ตอนที่ 682 ผ่าคลอด (2)
เจ้าเด็กคนนี้คงปวดใจจนเสียสติไปแล้ว !
ใช่ ! เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้มาบังเกิดขึ้นกับเขา อีกทั้งเขาเพิ่งจะมีอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น แล้วเขาจะแบกรับความเศร้าเสียใจคราใหญ่นี้ได้เยี่ยงไร
เวิ่นหวินเหลือเวลาไม่มากแล้ว เช่นนั้นให้ทั้งสองสามีภรรยาได้ร่ำลากันดีกว่า
เวิ่นหวินได้สามีที่เปี่ยมน้ำใจและมีศีลธรรมเช่นนี้ก็ถือเป็นโชควาสนาของนางเช่นกัน
ฮองเฮาซั่งทอดพระเนตรฟู่เสี่ยวกวนแล้วลุกขึ้นยืน ในขณะที่ก้าวเดินออกไปยังตรัสอีกว่า “เสี่ยวกวน…บางคราโชคชะตาก็ลิขิตชีวิตเราไว้แล้ว ข้ารู้ว่าเจ้าเสียใจมาก ทว่า…”
ในเวลานี้ฟู่เสี่ยวกวนไม่มีเวลาฟังที่ฮองเฮาซั่งตรัส เขาจึงรีบตัดบทโน้มน้าวของฮองเฮาซั่ง โดยการออกคำสั่งต่อเหล่าหมอหลวงทันที
“ตอนนี้ทุกคนจงฟังข้า หมอหลวงให้ไปเตรียมหมาฝู่ส่าน1 สีผึ้งห้ามเลือด และไหมจากลำไส้แกะ2 มาให้ครบถ้วน ประเดี๋ยวนี้เลย ! ”
“ซินเหยียน เจ้าเข้าไปเป็นลูกมือของตงเซวี๋ย”
“นอกจากนี้ก็เตรียมห้องไว้ให้ข้า 1 ห้อง แล้วตั้งน้ำ 2 หม้อเพื่อเตรียมน้ำร้อนให้ข้า ! ”
“ชูหลาน เจ้าเข้าไปต้มซุปโสมในครัวมา 1 ถ้วย”
“เสี่ยวโหลว เจ้าพาคนไปนำกระจกสัมฤทธิ์ทั้งหมดที่มีมาไว้ที่นี่ ! ”
“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าต้องการโคมไฟจำนวนมาก ! ”
ในเวลานี้ฟู่เสี่ยวกวนจัดเตรียมลำดับขั้นตอนก่อนผ่าตัดและหลังผ่าตัดไว้โดยละเอียดถี่ถ้วน ฮ่องเต้เสด็จมาถึงที่นี่นานแล้ว ในยามที่ได้ฟังราชบุตรเขยออกคำสั่งเป็นชุด ก็ตกพระทัยเสียจนต้องหันไปสบดวงเนตรกับฮองเฮาซั่งด้วยความงุนงง
ยามนี้หัวหน้าหมอหลวงหลี่ปิงคุนเอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า “ติ้งอัน…”
“หุบปาก ! ตอนนี้ข้ามิมีเวลามาอธิบายให้พวกท่านฟัง จงรีบทำตามที่ข้ากำชับประเดี๋ยวนี้ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนตะคอกกลับ จากนั้นทุกคนก็รีบเคลื่อนไหวอย่างอลหม่านทันที
ในไม่ช้าทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการก็ถูกจัดเตรียมไว้อย่างครบครัน ฟู่เสี่ยวกวนเดินเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูอย่างมิดชิด
เขาจุดเทียนและโคมไฟจำนวนมากจากนั้นก็แขวนไว้ตรงกลางคาน และได้ติดกระจกทองสัมฤทธิ์หลายบานเอาไว้รอบ ๆ เทียน
