ตอนที่ 877 ราตรีเงียบสงบ
ภายในเรือนของหวางเอ้อ ณ หมู่บ้านหวังเจียชุน
สุริยาได้หายลับไปหลังภูเขาแล้ว สายลมยามราตรีพัดมาเอื่อยเฉื่อย
บนโต๊ะขนาดแปดคนนั่ง มีอาหารที่กำลังส่งควันอุ่นร้อนวางอยู่บนโต๊ะ
“ฝ่าบาท…” หวางเอ้อและหวางเฉียงยืนอยู่ข้างโต๊ะด้วยความประหม่า เบื้องหน้าพวกเขาคือชายหนุ่มที่คุ้นเคย รูปลักษณ์มิได้เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด จะมีก็ตรงหนวดหนาสีเข้มที่ขึ้นเหนือริมฝีปากทำให้ดูเป็นผู้ใหญ่มากยิ่งขึ้น และมีความผ่าเผยที่มิคุ้นเคยแสดงออกมา
ทว่าเยี่ยงไรพระองค์ก็เป็นถึงองค์จักรพรรดิ !
“เรียกข้าว่านายน้อยดังเดิมเถิด พวกเจ้าจงจำเอาไว้ มิว่าที่ใดหรือเวลาใดก็มิจำเป็นต้องเรียกข้าว่าฝ่าบาท เพราะข้าชื่นชอบเวลาที่ได้ยินพวกเจ้าเรียกขานข้าว่านายน้อยมากกว่า แน่นอนว่าข้ายังเป็นคุณชายฟู่แห่งซีซานคนเดิม ! ”
หวางเอ้อบีบมือแน่น จากนั้นก็โค้งคำนับ “นายน้อย ฮูหยิน… เชิญนั่งขอรับ ! ”
มุมปากของฟู่เสี่ยวกวนยกยิ้ม เขาไร้ท่าทีเกรงใจ จากนั้นก็พาต่งชูหลานมานั่งตรงหัวโต๊ะด้วยกัน
“มา ๆ ๆ โต๊ะกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ หวางเอ้อ หวางเฉียง มาสนทนากับคุณชายตรงนี้ ขันทีเจี่ยและทุกคนก็มานั่งด้วยกันเถิด มิต้องเกรงใจ บัดนี้มิมีจักรพรรดิ มีเพียงนายน้อยเศรษฐีที่ดินเท่านั้น ! ”
เมื่อเอ่ยประโยคนี้ออกไปทุกคนก็หัวเราะร่าขึ้นมาทันที บรรยากาศจึงผ่อนคลายขึ้นมามากเลยทีเดียว
“นายน้อย ลองชิมดูขอรับ นี่คือหมูที่ภรรยาของข้าเป็นผู้เลี้ยง มันคือเซียงจูอวี๋ห้าวที่ท่านเคยเอ่ยไว้ตอนยังเป็นหนุ่ม” สีหน้าของหวางเอ้อพลันสดชื่นขึ้นมา ยามหวนนึกถึงเมื่อคราอยู่ที่ซีซาน เพื่อจัดงานแต่งให้บุตรชาย หวางเอ้อจึงฆ่าหมูไป 3 ตัว ทว่ารสชาติของเนื้อหมูในยามนั้นมิสามารถเทียบเคียงเซียงจูอวี๋ห้าวในยามนี้ได้เลย
ครานั้นคุณชายก็มาร่วมงานเลี้ยงด้วยเช่นกัน ส่วนวันนี้เมื่อได้มาถึงราชวงศ์อู๋ คุณชายก็ออกจากเมืองกวนหยุนและเลือกมาพักที่เรือนของตน นี่ถือเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ของตระกูลหวาง !
