ตอนที่ 858 ภูเขาทอง
จันทร์เสี้ยวนวลผ่องลอยล่องอยู่บนนภา
ณ จายซิงถาย คฤหาสน์จิ้งหู ไป๋ยู่เหลียนได้นำกองนาวิกโยธินจำนวน 10,000 นายเข้าล้อมที่แห่งนี้ไว้อย่างแน่นหนา
เขามิรู้ว่าฟู่เสี่ยวกวนจะทำสิ่งใด แต่เห็นได้ชัดว่าที่จายซิงถายมีความลับสำคัญซุกซ่อนเอาไว้
ขณะนี้ ไป๋ยู่เหลียน ฟู่เสี่ยวกวน เจี่ยหนานซิงและหนิงซือเหยียนกำลังยืนอยู่หน้าประตูเหล็กบานใหญ่ของจายซิงถาย ไป๋ยู่เหลียนพบว่าฟู่เสี่ยวกวนสูดหายใจเข้าลึกและมีท่าทางกังวลเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เอ่ยออกมาว่า
“เรื่องในค่ำคืนนี้เป็นความลับสุดยอด ! พวกเจ้าจงจำเอาไว้ให้ดีว่าอีกประเดี๋ยวสิ่งที่จะได้เห็นเมื่อเข้าไปด้านใน ห้ามผู้ใดเอ่ยถึงแม้แต่คำเดียว ! ”
นี่คือคำสั่งเด็ดขาด ไป๋ยู่เหลียนและคนอื่น ๆ พากันพยักหน้ารับรู้ ทั้งที่มิเข้าใจว่าสิ่งที่อยู่ในนั้นเป็นของสำคัญอันใดกันแน่
ฟู่เสี่ยวกวนกำมือแน่น บิดาอ้วนมิได้หลอกเขาใช่หรือไม่ ?
ข้าอุตส่าห์เล่นใหญ่นำทัพใหญ่โตเยี่ยงนี้มาคุ้มกัน หากบิดาอ้วนหลอกลวง เมื่อเปิดประตูออกแล้วมิพบสิ่งใด…คงอับอายน่าดู
ด้านของหนิงซือเหยียนยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่เพราะสถานที่แห่งนี้เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี ในงานชุมนุมวรรณกรรมเมื่อครานั้นเขาและพวกหยูเวิ่นหวินก็ได้เข้ามาหลบภัยในที่แห่งนี้ ทว่าด้านในว่างเปล่ามิใช่หรือ ?
บัดนี้ฟู่เสี่ยวกวนกำลังแสดงท่าทีประหม่า เจ้านี่ประหม่าเป็นด้วยเยี่ยงนั้นหรือ ?
มิว่าในสนามรบหรือในพระราชวัง หนิงซือเหยียนก็มิเคยเห็นฟู่เสี่ยวกวนแสดงท่าทีประหม่าเลยสักครา
บัดนี้ใบหน้าของฟู่เสี่ยวกวนแสดงออกถึงความกังวล ภายใต้แสงไฟสาดส่องทำให้เห็นรอยกล้ามเนื้อบนใบหน้าอย่างชัดเจน
ฟู่เสี่ยวกวนยกมือถูไถไปมา จากนั้นก็เปิดประตูเหล็กออก ทั้งสี่คนจึงเดินตรงเข้าไป ทว่าด้านในมีเพียงห้องว่างเปล่าดังคาด
“เสี่ยวไป๋ ปิดประตู”
หลังจากนั้นหนิงซือเหยียนก็เห็นฟู่เสี่ยวกวนหยิบตะบันไฟออกมา แล้วจุดตะเกียงเจ้าพายุที่อยู่บนกำแพงจนครบ
ฟู่เสี่ยวกวนเดินตรงไปยังกำแพงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม จากนั้นก็เอื้อมมือหยิบตะเกียงลงมาจึงพบว่าผนังที่โดนตะเกียงบังอยู่มีรูกุญแจ !
หนิงซือเหยียนเบิกตากว้าง จากนั้นก็เห็นฟู่เสี่ยวกวนหยิบกุญแจทองแดงขนาดยาวสามชุ่นออกมา
กุญแจมีขนาดพอดีกับรูตรงผนัง ฟู่เสี่ยวกวนบิดมือหมุนมันและทันใดนั้น…ก็มีเสียงดังแก๊กเบา ๆ จากพื้นดิน ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกชีวิต พื้นเรียบก็ได้แยกออกเป็นสองฝั่งอย่างน่าอัศจรรย์ใจ !
หนิงซือเหยียนยื่นตะเกียงออกไปส่องมองด้านใน ท่ามกลางแสงสลัวเขาเห็นบันไดหินทอดยาวลงไป
ด้านล่างนี้มีถ้ำซ่อนอยู่ !
