ตอนที่ 700 เขามิเหมือนผู้ใด
คำเอ่ยของฟู่เสี่ยวกวนได้ทลายความคิดยึดติดในกรอบชนชั้นทางสังคมของพวกจังเหวินฮุยเสียจนหมดสิ้น
บนผืนปฐพีนี้ พ่อค้าเยี่ยงพวกตนอย่าว่าแต่อยู่ต่อหน้าผู้ตรวจการเลย ต่อให้อยู่ต่อหน้าท่านนายอำเภอก็มิบังอาจปลดปล่อยความเป็นตัวของตัวเองออกมาอย่างสบายใจได้
แต่ทว่าคำเอ่ยของฟู่เสี่ยวกวนนั้นออกมาจากใจจริง ทำให้พวกเขารู้สึกว่าบุรุษผู้นี้ช่างแตกต่างจากที่จินตนาการเอาไว้อย่างสิ้นเชิง
ติ้งอันป๋อ !
ในราชวงศ์หยูอันยิ่งใหญ่ ก็มีเพียงแค่ท่านผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นขุนนางผู้สูงส่ง !
และท่านยังมีอีกหนึ่งสถานะที่น่าตื่นตกใจ และยังเป็นสถานะที่ผู้ใดก็มิกล้าเอ่ยถึงอีกด้วย
แม้กระทั่งระหว่างทางที่พวกเขากำลังเดินทางไปยังประตูเมืองทางทิศตะวันตก พวกเขาก็ยังคิดว่าจะต้องถูกขุนนางผู้สูงศักดิ์ปฏิเสธเป็นแน่ หรือกลัวว่าจะมิมีโอกาสได้สนทนากับท่านเลยแม้แต่ประโยคเดียว
แต่ทว่าทุกอย่างกลับตาลปัตรจากสิ่งที่ได้คาดการณ์เอาไว้ทั้งหมด เนื่องจากท่านผู้นี้มิใช่คนประเภทนั้นเลย !
เขาเป็นเหมือนเด็กหนุ่มอายุ 17 ปีที่อาศัยอยู่บ้านใกล้เรือนเคียงก็เท่านั้น
เพียงแต่ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้มิกิริยาท่าทางเปี่ยมไปด้วยมารยาท วาจามาจากใจจริง อีกทั้งยังมีกาลเทศะมากอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้บรรยากาศในห้องพลันผ่อนคลายขึ้นมาทันตา ทำให้มีบรรยากาศเฮฮาและคึกคักขึ้นมาในทันใด แม้ว่าพวกจังเหวินฮุยจะยังมีท่าทีระมัดระวังให้เห็นอยู่บ้าง แต่ก็ผ่อนคลายและทำตัวเป็นธรรมชาติมากขึ้นแล้ว
“ติ้งอันป๋อ ข้าน้อยเคยไปเยือนเมืองจินหลิงเมื่อรัชสมัยเซวียนลี่ปีที่สาม ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองจินหลิงนั้นที่ว่อเฟิงเต้าเทียบมิติดเลย ! ยังมิต้องเอ่ยถึงอย่างอื่นเพราะแม้แต่เรื่องของกินเพียงอย่างเดียวในเมืองจินหลิงก็มีอาหารรสเลิศอยู่ทั่วทุกมุม ถ้าโอ่อ่าสักหน่อยที่หอซื่อฟางนั้นย่อมดีเลิศเป็นที่สุด !
