ตอนที่ 992 ความสำคัญของอาหารกระป๋อง
ณ วังหลัง แห่งพระราชวังเมืองกวนหยุน
ต่งชูหลานเปิดฝาอาหารกระป๋องออกทีละกระป๋อง
นางเชิญองค์ไทเฮา จักรพรรดินีและพี่น้องนางสนมอีกแปดคนมาชิมอาหารกระป๋องในตำหนักส่วนตัว ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข
“ข้าชอบรสชาติของลูกท้อสีทองนี้มากยิ่งนัก ! ”
“ส่วนรสชาติของบ๊วย…ช่างเปรี้ยวเสียจริง ทว่ารสชาติเป็นธรรมชาติยิ่ง”
“ส่วนรสชาติของส้มมิเลวเลย สาลี่ก็รสชาติดีมากเช่นกัน… พวกเจ้าอย่ามัวยืนดูอยู่เลย เข้ามาลองชิมดูเถิด ! ”
หยูเวิ่นหวินจึงลองตักขึ้นมาชิม ส่วนพระสนมคนอื่น ๆ ก็เริ่มชิมบ้างเช่นกัน
หลังจากได้ลองชิมแล้ว ทุกคนจึงอุทานออกมาอย่างปรีดาและคิดว่าเจ้าสิ่งนี้ช่างน่าอัศจรรย์มากยิ่งนัก !
“แล้วสิ่งที่อยู่ในกระป๋องเหล่านี้คืออันใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ” สวี่หยุนชิงเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้
“เรียนท่านแม่… สิ่งเหล่านี้คือเนื้อกระป๋องซึ่งมีเนื้อหมูย่างไฟเป็นส่วนประกอบ ก่อนรับประทานต้องนำไปอุ่นบนเตาไฟก่อนเพคะ” ต่งชูหลานเปิดฝากระป๋องที่ว่าออก จากนั้นก็นำไปวางไว้บนเตาไฟ ผ่านไปครู่หนึ่งกลิ่นหอมของมันก็ลอยขึ้นมาปะทะกับใบหน้า
“ข้าตั้งชื่อมันว่าหมูตุ๋นน้ำแดงกระป๋อง บัดนี้ยังผลิตออกมาเพียงอย่างเดียว ท่านแม่ลองชิมดูสิเพคะ”
เนื้อหมูก็สามารถนำมาทำเป็นอาหารกระป๋องได้เช่นกันหรือ ?
สวี่หยุนชิงบังเกิดความอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งขึ้น
วันนี้ความก้าวหน้าเกี่ยวกับการเพาะพันธุ์หมูของประเทศต้าเซี่ยได้แพร่หลายไปทั่วหล้าผ่านทางกรมเกษตร รอให้มันเทศได้รับความนิยมในปีหน้า เมื่อถึงตอนนั้นหมูจะเป็นสัตว์ที่เกษตรกรต้องการเลี้ยงเป็นจำนวนมาก
เหตุผลแรกคือสามารถเพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัว ส่วนเหตุผลที่สองคือการฆ่าหมูหนึ่งตัวเพื่อเลี้ยงฉลองภายในครอบครัวตอนวันปีใหม่จะสามารถนำไปสู่ปีที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นได้ตามความเชื่อ
นี่คือพรจากผืนปฐพีและเป็นความโชคดีของราษฎร !
สวี่หยุนชิงหยิบช้อนแล้วตักหมูตุ๋นน้ำแดงกระป๋องขึ้นมาชิมหนึ่งคำ หลังจากนั้นมินานท่ามกลางสายตาประหม่าของต่งชูหลาน นางก็เอ่ยขึ้นมาว่า “รสชาติของหมูตุ๋นน้ำแดงกระป๋องช่างอร่อยมากยิ่งนัก ! ละลายในปากและมีรสเข้มข้น…อาหารชนิดนี้สามารถเก็บรักษาไว้ได้นานเท่าใด ? ”
ต่งชูหลานยกยิ้มขึ้นทันใด “หากเก็บไว้อย่างถูกวิธี…มันสามารถอยู่ได้เป็นปี เพียงมิให้โดนแสงแดดโดยตรงก็พอเพคะ”
สวี่หยุนชิงค้นพบความสำคัญของอาหารกระป๋องขึ้นมาทันใด… หากต้องเอ่ยถึงรสชาติความอร่อยของอาหารกระป๋องแล้ว มันมิอาจเทียบได้กับหมูตุ๋นน้ำแดงที่ทำจากหมูที่สดใหม่ได้
ทว่ามันคืออาหารปรุงสุกที่สามารถเก็บไว้ได้นานถึงหนึ่งปี หากใช้เป็นเสบียงอาหารของกองทัพ เหล่าทหารก็จะสามารถทานเนื้อหมูได้แล้วมิใช่หรือ ?
อร่อยและยังมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าทานหมั่นโถวเสียอีก !
“ตอนนี้พวกเรามีโรงงานอาหารกระป๋องเยี่ยงนี้อยู่กี่แห่ง ? ”
“เรียนท่านแม่ บัดนี้ได้เปิดโรงงานผลไม้กระป๋องในเขตซื่อหยางหนึ่งแห่งและเปิดโรงงานหมูตุ๋นน้ำแดงกระป๋องที่เขตเฟินหยางอีกหนึ่งแห่งเพคะ”
“เพ่ยเอ๋อร์…” สวี่หยุนชิงจ้องมองไปที่จางเพ่ยเอ๋อร์ “บริษัทผลิตอาหารจินเฟิ่งต้าเซี่ยกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) เป็นความรับผิดชอบของเจ้า”
“เรียนท่านแม่ เพ่ยเอ๋อร์ทราบเพคะ”
สวี่หยุนชิงหันไปมองต่งชูหลานอีกครา “หากยกอาหารกระป๋องนี้ให้บริษัทของเพ่ยเอ๋อร์ดูแล เจ้าจะว่าอันใดหรือไม่ ? ”
ต่งชูหลานรีบตอบกลับทันทีว่า “ลูกจะว่าอันใดล่ะเพคะ ? หลังจากเชิญท่านแม่และพี่น้องทุกคนมาชิมเสร็จแล้ว ลูกก็ตั้งใจไว้ว่าจะให้เพ่ยเอ๋อร์ดูแลต่ออยู่แล้วเพคะ”
“เช่นนั้นก็ดี พวกเจ้าจงจำเอาไว้ว่าวังหลังนี้ต้องรวมกันเป็นหนึ่งเดียว หากมีผู้ใดคิดมิซื่อข้าจะลงโทษอย่างเด็ดขาด ! ”
สวี่หยุนชิงเอ่ยต่ออีกว่า “โรงงานกระป๋องต้องเปิดกิจการเพิ่มอีกหลายแห่ง รอให้ฝ่าบาทกลับมาแล้วข้าจะไปทูลแก่เขาเอง… เขารู้ว่าสิ่งนี้จำเป็นสำหรับกองทัพ ดังนั้นพวกเราต้องลดต้นทุนสำหรับเสบียงอาหารของกองทัพ ส่วนในท้องตลาด…ชูหลานก็กำหนดราคาเองเถิด”
“ใช่ ! อาหารกระป๋องนี้ได้ส่งให้ฝ่าบาทลองชิมแล้วหรือยัง ? ”
“ท่านแม่วางใจเถิด เช้านี้ลูกได้ส่งไปให้เขาชิมแล้วหนึ่งชุดเพคะ”
……
……
ณ ห้องทรงพระอักษร
ฟู่เสี่ยวกวนเปิดฝากระป๋องออกสองสามกระป๋อง เขาหัวเราะร่าแล้วเอ่ยออกมาว่า “มา ๆ ๆ ลองมาชิมเจ้าสิ่งนี้ดูสิ”
จัวอี้สิงที่เพิ่งกลับมาจึงหยิบกระป๋องลูกท้อสีทองเข้ามาดูใกล้ ๆ โดยมิเกรงใจ พลางคิดไปว่าลวดลายของกระป๋องช่างละเอียดประณีตงดงามมากยิ่งนัก ลูกท้อที่บรรจุอยู่ด้านในก็ดูสดใหม่ยิ่ง… ฤดูหนาวเช่นนี้จะมีลูกท้อที่ใดในใต้หล้าอีกกัน ? ฝ่าบาททรงตรัสว่าผลไม้กระป๋องผลิตขึ้นเมื่อราวเดือนเก้าที่ผ่านมา
แต่เหตุใดมันถึงยังดูสดใหม่อยู่ เพราะบัดนี้ก็เป็นปลายเดือนสิบสองแล้ว ?
จัวอี้สิงหยิบตะเกียบแล้วคีบลูกท้อสีทองขึ้นมาชิม ในขณะที่สายตาของหนานกงอี้หยู่คอยจ้องมองการกระทำอยู่นั้น ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นมาทันใด จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาว่า “อร่อยมากยิ่งนัก ! รสชาติมีความหวานดั่งผลไม้จากธรรมชาติ… นี่ใช้น้ำตาลด้วยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ? ”
หนานกงอี้หยู่และเมิ่งฉางผิงก็คืบมาลองชิมโดยมิเกรงใจเช่นกัน แต่แล้วก็พบว่ารสชาติเป็นอย่างที่จัวอี้สิงเอ่ยมาจริง ๆ ถึงแม้จะสู้รสชาติที่สดใหม่ของลูกท้อสดมิได้ แต่ก็มิง่ายนักที่จะสามารถทานสิ่งนี้ในช่วงฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยหิมะได้
“นี่คืออาหารที่พระสนมหลานคิดค้นขึ้นมาเยี่ยงนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ” ในขณะนั้นเมิ่งฉางผิงก็นึกถึงโอกาสที่จะทำธุรกิจขึ้นมาได้
ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้าแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ต้นทุนกระป๋องและขวดแก้วช่างสูงมากยิ่งนัก ดังนั้นต้องรอให้ต้นทุนของบรรจุภัณฑ์ลดลงเสียก่อน ถึงจะสามารถกระจายสินค้าไปยังร้านค้าของราษฎรได้”
“แล้วเจ้าสิ่งนี้คืออันใดเยี่ยงนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ” จัวอี้สิงหยิบขึ้นมาแล้วเอ่ยถาม เมื่อฟู่เสี่ยวกวนได้ยินดังนั้นก็ยกยิ้มแล้วตอบว่า “นี่คือหมูตุ๋นน้ำแดงกระป๋อง จะต้องนำไปอุ่นก่อนรับประทาน”
หมูตุ๋นน้ำแดงกระป๋องทำให้พวกเขาประหลาดใจตามคาด ทว่าเมื่อเทียบกับผลไม้กระป๋องแล้ว พวกเขามิได้ให้ความสนใจในด้านการตลาดของเนื้อหมูบรรจุกระป๋องนี้มากนัก…
“ทูลฝ่าบาท บัดนี้ราษฎรสามารถซื้อเนื้อสัตว์ได้ง่ายและเนื้อหมูก็ได้รับความนิยมที่กว่างหนานเต้าทั้งสอง โม่โจวเต้าและแม้กระทั่งที่เป่ยเซียวเต้า สมุดพับที่ได้รับมาก็ได้รายงานว่าผู้คนเกือบครึ่งฆ่าหมูเพื่อเป็นมงคลในวันปีใหม่ ดังนั้นรสชาติที่สดใหม่ของเนื้อหมูก็ยังเหนือกว่าหมูตุ๋นน้ำแดงกระป๋องมากยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ”
ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เขามิได้คัดค้านอันใด “แท้ที่จริงแล้ว ทั้งอาหารและผลไม้กระป๋องสองอย่างนี้มีกลุ่มเป้าหมายที่จำเพาะอยู่”
เมื่อเสนาบดีชั้นผู้ใหญ่ทั้งสามได้ยินดังนั้นก็ผงะแล้วราวกับว่าเพิ่งคิดบางอย่างออก
จากนั้นฟู่เสี่ยวกวนยังเอ่ยต่ออีกว่า “การเดินทางไปยังมหาสมุทรหรือหยวนตงเต้า แม้เดินทางด้วยเรือรบอู่เว้ยยังต้องใช้เวลาราว 10 วัน แน่นอนว่าในท้องทะเลอันกว้างใหญ่มิอาจนำเนื้อหมูและผลไม้ติดไปด้วยได้มากนัก”
“การเดินทางอันยาวนานที่มิได้รับสารอาหารเพียงพอ นอกจากจะทำให้ขาดสารอาหารแล้วอาจจะเป็นโรคลักปิดลักเปิดได้…” เมื่อเอ่ยประโยคนี้ออกมาฟู่เสี่ยวกวนก็ได้หันไปมองหนานกงอี้หยู่ “โรคของตงเซวี๋ยรักษาหายเพราะการดื่มน้ำผลไม้อย่างต่อเนื่อง ทว่าหากอยู่ในทะเลจะหาผลไม้จากที่ใดทานกันเล่า ? ผลไม้กระป๋องนี้จึงมีความสำคัญมากยิ่งนัก”
“เช่นเดียวกับเนื้อกระป๋องที่สามารถเก็บไว้ได้นานและให้สารอาหารเพียงพอสำหรับลูกเรือและทหารบนเรือ นี่ก็คือประโยชน์ที่ตอบสนองต่อกลุ่มเป้าหมายหลักอย่างแท้จริง”
เสนาบดีอาวุโสทั้งสามเพิ่งตระหนักได้ว่า ราษฎรผู้ใช้แรงงานของประเทศต้าเซี่ยที่เดินทางโดยเรือต้องการของสิ่งนี้มากยิ่งนักและตอนนี้ต้าเซี่ยก็ได้จดทะเบียนบริษัทขนส่งสินค้าสามแห่งกับกรมการค้าแล้ว…
ได้แก่ บริษัทขนส่งสินค้าเหลียนเหอ
บริษัทการค้าหวนฉิวและบริษัทขนส่งสินค้าทางเรือจินเฟิ่งต้าเซี่ยกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) ที่เพิ่งจดทะเบียนใหม่
บัดนี้บริษัทขนส่งสินค้าเหลียนเหอและบริษัทการค้าหวนฉิวต่างก็สั่งซื้อเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่จำนวน 10 ลำจากตระกูลหลู่ที่เขตเหยาแล้ว เพียงแต่ว่าการต่อเรือต้องใช้เวลาราวสามถึงห้าปีซึ่งล่าช้ามากยิ่งนัก
ฝ่าบาททรงรับสั่งให้สร้างท่าเรือราชนาวีและเกณฑ์ทหารเรือจำนวนมาก ซึ่งทั้งหมดก็เพื่อเตรียมความพร้อมในการเดินเรือคราใหญ่ที่ฝ่าบาทเคยตรัสไว้
ต้องเตรียมอาหารกระป๋องมากเพียงใดจึงจะเพียงพอต่อความต้องการ ?
การตลาดนี้จะยิ่งใหญ่มากเพียงใดกัน ?
ยามที่เมิ่งฉางผิงกำลังคำนวณผลประโยชน์ของอาหารกระป๋องอยู่นั้น หลิวจิ่นก็ได้วิ่งเข้ามารายงานว่า
“ทูลฝ่าบาท ท่าป๋าเฟิงแห่งสำนักงานผูกขาดเกลือและเหล็กชื่อเล่อชวนมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ ! ”