ตอนที่ 82 เริ่มต้นจากที่นี่
หลังจากนั้นเป็นเวลาสามวัน ฟู่เสี่ยวกวนก็มิได้เดินทางไปยังเพิงพักชั่วคราว แต่กลับเรียกจางเช่อและอี้หยู่ให้ไปรวบรวมผู้ที่รู้หนังสือและบรรดาช่างต่าง ๆ พร้อมกับจดรายชื่อมาให้เขา
สามวันมานี้เขาได้พบกับคนเหล่านี้ที่เรือนซีซาน
จางหยางเป็นหนึ่งในผู้ประสบภัย อายุเพียง 18 ปี อดีตเคยศึกษาในสำนักศึกษาเอกชน เขามีพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ที่เยี่ยมทีเดียว
หลี่อี้ อายุได้ 22 ปี เขามีความสามารถด้านการประดิษฐ์ มักทำของแปลกใหม่ออกมาเสมอ
โจวกัง อายุ 30 ปี เขารู้หนังสือและเคยเป็นอาจารย์ในสำนักศึกษาเอกชน
เจิ้งตั๋ว อายุ 33 ปี เขารู้หนังสือ อีกทั้งมีความเข้าใจในการค้า
หลู่เจิ้งจวิน อายุ 40 ปี รู้หนังสือ เป็นช่างเหล็ก
……
……
ในมือของฟู่เสี่ยวกวนมีบัญชีรายชื่อเล่มหนา เขาไม่คาดคิดว่าในบรรดาผู้คนมากกว่าสามหมื่นสามพันคนนั้น จะมีผู้รู้หนังสือ 300 คนและมีช่างฝีมือมากถึงหนึ่งพันกว่าคน
นี่คือโชคชั้นใหญ่ที่เขาจะต้องขุดมันขึ้นมาอย่างดี
จากนั้นเขาก็ได้พบกับผู้นำด้านศาสนาและผู้นำด้านอื่น ๆ เขาเอาใจใส่บุคคลเหล่านี้ยิ่ง อีกทั้งยังพาพวกเขาไปยังยุ้งฉางแล้วเอ่ยว่า
“ต่อให้พวกท่านกินอย่างอิ่มหนำสำราญ อาหารในจวนข้าก็มีเพียงพอให้พวกท่านกินทั้งปี”
เขาต้องการให้พวกผู้นำวางใจ เพราะหากผู้นำเหล่านี้อุ่นใจแล้ว คนอื่น ๆ ก็อุ่นใจเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเพิงพักอาศัยชั่วคราวจึงเริ่มเชื่อมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าเขาคือพระโพธิสัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่ และมาช่วยพวกเขาให้รอดพ้น สิ่งนี้ทำให้ฟู่เสี่ยวกวนไม่กล้าไปที่เพิงชั่วคราวเพื่อพบปะกับคนเหล่านั้นอีก
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เดินทางไปพบเจอกับพวกเขาอีก
หลังจากนั้นสามวัน เขาได้เรียกประชุมทุกคนที่มีรายชื่อให้ไปรวมตัวกันที่ด้านนอกเรือนซีซาน คนมากมายเช่นนี้ คาดว่าในเรือนจะคับแคบไปเสียหน่อย
ผู้เข้าร่วมประชุมด้วยนี้มีอี้หยู่และจางเช่อ หยูเวิ่นหวินและต่งชูหลานแต่งกายเป็นชายนั่งอยู่ด้านหลังฟู่เสี่ยวกวน ส่วนซูม่อและหงจวงอยู่ห่างออกไปนิดหน่อย
“พวกเจ้าคิดว่าชีวิตที่เป็นอยู่นี้เป็นเช่นไรบ้าง พอใจหรือไม่ ? ” ฟู่เสี่ยวกวนยืนอยู่บนเวทีด้านหน้า น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนและใส่ใจ
ผู้คนที่นั่งอยู่ด้านหน้านั้นมองดูฟู่เสี่ยวกวน แม้ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยพบมาก่อน แต่บัดนั้นคล้ายกับกำลังฝันไป
“พอใจมากขอรับ ข้าน้อยขอบพระคุณคุณชาย ! ”
นี่คือสิ่งที่ฟู่เสี่ยวกวนกำชับไว้ มิให้พวกเขาเรียกว่าเทพเจ้าหรืออื่น ๆ ให้เรียกว่าคุณชายเท่านั้น
“หากพวกเจ้ามีสิ่งใดที่ต้องการจงเอ่ยมาเถิด หากข้าสามารถทำได้ข้าจะพยายามทำเพื่อพวกเจ้าให้ดีที่สุด”
“ไม่มีแล้วขอรับ คุณชาย พวกเรานั้นมีที่ซุกหัวนอน มีข้าวกินอิ่มท้องเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว พวกเรามีเพียงคำร้องขอเดียว……” ผู้เอ่ยออกมาคือลวี่ตงผิง ชายชราอายุ 60 ปีที่คาดว่าตนจะสิ้นชีวิตระหว่างทางเสียแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะได้รับการช่วยเหลือ
“ท่านลวี่ เชิญกล่าว ! ”
“มิบังอาจ เป็นเช่นนี้ พวกเรานั้นไม่ต้องการกินนอนไปวัน ๆ เปลืองอาหารของคุณชายเช่นนี้ พวกเราล้วนเป็นคนมีมือมีเท้า หวังว่าจะสามารถทำงานให้แก่คุณชายได้บ้าง”
“ถูกต้องขอรับ ! คุณชาย พวกเรานั้นมีความสามารถ แม้ข้าจะไม่สามารถถือคราดไถนาได้ แต่สามารถปลูกข้าวได้ ขอคุณชายได้ให้พวกเราช่วยงานเถิด”
“ข้าน้อยได้ยินมาว่าท่านมีโรงกลั่นสุรา ข้าน้อยมีความรู้ด้านการปรุงสุราอยู่น้อยนิด ขออาสาไปช่วยงานที่โรงกลั่นสุรา”
“ข้าน้อยตีเหล็กได้ อีกทั้งยังมีลูกศิษย์อีกหลายคน ได้ยินมาว่าคุณชายเตรียมตัวขุดเหมืองแร่ ข้าน้อยขออาสาไปช่วยงานที่เหมือง ! ”
“ข้าน้อยสามารถทำดอกไม้ไฟและประทัด และศึกษาด้านไฟกับยา มาบ้างหากมีประโยชน์ต่อท่าน ขอคุณชายโปรดใช้งานเถิด ! ”
……
……
ซูม่อมิเคยเห็นเศรษฐีที่ดินหรือผู้มีอำนาจในโลกนี้คนใด สามารถรวบรวมจิตใจที่แข็งแกร่งได้เช่นนี้ พวกเขาเหล่านี้คือตัวแทนของผู้ลี้ภัย พวกเขามีความรู้ทางด้านหนังสือ มีทักษะ และอำนาจบารมี ฟู่เสี่ยวกวนใช้พวกเขาไม่กี่คนเป็นสื่อกลาง เขาไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับผู้คนกว่าสามหมื่นคน เขาเพียงแค่ควบคุมคนส่วนนี้เพื่อควบคุมผู้ประสบภัยทั้งหมด
วิธีที่เขาเลือกใช้นั้นง่ายดาย แม้ว่าวิธีการก่อนหน้านี้จะดูไร้ยางอาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ประสบภัยตั้งแต่แรก จากนั้นเขาก็ได้พบผู้ประสบภัยกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มนี้ และพูดคุยกับพวกเขา รับฟังพวกเขาพูดถึงอดีตที่ผ่านมา และเขาเองก็เล่าให้พวกเขาฟังถึงความสวยงามของอนาคต
เขาช่างมีความอดทนสูงนัก และสามารถรับฟังความในใจของพวกเขาได้สำเร็จ ส่วนเขานั้นก็ปลูกฝังความคิดของตัวเองลงสู่พวกเขาได้สำเร็จเช่นกัน
หากเป็นเช่นนี้ก็คงไม่มีสิ่งใดน่ากังวล
ซูม่อสามารถคาดการณ์ได้ว่านับจากนี้ไปผู้คนกว่าสามหมื่นคนเหล่านี้จะตั้งตารอฟู่เสี่ยวกวนขึ้นเป็นผู้นำ หากการกระทำต่อ ๆ ไปของฟู่เสี่ยวกวนสามารถทำให้ผู้ประสบภัยได้ลิ้มรสความหอมหวานได้ ในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า คาดว่าจะมีน้อยคนนักที่จะออกจากซีซาน
หากเขาผู้นี้เป็นแม่ทัพละก็……น่าเสียดายที่เขามิได้ร่ำเรียนการทหาร
ใบหน้าของฟู่เสี่ยวกวนเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเป็นกันเองยิ่ง เขายกมือขึ้นกลางอากาศ จากนั้นจึงป้องมือและเอ่ยว่า “ความปรารถนาของพวกเจ้านั้นข้าเองเข้าใจดี ในวันนี้ที่เรียกพวกเจ้ามาประชุมนั้น หนึ่งเพื่อต้องการรับฟังความคิดเห็นหรือปัญหาของพวกเจ้า สองนั้นข้ามีเรื่องที่ต้องการให้พวกเจ้าไปช่วยเหลืออย่างมากมายทีเดียว”
“หลังภูเขาซีซานนี้มีโรงปูนอยู่ ข้าต้องการจำนวนคน 1,000 คน ต้องเป็นผู้มีร่างกายแข็งแรง จะได้รับค่าแรงวันละ 20 อีแปะ หากมีสตรียินดีที่จะช่วยทำอาหาร ข้าจะให้ค่าแรงวันละ 10 อีแปะ”
“ส่วนที่นี่ พวกเจ้าเห็นพื้นที่ราบโล่งนั่นหรือไม่ ข้าต้องการก่อสร้างโรงงานจำนวนมาก อาจต้องใช้คนถึง 2,000 คน คนงานทั่วไปค่าแรงวันละ 20 อีแปะ ส่วนหัวหน้างานหรือหัวหน้าช่างค่าแรงวันละ 60 อีแปะ”
“ที่สำคัญที่สุดนั่นคือภูเขาเฟิ่งหลิน ที่นั่นมีแหล่งแร่เหล็กที่ยังมิได้เริ่มขุด ข้าต้องการทำถนนใหม่เสียก่อน ที่นี่ต้องการคนจำนวน 20,000 คนด้วยกัน ค่าแรงทำถนนวันละ 40 อีแปะ ผู้ที่เข้าใจการวางแผนการสำรวจและการจัดการ ค่าแรงวันละ 60 อีแปะ”
“จากการสำรวจเบื้องต้น คาดว่ามีผู้เดินทางมายังซีซานประมาณ 34,822 คน เป็นผู้ชรา 2,418คน สตรีและเด็ก 4,679 คน พวกเขาเหล่านี้จะคอยดูแลพวกเจ้าอยู่เบื้องหลัง เช่น หุงข้าว ทำอาหาร ต้มน้ำ ทำความสะอาดเป็นต้น ค่าแรงวันละ 5 อีแปะ”
ผู้คนที่นั่งอยู่ที่นั้นเบิกตาโต ชีวิตของพวกเขาได้ถูกคุณชายช่วยเอาไว้ ตามหลักความจริงแล้วหากคุณชายให้พวกเขาทำสิ่งใดแน่นอนว่าพวกเขายินดีทำอย่างยิ่ง มิได้คิดถึงค่าตอบแทนเลยแม้แต่น้อย
เมื่อสักครู่คุณชายเอ่ยว่าจะให้ค่าแรง อีกทั้งยังมิใช่เงินจำนวนน้อย ทำให้พวกเขาดีใจยิ่งนัก เนื่องจากพวกเขาไร้ซึ่งบ้านแล้ว แต่หากในปีหน้าต้องการเดินทางกลับไป การสร้างบ้านใหม่ก็ต้องใช้เงินมากมายพอควร
“หากเป็นเช่นนี้ผู้ช่วยดูแลอยู่เบื้องหลังมีจำนวนประมาณ 7,000 คน ที่เหลือคือกลุ่มคนที่ต้องการใช้แรงหลักจำนวน 27,000 คน นอกจากที่ข้าเอ่ยมาจำนวน 23,000 คนแล้วนั้น ยังเหลืออีก 4,000 คน โรงอิฐต้องการ 1,000 คน โรงดินต้องการ 1,000 คน อีก 2,000 คนนั้นข้าต้องการชายหนุ่มร่างกายกำยำ พวกเขาจะอยู่ที่นี่เพื่อฝึกฝน”
“แผนงานของข้ามีดังนี้ ส่วนรายละเอียดผู้ดูแลจางและผู้ดูแลอี้จะเป็นคนรับผิดชอบ เขาทั้งสองจะเลือกผู้แทนจากกลุ่มพวกเจ้าคอยดูแลงานต่าง ๆ นี่คือแผนงานในขั้นแรก เมื่อทุกสิ่งสร้างแล้วเสร็จ ข้าจะดำเนินการขั้นต่อไป”
“อย่างเช่นหากสำนักศึกษาซีซานสร้างเสร็จ บุตรหลานของพวกเจ้าจะสามารถร่ำเรียนวิชาที่นี่ได้ พวกเจ้าหากใครรู้หนังสือก็สามารถมาสอนได้ อีกทั้งศูนย์การวิจัยและพัฒนาหลังสร้างเสร็จ บุคคลเช่นหลู่เจิ้งจวินและหลี่อี้นั้นจะมาค้นคว้าสิ่งใหม่ ๆ ในที่แห่งนี้ เมื่อถึงเวลาข้าจะชี้ทางให้ แน่นอนว่าพวกเจ้าจะต้องทำมันออกมาได้สำเร็จ”
“นี่เป็นแผนการเบื้องต้น พวกเจ้าโปรดเชื่อว่าอนาคตของพวกเราจะต้องดีขึ้น ดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน ! “