“ไปเถิด ลงไปดูกัน ! ”
ดูเหมือนขันทีเจี่ยจะรู้อันใดมาบ้างแล้ว จึงฉีกยิ้มแล้วเดินนำลงไปโดยมีฟู่เสี่ยวกวนเดินตามหลัง จากนั้นทั้งสี่คนก็ได้เดินลงบันใดไปด้านล่าง…
ต่อให้ขันทีเจี่ยพอคาดเดาออกว่าจะพบสิ่งใด แต่ก็ยังอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงเมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า
ฟู่เสี่ยวกวนและคนอื่น ๆ ก็มิต่างกัน แต่ละคนเบิกตาโพลง อ้าปากค้างด้วยความเหลือเชื่อ…
สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าของพวกเขาคือภูเขาทอง !
ทองแท่งได้วางเรียงซ้อนกันเป็นชั้นและกลายเป็นภูเขาขนาดมหึมา !
เวลานี้ฟู่เสี่ยวกวนจึงได้รู้ว่าที่มาของภูเขาทองเหล่านี้คือที่ใด คาดว่าบิดาอ้วนคงไปชิงมาจากใต้วัดฟูจื่อซึ่งเป็นสมบัติของราชวงศ์เฉิน จากนั้นก็นำมาซุกซ่อนไว้ที่นี่ !
บิดาอ้วน ท่านช่างยอดเยี่ยมยิ่ง !
ดวงตาของฟู่เสี่ยวกวนเป็นประกายขึ้นมาทันใด บัดนี้เขารู้สึกนับถือบิดาอ้วนด้วยใจจริง !
ทว่า…บทกวีอำลาเคมบริดจ์ที่ใต้วัดฟูจื่อบทนั้น มีความเป็นมาเยี่ยงไรกันเล่า ?
บิดาอ้วนบอกเรื่องทองนี้แก่ตน จากนั้นก็ทิ้งกุญแจเอาไว้ให้ แล้วเดินทางจากไปทันทีเพราะกลัวว่าตนจะเอ่ยถามถึงเรื่องนี้เยี่ยงนั้นหรือ ?
เขาปิดบังสิ่งใดอยู่กันแน่ ?
ฟู่เสี่ยวกวนสูดหายใจเข้าลึก เก็บความสงสัยไว้ในใจ คงทำได้เพียงรอให้บิดาอ้วนกลับมาแล้วค่อยเอ่ยถาม
“ไอหยา…สวรรค์ ! ” หนิงซือเหยียนอุทานออกมา
ด้านไป๋ยู่เหลียนกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกว่าบัดนี้ร่างกายร้อนผ่าวไปทั้งร่าง
ให้ตายเถิด !
ข้าจะเอ่ยอันใดได้อีกกัน ?
มิว่าคำใดในผืนปฐพีนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าทองคำเปล่งประกายแวววาวเหล่านี้ก็มิอาจเทียบเคียงได้เลยสักนิด
“เสี่ยวไป๋…เรารวยแล้ว ! ”
“อืม…รวยแล้วพ่ะย่ะค่ะ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนที่เคยเกิดมาแล้วถึงสองครา ก็ยากที่จะหาคำใดมาอธิบายได้ “หากมีทองเหล่านี้ ปัญหาต่าง ๆ ในราชวงศ์อู๋ก็จะสามารถจัดการได้โดยง่าย ! เสี่ยวไป๋ พวกเราจะมีกองทหารที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้านี้ ! พวกเราจะออกสู่โลกอันกว้างใหญ่ด้วยกัน ! ”
ในเวลานี้ ฟู่เสี่ยวกวนเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ!
เขากังวลใจเรื่องเงินมานานพอสมควร และมันคือปัญหาใหญ่ของการพัฒนาราชวงศ์อู๋ บัดนี้เขามีทางออกแล้ว
ลำดับต่อไปเขาจะก่อตั้งมหาวิทยาลัยเพื่อพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ ส่งเสริมผู้มีความสามารถ เพิ่มท่าเรือ ส่งเสริมการมีบุตร ดำเนินการศึกษาภาคบังคับ 12 ปี ก่อตั้งสำนักศึกษาการแพทย์ สร้างระบบการแพทย์ขั้นพื้นฐานและต้องมีการรักษาพยาบาลโดยมิเสียค่าใช้จ่าย…
ชั่วอึดใจนี้ ในสมองของฟู่เสี่ยวกวนได้ผุดโครงการต่าง ๆ ขึ้นมามากมาย
เดิมทีเขาคิดว่าสิ่งเหล่านี้มิอาจทำให้เป็นจริงได้ง่าย ๆ ทว่าบัดนี้เขามองเห็นถึงความหวังแล้ว
จากแผนการเดิมคือจัดหาเงินทุนแบบค่อยเป็นค่อยไป ในตอนนั้นวิธีที่เร็วที่สุดในการหาเงินทุนคงหนีมิพ้นการออกเรือไปแย่งชิง !
