ตอนที่ 787 ก่อนออกศึก
รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่สิบเอ็ด เดือนสาม วันที่ยี่สิบ ท้องนภาปลอดโปร่ง
ยามเช้าตรู่มีเมฆหมอกสีขาวนวลลอยอยู่เหนือแม่น้ำเซียว
เมื่อมองไปรอบ ๆ แม่น้ำเซียวที่ทอดยาว ดูราวกับเข็มขัดหยกที่ฝังอยู่บนทุ่งหิมะอันกว้างใหญ่แห่งนี้
งดงาม อบอุ่น และเงียบสงบ
ความงดงาม อบอุ่น และเงียบสงบนี้ ได้พังทลายลงอย่างรวดเร็วเพราะเสียงเกือกม้าที่ดังอึกทึกกึกก้องไปทั่วบริเวณ
อาชาศึก 18 ตัวโผทะยานเข้ามาบนทุ่งหิมะขาวโพลนนี้ !
พวกมันย่ำไปตามสะพานหินที่อยู่ด้านบนของแม่น้ำเซียวราวกับพายุคลั่ง จากนั้นก็มุ่งตรงไปยังด้านนอกของค่ายทหาร
หน่วยลาดตระเวน 18 นายของทหารดาบเทวะกองทัพที่สองพลิกกายลงจากหลังอาชา แสดงป้ายห้อยเอวให้ทหารยามนอกค่ายดู จากนั้นก็ตรงไปยังกระโจมที่อยู่ใจกลางค่ายทหาร
“รายงาน… ทัพหน้าของชาวฮวงมี 100,000 นาย ทัพกลาง 200,000 นาย ปีกข้างทั้งสองมีอย่างละ 100,000 นาย รวมทั้งสิ้นราว 500,000 นาย ทัพฮวงมีชินอ๋องท่าป๋าหยูเป็นแม่ทัพใหญ่และกำลังตรงมายังเซียวเหอหยวนขอรับ ! ”
“รายงาน… ทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งอยู่ห่างจากทัพของพวกเรา 30 ลี้ขอรับ”
“รายงาน… กองทัพชายแดนเหนือของเผิงเฉิงอู่อยู่ห่างจากทัพของพวกเรา 160 ลี้ขอรับ ! ”
“รายงาน… ปีกข้างของทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งอยู่ห่างออกไป 20 ลี้ พวกเขาพบกลุ่มคนนิรนามขนาดเล็กจำนวนประมาณ 6,000 นายที่ล้วนเป็นชาวยุทธ เหมือนว่ากำลังรั้งท้ายตามติดทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งมาที่นี่ขอรับ”
“……”
ผู้สอดแนมของทหารดาบเทวะกองทัพที่สองทยอยเข้ามาในกระโจมเพื่อมอบรายงานจากแต่ละพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงความเคลื่อนไหวของกองทัพดาบสวรรค์ที่กำลังกลับมาจากซินโจว และรวมไปถึงกองทัพของเฟิงเสียนชูที่มุ่งไปยังเมืองกูหยุน
แน่นอนว่ามีข่าวคราวของกองพลอิสระดาบเทวะด้วยเช่นกัน
ในยามที่รายงานนี้มาถึง กองพลอิสระดาบเทวะก็ได้ไปถึงเขตรอบนอกที่ห่างจากฮวงถิงราว 80 ลี้ และกำลังเตรียมพร้อมเข้าต่อสู้
ไป๋ยู่เหลียนอ่านรายงานแต่ละฉบับอย่างถี่ถ้วน กองทัพ 500,000 นายของชาวฮวงที่กำลังจะมาถึงแม่น้ำเซียวในอีกสองถึงสามชั่วยามนี้ เขามิได้ใส่ใจมากนักเพราะค่อนข้างกังวลกับกองพลอิสระของซูม่อที่เดินทางไปยึดฮวงถิงเสียมากกว่า
และเขายังจับตามองกลุ่มชาวยุทธ์เล็ก ๆ จำนวน 6,000 นายที่อยู่บริเวณปีกข้างของทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งอีกด้วย !
บัดนี้กองกำลังในแคว้นช่างซับซ้อนและยุ่งเหยิงมากยิ่งนัก มีเฟิงเสียนชูของแคว้นอี๋ มีกองทัพชายแดนเหนือของราชวงศ์หยู มีทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งแห่งซีซาน และมีทหารดาบเทวะกองทัพที่สองจากราชวงศ์อู๋ของตนกลุ่มนี้
เยี่ยงนั้นกองกำลังชาวยุทธ 6,000 นายนี้ เป็นของฝ่ายใดกันแน่ ?
“จงตรวจสอบตัวตนของ 6,000 นายนี้ให้แน่ชัด หากเป็นศัตรูก็รีบแจ้งให้เฉินป๋อทราบเสีย ก่อนจะเริ่มศึกใหญ่ต้องกำจัดชาวยุทธ 6,000 นายนั้นให้สิ้นซาก ! ”
“รับบัญชาขอรับ… ! ”
“แจงคำสั่ง ให้กองพลที่หนึ่ง สอง สามและสี่ของดาบเทวะกองทัพที่สอง เขยิบเข้าประชิดใจกลางสนามรบให้มากยิ่งขึ้น หลังจากข้าศึกเริ่มออกตัวจู่โจมกองทัพของเราแล้ว ก็จงบุกสังหารขนาบข้าง ! ”
“แจงคำสั่ง กองพลที่เหลือทั้งหกของดาบเทวะกองทัพที่สองให้ตรวจสอบอุปกรณ์อีกครา และครึ่งชั่วยามให้หลังจงมารวมตัวกันที่สนามฝึกด้านหลัง ! ”
“แจงคำสั่ง ให้แจ้งทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งว่าให้เข้าร่วมการต่อสู้หลังจากศึกดำเนินได้ 2 ชั่วยามแล้ว ! ”
“แจงคำสั่ง ให้แจ้งแม่ทัพใหญ่ของกองทัพชายแดนเหนือว่าจงข้ามแม่น้ำจากทิศที่มาและอ้อมไปจู่โจมขนาบข้างชาวฮวง ! ”
“……”
คำสั่งต่าง ๆ ถูกถ่ายทอดออกไป บัดนี้ความรู้ความสามารถทางการทหารระดับสูงของทหารดาบเทวะกองทัพที่สองได้สะท้อนออกมาให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้ว
นี่คือความมั่นใจของไป๋ยู่เหลียน
เขาใช้ความสามารถพิชิตอดีตองครักษ์ชุดแดง 100,000 นายให้ภักดีได้แล้ว !
เขาใช้วิธีการของฟู่เสี่ยวกวน โดยทำการล้างสมองขององครักษ์ชุดแดงทุกคืน
เขาใช้หลักเกณฑ์การฝึกเหมือนทหารดาบเทวะ จนทำให้ผู้มีฝีมือระดับสูงเหล่านี้เกิดความเหนื่อยล้าจนแทบทนมิไหว ในขณะเดียวกันก็มอบความหวังที่สูงขึ้นให้แก่พวกเขาว่า… พวกเจ้าคือกระบี่ที่เฉียบคมที่สุดขององค์ชาย !
ณ ภูเขาเฟิ่งหลิน องค์ชายได้ครอบครองกระบี่หนึ่งเล่มแล้ว ส่วนพวกเจ้าคือกระบี่อีกเล่มในพระหัตถ์ !
พวกเจ้าแต่ละคนโอ้อวดว่าเป็นผู้มีฝีมือระดับสูงแห่งยุทธภพ เกรงว่าจะยังมิทราบว่า… มีผู้มีฝีมือระดับสูงแห่งยุทธภพ จำนวนมากที่ตกตายไปด้วยน้ำมือของกองทัพที่หนึ่ง !
พวกเจ้าคือคนของราชวงศ์อู๋ เป็นกองทัพที่องค์ชายเชื่อมั่นมากที่สุด และต้องเป็นกระบี่ที่แหลมคมยิ่งกว่านี้ !
ทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งใช้เวลาเพียง 3 เดือนก็ประสบความสำเร็จแล้ว อีกทั้งผลการทำศึกก็เป็นที่ประจักษ์ไปทั่วหล้า แต่พวกเจ้าใช้เวลาไปถึงครึ่งปี หากยังก้าวข้ามดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งมิได้ ก็จงไปตายเสีย !
เพราะพวกเจ้าจะทำให้องค์ชายเสียหน้า !
คำประณามอันเจ็บแสบนี้ ทำให้ทหารองครักษ์ชุดแดงที่หยิ่งทะนงตนสูงเสียดฟ้า ต้องก้มหน้าละทิ้งความทะนงจนสิ้น
องค์ชายเชื่อมั่นในตัวพวกข้าถึงเพียงนี้ ข้าจะมิทำให้พระองค์ผิดหวังอย่างแน่นอน !
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทหาร 100,000 นาย เปลี่ยนแปลงตนเองและเข้ารับการฝึกฝนอย่างหนัก
พวกเขาได้เติบโตเป็นทหารศึกอย่างแท้จริง !
พวกเขาใช้เวลาสั้น ๆ เพียง 6 เดือนในการฝึกฝน
แต่พวกเขาก็ได้เข้าใจระเบียบวินัยและความองอาจเยี่ยงทหารแล้ว และยังเข้าใจถึงความสำคัญของการต่อสู้อันใหญ่หลวงเพื่อองค์ชายอีกด้วย
บัดนี้ คือเวลาที่พวกเขาจะได้แสดงฝีมือที่แท้จริงออกมา
ภายใต้ท้องนภาสีคราม ทหารดาบเทวะกองพลที่ห้าถึงกองพลที่สิบได้ยืนตระหง่านอยู่ท่ามกลางทุ่งหิมะอันกว้างใหญ่แห่งนี้
พานชู่หยาง ผู้บัญชาการกองพลที่ห้ายืนอยู่ด้านหน้าสุดราวกับหอกยาว เขาอายุ 30 ปีแล้ว เดิมทีเป็นเชียนฮู่ขององครักษ์ชุดแดงและเป็นผู้มีฝีมือระดับสูงขั้นหนึ่ง
ในยามที่ไป๋ยู่เหลียนยังมิมา พานชู่หยางจึงให้โอวาททหารใต้บัญชาด้วยน้ำเสียงดังลั่น “ข้าจะบอกพวกเจ้าว่าในยามสังหารศัตรูจงอย่าลืมตัดหูมาด้วย ขอเพียงหูขวาเท่านั้น หลังจากจบศึกก็นำใบหูนั้นมาลงนามที่ข้า หนึ่งร้อยคนแรกที่ได้ใบหูมากที่สุด เมื่อกลับถึงราชวงศ์อู๋แล้ว ข้าจะมอบรางวัลให้ ! ”
ทันใดนั้น ทหารทั้งกองพลก็ระเบิดเสียงเฮลั่นขึ้นมา จากนั้นเขาก็เอ่ยต่อว่า “พวกเจ้าจงจำเอาไว้ให้ดีว่าหากศัตรูที่ถูกสังหารในสงครามนี้…”
เขากวาดสายตามองไปทั้งสองด้าน “มีจำนวนน้อยกว่ากองพลที่เหลือรอด เมื่อกลับไปแล้วก็รอดูได้เลยว่าข้าจะจัดการกับพวกเจ้าเยี่ยงไร ! ”
จ้าวเจวี๋ย ผู้บัญชาการกองพลที่หกซึ่งอยู่ด้านขวาของเขาก็ได้หัวเราะขึ้นมา จากนั้นก็โคจรลมปราณที่จุดตันเถียน แล้วเอ่ยออกมาเสียงดังเช่นกันว่า “ได้ยินหรือไม่ ? กองพลที่ห้าต้องการแข่งกับพวกเรา…”
“เจ้าพวกสมองทึบ หากสู้กองพลที่ห้ามิได้ พวกเจ้าทั้งหมดจงไปวิ่งรอบภูเขาโต่งฟาง 100 รอบเพื่อไถ่โทษ ! ”