“ที่เรือนของเจ้าเลี้ยงหมูกี่ตัว ? ” ฟู่เสี่ยวกวนคีบเนื้อหมูหนึ่งชิ้นเข้าปาก รสชาติย่อมมิสามารถเทียบเคียงกับห้องเสวยได้อย่างแน่นอน ทว่าเขาก็ตั้งใจทานอย่างเอร็ดอร่อย
หนิงซือเหยียนที่เร่งรีบล่วงหน้ามาก่อนสองวัน ได้ชำเลืองตามองจักรพรรดิพระองค์นี้… เนื้อแท้ของพระองค์ก็คือนายน้อยเศรษฐีที่ดินนั่นเอง
พระองค์เสวยได้น่าเอร็ดอร่อยมากยิ่งนัก ทั้งยังดูมีความสุขอย่างถึงที่สุดอีกด้วย
เอาเถิด… จักรพรรดิเสวยได้ ข้าก็ต้องทานได้เช่นกัน !
ดังนั้นทุกคนจึงยกตะเกียบขึ้นและมิรู้สึกว่าต้องยับยั้งชั่งใจแต่อย่างใด
“เรียนนายน้อย ที่เรือนของข้าเลี้ยงหมู 6 ตัว ส่วนหวางเฉียงเลี้ยงอยู่ 10 ตัวขอรับ”
“โอ้…” ฟู่เสี่ยวกวนเงยหน้ามองไปทางหวางเฉียง “มีบางเรื่องที่ข้าทำมิถูกต้องนัก ปีหน้าข้ารับปากว่าจะโยกย้ายเสี่ยวเหมยกลับมาให้ นางจะได้คลอดลูกตัวอ้วนให้เจ้าอย่างเต็มที่ ! ”
หวางเฉียงตื่นตกใจขึ้นมาทันพลัน จากนั้นก็รีบเอ่ยขึ้นมาว่า “นายน้อยอย่าทำเยี่ยงนี้เลยขอรับ พวกเราตระกูลหวางถ้ามิใช่เพราะนายน้อย… น้ำป่าไหลหลากเมื่อปีนั้นก็คงมิมีหวางเฉียงอีกต่อไปแล้ว ท่านพ่อมักจะเอ่ยว่าพวกเรามิมีสิ่งใดตอบแทนท่านได้ มีเพียงการตั้งใจทำตามคำสั่งของท่านอย่างถูกต้องเพื่อตอบแทนบุญคุณขอรับ ! ”
“ในช่วงหลายวันก่อนหน้านี้ ท่านพ่อยังเอ่ยอีกว่า… รอจนปักต้นกล้าเสร็จสิ้นแล้ว ข้าจะไปที่ชื่อเล่อชวน ฮึฮึ…” หวางเฉียงเกาศีรษะไปมาพลางยิ้มซื่อ ๆ “เมื่อเป็นเยี่ยงนั้นก็สามารถให้กำเนิดบุตรได้แล้วขอรับ”
ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะร่า “ดี ๆ ๆ เป็นความคิดที่มิเลว ทว่าเยี่ยงไรเสีย…” รอยยิ้มของเขาถูกพับเก็บลงไป จากนั้นก็จ้องมองไปทางหวางเฉียง “เงื่อนไขที่ชื่อเล่อชวนค่อนข้างลำบาก เจ้ากลับมาทำการผลิตที่นี่ดีกว่า บัดนี้โรงงานน้ำหอมได้ดำเนินไปถูกทางแล้ว เสี่ยวเหมยทำได้ดีมากยิ่งนัก ! ”
