นายน้อยเจ้าสำราญ – ตอนที่ 885 ให้เขารอ

ตอนที่ 885 ให้เขารอ

เมื่อชาบ๊วยและแตงโมไหลลงกระเพาะไปแล้ว ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางก็พลันมลายหายไปจนสิ้น

เมื่อฟู่เสี่ยวกวนอธิบายเรื่องกระป๋องจนจบ สมองของต่งชูหลานก็ได้หยุดทำงานไปชั่วขณะ

“หรือไม่ก็… ให้โรงงานกระป๋องนี้ดำเนินการในวังหลัง ? มิเช่นนั้นวันทั้งวันข้าคงว่างและมิมีอันใดทำ”

“พวกเจ้าอยากทำก็ย่อมได้ แต่ความหมายของข้าคือควรเปิดเผยวิธีการผลิตกระป๋องออกไป ราชสำนักมิควรผูกขาดเอาไว้เองเพราะความต้องการของเจ้าสิ่งนี้จะสูงเป็นอย่างมาก มิเพียงแต่เป็นความต้องการในด้านการเดินเรือเท่านั้น มันจะรวมไปถึงทหารและราษฎรทั่วไปด้วย”

“สามารถส่งเสริมให้แต่ละท้องถิ่นมาลงทุนกับกระป๋องนี้ได้ อาหารกระป๋องมีหลายประเภท มีตลาดขนาดใหญ่รองรับ ดังนั้นควรมีการแข่งขันอย่างเท่าเทียม”

ต่งชูหลานพยักหน้ารับเพราะท้องพระคลังส่วนพระองค์ที่เคยมีมากถึง 100 ล้านตำลึง ทว่าตั้งแต่มาถึงราชวงศ์อู๋เงินจำนวนนี้ก็มีแต่จะลดหลั่นลงไป มิเห็นจะมีเพิ่มขึ้นมาเลย

อุตสาหกรรมที่มีแต่เดิมในราชวงศ์หยูก็มิเหลือแม้แต่แห่งเดียวแล้ว ดังนั้นต้องทำอันใดสักอย่างแล้ว มิอาจปล่อยให้เวลาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ได้

ทันใดนั้นเสี่ยวฉีก็เดินเข้ามา ประสานมือคำนับพร้อมเอ่ยกับฟู่เสี่ยวกวนว่า “ทูลฝ่าบาทและพระสนม น้ำอุ่นได้ที่แล้ว เชิญท่านทั้งสองสรงน้ำเพคะ”

พักผ่อนจนคลายร้อนบ้างแล้ว การอาบน้ำอุ่นในเวลานี้จะต้องสบายที่สุดอย่างแน่นอน

ทว่าในตอนที่ฟู่เสี่ยวกวนเพิ่งลุกขึ้นยืน เถ้าแก่เนี้ยหยางฮวาแห่งโรงเตี๊ยมซื่อหยางก็ได้เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ

“นายท่านทั้งหลาย ด้านนอกมีท่านนายอำเภอป๋ายมาขอเข้าพบเจ้าค่ะ”

ฟู่เสี่ยวกวนชะงักงัน พลางส่งสายตาให้หนิงซือเหยียน “บอกให้เขารออยู่ด้านนอก”

หนิงซือเหยียนลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินออกไป ด้านหยางฮวาอดเหลือบมองฟู่เสี่ยวกวนมิได้ นางรู้สึกประหลาดใจอยู่มิน้อยว่านายอำเภอป๋ายและแม่ทัพหม่ารีบมาที่นี่โดยบอกว่าต้องการเข้าพบแขกที่เหมาโรงเตี๊ยมแห่งนี้ หากเป็นในอดีตพวกเขาคงปรี่เข้ามาแล้ว ทว่าในวันนี้กลับบอกให้นางเข้ามารายงานก่อนเสียอย่างนั้น

เดิมทีคาดว่าหากนายท่านเหล่านี้ได้ยินว่าท่านนายอำเภอมาขอเข้าพบ ย่อมต้องออกมาต้อนรับเป็นแน่ แต่คาดมิถึงว่าคุณชายท่านนี้จะให้ท่านนายอำเภอรออยู่ด้านนอก… หมายความว่าตัวตนของคุณชายท่านนี้ต้องสูงส่งกว่านายอำเภอป๋ายมากเป็นแน่ หรือจะเป็นคุณชายของจวนโจวหรือจวนเต้าถายสักแห่งกัน ?

หยางฮวามิกล้าเอ่ยอันใด นางจึงรีบถอยเท้าเดินออกมาทันที สายตาเหลือบไปเห็นหนิงซือเหยียนที่ยืนอยู่ภายในห้องโถงใหญ่ เขามิได้แสดงท่าทีเกรงกลัวต่อการเผชิญหน้ากับท่านนายอำเภอ คาดมิถึงว่าเขากำลังยืนเอาสองมือไพล่หลังพลางเอ่ยกับท่านนายอำเภอด้วยท่าทีเย็นชาเป็นอย่างมากว่า “ข่าวช่างลอยไปไวนัก คุณชายให้พวกเจ้ารออยู่ที่นี่”

จากนั้นดวงตาของหยางฮวาก็พลันเบิกกว้าง นางเห็นนายอำเภอป๋ายและแม่ทัพหม่ายิ้มรับอย่างคาดมิถึง ทั้งยังโค้งคำนับและเอ่ยกับนายท่านด้วยความนอบน้อมเป็นอย่างยิ่งว่า “ข้าน้อยจะรออยู่ที่นี่ขอรับ ! ”

หลังจากนั้นหยางฮวาก็เห็นนายท่านหันหลังเดินจากไป เหลือทิ้งไว้เพียงนายอำเภอป๋ายและแม่ทัพหม่า คาดมิถึงว่าใบหน้าของทั้งสองจะเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ แม้แต่อาภรณ์ด้านหลังก็เปียกโชก

สวรรค์ ! นายท่านที่อยู่ด้านในผู้นั้น แท้จริงแล้วเป็นผู้ใดกันแน่ ?

หยางฮวาลอบกลืนน้ำลายหนึ่งอึก นางมิกล้าเอ่ยถามนายอำเภอป๋ายออกไปตรง ๆ ดังนั้นนางจึงรีบนำน้ำชาสองถ้วยไปให้นายอำเภอและท่านแม่ทัพ ทั้งสองรับไว้และดื่มเข้าไปอึกใหญ่เลยทีเดียว

“หยางหลงจู๊”

“เจ้าค่ะใต้เท้า”

“ข้าขอกำชับเจ้าว่า จงปรนนิบัติบุคคลที่อยู่ด้านในให้ดี แล้วข้าจะยกเว้นภาษีให้เจ้า 3 ปี ! ”

หยางฮวาตื่นตกใจขึ้นมาทันใด พอได้สติกลับมา นางก็รีบพยักหน้ารับทันที “ใต้เท้าต้องการให้ข้าน้อยหาสตรีชาวหูจากหอเยียนฮวามาด้วยหรือไม่เจ้าคะ ? ”

“เหลวไหล ! ” นายอำเภอป๋ายขบกรามสบถเสียงแผ่วจนหยางฮวาตื่นตระหนกขึ้นมาทันใด “เจ้าทำตามที่คนด้านในต้องการก็พอ จงอย่าทำอันใดตามอำเภอใจเป็นอันขาด”

หยางฮวาพยักหน้าแต่ก็อดเอ่ยปากถามมิได้ “ใต้เท้า ชายหนุ่มด้านในนั้น…”

“หุบปาก ! สิ่งที่มิควรถามก็มิต้องถาม ! ”

“อ่า…”

หยางฮวาปิดปากฉับ นางนั่งอยู่หลังโต๊ะต้อนรับ ทว่าสายตากลับหลุกหลิกมองไปทางด้านหลังอยู่ตลอดเวลา เพราะนางรู้สึกสงสัยในตัวตนของชายหนุ่มผู้นั้นเสียเหลือเกิน

……

……

ภายในห้องสรงน้ำ ต่งชูหลานถูหลังให้ฟู่เสี่ยวกวน “ข้าคิดว่าท่านจะมิออกไปพบนายอำเภอเสียอีก”

“เดิมทีก็มิคิดไปพบหรอก ทว่าตอนนี้นึกถึงเรื่องกระป๋องขึ้นมาได้ จึงต้องออกไปพบเพื่อถามไถ่เขาถึงเรื่องสภาพอากาศและความเป็นอยู่ของเขตซื่อหยางสักหน่อยว่านอกจากบ๊วยหยางเหมยแล้วยังมีสิ่งใดโดดเด่นอีกบ้าง”

“ท่านพี่”

“อืม”

“ท่านรู้จักของสิ่งนี้ได้เยี่ยงไรหรือ ? ”

มือของต่งชูหลานหยุดอยู่กลางหลังของฟู่เสี่ยวกวน นางเอียงศีรษะมองใบหน้าของเขาด้วยสีหน้าสงสัย

ฟู่เสี่ยวกวนกระตุกยิ้มขึ้นมาทันใด “เอ่ยไปเจ้าก็คงมิเชื่อ เมื่อปีนั้นที่โดนคนของเจ้าทุบเข้าที่ศีรษะ ภายในสมองของข้าก็มีสิ่งต่าง ๆ มากมายผุดขึ้นมาแทนที่ความว่างเปล่า”

“บทกวีและบทความเหล่านั้นด้วยหรือ ? ”

“เป็นเช่นนั้น ดูสิ ! เจ้ามิเชื่อจริง ๆ ด้วย”

“ฮึ ! มีเรื่องเช่นนี้ในใต้หล้าที่ใดกันเล่า ? ท่านมิบอกก็ช่างเถิด” ต่งชูหลานเริ่มถูหลังให้เขาอย่างตั้งใจอีกครา “เยี่ยงไรท่านก็เป็นสามีของข้า การที่ท่านมีความสามารถสร้างสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมาได้ก็ถือเป็นเกียรติของข้าด้วยเช่นกัน”

เมื่อได้อาบน้ำแล้ว ฟู่เสี่ยวกวนจึงอารมณ์ดีขึ้นมามาก

เขาสวมอาภรณ์ผ้าไหมสีขาวราวกับหิมะมายังศาลา จากนั้นก็หยิบน้ำชาสมุนไพรขึ้นมาจิบ พลางเอ่ยกับหนิงซือเหยียนว่า “ไปเรียกพวกเขามา”

เม็ดเหงื่อที่เพิ่งแห้งเหือดไปได้มินานของนายอำเภอป๋ายและหม่าจี๋ได้หวนคืนกลับมาอีกครา ทั้งสองเดินหลังค่อมตัวสั่นงันงกตามหลังหนิงซือเหยียนเข้าไปด้านใน เมื่อมาถึงเบื้องหน้าของฟู่เสี่ยวกวนแล้ว ทั้งสองก็ได้คุกเข่าลงเสียงดัง ปึก !

“ถวายพระพรฝ่าบาท กระหม่อม นายอำเภอป๋ายชิวเชิงเขตซื่อหยางขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิทราบว่าฝ่าบาทจะเสด็จประพาสมา จึงทำให้กระหม่อมพลาดการต้อนรับอย่างสมเกียรติ ขอฝ่าบาทโปรดประทานอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ ! ”

ในขณะเดียวกันนั้นหม่าจี๋ก็รีบร้อนเอ่ยขึ้นมาเช่นกันว่า “ทูลฝ่าบาท กระหม่อม หม่าจี๋ กองทหารรักษาการณ์เมืองซื่อหยาง ขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”

ฟู่เสี่ยวกวนวางถ้วยชาในมือลง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มว่า “เจิ้นจำได้ว่า เมื่อปีที่แล้วเจิ้นได้ออกราชโองการ 1 ฉบับสั่งมิให้มีการเก็บภาษีค่าเข้าเมืองในทุกเมือง หรือเขตซื่อหยางอยู่ห่างไกลจนเกินไปจนราชโองการของเจิ้นมามิถึง ? ”

นายอำเภอป๋ายตื่นตกใจขึ้นมาทันใด จากนั้นก็หันไปทางหม่าจี๋เพราะอีกฝ่ายมิได้เอ่ยเรื่องค่าเข้าเมืองกับเขาเลยสักคำ มารดามันเถิด ! หรือลูกน้องของหม่าจี๋จะเก็บค่าเข้าเมืองกับฝ่าบาทกัน ?