ฝูงชนลุกฮือเกรียวกราว มิได้มิพอใจต่อการวิ่งรอบภูเขา 100 รอบแต่อย่างใด แต่เป็นการแสดงความท้าทายใส่กองพลที่ห้าต่างหาก
ทันใดนั้นเอง กองทัพ 60,000 นายบนสนามฝึกก็กระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ
เนื่องจากการต่อสู้กับแคว้นอี๋มิน่าตื่นเต้นเลยสักนิด เพราะพวกมันอ่อนแอจนเกินไป
แทบจะเหมือนการหั่นเต้าหู้ มิต้องเอ่ยถึงทหารประจำการเขตเลย แม้แต่กองทัพชายแดนก็ยังมิอาจหยุดยั้งพวกเขาได้เลย
ด้านทหารดาบเทวะกองทัพที่สองสูญเสียกำลังจากการบุกแคว้นอี๋ไปเพียง 200 นายเท่านั้น บาดเจ็บอีกหลายร้อยนายแต่มิใช่การบาดเจ็บสาหัสแต่อย่างใด
ดังนั้นจึงทำให้ทหารดาบเทวะกองทัพที่สองภูมิใจมากยิ่งนัก ทั่วทั้งใต้หล้านี้คงมิมีกองทัพใดสามารถต่อกรกับทหารดาบเทวะกองทัพที่สองได้อีก
ได้ยินมาว่าทหารม้าของชาวฮวงเก่งกาจยิ่งนัก ฮึ ! เยี่ยงนั้นก็ต้องสังหารชาวฮวงให้สิ้นซาก ให้พวกมันได้ทราบไปเลยว่าสุดท้ายแล้วผู้ใดกันแน่ที่เก่งกาจที่สุด !
ไป๋ยู่เหลียนขึ้นไปบนแท่นสูงของสนามฝึกชั่วคราวภายใต้การคุ้มกันขององครักษ์ 30 นาย
สีหน้าของเขาเคร่งขรึม แววตาเย็นชากวาดมองไปทั่วทั้งกองทัพ ทันใดนั้นเสียงอึกทึกก็พลันเงียบลง
“บัดนี้ศัตรูดาหน้ามาที่ฝั่งตรงข้าม 500,000 นาย ! ”
“ส่วนพวกเราเมื่อรวมเข้ากับทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่ง ก็จะมีจำนวนเพียง 130,000 นายเท่านั้น ! ”
“พวกเจ้า… กลัวหรือไม่ ? ”
“มิกลัวขอรับ… ! ” เสียงสะเทือนไปถึงชั้นฟ้า ทหารแต่ละนายมีท่าทางราวกับได้รับการฉีดเลือดไก่เข้าไป
“ดี ! พวกเจ้ามีจิตใจกล้าแกร่งของทหารขึ้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้ข้ามีข่าวหนึ่งจะแจ้งให้กับพวกเจ้าทราบ…”
ไป๋ยู่เหลียนชะงักงันไปชั่วครู่ จากนั้นก็โคจรลมปราณไปที่จุดตันเถียนเพื่อตะโกนเสียงดังว่า “องค์ชายของพวกเจ้า ฟู่เสี่ยวกวน บัดนี้อยู่ในกองทัพทหารดาบเทวะกองที่หนึ่ง พระองค์…จะมาเยือนที่นี่และร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกเจ้า ! ”
“ไอหยา…องค์ชายก็เสด็จมาด้วยเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“สวรรค์ ในที่สุดข้าก็จะได้พบองค์ชายแล้ว ! ”
“มารดามันเถิด ! ข้าต้องสังหารให้มากเพื่อให้องค์ชายได้ประจักษ์ ! ”
“……”
ไป๋ยู่เหลียนมิได้เอ่ยอันใดต่ออีก เพราะสิ่งที่ต้องการคือผลลัพธ์เยี่ยงนี้ ผลลัพธ์ที่แสดงถึงความฮึกเหิมและความตื่นตัวของเหล่าทหาร นามของฟู่เสี่ยวกวนยังคงใช้การได้ดีอยู่เสมอ !