“ดวงตาของเจ้ามีแววใช้ได้ ดอกลาเวนเดอร์ที่เสี่ยวเหมยเพาะเลี้ยงอยู่ที่รัฐจื่อฉีถือว่ามิเลว บัดนี้ดอกลาเวนเดอร์กลายเป็นผลิตผลที่โดดเด่นของรัฐจื่อฉีไปแล้ว เมื่อถึงเดือนหก ระยะทางพันลี้ของรัฐจื่อฉีจะกลายเป็นสีม่วง จะเป็นทิวทัศน์ที่ตระการตาจนน่าตกตะลึงเลยล่ะ ! ”
“เฮ้อ…เกรงว่าปีนี้ข้าคงมิมีเวลา แต่ปีหน้า… เดือนหกในปีหน้าคุณชายผู้นี้จะพาเหล่าภรรยาไปเยี่ยมชมทุ่งลาเวนเดอร์ผืนนั้นสักหน่อย”
เมื่อต่งชูหลานได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักงัน น้ำหอมกลิ่นลาเวนเดอร์ได้ส่งมาถึงวังหลวงแล้ว กลิ่นของมันหอมมากยิ่งนัก และพวกนางล้วนชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังทราบถึงมูลค่าของน้ำหอมชนิดนี้เป็นอย่างดี
แต่นางมิทราบว่าแท้จริงแล้วดอกลาเวนเดอร์มีรูปร่างหน้าตาเป็นเยี่ยงไร เมื่อได้ยินฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยเช่นนี้จึงเกิดความสนใจขึ้นมาทันพลัน
“หากเสี่ยวเหมยกลับมา ถึงเวลานั้นพวกเจ้าก็ไปดูพร้อมกับพวกเราได้หรือไม่ ? นางสามารถเป็นผู้นำทางให้พวกเราได้”
หวางเฉียงรีบตอบรับโดยเร็วว่า “หากฮูหยินชื่นชอบ เสี่ยวเหมยสามารถติดตามท่านไปเที่ยวเล่นได้ตลอดเวลาขอรับ”
ผู้ร่วมโต๊ะล้วนสนทนากันในระหว่างมื้ออาหาร โดยมากมักจะเอ่ยถึงเรื่องราวเมื่อคราที่อยู่ในซีซานและเอ่ยถึงเรื่องราวหลังจากมาถึงโม่โจว
หนิงซือเหยียนและเป่ยหวังฉวนเพิ่งทราบว่าเดิมทีฝ่าบาทได้สร้างผลงานไว้มากมาย
“บัดนี้พวกเจ้าสามารถปักหลักที่นี่ได้ ข้าก็สบายใจแล้ว ที่นาเหล่านั้นของข้าในภายภาคหน้าก็จะส่งมอบให้เจ้าสองคนพ่อลูกดูแลอย่างทั่วถึง”
เมื่อเอ่ยจบ หวางเอ้อและหวางเฉียงก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันใด เพราะที่นาของคุณชายในตอนนี้มีเยอะจนเกินความคาดหมายของพวกเขา !
กินระยะทางครอบคลุมแปลงนาที่ดีที่สุดของแปดรัฐแห่งหนานชางเยี่ยงโม่โจว ป๋ายโจว เทียนโจวและเยี่ยนโจว โดยมีพื้นที่มากถึง 60,000 ฉิง… นับเป็นหกล้านหมู่ !
นี่คือแนวคิดอันใดกัน ?
นี่แทบจะเป็นที่ดินครึ่งหนึ่งของทั้งสี่รัฐได้แล้ว มันมากกว่าที่ดินที่หลินเจียงถึงร้อยเท่า !
