ตอนที่ 601 ติ้งอันป๋อ
“โดยสรุปแล้ว การบูรณะแม่น้ำฮวงโหเป็นโครงการหนึ่งที่มีระบบต่อเนื่องและยาวนาน”
“ให้เป็นไปตามสถานการณ์จริงของต้น กลาง และปลายน้ำ แต่ละส่วนใช้วิธีการบูรณะที่ไม่เหมือนกัน”
“ขุดลอกแม่น้ำ ผันทราย สร้างคลองเปี้ยน และพัฒนาคลองทดน้ำ นี่คือเรื่องในขั้นตอนเดียวกัน ดังนั้นหลังจากทำการสำรวจภาคสนามแล้ว กรมอุตสาหกรรมจะต้องจัดทำแผนออกมาโดยละเอียด ! ”
“แต่ทว่าวัตถุประสงค์ย่อมมิเปลี่ยนแปลงไปซึ่งนั่นก็คือการใช้น้ำโจมตีทราย การสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำจะเปลี่ยนอันตรายให้กลายเป็นประโยชน์ ! ”
“กระหม่อมกล่าวจบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฟู่เสี่ยวกวนโค้งคำนับ ทั่วทั้งท้องพระโรงยังคงเงียบไร้เสียงอยู่ดังเดิม
ฟังมิค่อยเข้าใจ แต่รู้ว่าต้องล้ำลึกมากเป็นแน่ !
เสนาบดีจำนวนมากจ้องมองแผ่นหลังนั้นด้วยความตกตะลึง ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าร่างของเจวี๋ยเยท่านนี้สูงใหญ่โดยไร้ที่เปรียบ !
เรื่องบทความบทกวีก็มิมีผู้ใดเทียบเคียงได้ นโยบายทางเศรษฐกิจก็เป็นที่น่าจับตามอง ทั้งยังวางแผนการรบอย่างชาญฉลาดอยู่หลายครา และคาดมิถึงว่าวันนี้จะเอ่ยถึงนโยบายการบูรณะแม่น้ำฮวงโหเป็นวรรคเป็นเวรได้อีกด้วย !
นี่ช่างเป็นบุคคลที่ร้ายกาจยิ่ง !
ฮ่องเต้เองก็ตกตะลึงงัน เดิมทีคิดว่าฟู่เสี่ยวกวนทำเพื่อให้เป็นกระแสเท่านั้น คาดมิถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะถกเถียงออกมาเสียยาวเหยียด ทั้งยังกล่าวอย่างมีหลักการ ราวกับ… ราวกับว่านั่นสมเหตุสมผลดี
นี่… ฝ่าบาทเองก็มิทราบเช่นกันว่าต้องทำเยี่ยงไรต่อไปดี
“…ปี้ตง ที่ใต้เท้าฟู่กล่าวมา เจ้ามีความคิดเห็นเยี่ยงไรบ้าง ? ”
ปี้ตงเองก็งุนงงเป็นอย่างมาก ข้ามิได้เพิ่งจะกล่าวว่าจะขยายช่องทางน้ำหรอกหรือ ? ฟู่เจวี๋ยเยก็กล่าวไปแล้วครึ่งชั่วยาม เขากล่าวไปตั้งมากมาย คิดว่าน่าจะถูกอยู่แล้ว
ปี้ตงเป็นเสนาบดีกรมอุตสาหกรรมแต่ก็มิใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านชลประทาน ในกรมอุตสาหกรรมผู้ที่จัดการด้านชลประทานคือกรมทางน้ำ ดังนั้นเขาจึงรีบกล่าวขึ้นมาว่า “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าที่ฟู่เจวี๋ยเยกล่าวมานั้นมีหลักการมากยิ่งนัก เยี่ยงนั้นแล้ว กระหม่อมจะส่งคนไปตาม ซุ่ยจึชี หลางจงกรมทางน้ำมาให้ทั้งสองหารือกัน ดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ? ”
“ตอนนี้ซุ่ยจึชีอยู่ที่ใด ? ”
“อยู่ที่ลานตะพักลําน้ำจิงเจียง แม่น้ำแยงซีพ่ะย่ะค่ะ”
ฝ่าบาทขมวดคิ้วมุ่น “ไปที่นั่นเพื่อทำอันใดกัน ? ”
“เขากล่าวว่าช่องทางน้ำของลานตะพักลําน้ำจิงเจียงโค้งเป็นพิเศษ หากเกิดฝนตกอย่างต่อเนื่องที่แม่น้ำแยงซีทั้งสาย จะทำให้ระดับน้ำสายย่อยของแม่น้ำสายหลักในอี้หลิง ทะเลสาบต้งถิง และทะเลสาบผู่หยาง รวมไปถึงลุ่มแม่น้ำฮันทางตอนเหนือจะสูงขึ้นพร้อมกัน มีความเป็นไปได้สูงที่เขื่อนลานตะพักลําน้ำจิงเจียงจะทะลัก ดังนั้น…เขาไปตั้งแต่ต้นเดือนสองแล้ว เขากล่าวว่ามิไว้วางใจพ่ะย่ะค่ะ”
ฟู่เสี่ยวกวนชะงักลงเล็กน้อย หลางจงกรมทางน้ำผู้นี้มีความสามารถ ซุ่ยจึชี ข้าจะจดจำนามนี้เอาไว้
ฝ่าบาทครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็หันไปทอดพระเนตรฟู่เสี่ยวกวนด้วยท่าทียิ้มแย้ม “เยี่ยงนั้นก็เอาตามนี้ เสี่ยวกวนเอ๋ย เจ้าจงจัดเตรียมบรรยายแผนงานการบูรณะแม่น้ำฮวงโหเอาไว้ รอจนซุ่ยจึชีกลับมาแล้ว ข้าจะให้เขาอ่าน”
“ให้จัดการเช่นนี้ไปก่อน ในตอนนี้ข้าต้องการกล่าวอีกเรื่องหนึ่ง เดิมทีเตรียมจะเสนอในการประชุมใหญ่ราชวงศ์…” ฝ่าบาทลุกขึ้นจากบัลลังก์มังกร ดำเนินมาสองก้าวและตรัสออกมาว่า “ในเมื่อใต้เท้าฟู่ได้มาถึงแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็มาตัดสินเรื่องนี้เสียเลย”
“สงครามทางตะวันตกเฉียงใต้ได้สิ้นสุดลงแล้ว กบฏเซวี๋ยและกบฏสีล้วนถูกประหาร แม่ทัพใหญ่เฟ่ยอันได้จัดระเบียบทหารเดิมของกองทัพชายแดนตะวันตกจำนวน 180,000 นาย และได้เกณฑ์ทหารใหม่จำนวน 120,000 นาย บัดนี้ได้สร้างกองทัพชายแดนตะวันตกขึ้นมาใหม่”
“กองทัพชายแดนใต้ของหยูชุนชิวกำลังมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ราบชังซี ยังต้องเกณฑ์ทหารเพิ่มอีกหนึ่งแสนกว่านาย การเกณฑ์ทหารของกองทัพชายแดนเหนือได้สิ้นสุดลงแล้ว ข้าอนุญาตให้เผิงเฉิงอู่ขยายกองทัพชายแดนเหนือไปถึง 400,000 นายได้ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากแคว้นฮวงที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ นอกจากนี้การเกณฑ์ทหารกองทัพชายแดนตะวันออกก็จบลงแล้วเช่นกัน ในตอนนี้กองทัพชายแดน 300,000 นายของแม่ทัพหยูเวิ่นเทียนได้ประจำการอยู่ที่ด่านหว่าเฉียวทางตะวันออกของเทือกเขาฉางหลิงที่ว่อเฟิงเต้า”
“สงครามภายในราชวงศ์หยูได้จบลงแล้ว ตอนนี้กองกำลังดาบเทวะกองกำลังที่สามได้เขาไปยังซีหรง…และข้าจะบอกข่าวดีแห่งชัยชนะจากเมื่อวานให้พวกเจ้าได้ฟัง”
“กองกำลังดาบเทวะกองกำลังที่สามจำนวน 2,800 นายสามารถเอาชนะกองทัพจอมยุทธ์ชุดดำจำนวน 100,000 นายของหยูเล่อได้ที่ภูเขาเหวิน ! ”
เหล่าขุนนางต่างตกตะลึงงันขึ้นมาทันพลัน ว่าเยี่ยงไรนะ ?
กองกำลังดาบเทวะอีกแล้วหรือ ?