‘ปึกปึกปึก ! ’ หม่าจี๋แสดงท่าทีลุกลี้ลุกลน เขาโขกหน้าผากกับพื้นติดต่อกันสามครา “ทูลฝ่าบาท กระหม่อม กระหม่อมสมควรตายพ่ะย่ะค่ะ ! ”

เจ้าสุนัขหม่าจี๋ เจ้าทำข้าอายุสั้น !

นายอำเภอป๋ายนึกอยากตายให้รู้แล้วรู้รอด เขาเองก็รีบโขกหน้าผากลงกับพื้นเช่นกัน “ฝ่าบาท กระหม่อมได้รับพระราชโองการแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมีความผิดฐานตรวจสอบบกพร่องจึงขอฝ่าพระบาททรงลงโทษด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ! ”

หยางฮวามิอาจทนต่อความอยากรู้อยากเห็นได้ นางจึงย่องมาทางประตูจันทราของลานด้านหลัง จากนั้นก็ซ่อนอยู่หลังประตูพร้อมกับเงี่ยหูฟัง

หยางฮวาได้ยินบทสนทนาพลางหายใจเข้าลึก สวรรค์ ! คาดมิถึงว่าชายหนุ่มผู้นี้จะเป็นจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน !

ทันใดนั้นนางก็หายใจมิออก เลือดลมพุ่งมายังบริเวณท้ายทอย จากนั้นไม่นานก็เป็นลมล้มตึงไปทั้งอย่างนั้น

หนิงซือเหยียนเดินออกไป ส่วนฟู่เสี่ยวกวนจ้องมองทั้งสองคนที่กำลังคุกเข่าอยู่กับพื้น “ลุกขึ้นเถิด”

“กระหม่อม กระหม่อมมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ ! ”

“เยี่ยงนั้นก็จงคุกเข่าต่อไป”

“…ขอบ ขอบพระทัยฝ่าบาท กระหม่อมจะคุกเข่าพ่ะย่ะค่ะ”

“ที่เขตซื่อหยางมีประชากรจำนวนเท่าใด ? ที่นาที่สามารถเพาะปลูกได้มีเท่าใด ? ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นของเขตซื่อหยางคือสิ่งใด ? รายได้ภาษีต่อปีเท่าใด ? ”

นายอำเภอป๋ายเป็นใบ้ขึ้นมาทันพลัน พวกเขาเร่งรีบมาเข้าเฝ้า จึงมิได้เอ่ยถามผู้ช่วยมาก่อน เขาจะทราบเรื่องยิบย่อยเหล่านี้ได้เยี่ยงไร ? อ้ำอึ้งอยู่เนิ่นนานแต่คาดมิถึงว่าตนจะตอบมิได้สักข้อ

ใบหน้าของเขาซีดเผือด เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลย้อยลงมาจากหน้าผาก

สีหน้าของฟู่เสี่ยวกวนมืดครึ้มขึ้นทันพลัน

นายน้อยเจ้าสำราญ

นายน้อยเจ้าสำราญ

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง นายน้อยเจ้าสำราญโชคดีที่ได้ทะลุมิติมา ทั้งยังได้เกิดในตระกูลเศรษฐีที่ดิน ชีวิตนี้ไม่ได้ขาดแคลนอาหารและเสื้อผ้าแต่ก็ไม่อยากจะเอาแต่กินจนตายไปทั้งอย่างนั้น ดังนั้นฟู่เซี่ยวกวนจึงได้กระทำเรื่องบางอย่างตามอำเภอใจ โดยไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะเกิดผล กระทบที่ใหญ่หลวงตามมาเยี่ยงนี้ ฮ่องเต้ต้องการให้เขาเป็นขุนนางชั้นหนึ่ง องค์หญิงต้องการแต่งตั้งให้เขาเป็นราชบุตรเขย บุตรีแห่งจวนเสนาบดีสำนักตรวจการต้องการแต่งกับเขา คนป่าต้องการหัวของเขา รัฐอี๋ต้องการชีวิตของเขา ส่วนรัฐฝานต้องการเงินของเขา… แต่เขา.. ฟู่เซี่ยวกวนนั้นต้องการเป็นเศรษฐีที่ดินผู้ยิ่งใหญ่ต่างหากเล่า !

Comment

Options

not work with dark mode
Reset