“นายน้อย ข้าคิดว่าภาระนี้ค่อนข้างหนักหนาเกินไปขอรับ” หวางเอ้อรีบแย้งขึ้นมา
ฟู่เสี่ยวกวนโบกมือเป็นพัลวัน “ในภายภาคหน้าเจ้าสองพ่อลูกรับผิดชอบเรื่องการเผยแพร่กรรมวิธีเพาะพันธุ์ก็พอแล้ว ส่วนเรื่องอื่นก็มอบให้หัวหน้าแต่ละหมู่บ้านเป็นผู้จัดการเถิด ผู้ใดทำได้มิดีหรือบังอาจมิเชื่อฟังพวกเจ้า ก็มิต้องนำมาฟ้องข้าหรอก พวกเจ้าสามารถไล่ออกได้โดยตรง”
“ตอนนี้คุณชายขอแต่งตั้งให้หวางเอ้อเป็นพ่อบ้านใหญ่แห่งหมู่บ้านหลวงอย่างเป็นทางการ มีหน้าที่จัดการกิจการทุกอย่างในหมู่บ้านหลวง ส่วนหวางเฉียงคือรองพ่อบ้านคอยฟังคำสั่งจากบิดา ตัดสินใจเยี่ยงนี้แล้วก็มา ๆ ๆ มาดื่มกัน ! ”
เพียงหนึ่งประโยค เกียรติอันยิ่งใหญ่มหาศาลก็ได้หล่นใส่ศีรษะของตระกูลหวางเอ้อเสียแล้ว
ที่นา 6,000,000 หมู่ หมู่บ้าน 68 แห่ง ผู้เช่านามากกว่าสี่แสนราย อำนาจเบ็ดเสร็จทั้งหมดนี้ตกอยู่ในมือของหวางเอ้อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อำนาจนี้ยิ่งใหญ่เกินไป มือที่ถือจอกสุราของหวางเอ้อยังคงสั่นเทามิหยุด
“ข้าน้อย… ข้าขอบคุณในความไว้วางใจจากนายน้อยขอรับ ! ”
“นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าสมควรจะได้รับแล้ว เพราะพวกเจ้าคือคนที่ข้ารู้จักตั้งแต่แรก ยามอยู่ที่ซีซาน… ฟู่อีต้ายก็เป็นพวกเจ้าที่เพาะเลี้ยงขึ้นมาเองกับมือ บัดนี้ก็ได้ดำเนินมาถึงฟู่ลิ่วต้ายแล้ว เรื่องการปลูกข้าวถ้าอยู่ในมือของพวกเจ้าย่อมแพร่พันธุ์ต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง ผลงานของพวกเจ้าจะคงอยู่คู่บ้านคู่เมืองไปชั่วนิจนิรันดร์ ! ”
“ข้าน้อย ข้าน้อยขอบคุณมากขอรับ ! ข้าขอดื่มคำนับนายน้อยหนึ่งจอก ! ”
“ดี ! หมดจอก ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนและหวางเอ้อดื่มจนหมดจอก จากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นมาอีกว่า “เจ้าคือพ่อบ้านใหญ่แห่งหมู่บ้านหลวงของข้า เบี้ยหวัดคือ 1,000 ตำลึง ! ดังนั้นจะต้องรื้อถอนเพื่อสร้างเรือนขึ้นมาใหม่ สร้างแบบมีห้าทางเข้า ข้าจะเขียนป้ายให้เรือนของพวกเจ้าด้วยหนึ่งแผ่น ในภายภาคหน้าเมื่อออกเดินทางพวกเจ้าต้องนั่งเกี้ยวหรือรถม้า หากข้ามีเวลาว่างก็จะมาพักแรมที่เรือนของเจ้าด้วยเช่นกัน”
ชายชราหวางเอ้อสะอึกสะอื้นตัวโยน เขาลุกขึ้นยืน จากนั้นก็ก้าวถอยห่างไปสามก้าว หวางเฉียงเหลือบมองบิดา จากนั้นก็รีบลุกขึ้นยืนเช่นกัน พลางเดินมาหยุดอยู่ข้างกายบิดา
ทั้งสองคุกเข่าดัง ปึก ! “ข้าขอขอบพระคุณในเมตตาของนายน้อยมากยิ่งนักขอรับ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนกระตุกยิ้ม จากนั้นก็เดินเข้าไปหาเพื่อช่วยประคองทั้งสองคนขึ้นมา เขาเอ่ยด้วยความรู้สึกผูกพันว่า “พวกเจ้าจงจำเอาไว้ว่า ปีนั้นที่ซีซานพวกเราเคยทำงานลำบากในทุ่งนามาด้วยกัน ข้ายังเคยดื่มชาป๋อเหอในโถชาของเจ้าเลย”
“ข้าจะจดจำช่วงเวลาเหล่านั้นเอาไว้ตลอดกาล หวังว่าพวกเจ้าจะเป็นคนที่ใกล้ชิดที่สุดของข้าตลอดกาลด้วยเช่นกัน ! ”