คนจำนวน 2,800 คนสามารถเอาชนะจอมยุทธ์ชุดดำ 100,000 คนได้เยี่ยงนั้นหรือ ?
“ซี๊ด…” ทั่วท้องพระโรงเต็มไปด้วยเสียงสูดลมหายใจ กองทัพทหารดาบเทวะนี้เป็นกองทัพที่มิมีผู้ใดสามารถเอาชนะได้อย่างแท้จริง !
ฟู่เสี่ยวกวนผู้นี้… สายตาของทุกคนต่างมองไปยังแผ่นหลังของฟู่เสี่ยวกวนที่ก็ชะงักค้างเช่นกัน เขายังมิได้รับข่าวนี้เลยนี่
ฮ่า ๆ ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะขึ้นมา ซูม่อทำได้แล้ว !
แม่ทัพใหญ่ทั้งสองที่มีอยู่ในมือตอนนี้ ไป๋ยู่เหลียน 1 คน ซูม่อ 1 คน ทั้งสองคือแกนนำหลักในภายภาคหน้าของกองทัพทหารดาบเทวะ
ฮ่องเต้ทอดพระเนตรสีหน้าตกตะลึงของเหล่าเสนาบดีด้วยท่าทีแสนพอพระทัย แย้มพระโอษฐ์ขึ้นเล็กน้อย ลูบเคราสั้นเบา ๆ สายพระเนตรปักอยู่ที่ใบหน้าของฟู่เสี่ยวกวน
อืม… บุตรเขยผู้นี้ได้แก้ไขเรื่องยุ่งยากคับฟ้าของข้าไปแล้ว ทั้งยังเพิ่มเกียรติยศให้ข้ามิน้อยเลยทีเดียว เฮ้อ ! ออกเดินทางไปหนึ่งรอบ เจ้าเด็กนี่ผอมลงมิน้อยเลย มิได้การแล้ว ต้องบำรุงเพิ่มอีกสักหน่อยเพราะจะทำให้เขาเหน็ดเหนื่อยจนเกินไป
รบกวนฟู่เสี่ยวกวนเสียจนเหน็ดเหนื่อย แล้วข้าจะไปอธิบายกับบิดาเขาได้เยี่ยงไร ?
แต่กล่าวไปแล้ว ราชวงศ์หยูในตอนนี้เรียกได้ว่ายังมีอีกหลายสิ่งรอให้เขาทำ เขตเศรษฐกิจในว่อเฟิงเต้าก็ยังต้องพึ่งพาให้เขามาสร้างแบบจำลอง อ่า… ประทานป๋อเจวี๋ยให้เขาก็ยังมิพอ ยังต้องบำเหน็จให้เขาอีกสักเล็กน้อย
“เรื่องสงครามทางตะวันตกเฉียงใต้ เดิมทีข้ากังวลว่ากบฏเซวี๋ยจะปรากฏตัวที่ฉินหลิงและเข้าไปยังป่าไป๋หลี่ชุนชวนก่อความโกลาหลให้แก่บ้านเมือง แต่ฟู่เสี่ยวกวนและกองกำลังดาบเทวะกองกำลังที่สามกลับสามารถกำจัดหายนะในด่านชีผานและเมืองเจี้ยนเหมินไปได้
แน่นอนว่าเผิงยวี๋เยี่ยนและเฟ่ยอันต่างก็ได้สร้างคุณงามความดีคราใหญ่เช่นกัน ข้าเองก็มีรางวัลให้พวกเขาอีกต่างหาก”
จะประทานยศให้ฟู่เจวี๋ยเยอีกแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?
คราก่อนที่เขาได้รับจึเจวี๋ยมานั้น เพิ่งจะผ่านไปเมื่อมินานมานี้นี่เองมิใช่หรือ ?
เพิ่งจะผ่านไปเพียงสามเดือนเศษเท่านั้น หรือว่าครานี้จะได้เลื่อนขั้นอีกแล้วกัน ?
ฉินฮุ่ยจือถูกโจมตีอย่างจัง ตำแหน่งรองเสนาบดีการเมืองแห่งสำนักอัครมหาเสนาบดีที่ว่างอยู่นี้ ที่ผ่านมาฝ่าบาทมิเคยตรัสถึงการเลือกคนมาก่อน หรือว่าตำแหน่งนี้มีไว้เพื่อฟู่เจวี๋ยเย ?
