ตอนที่ 765 ภาพฝันสูญสลาย ( 1 )
วันที่สิบห้า เดือนหนึ่ง ทหารดาบเทวะกองพลที่สองของไป๋ยู่เหลียนเดินทางมาถึงด่านฉีหวินแล้ว
พวกเขามิได้เดินทางออกจากด่านฉีหวินโดยตรง แต่ทว่าข้ามภูเขาฉีหวินออกไปแทน !
เช้าตรู่ของวันที่สิบหก เดือนหนึ่ง ท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ทหารกองพลที่หนึ่งของดาบเทวะกองทัพที่สองจำนวน 10,000 นายภายใต้การนำของถังเชียนจวิน ค่อย ๆ คลำหาทางไปจนอยู่ห่างจากเมืองยุทธศาสตร์ซานยิงจี๋ของชายแดนแคว้นอี๋ราว 30 จั้ง
มีกองทัพชายแดน 100,000 นายของแคว้นอี๋ประจำการอยู่ ณ ซานยิงจี๋ !
ในขณะนี้ นอกจากทหารยามบนหอคอยก็มีหน่วยลาดตระเวนเพียง 3 หน่วยเท่านั้น นับจำนวนแล้วมีทหารราวหนึ่งร้อยกว่านาย
หลังจากใช้กล้องส่องทางไกลสังเกตการณ์ราว 1 ก้านธูป ถังเชียนจวินถึงได้ออกคำสั่งให้เริ่มรบ
ในยามที่ท้องนภาเริ่มสว่างโร่ขึ้นมา ภายในซานยิงจี๋ก็ได้ปรากฏเสียงร้องโหยหวนอย่างสิ้นหวังของศัตรูดังขึ้น
เสียงนี้ดังติดต่อกันเพียง 1 ชั่วยามเท่านั้น กองกำลังป้องกันเมืองซานยิงจี๋ 100,000 นายถูกกวาดล้างจนสิ้นซาก
ถังเชียนจวินยืนอยู่บนกำแพง จ้องมองไปยังศพที่นอนเกลื่อนเมืองด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “จงระดมเสบียงอาหารแห้ง หลังจากผ่านไป 1 ชั่วยาม พวกเราจะออกเดินทางต่อ ! ”
ด้านทหารที่เหลืออยู่ 90,000 นายของดาบเทวะกองทัพที่สองมิได้หยุดอยู่ที่ซานยิงจี๋
เนื่องจากในช่วงเวลาที่สงครามปะทุขึ้นมา ทหาร 90,000 นายก็ได้อ้อมข้ามซานยิงจี๋มาแล้ว บัดนี้กำลังทะยานไปทางตะวันตกเฉียงใต้ เป้าหมายคือชื่อซีเขตยุทธศาสตร์อีกแห่งหนึ่งของแคว้นอี๋
“นี่คือสงครามแบบสายฟ้าแลบ จะต้องโจมตีเสมือนพายุโหมกระหน่ำสร้างความเสียหายให้ได้มากสุดและต้องใช้เวลาน้อยที่สุด เพื่อทะลวงผ่านแนวตะวันตกเฉียงใต้ของแคว้นอี๋ หลังจากนั้นก็เลี้ยวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ แล้วเข้าสู่เขตผืนปฐพีของแคว้นฮวง จากนั้นก็จงสังหารชาวฮวงและยึดดินแดนมาเสีย ! ”
นี่คือคำแนะนำที่ฟู่เสี่ยวกวนมอบให้แก่ไป๋ยู่เหลียน
เมื่อภารกิจนี้สิ้นสุดลง ไป๋ยู่เหลียนก็มิต้องสนใจอันใดอีกแล้ว
ไป๋ยู่เหลียนมิทราบว่าในยามนี้จัวเปี๋ยหลีก็เพิ่งมาถึงด่านฉีหวินเช่นกัน
จัวเปี๋ยหลีใช้เวลา 1 ชั่วยามในการจัดกองทัพ 200,000 นายให้เข้าที่ แล้วรีบเคลื่อนทัพข้ามด่านฉีหวินไปอย่างรวดเร็ว
วันที่สิบเจ็ด เดือนหนึ่ง ในยามที่จัวเปี๋ยหลีมาถึงซานยิงจี๋ก็ได้พบว่าสถานที่แห่งนี้คือนรกบนดิน
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ออกคำสั่งอีกหลายประการว่า
รวบรวมศพทั้งหมดและเผาด้วยไฟ !
เขาเหลือทหารไว้ที่นี่เพียง 5,000 นายเพื่อกวาดล้างกองกำลังที่เหลืออยู่ในบริเวณใกล้เคียงและตั้งมั่นที่ซานยิงจี๋ !
ส่วนอีก 195,000 นายที่เหลือก็ให้รีบเคลื่อนพลไปยังเขตชื่อซี !
สุดท้ายคือข้าต้องการทราบเส้นทางเคลื่อนพลของทหารดาบเทวะกองทัพที่สอง !
……
……
ในวันที่สิบเจ็ด เดือนหนึ่ง ยามเหม่า องค์จักรพรรดิเยียนเหลียงเจ๋อแห่งแคว้นอี๋ก็ได้เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยสีพระพักตร์สดใส
ธนาคารปาต๋า ณ เมืองไท่หลินได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่แปดเดือนหนึ่งภายใต้ราชโองการเมื่อปีก่อน มีผู้ค้าขายจำนวนมากของแคว้นอี๋ได้เดินทางมายังเมืองไท่หลินกันแล้ว เนื่องจากธนาคารปาต๋าจะเริ่มจำหน่ายหุ้นในวันที่แปดเดือนหนึ่งนี้เลย !
ถึงแม้พวกเขาจะมิเคยได้เห็นสิ่งที่เรียกว่าหุ้นนั้นมาก่อน แต่ทว่าก็เคยได้ยินมามาก
เหล่าพ่อค้าของราชวงศ์หยูต่างก็ระดมทุนได้เป็นกอบเป็นกำจากการขายหุ้นเพื่อลงทุนสร้างโรงงาน หลังจากที่พวกเขาได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก พ่อค้าจำนวนมากที่ได้อพยพออกจากเมืองว่อเฟิงล้วนแต่นึกเสียใจกันอย่างสุดซึ้ง…
หากพวกข้ามิกลับมาก็จะสามารถเป็นเยี่ยงจังเหวินฮุยแห่งหอเสียงไท่ได้มิใช่หรือ หากได้ระดมเงินทุนที่ว่อเฟิงเต้าก็จะทำให้ตระกูลของข้าแข็งแกร่งและใหญ่โตขึ้น !
ยืมไก่มาออกไข่นี้เป็นความคิดที่ดียิ่ง น่าเสียดาย น่าเสียดายอย่างแท้จริง เหตุใดแคว้นอี๋ของพวกเราถึงมิสร้างของสิ่งนี้ขึ้นมาบ้างกัน ?
ในขณะที่พ่อค้าจำนวนมากกำลังโวยวาย อยู่ ๆ ก็ได้รับข่าวดีเมื่อช่วงปีก่อนว่า…
ในที่สุดฝ่าบาทก็มีพระราชโองการในเรื่องนี้ออกมาเสียที แคว้นอี๋ของพวกเราก็จะสามารถซื้อขายหุ้นได้แล้วเช่นกัน นี่ย่อมเป็นเรื่องดีคับฟ้า !
พวกเขาจึงแย่งกันเข้ามาในเมืองไท่หลิน แน่นอนว่าในเช้าตรู่ของวันที่แปด เดือนหนึ่ง กำแพงของธนาคารปาต๋าก็แทบจะพังทลายลงมา
ชาวบ้านของเมืองไท่หลินตื่นเต้นกันเป็นอย่างมาก เคยได้ยินพ่อค้าที่มาจากจินหลิงหรือเมืองว่อเฟิงเอ่ยว่าผู้ที่ขายหุ้นเหล่านั้นสามารถทำเงินได้มากมาย !
นี่คือเรื่องดีที่จะเก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำ แน่นอนว่าพลาดมิได้เป็นอันขาด
พวกเขาจึงบ้าคลั่งยิ่งกว่าชาวเมืองจินหลิงเสียอีก
ภายในเวลาเพียง 8 วันนับจากธนาคารปาต๋าก่อตั้งขึ้นมาก็ออกหุ้นไปแล้วถึง 129 หุ้น !
ในแต่ละคราจะถูกแย่งซื้อจนหมด และที่ไร้เหตุผลมากที่สุดก็คือหุ้น 10 ตัวที่ราชสำนักออกมาเอง ในแต่ละคราจะขายออกไป 10,000,000 หุ้นต่อ 1 ตัว แต่ทว่าจักรพรรดิเยียนเหลียงเจ๋อแทบจะใช้เงินจนหมดท้องพระคลังเพื่อกว้านซื้อหุ้นไปกว่าครึ่ง !
ตามภาวะตลาดหุ้นจากเมืองว่อเฟิง หากทุกหุ้นมีราคาสูงขึ้น 5 เท่า เงินจำนวน 50,000,000 ตำลึงที่เยียนเหลียงเจ๋อได้ลงทุนไปก็จะกลายเป็น 250,000,000 ตำลึง !
นอกจากนี้พระองค์ก็ยังเปิดธนาคารปาต๋าภายใต้พระนามอีกด้วย หากใช้เงิน 50,000,000 ตำลึงเพื่อถือครองหุ้นไว้ 50,000,000 หุ้น จากนั้นเงินทุน 50,000,000 ตำลึงก็จะหวนคืนสู่บัญชีท้องพระคลัง… คาดมิถึงว่าใต้หล้าจะมีเรื่องดีเยี่ยงนี้อยู่ด้วย !
เป็นคราแรกที่เขาบังเกิดความชื่นชมต่อฟู่เสี่ยวกวนเป็นอย่างมาก นี่คืออุบายต้อนเสือไปขย้ำหมาป่า มันสามารถเป็นไปได้อย่างแท้จริง !
เขามิทราบว่าตลาดหุ้นได้กลืนเงินไปทั้งสิ้นหลายร้อยล้านตำลึง เงินเหล่านี้คือเงินที่ชาวบ้านนับล้านคนในเมืองไท่หลินทุบหม้อขายเหล็กออกมา จนถึงขั้นมีบางคนยอมขายบ้านเรือนเพื่อที่จะซื้อมัน
เมื่อขายหุ้นหมดแล้ว ก็ถึงเวลาเปิดจดทะเบียนซื้อขายบนตลาด
วันแรกที่มีการซื้อขายได้กำหนดไว้ในวันที่สิบเจ็ด เดือนหนึ่ง
ในวันนั้นเมืองไท่หลินครึกครื้นกว่าช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาเสียอีก ด้านนอกธนาคารปาต๋าเริ่มมีการต่อแถวยาวจนเห็นเป็นหางมังกร บนใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความสุข พวกเขาต่างกระซิบกระซาบกันเรื่องหุ้น
สามารถขายหุ้นได้แล้ว !
สามารถหาเงินได้แล้ว !
หลังจากข้าขายหุ้นในมือจนหมด ข้าจะไปซื้อเรือนขนาดใหญ่สักหนึ่งหลัง !
ข้าขายทรัพย์สินในบ้านไปจนหมดสิ้น และซื้อหุ้นของร้านทอผ้าจินหยวนไป 10,000 หุ้น !
มารดามันเถิด ! ข้าต้องทะเลาะกับภรรยาเพื่อที่จะซื้อหุ้นตัวนี้เชียวนะ !
ทะเลาะกับผีสิ ข้าจึงหย่ากับภรรยาไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด !
……
ชาวบ้านของเมืองไท่หลินตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด พวกเขาสนทนากันถึงแผนการหลังจากที่ได้รับเงินมาแล้ว ดังนั้นจึงเฝ้ารอการเปิดตลาดของธนาคารปาต๋าในยามรุ่งสางอย่างใจจดใจจ่อ
ในวันนี้มีเพียงร้านอาหารไม่กี่ร้านเท่านั้นที่เปิดให้บริการ เนื่องจากร้านค้าส่วนใหญ่ปิดทำการเพื่อไปต่อแถวหน้าธนาคารปาต๋า นี่คืองานเฉลิมฉลองของชาวบ้านในเมืองหลวงของแคว้นอี๋ ปรากฏภาพราษฎรหลายแสนคนปิดล้อมถนนและตรอกที่อยู่ด้านนอกของธนาคารปาต๋า
สำหรับวันแรกของการซื้อขายหุ้น เยียนเหลียงเจ๋อให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ดังนั้นเมื่อวานเขาจึงกำชับเสนาบดีอู๋เวิ่นห่ายให้จัดการอย่างรอบคอบ แน่นอนว่าบัดนี้ท่านเสนาบดีก็ได้ใช้รถม้าบรรทุกตั๋วหุ้นลังใหญ่มาตั้งแต่ฟ้ายังมิสว่างเข้าไปทางประตูหลังของธนาคารปาต๋า และในยามนี้เขากำลังดื่มชาอยู่กับหลงจู๊ใหญ่ของธนาคาร
“ซีต้าหลงจู๊เอ๋ย ฝ่าบาทกำลังรอขาย 50,000,000 หุ้นนี้ให้หมด หลังจากขายไปจนหมดแล้ว ก็ยังมีหุ้นอีก 10 ตัวของราชวงศ์ที่จะขายออกได้อีกเรื่อย ๆ ไก่ออกไข่แล้วฟักเป็นไก่อย่างมิมีที่สิ้นสุด”
“เห็นด้านนอกมีผู้คนมากมายถึงเพียงนี้ ข้าน้อยคิดว่าการซื้อขายของตลาดหุ้นจะต้องได้กำไรมากกว่าเมืองว่อเฟิงอย่างแน่นอน ถ้าฝ่าบาทสร้างกำไรได้อย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ข้าน้อยตั้งตารอคอยคือจะเพิ่มมูลค่าได้มากเพียงใดขอรับ”
“ความหมายของฝ่าบาทคือให้ขึ้นเป็น 5 เท่าก่อนค่อยขายออกไป”
“เยี่ยงนั้นก็ง่ายดายยิ่งเพราะข้าน้อยได้ยินมาว่าวันนั้นที่ธนาคารซื่อทง ณ จินหลิง ได้เปิดการซื้อขายบนตลาดอย่างเป็นทางการ หุ้นซีซานพุ่งสูงขึ้นเป็น 5 เท่าภายในเวลามิถึงครึ่งชั่วยามขอรับ”
อู๋เวิ่นห่ายหัวเราะอย่างมีความสุข เพื่อความดีความชอบนี้ในห้องทรงพระอักษรเขาได้ทำการคัดค้านท่านอัครมหาเสนาบดีเปียน
ในฐานะที่ตนเป็นเสนาบดีย่อมต้องแบ่งเบาความทุกข์ของฝ่าบาท ต่อให้ต้องขุ่นเคืองใจกับท่านอัครมหาเสนาบดีเปียน แต่เยี่ยงไรเสียเจ้าหุ้นนี้ก็ได้เกิดการขายอย่างบ้าคลั่งขึ้นมาแล้วจริง ๆ หลังจากที่ท่านอัครมหาเสนาบดีเปียนได้มาเห็นก็คงมิคิดโต้แย้งอันใดอีกเป็นแน่
นอกจากนี้ท่านอัครมหาเสนาบดีเปียนก็รู้ดีว่า… ท้องพระคลังของแคว้นอี๋มีเงินเหลือน้อยลงทุกทีแล้ว !
ในยามที่อู๋เวิ่นห่ายจินตนาการอย่างมีความสุข ทันใดนั้นซีต้าหลงจู๊ก็เอ่ยถามขึ้นมา พร้อมคิ้วที่ขมวดมุ่น
“ใต้เท้า…ท่านคิดว่าหากทุกคนเทขายหุ้นแต่มิมีผู้ซื้อ มันจะเกิดอันใดขึ้นกัน ? ”