ทัพฝ่ายศัตรูเยี่ยงเหลียงกุยหยวนเบิกตาโต
นั่นมิใช่กลุ่มทหารชาวบ้านที่ก่อตั้งขึ้นมาชั่วคราวหรอกหรือ ?
มารดามัน ! แต่ละคนโหดร้ายถึงเพียงนี้ ราวกับคนของตนไปขุดหลุมฝังศพบรรพบุรุษของพวกเขาก็มิปาน โดยเฉพาะคนบ้าที่เลือดอาบร่างผู้นั้น ราวกับมิรู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย แทบจะเป็นเครื่องจักรสังหารอยู่แล้ว
สายตาของเหลียงกุยหยวนจ้องไปที่เฮ้อซานเตาเขม็ง คนผู้นี้สมควรตาย !
เขาลอบมองซ้ายแลขวา ในยามนี้มิรู้ว่าลูกศิษย์ทั้งสองที่ติดตามอยู่ข้างกายหายไปไหนหมดแล้ว กล่าวไปก็น่าอับอายยิ่ง ลัทธิจันทราก่อตั้งขึ้นมาจนถึงบัดนี้ก็สองร้อยกว่าปีแล้ว เพียงแค่ครู่เดียวผู้มีฝีมือระดับสูงก็ได้ตกตายกันไปมากพอควร
เหมียวเสี่ยวเสี่ยวถูกศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักเต๋าทำร้ายเสียจนบาดเจ็บสาหัส จนตอนนี้ก็ยังถูกขังเอาไว้อยู่ยังมิถูกปล่อยตัวออกมา
ไป๋หลี่หงส์ถูกอู๋ต้าหลางที่อยู่ในระดับปรมาจารย์เหมือนกัน สังหารได้อย่างง่ายดาย ณ ทางเดินฉีซาน
คนของอั้นเหมินส่วนใหญ่ตายที่ทางเดินฉีซาน และคนของหยิ่นเหมินเองก็ตกตายกันระนาวจากการลอบสังหารฟู่เสี่ยวกวนที่จินหลิง
ราชวงศ์อู๋มีการเปลี่ยนแปลง เดิมทีลัทธิจันทราคิดว่าโอกาสมาถึงแล้ว ท่านศาสดาจึงลงมาควบคุมอำนาจของราชวงศ์อู๋ด้วยตนเอง แต่คาดมิถึงว่ายังมิทันได้เคลื่อนทัพ ก็ถูกอู๋จ้าวรวมไปถึงอู๋ต้าหลางและโจวถงถงที่ตามมาในภายหลังกวาดล้างจนราบเป็นหน้ากลอง
ตอนนี้ท่านศาสดาเป็นหรือตายก็มิอาจล่วงรู้ได้ เหมือนว่านักบุญสาวจะมิค่อยสนใจทำศึกกับราชวงศ์หยูนี้สักเท่าใดนัก ส่วนนักบวช… คนผู้นั้นดูมิน่าเชื่อถือ คาดมิถึงว่าเขาจะส่งผู้มีฝีมือระดับสูง 2 คนไปยังจินหลิง กล่าวว่าไปลอบสังหารภรรยาทั้งสามของฟู่เสี่ยวกวน
คนของหยิ่นเหมินล้วนพ่ายแพ้ที่จินหลิง ทั้งสองจึงไปที่จินหลิงอีกครา เกรงว่าจะเป็นเคราะห์ร้ายมากกว่าเคราะห์ดี
ลัทธิจันทรามีผู้มีฝีมือระดับสูงสุดขั้นหนึ่งอยู่เพียงมิกี่คน พวกเขาจะคอยปกปักเหมืองทองคำที่ลัทธิจันทราพยายามหามาตลอดหลายปีและใช้แรงกายไปอย่างมากกว่าจะค้นพบ
เหลียงกุยหยวนใช้ความคิดอย่างมากในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ สถานการณ์รบในตอนนี้มิเป็นการดีต่อทหารราบซีหรงแล้ว หากมิหยุดยั้งสถานการณ์ที่น่าหดหู่นี้ลง มิต้องเอ่ยถึงการสกัดเฟ่ยอันไว้ 3 วันเลย เกรงว่า 3 ชั่วยามก็จะกลายเป็นปัญหาแล้ว
เยี่ยงนั้น ต้องสังหารชายผู้นั้นเพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจให้กับเหล่าทหารของตน !
ดังนั้น เขาจึงลุกขึ้นยืน สองมือจับเหล็กดาวกระจายเอาไว้ จากนั้นก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศ… !