ข้ายังจำชื่ออาหารจานนั้นที่หอซื่อฟางได้เป็นอย่างดี มันมีชื่อว่าปลานึ่งราดซอสทะเลสาบซีหู รสชาติของมันช่าง…อืม ข้าน้อยยังจำติดตรึงได้จนถึงทุกวันนี้ ยากที่จะลืมเลือนอย่างแท้จริง ! ”
หวังเสี่ยวจงแห่งเพียวเซียงหยวนกล่าวเยินยอ ทำเอาฟู่เสี่ยวกวนต้องหัวเราะเสียงดังลั่นออกมา “เถ้าแก่หอซื่อฟางเกรงว่าต้องมาเปิดสาขาที่นี่เสียแล้ว ถึงตอนนั้นทุกท่านคงมีโอกาสได้ลิ้มรสชาติอาหารของภูมิภาคเจียงหนาน”
“จริงเยี่ยงนั้นหรือขอรับ ? ”
“ขอเอ่ยกับทุกท่านตามตรงอย่างมิปิดบังว่า หอซื่อฟางนั้นเรียกว่าเป็นครัวหลังจวนของข้า เพราะข้าเป็นแขกประจำของที่นั่น ท่านผู้ว่าหนิงสามารถเป็นพยานได้ ! ”
เขาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อว่า “จะว่าไปแล้วอาหารที่หอสุ่ยหยุนก็ใช้ได้เลยล่ะ มีรสชาติพิเศษทั้งปลาห่อชา เหมาเฟิงรมควันและไก่ป่าตุ๋นเห็ดที่มีความร้อนกำลังพอเหมาะ อีกทั้งปรุงรสได้ละมุนลิ้นเสียเหลือเกิน”
จังเหวินฮุยรู้สึกปลื้มใจเป็นอย่างมาก เพราะด้วยฐานะของติ้งอันป๋อ ถ้ารสชาติถูกปากย่อมเป็นรสชาติชั้นเลิศ เดิมทียังแอบกังวลว่าอีกฝ่ายจะทานมิได้ แต่คาดมิถึงว่าจะได้ยินคำสรรเสริญเยินยอออกมาจากปากของท่าน
“เถ้าแก่แห่งหอสุ่ยหยุนเป็นน้องเขยคนเล็กของข้าน้อยเอง หากติ้งอันป๋อชื่นชอบจานใดย่อมสามารถส่งคนมาบอกกล่าวแก่เขาได้ ข้าน้อยรับประกันเลยว่าอาหารที่ติ้งอันป๋อสั่งจะถูกส่งไปถึงหน้าประตูจวนติ้งอันป๋อในขณะที่กำลังเดือดปุด ๆ อย่างแน่นอน ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนเผยรอยยิ้มให้เห็นตรงมุมปาก “เรื่องนี้ย่อมเป็นไปได้อย่างแน่นอน แต่พวกเราต้องเจรจากันให้ชัดเจนเสียตั้งแต่ตอนนี้ว่าราคาเท่าใดก็จ่ายจริงตามนั้น ข้าขอใช้โอกาสในการดื่มสุราครานี้เอ่ยต่อพวกท่านด้วยใจจริงสักสองสามประโยค…”
เมื่อเขาเอ่ยเช่นนั้น ทุกคนจึงหยุดคีบตะเกียบและวางจอกสุราลงในทันใด ต่างก็ปรับท่านั่งให้อยู่ในท่าทางที่เหมาะสม ทำหูผึ่งเพราะมิอยากพลาดการได้ยินแม้แต่คำเดียว !
ติ้งอันป๋อปรารถนาจะเอ่ยบางอย่าง ย่อมเป็นบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับแนวทางการพัฒนาว่อเฟิงเต้าในอนาคตอย่างแน่นอน
สำหรับพ่อค้าเยี่ยงพวกเขาแล้ว นี่เป็นข่าวที่เฝ้ารอจะได้ฟังมาโดยตลอด !
“การที่พวกท่านยังอาศัยอยู่ในว่อเฟิงเต้า ข้าคิดว่าพวกท่านมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลเป็นอย่างมาก”
“ตอนนี้พวกท่านต่างก็เป็นราษฎรของราชวงศ์หยู ส่วนเรื่องที่แคว้นอี๋เคยบริหารจัดการที่แห่งนี้เยี่ยงไรก็ลืมมันไปเสีย ข้ามิขอแสดงความคิดเห็นใด ๆ ทั้งสิ้น”
“ตอนนี้นโยบายของราชวงศ์หยูคือการผลักดันนโยบายการค้าควบคู่กับการเกษตร และว่อเฟิงเต้าแห่งนี้คือพื้นที่ปกครองพิเศษ !
ที่แห่งนี้ข้าได้ทูลถวายคำชี้แนะแก่ฝ่าบาท อีกทั้งยังได้รับความเห็นชอบจากทั้งฝ่าบาทและอัครมหาเสนาบดีเยี่ยนให้เป็นพื้นที่ทดลองการปฏิรูป และได้ขนานนามให้ว่อเฟิงเต้าเป็นเขตการปกครองพิเศษแบบใหม่ ! ”
“เมื่อเป็นเขตทดลองปฏิรูป ที่แห่งนี้ย่อมแตกต่างจากพื้นที่อื่น ๆ ของทั้งสิบสามมณฑลแห่งราชวงศ์หยู
ข้าขอชี้แจงเรื่องขุนนางที่มารับราชการที่นี่ คาดว่าพวกท่านทั้งหลายคงพอทราบแล้วว่าว่อเฟิงเต้าได้ถูกจัดแบ่งใหม่เป็น 3 จวนโจว1 และอีก 220 อำเภอ นอกจากผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งสามแล้วนั้น ขุนนางที่เหลือล้วนผ่านการสอบเอินเคอมาทั้งสิ้นและข้าก็เป็นผู้คัดเลือกมาเองกับมือ”
“อย่าได้ดูแคลนว่าพวกเขาเป็นปัญญาชนไร้เดียงสาที่เพิ่งจบการศึกษามาหมาด ๆ เพราะสิ่งที่ข้าต้องการคือความกล้าสำรวจและกล้าได้กล้าเสียของพวกเขา”
“ในว่อเฟิงเต้าแห่งนี้ ข้ามิอนุญาตให้พ่อค้าและขุนนางคนใดมีความสัมพันธ์ด้านผลประโยชน์ต่อกันเป็นอันขาด เรื่องนี้ข้าควรชี้แจงแถลงไขต่อหน้า หากมีขุนนางคนใดรับสินบน คนผู้นั้นจะถูกจับเข้าคุก ! ส่วนพ่อค้าที่ติดสินบนนั้น…”
บัดนี้สีหน้าของฟู่เสี่ยวกวนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมอย่างถึงที่สุด เขากวาดสายตามองพวกของจังเหวินฮุยซึ่งทำให้ทั้งสี่บังเกิดอาการกลัวจนตัวสั่น
“คนที่ติดสินบนก็จะได้รับโทษโดยการโดนจับขังคุกเช่นกัน ! ”
พวกเขาทั้งสี่คนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเพราะเดิมทีการส่งมอบของขวัญให้บรรดาขุนนางเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งยวด ยังมิต้องเอ่ยถึงช่วงเทศกาลเพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องปกติ อย่างน้อยก็ต้องมีการตอบแทนเป็นเงินค่าน้ำชากันบ้าง สำหรับขุนนางคนก่อน ๆ นี่ถือเป็นกฎระเบียบ
กฎระเบียบเช่นนี้ดำเนินมาช้านานจนพวกเขามองว่าเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว แต่ทว่าพอได้ยินฟู่เสี่ยวกวนแจ้งด้วยสีหน้าจริงจัง…หากยังมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีกล่ะก็… พวกเขาคงถูกยัดใส่คุกใส่ตะรางเป็นแน่ !
“ข้ามิได้มีเจตนาเขียนเสือให้วัวกลัว แต่ทว่าต่อไปในภายหน้าพวกท่านจะได้เห็นเอง”
ฟู่เสี่ยวกวนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อว่า “เพื่อให้นโยบายนี้บรรลุผลสำเร็จ ข้าจึงได้ก่อตั้งกรมการค้าขึ้นมา และได้ดำเนินการมาจนถึงทุกวันนี้ อีกทั้งยังได้ออกกฎหมายการค้ามาอีกมากมาย ! ”
เขากวาดสายตามองทั้งสี่แล้วเอ่ยด้วยท่าทีจริงจังว่า “ประมวลกฎหมายอาญาหยูมีความแตกต่างจากกฎหมายการค้าเพราะถูกแบ่งออกมาอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากกว่า และมีความครอบคลุมในทุกด้านของการประกอบธุรกิจค้าขาย ข้าเคยเตือนเหล่าพ่อค้าแห่งราชวงศ์หยูมาก่อนและตอนนี้ข้าขอเตือนพวกท่านเช่นเดียวกัน พวกท่านจงไปศึกษากฎหมายเหล่านั้นอย่างละเอียด…”
เขานั่งหลังตรงพร้อมกำสองมือที่วางอยู่บนโต๊ะ “กฎหมายการค้าเหล่านั้นล้วนเป็นเรื่องใหม่เช่นเดียวกัน แต่ทว่าตอนนี้ถูกบังคับใช้เรียบร้อยแล้ว หากมีผู้ใดละเมิดบทบัญญัติทางกฎหมาย กรมการค้าประจำว่อเฟิงเต้าและศาลว่อเฟิงเต้าจะมิเห็นแก่หน้าผู้ใดทั้งสิ้น ! ”
พวกของจังเหวินฮุยต่างก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง จึงเอ่ยถามอย่างประจบประแจง “ขอสอบถามท่านใต้เท้า มิทราบว่าบทกฎหมายนั้น…มีขายที่ว่อเฟิงเต้าหรือไม่ ? ”
“ข้านำต้นฉบับติดมาด้วย ในวันพรุ่งนี้ก็สามารถจัดพิมพ์แล้วจัดจำหน่ายได้ในเร็ววัน…”
เมื่อเขาเอ่ยประโยคนี้จบ สีหน้าแห่งความเคร่งเครียดก็พลันเหือดหายไปแล้วเผยรอยยิ้มออกมาแทน น้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนเป็นนุ่มนวล โทนเสียงฟังดูแล้วผ่อนคลายมากยิ่งนัก “ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกท่านจะให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ข้าเอ่ยไปทั้งหมด ! โดยสรุปแล้วว่อเฟิงเต้าจะถูกเปลี่ยนให้มีการบริหารที่ง่ายขึ้น คนที่รับราชการขุนนางจะยืนหยัดทำงานเพื่อราษฎร จงจำเอาไว้ว่าพวกเขาทำงานให้พวกท่าน ! ส่วนหน้าที่ของพวกท่านคือทำการค้าอย่างถูกกฎหมายแล้วส่งภาษีตามที่กฎหมายกำหนด ข้ารับประกันว่ากิจการที่ใหญ่คับฟ้าของพวกท่านจะมิอาจมีผู้ใดกล้าขูดรีดเงินแม้แต่ตำลึงเดียว”
เฉียวลิ่วเยเมื่อได้ยินดังนั้นจึงโพล่งถามด้วยความมิอยากจะเชื่อ “จริงหรือขอรับ ? ! ”
“จริงแท้ยิ่งกว่าทองยิ่งกว่าเงินเสียอีก ! อาทิเช่น การเลี้ยงมื้ออาหารในวันนี้ ต่อไปก็ห้ามเกิดขึ้นอีก แต่ทว่าที่ข้ามาร่วมงานเลี้ยงในครานี้ เพราะต้องการปลอบประโลมพวกท่านและเพื่อแจ้งเรื่องนี้ให้พวกท่านทราบ
ในฐานะพ่อค้ารายใหญ่แห่งว่อเฟิงเต้า ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกท่านทั้งหลายจะนำสิ่งที่ข้าได้เอ่ยทั้งหมดไปบอกต่อแก่ผู้ที่ทำอาชีพค้าขายทุกคน เพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของพวกท่านเอง แน่นอนว่าพวกท่านสามารถก่อตั้งสมาคมการค้าได้ ข้าคาดว่าผู้ค้าขายที่มาจากราชอาณาจักรหยูก็จะก่อตั้งสมาคมการค้าด้วยเช่นกัน มิจำเป็นต้องกังวลต่อสิ่งใดเพราะจะมีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมและมั่นใจได้ว่าจะปราศจากการทุจริตทั้งปวง ! ”
1 สามจวนโจว คือ 3 จังหวัดที่เริ่มตั้งขึ้นพิเศษในเขตปกครอง