“เวลามิคอยท่า เจ้าลงมือผ่าบนเตียงนี่เลย ! ”
หนานกงตงเซวี๋ยพยักหน้า จากนั้นก็รีบเปิดกล่องยาเพื่อนำเครื่องมือมาฆ่าเชื้อ
ฟู่เสี่ยวกวนขยับมุมกระจก แสงจากโคมไฟสะท้อนไปยังกระจกที่จัดมุมไว้ จากนั้นก็ส่องสว่างไปที่ร่างของหยูเวิ่นหวินซึ่งอยู่บนเตียงได้อย่างพอเหมาะ
“ตอนนี้เริ่มล้างพิษและฆ่าเชื้อได้ ซินเหยียนพ่นสุราหมักทุกซอกทุกมุม”
“ข้าเข้าใจแล้ว ! ”
สวี่ซินเหยียนเริ่มพ่นสุราหมักไปทั่วทุกมุมห้อง ส่วนหนานกงตงเซวี๋ยเตรียมอุปกรณ์ผ่าตัดทุกชนิดอย่างระมัดระวัง
หยูเวิ่นหวินตื่นขึ้นมาอีกคราจากความเจ็บปวดอันแสนสาหัส ส่วนฟู่เสี่ยวกวนคอยนั่งบีบมือให้กำลังใจนางอยู่เคียงข้างไม่ห่างไปที่ใด
“อย่าได้กลัวไปเลย ข้าผู้เป็นสามีของเจ้าจะช่วยเจ้าเอง ! ”
หยูเวิ่นหวินกัดฟันแน่น นางมองไปยังใบหน้าอันหล่อเหลาของฟู่เสี่ยวกวนแล้วพยายามฝืนยิ้มให้เขา
“มิเป็นอันใดหรอก หากเจ้าเจ็บก็จงร้องออกมา แล้วมันจะช่วยให้เจ้ารู้สึกดีขึ้น”
“อย่า…ลูกชายของเราอยากออกมาดูโลก ท่านพี่ช่วยลูกของเราด้วย ต่อให้ข้าตายก็มิเสียดายเพราะเขายังมีแม่ที่เลี้ยงดูเขาอีกหลายคน”
“เจ้าอย่าได้เอ่ยวาจาเหลวไหลเลย ต่อให้ลูกของเรามิรอด แต่เจ้าต้องมีชีวิตรอด เพราะหากเจ้ารอดก็ยังสามารถให้กำเนิดใหม่ได้”
ใบหน้าของหยูเวิ่นหวินชุ่มไปด้วยเหงื่อ นางพยายามหอบหายใจ “ข้า… ข้ากลัว…กลัว กลัวว่าจะมิรอด ท่าน… ท่านอย่าได้เสียใจไปเลย…”
“เจ้าคือภรรยาของข้าและต้องเชื่อสามีของเจ้าว่ามิมีสิ่งใดที่ข้าทำมิได้ ! มิมีผู้ใดพรากตัวเจ้าไปจากข้าได้ทั้งสิ้น ต่อให้เป็นสวรรค์ก็มิมีสิทธิ์ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนบรรจงเช็ดเหงื่อให้หยูเวิ่นหวินอย่างเบามือและอ่อนโยน “ต่อไปนี้ หนานกงตงเซวี๋ยจะช่วยเจ้าผ่าคลอดและเจ้าต้องเชื่อมั่นในตัวข้า อย่ายอมแพ้เป็นอันขาด ! ”
“พวกเราตกลงกันแล้วว่า ใต้หล้าที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ ในอนาคตพวกเราจะท่องไปด้วยกันมิใช่หรือ ? ”
“เจ้าเป็นสตรีที่เข้มแข็ง เช่นนั้นในยามนี้ห้ามยอมแพ้เป็นอันขาด ! หากเจ้าจากไปแล้ว ชีวิตข้าจะมีความสุขได้เยี่ยงไร ? ”
หยูเวิ่นหวินยื่นมือไปลูบหน้าผากของฟู่เสี่ยวกวน ทันใดนั้นนางก็หัวเราะเสียงเบาออกมา
“ข้าสัญญา ข้าจะมิยอมแพ้เป็นอันขาด เพราะข้ายังอยากมีลูกให้ท่านอีกหลายคน ! ”
“หากข้าไปแล้วพวกชูหลานคงขาดคนเล่นไพ่นกกระจอกด้วยเป็นแน่ ข้า… ข้าจะพยายามมีชีวิตต่อ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้ารับอย่างแน่วแน่ อีกด้านหนึ่งหลี่ปิงคุนก็มาพร้อมหมาฝู่ส่านและสีผึ้งห้ามเลือด เขาได้กลิ่นแรงของสุรามาจากในห้องจึงเกิดความงุนงง แต่สุดท้ายยาทั้งหมดก็ถูกสวี่ซินเหยียนนำเข้าไป
“ข้าพ่นสุราหมักทุกที่แล้ว”
“ดี ! ตงเซวี๋ยเตรียมตัวพร้อมแล้วหรือยัง ? ”
“พร้อมแล้ว ข้าจะป้อนหมาฝู่ส่านให้กับนางก่อน…” หนานกงตงเซวี๋ยยกถ้วยยาขึ้นมา จากนั้นก็เข้าไปนั่งข้างหยูเวิ่นหวิน “พี่สาว หลังจากดื่มยานี้เข้าไปแล้วท่านจะหมดสติชั่วคราว จากนั้นข้าจะช่วยผ่าคลอดให้กับท่าน โดยจะผ่าที่ช่วงท้องแล้วช่วยทารกออกมาจากนั้นก็จะเย็บปิดแผลให้ ท่านอาจจะรู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้างในขั้นตอนเหล่านี้ แต่ทว่าจงอดทนเอาไว้ ข้าจะใช้เวลาทั้งหมดราว 1 ชั่วยาม มิว่าเยี่ยงไรขอให้ท่านอดทนตลอดเวลา 1 ชั่วยามนี้ให้จงได้”
หยูเวิ่นหวินพยักหน้าอย่างแน่วแน่ ฟู่เสี่ยวกวนจึงประคองนางขึ้นมาแล้วให้หนานกงตงเซวี๋ยป้อนยา
นางเอนกายพิงไหล่ฟู่เสี่ยวกวนอยู่เช่นนั้น ผ่านไปมินานจึงค่อย ๆ ผล็อยหลับไป
หนานกงตงเซวี๋ยช่วยถอดอาภรณ์ให้นาง ส่วนฟู่เสี่ยวกวนบรรจงวางตัวนางให้นอนลงบนเตียง
“มิต้องกลัว ข้ารู้ว่าการผ่าเช่นนี้ย่อมเกิดเรื่องผิดพลาดได้ ขอเพียงเจ้าสงบสติอารมณ์ เพ่งสมาธิไปที่มืออย่างมั่นคงแล้วที่เหลือก็ให้เป็นไปตาม…ชะตาฟ้าลิขิตเถอะ ! ”
“อืม ! ท่าน ท่านจะ…ออกไปหรือไม่ ? ”
“ไม่ ! ข้าจะอยู่กับนางที่นี่”
……
……
สุดท้ายก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นในห้องนี้บ้าง
ฮองเฮาซั่งทอดพระเนตรไปที่ห้องอย่างพระทัยจดจ่อ พร้อมด้วยน้ำใสที่ไหลอาบปรางแก้ม
ฮ่องเต้ทรงกอดฮองเฮาซั่งเอาไว้ แล้วตรัสปลอบใจว่า “บางที…เขาอาจจะมีวิธีช่วยจริง ๆ ”
ฮองเฮาซั่งหัวเราะทั้งน้ำตา เขายังมีวิธีใดอีกเล่า ?
เขาเป็นเพียงบุรุษหนุ่มวัย 18 ปีที่ช่ำชองในการประพันธ์บทกวีและมีพรสวรรค์ในการกอบกู้แคว้น แต่ทว่านี่มันคือเรื่องการให้กำเนิดบุตรของสตรี !
หรือเขารู้ว่าสตรีควรให้กำเนิดบุตรเช่นไร ?
รับรู้แล้วเยี่ยงไร ? นี่มันคือสถานการณ์ให้กำเนิดยาก !
ทารกในครรภ์ของเวิ่นหวินนอนตะแคง แม้แต่หมอหลวงทุกคนในพระราชวังยังมิอาจหาวิธีได้ ซึ่งในความเป็นจริงปัญหานี้ยังมิสามารถหาวิธีแก้ที่เหมาะสมได้มานานนับพันปีแล้ว
ฝ่าบาทเพียงแค่ตรัสปลอบใจนางเท่านั้น
เวิ่นหวินคงมิสามารถผ่านพ้นคืนนี้ไปได้ ดังนั้นพระนางก็ได้เตรียมใจไว้แล้วเช่นกัน
“ตอนนี้นางกลายเป็นคนของตระกูลฟู่แล้ว หากนางตายก็ต้องนำศพไปฝังไว้ที่สุสานของตระกูลฟู่… หลินเจียงค่อนข้างไกลจากที่นี่…เกรงว่านางจะเหงา”
ฮ่องเต้ไม่ตรัสอันใดอยู่เนิ่นนาน พระองค์เพียงเงยพระพักตร์ขึ้นแล้วทอดถอนพระทัยออกมา ในยามนี้ทรงได้ค้นพบความจริงข้อหนึ่งของชีวิตว่า ต่อให้เป็นฮ่องเต้ผู้เปรียบดั่งโอรสจากสวรรค์ แต่ทว่าสุดท้ายเมื่อได้เผชิญหน้ากับปัญหาเช่นนี้ก็ไร้หนทางจะแก้ไขอย่างแท้จริง
ในเวลานี้หลี่ปิงคุนโค้งกายลงอย่างถูกธรรมเนียมแล้วทูลว่า “ทูลฝ่าบาท ติ้งอันป๋อต้องการหมาฝู่ส่าน สีผึ้งห้ามเลือด และไหมลำไส้แกะ… ทั้งสามสิ่งนี้มักใช้ในการเย็บบาดแผล กระหม่อมคาดเดาอย่างอาจหาญว่าติ้งอันป๋ออาจจะใช้วิธีผ่าเปิดช่องท้องขององค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ตกพระทัยอยู่มิน้อย “เยี่ยงนี้จะมิเป็นการทำให้ลูกของข้าตายด้วยสภาพศพมิสมบูรณ์หรอกหรือ ? ”
“หรือว่าราชบุตรเขยสนใจแต่บุตรชาย มิได้สนใจความรู้สึกของเวิ่นหวินเลยแม้แต่น้อย ? ”
หลี่ปิงคุนตื่นตกใจจนแทบจะกระโดดเหยง เขารีบเอ่ยอย่างตื่นตระหนกขึ้นมาทันทีว่า “หรือว่า… หรือว่าวิธีการเช่นนี้จะสามารถช่วยทั้งสองชีวิตได้จริงพ่ะย่ะค่ะ ! ”
ฮ่องเต้เกิดความฉงนมานานแล้วจึงตรัสถามว่า “เจ้าเอ่ยจริงเยี่ยงนั้นหรือ ? เคยมีตัวอย่างมาก่อนหรือไม่ ? ”
“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเคยได้ยินมาว่ายอดหมอแห่งราชวงศ์อู๋นามสุ่ยหยุนเจียนเคยใช้วิธีนี้มาก่อน ตอนนั้นเขาทำสำเร็จ 5 รายและล้มเหลว 5 รายพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนี้ก็เท่ากับมีโอกาสครึ่งหนึ่งใช่หรือไม่ ? ”
“มีติ้งอันป๋ออยู่ด้วยทั้งคน กระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่เพียงครึ่งเดียวพ่ะย่ะค่ะ ! ”
ฮองเฮาซั่งตกตะลึงอยู่เนิ่นนาน สายพระเนตรจับจ้องไปที่หน้าต่างห้องนั้นอีกครา
หน้าต่างบานนั้นสว่างไสวเป็นอย่างมาก หรือว่าเขาจะเข้าใจศาสตร์แห่งการแพทย์อย่างแท้จริง ?
1หมาฝู่ส่าน เป็นยาระงับความรู้สึกชนิดรับประทานก่อนผ่าตัด
2ไหมลำไส้แกะ ทำมาจากโปรตีนที่สกัดจากลำไส้แกะ เป็นไหมชนิดเดียวกับไหมละลายที่ทางการแพทย์แผนตะวันตกนำมาใช้เย็บแผลผ่าตัด