แน่นอนว่าแผนออกเรือไปแย่งชิงเงินทองยังมิถูกทำลายลงเนื่องจากภูเขาทองนี้หรอก เพราภูเขาทองลูกนี้จะทำให้เขามีกำลังมากพอในการออกเดินทางก่อนกำหนดด้วยซ้ำ !
เมื่อเขามีทองจำนวนมหาศาลก็จะสามารถนำไปซื้อทรัพยากรจากแคว้นอื่นได้ และยังสามารถซื้อตัวผู้มีความสามารถมาพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรืออาจจะนำไปทำสงครามค่าเงิน1ก็ยังได้ !
“เสี่ยวไป๋ เดือนสามปีหน้า กองทัพเรือจะต้องมีประสิทธิภาพพร้อมรบ ! ”
“…น้อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“ขันทีเจี่ย วันรุ่งขึ้นจงเรียกหลงจู๊ใหญ่หลี่แห่งธนาคารซื่อทงมายังห้องทรงพระอักษร แล้วก็…วันรุ่งขึ้นให้ส่งคนไปเชิญฉินเฉิงเย่มาที่ห้องทรงพระอักษรด้วย”
“น้อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ ! ”
……
……
“เขามิได้นำภูเขาทองมาเป็นของส่วนพระองค์ ทว่าเขาจะให้ธนาคารซื่อทงนำทองไปจัดการพิมพ์เป็นตั๋วเงิน”
ณ ทะเลสาบเทียนซินแห่งสำนักเต๋า
ชายอ้วนนั่งไขว่ห้างอยู่หน้ากองไฟ เขากำลังย่างกวางตัวหนึ่งอยู่ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นแล้วเหลือบมองไปทางสวี่หยุนชิง “เขาออกนโยบายด้านการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส่งเสริมให้ราษฎรมีบุตร เด็กทุกคนในราชวงศ์อู๋ที่อายุครบ 6 ปีแล้วต้องเข้าโรงเรียนเพื่อรับการศึกษาภาคบังคับ…ทั้งยังไร้ค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียน”
“เฮ้อ…ช่างฟุ่มเฟือยเสียจริง ! บัดนี้ข้ารู้สึกคิดผิดที่บอกเรื่องภูเขาทองให้แก่เขา”
สวี่หยุนชิงยิ้มกว้าง “ในตอนนั้นก็ตกลงกันแล้วว่าจะยกให้เขา เยี่ยงไรเสียก็เป็นเงินของเขา แล้วเจ้าจะปวดใจเนื่องด้วยเหตุอันใดกันเล่า ? ”
“จริงสิ ! เจ้าโดนรั่วซุ่ยไล่ออกมาเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ชายอ้วนหน้าแดงขึ้นมาทันพลัน “ข้ามาบอกเจ้าเกี่ยวกับเรื่องเสี่ยวกวนมิใช่หรือ ? ”
ซูฉางเซิงหัวเราะขึ้นมา จากนั้นก็จดจ้องไปยังสวี่หยุนชิงแล้วเอ่ยถามว่า “เขาจัดพิมพ์ตั๋วเงินมากมายจนเกินไป บัดนี้ราคาสินค้าในราชวงศ์อู๋สูงลิบ จะมิเกิดปัญหาตามมาเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ข้าเองก็มิทราบ แต่ช่างเขาเถิด ปล่อยให้เขาจัดการมันด้วยตนเอง”
ชายอ้วนเอ่ยแทรกขึ้นมาว่า “เจ้าเด็กนั่นให้สำนักงานการค้าในสี่เมืองการค้าหลักจัดซื้อแร่และไม้จำนวนมากมาจากแคว้นต่าง ๆ ข้าเกรงว่าจะสิ้นเปลืองเงินจำนวนมาก”
“สิ่งเหล่านั้นราชวงศ์อู๋มีมากมายมิใช่หรือ ? เขาจะซื้อไปทำอันใดอีกกัน ? ”
“จะเอาไปทำอันใดได้อีก ? ก็นำมาสร้างเรือสร้างปืนของเขาน่ะสิ เขามุ่งมั่นในการออกทะเล และข้าก็มิเข้าใจว่าทะเลอันกว้างใหญ่ นอกเหนือจากปลาแล้วยังจะมีสิ่งใดได้อีกกัน”
ซูฉางเซิงก็มิทราบเช่นกัน เขาจึงหันไปมองสวี่หยุนชิงแล้วเอ่ยถามขึ้นมาว่า
“นี่ก็ใกล้ปีใหม่แล้ว เจ้าจะเดินทางไปหาเขาที่เมืองกวนหยุนหรือไม่ ? ”
สวี่หยุนชิงนิ่งเงียบอยู่เนิ่นนาน จากนั้นก็ส่ายศีรษะช้า ๆ
“รออีกสักหน่อยเถิด”
1สงครามค่าเงิน คือ สงครามที่ประเทศต่าง ๆ แข่งขันกันลดค่าเงินของประเทศตนโดยมีเป้าหมายหลักเพื่อกระตุ้นการส่งออกและส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศ