ตอนที่ 716 ปฏิบัติการครั้งใหญ่
ฟู่เสี่ยวกวนที่โดนพ่อค้ายกยอเป็นบ้าเป็นหลัง และถูกราษฎรดูแคลนก็ได้ดำเนินชีวิตของตนไปตามปกติ
คำสั่งที่ออกมาจากที่ว่าการเขตได้กระจายไปยังแต่ละพื้นที่ต่าง ๆ ในว่อเฟิงเต้าเร็วดั่งการใช้เครื่องจักร
เวลาได้ล่วงเลยไปเช่นนี้ เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวก็มาถึงกลางเดือนเก้าแล้ว
หนานกงตงเซวี๋ยได้รับมอบหมายจากฟู่เสี่ยวกวนให้ออกจากเมืองว่อเฟิงพร้อมกับซูซูเพื่อเดินทางกลับไปยังเมืองจินหลิง เนื่องจากต่งชูหลานและเยี่ยนเสี่ยวโหลวมีกำหนดคลอดในเดือนสิบ
หนิงหยู่ชุนได้เขียนจดหมายไปหาที่จวนหนึ่งฉบับเพื่อขอให้ท่านราชครูหนิงผู้เป็นบิดาคัดเลือกขุนนาง 20 คนจากสำนักผู้ตรวจการ และคาดว่าพวกเขาจะมาถึงเมืองว่อเฟิงในต้นเดือนสิบเพื่อเข้ารับตำแหน่งในสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน
ส่วนเรื่องการตัดถนนในว่อเฟิงเต้านั้นได้มีช่างฝีมือจากกรมโยธาธิการเข้ามาสำรวจเส้นทางตั้งแต่วันที่หนึ่งเดือนเก้าแล้ว
“ตามแผนงานที่สำนักงานเลขาธิการได้วางเอาไว้ ถนนเส้นนี้คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในกลางเดือนสิบ ลากยาวตั้งแต่เมืองว่อเฟิงไปจนถึงเมืองจินหลิง ซึ่งมีความยาวด้วยกันทั้งสิ้น 220 ลี้ และมีช่วงหนึ่งราว 60 ลี้ที่ต้องตัดผ่านภูเขาจินหยางซึ่งต้องการแรงงานจำนวน 100,000 คน คาดว่าใช้เวลาหนึ่งปีจึงจะแล้วเสร็จ…”
หนิงหยุ่ชุนหันไปจ้องมองฟู่เสี่ยวกวนแล้วเอ่ยต่อว่า “เจ้าได้กำหนดค่าแรงอยู่ที่ 20 อีแปะต่อวัน ในหนึ่งวัน ต้องใช้เงินทั้งสิ้น 2,000 ตำลึงและในหนึ่งปี…ต้องใช้เงินทั้งสิ้น 730,000 ตำลึง ไหนจะต้องบวกเพิ่มในส่วนของค่าม้าขนส่ง ค่าปูน ค่าของจิปาถะต่าง ๆ ทางสำนักงานเลขาธิการได้คำนวณไว้ว่าต้องใช้เงินมากถึง 4 ล้านตำลึง”
“และนี่เป็นเพียงถนนเส้นจังหวัดว่อโจวเท่านั้น ตามที่เจ้าได้วางแผนเอาไว้ว่าถนนสายนี้ยังต้องผ่านอำเภอหลานหลิง… หากเป็นเช่นนั้นเกรงว่าต้องใช้เงินมากถึง 80 ล้านตำลึง ! ”
หนิงหยู่ชุนเงียบไปครู่หนึ่ง เขารู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก “แม้ว่าเงินเหล่านี้ได้มาจากการรวมเงินทุนขายหุ้นบริษัทเต้าเฉียว แต่เยี่ยงไรเสียมันก็เป็นหนี้สินของว่อเฟิงเต้าอยู่ดี ! ตอนนี้รายได้จากการจ่ายภาษีของว่อเฟิงเต้ายังมีที่มามิชัดเจน คาดว่ารายได้ต่อปีคงมิเกิน 10 ล้านตำลึงและต่อให้เจ้าเก็บค่าผ่านทาง รถม้าบรรทุกของ 1 คันเก็บ 1 ตำลึงต่อ 100 ลี้ บรรทุกคนเก็บ 30 อีแปะ นี่มันมิพอกินหรอกนะ เจ้ามิกลัวว่าจะทำให้ว่อเฟิงเต้าล้มมิเป็นท่าหรือ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนดื่มชาอย่างสงบภายใต้ความกดดัน เขายังคงมีท่าทีนิ่งเฉย
“เหล่าหนิงเอ๋ย อย่าได้กลัวไปเลย!เจ้ารอนับเงินตำลึงไว้พลาง ๆ ก่อน 2 ปี ! ขอเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้น!เมื่อถนนหนทางในว่อเฟิงเต้าเชื่อมหากันแล้ว ข้าจะบอกให้ว่าราคาหุ้นของบริษัทเต้าเฉียวจะพุ่งพรวด…เจ้าซื้อเอาไว้เท่าใด ? ”
หนิงหยู่ชุนจ้องมองฟู่เสี่ยวกวนอย่างไม่สบอารมณ์ “ถูกเจ้าวางยาเข้าให้แล้ว ถือเสียว่าข้าได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ว่อเฟิงเต้าอย่างใหญ่หลวงก็แล้วกัน ข้าซื้อไปทั้งสิ้น 100,000 ตำลึง ! ”
“เหล่าหนิงเอ๋ย” ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะ จากนั้นก็ยกนิ้วหัวแม่มือให้หนิงหยู่ชุนแล้วเอ่ยถามว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ใดซื้อมากที่สุด ? ”
หนิงหยู่ชุนตื่นตกใจขึ้นมาทันพลัน “เจ้าเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนส่ายศีรษะ “ข้าซื้อเพียงแค่ 200,000 หุ้นเท่านั้น ยังเทียบมิได้เลยด้วยซ้ำ”
“แล้วเป็นผู้ใดกันเล่า ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนนำกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าอกเสื้ออย่างมีลับลมคมใน จากนั้นก็ส่งให้กับหนิงหยู่ชุน เมื่อรับมาดูก็เกิดความอิจฉาตาร้อนขึ้นมาทันใด !
บริษัทเต้าเฉียวประกาศขายหุ้นคราแรกที่เมืองหลวงและประกาศขายอีกคราที่เมืองว่อเฟิง
และผู้ถือหุ้นเป็นอันดับหนึ่งคาดมิถึงจริง ๆ ว่าจะเป็นองค์หญิงใหญ่หยูซูหรง !
นางซื้อไปทั้งสิ้น 6 ล้านหุ้น !
ซึ่งหมายความว่านางได้ทุ่มเงินให้บริษัทเต้าเฉียวมากถึง 6 ล้านตำลึง !
“ข้าว่านะเหล่าหนิง ที่นี่ก็มีเพียงแค่พวกเรา 2 คนเท่านั้น เจ้าว่าเหตุใดองค์หญิงใหญ่ถึงปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดีถึงเพียงนี้กัน ? ”
“…หุบปาก ! ”
หนิงหยู่ชุนรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมากราวกับว่ามีเรื่องในวันวานที่ไม่อยากเอ่ยถึง ฟู่เสี่ยวกวนเคยเอ่ยถามเขาเมื่อคราที่อยู่ในเมืองจินหลิงและตอนนี้ก็ยังมาเอ่ยถึงให้อารมณ์เสียขึ้นมาอีก
ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะฮ่าฮ่า “ผู้ใดบ้างเล่ามิเคยผ่านวัยหนุ่มสาว ก็แค่แอบรักมิใช่หรือ ? มิใช่เรื่องที่น่าอับอายเสียหน่อย”
หนิงหยู่ชุนกระอักกระอ่วนอยู่ไม่เป็นสุข “เจ้าดูสารรูปตนเองสิ มีมาดเต้าถายเสียที่ไหนกัน ? ทำตัวเป็นการเป็นงานหน่อยเถอะ ! อันดับที่สองนี่…”
ผู้ที่ซื้อหุ้นบริษัทเต้าเฉียวมากเป็นอันดับที่สองคือผู้ที่มิเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมาก่อน “เว่ยซวี่คือผู้ใดกัน ? ”
“ข้าจะไปรู้ได้เยี่ยงไรเล่า จากการรวมทุนของบริษัททั้งสองครา สรุปได้ว่าที่เมืองจินหลิงรวบรวมได้ทั้งสิ้น 50 ล้านตำลึงและช่วงนี้กำลังประกาศขายหุ้นที่เมืองว่อเฟิงจำนวน 5 ล้านหุ้น รวมทั้งหมดเป็นเงิน 55 ล้านตำลึง ดังนั้นให้เร่งก่อสร้างเสียหน่อยเพราะค่าวัสดุและปูนนั้นข้ามิเอากำไรแม้แต่อีแปะเดียว”
“เหล่าหนิงเอ๋ย ที่จริงนับว่าเป็นการลงทุนคราใหญ่มิได้ด้วยซ้ำ”
หนิงหยู่ชุนพลันตกตะลึงงัน ที่เจ้าหมอนี่ทุ่มไปกว่า 70 ล้านตำลึงนี่ยังมิถูกนับว่าเป็นการลงทุนคราใหญ่อีกหรือ ?
ฟู่เสี่ยวกวนเก็บสีหน้าที่กระหยิ่มยิ้มย่องในทันใด จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขายืนอยู่เบื้องหน้าของแผนที่ว่อเฟิงเต้าแล้วยื่นมือไปชี้พร้อมเอ่ยขึ้นมาว่า
“ว่อโจวแห่งนี้มีแปลงนาอันอุดมสมบูรณ์มากกว่า 36 ล้านหมู่ และมีที่ดินชั้นเยี่ยมมากถึง 13 ล้านหมู่ เจ้าจงดูเถิดว่าที่นาเหล่านี้มิได้ถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเลยด้วยซ้ำ… มีบางแห่งยังขาดร่องทดน้ำและบางแห่งยังขาดแคลนผู้คน จนทำให้ต้องละทิ้งที่นาจนเกิดเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า…”
“อย่างเช่นที่อำเภอฮั่นสือ ทั้งอำเภอมีอ่างเก็บน้ำเพียงแค่แห่งเดียวเท่านั้น มิเพียงพอต่อการทดน้ำให้แปลงนาทั้งหมด จึงเป็นเหตุให้ที่นามากกว่าครึ่งมิสามารถทำการเพาะปลูกได้ หรืออยู่ไปตามมีตามเกิดนั่นเอง
ที่รกร้างแบบนี้มีมากมายเหลือคณานับ จากการสำรวจของสำนักงานเลขาธิการพบว่าอีก 60 อำเภอของจังหวัดว่อโจวนั้นมีมากกว่าครึ่งที่ประสบปัญหาเช่นนี้”
ฟู่เสี่ยวกวนหันกลับไปมองหนิงหยู่ชุน “จำนวนข้าวเปลือกที่ขาดแคลนในจังหวัดว่อโจวเกิดจากปัญหาการทดน้ำซึ่งขาดแคลนมากกว่าครึ่ง ! ถ้าหากพวกเราสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ จังหวัดว่อโจวจะกลายเป็นอู่ข้าวที่ใหญ่ที่สุดของราชวงศ์หยูอย่างแน่นอน ! ”
หนิงหยู่ชุนมองตามอย่างพินิจพิเคราะห์ เขาเข้าใจปัญหานี้ดีแต่สถานการณ์แบบนี้ก็มีให้พบเห็นได้ทั่วไป
“ความหมายของเจ้าก็คือ…ให้สร้างอ่างเก็บน้ำขึ้นมาเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“แล้วจะให้ทำสิ่งใดอีกเล่า ? การชลประทานคือหัวใจหลักของการเกษตร ! ต่อไปภารกิจหลักของจังหวัดว่อโจวคือการวางโครงสร้างชลประทาน มิเพียงแต่จะก่อสร้างอ่างเก็บน้ำเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างร่องทดน้ำและร่องระบายน้ำในแต่ละแปลงนาอีกด้วย”
“มีเพียงหนทางนี้เท่านั้น ที่จะสามารถเป็นหลักประกันได้ว่าจะมีข้าวบริโภคและทำให้ชาวนาทั้งหลายมีรายได้ พวกเขาจะได้ทำนาอย่างสบายใจ ! ”
หนิงหยู่ชุนอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงงัน นี่ต้องใช้เงินอีกกี่ตำลึงกัน ?
ฟู่เสี่ยวกวนตบบ่าของอีกฝ่ายแล้วยกยิ้มขึ้น “เรื่องนี้เจ้าต้องส่งคนไปสำรวจและศึกษาได้แล้ว เนื่องจากมันซับซ้อนยิ่งกว่าการสร้างถนนเสียอีก เกรงว่าเพียงแค่วางแผนอย่างละเอียดก็ต้องใช้เวลานานกว่าหนึ่งปีแล้ว แต่ถ้าทำเรื่องนี้สำเร็จก็ย่อมเป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้คนในยุคนี้และอีกหนึ่งพันปีข้างหน้า…”
“นี่คือผลงานการบริหารบ้านเมืองของเจ้า จะรับหรือมิรับก็ล้วนขึ้นอยู่กับเจ้าทั้งสิ้น”
ฟู่เสี่ยวกวนมิได้วางแผนเข้าไปก้าวก่ายเรื่องนี้เพราะใช้เวลานานจนเกินไป เขาจึงรู้สึกเป็นกังวลว่าเมื่อจากไปในวันใดวันหนึ่งเรื่องนี้จะหยุดชะงักลงกลางคัน ทำให้แรงและทุนทรัพย์ทั้งหมดสูญเปล่า
“ความจริงเรื่องของเจ้าเทียบมิได้กับสิ่งที่เหยียนซีไป๋แห่งจังหวัดชิงโจวต้องทำด้วยซ้ำ”
หนิงหยู่ชุนรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา “เหยียนซีไป๋กำลังทำอันใดอยู่เยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ฮึ ๆ ข้าหวังให้เหยียนซีไป๋เขียนจดหมายมาเล่าให้เจ้าฟังสักหนึ่งฉบับเพื่อบอกเล่าว่าอำเภอหลานหลิงเป็นจุดรวบรวมและกระจายสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในว่อเฟิงเต้า เล่าว่าสินค้าเหล่านั้นต้องถูกส่งไปอย่างรวดเร็วในแต่ละพื้นที่ของราชอาณาจักรหยูเยี่ยงไรเล่า เจ้าลองคิดดูเถิดว่าแม่น้ำสีหม่านอกอำเภอหลานหลิงนั้นมิเลวเลย หากสามารถขุดแม่น้ำเพื่อใช้สำหรับเดินเรือสินค้าได้ จนกระทั่งไปเชื่อมต่อกับแม่น้ำแยงซีได้ สินค้าจากว่อเฟิงเต้าย่อมทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำอย่างแน่นอน”
หนิงหยู่ชุนเบิกตากว้าง…
จะขุดแม่น้ำที่เล็กพอแค่อาบน้ำให้ม้า ออกเป็นแม่น้ำที่สามารถเดินเรือสินค้าได้เยี่ยงนั้นหรือ ?
“เขาทำจริงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะดังลั่น “เขาทำจริง ! ”
นี่ชักจะบ้าเกินไปแล้ว !