รองเสนาบดีการเมืองขั้นสองที่อายุ 18 ปี… นี่ ได้สิ่งนี้มาได้เยี่ยงไรกัน ?
แต่ทว่าคนผู้นี้ก็อาศัยความสามารถของตนอย่างแท้จริง !
เจรจากับแคว้นอี๋ก็สามารถทำให้แคว้นอี๋ยอมลงนามใน ‘สนธิสัญญาเงินชดเชยติงเว่ย’ ภายในเวลา 1 ชั่วยามได้ ศึกปราบกบฏ ฟู่เจวี๋ยเยก็ตะบึงม้าไปด้วยตนเอง จู่โจมอย่างรวดเร็วและกวาดล้างกบฏด้วยการลงมือเพียงคราเดียว
และเมื่อครู่ เขาก็ยังได้แสดงความคิดเห็นสุดล้ำลึกที่มิอาจคาดเดาได้เกี่ยวกับการบูรณะแม่น้ำฮวงโหออกมา…
คนที่เก่งกาจเยี่ยงนี้ก็สมเหตุสมผลที่จะเป็นรองเสนาบดีการเมือง
ฝ่าบาทแย้มพระสรวล และตรัสอีกว่า “ฟู่เสี่ยวกวนและกองทหารดาบเทวะของเขาได้สร้างคุณูปการในสงครามตะวันตกเฉียงใต้ ดังนั้น ข้าจึงตัดสินใจจะมอบรางวัลให้ฟู่เสี่ยวกวนเป็นป๋อเจวี๋ยขั้นสาม สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมิมียุติ เลื่อนให้ฟู่เสี่ยวกวนเป็นติ้งอันป๋อ มอบที่ดินหมู่บ้านเสี้ยชุน ณ หลินเจียงให้ ! ”
ทันทีที่ฝ่าบาทรับสั่งจบ ทั่วทั้งท้องพระโรงก็ตกอยู่ในอาการตะลึงงันทันที
ป๋อเจวี๋ยขั้นสามที่มีอายุ 18 ปี… ถึงแม้เหล่าขุนนางจะคิดถึงความเป็นไปได้นี้แล้ว แต่เมื่อออกมาจากพระโอษฐ์ของฝ่าบาทเองแบบนี้ก็ยังทำให้พวกเขาใจสั่นสะท้านอยู่ดี
ช่างเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่อันใดเยี่ยงนี้ !
สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมิมียุติ ทั้งยังประทานที่ดินให้ ทุกหย่อมหญ้าบนที่ดินผืนนั้นและชาวบ้านทุกคนต่างก็เป็นของตระกูลฟู่ทั้งหมดแล้ว !
ชายผู้นี้เก่งกาจอย่างแท้จริง ตระกูลของตนยังมีเด็กสาวที่ยังมิได้ออกเรือนอยู่ รอดูว่าจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดติ้งอันป๋อผู้นี้หรือไม่ หากสามารถเป็นอนุของเขาได้… ตระกูลของตนจะต้องรุ่งโรจน์ขึ้นอย่างแน่นอน !
ที่สำคัญคืออายุ คนผู้นี้เพิ่งจะอายุ 18 ปีเท่านั้น หากเขาสามารถสร้างผลงานได้อีกที่ว่อเฟิงเต้า โหวเจวี๋ยขั้นสองก็เป็นเรื่องเหมาะสม และยังมีความเป็นไปได้สูงอย่างมากที่จะได้เลื่อนขั้นไปถึงจุดสูงสุดอย่างกงเจวี๋ย !
ท่ามกลางสายตาอิจฉาอย่างร้อนแรงของเสนาบดีใหญ่ ฟู่เสี่ยวกวนกลับโค้งคำนับ “ฝ่าบาท กระหม่อมเกรงว่าจะรับไว้มิไหวพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดอยากจะขอใช้ตำแหน่งป๋อเจวี๋ยนี้แลกกับคนจำนวนหนึ่งจากฝ่าบาทแทน”
…นี่หมายความว่าเยี่ยงไร ?
มิต้องการเป็นติ้งอันป๋อเยี่ยงนั้นหรือ ?
เขาต้องการแลกผู้ใดกัน ?