ตอนที่ 62 – แห
ชิ่งเฉินยืนบนลานจอดยานพาหนะ เครื่องยนต์ไอพ่นของรถลอยฟ้าก่อกวนลมจนปั่นป่วน
ทันใดนั้น ในที่ห่างไกล
ท่ามกลางเมืองมีรถไฟฟ้าเคลื่อนผ่านกลางอากาศ แสงสีขาวทะลุออกมาจากในหน้าต่างอันแน่นขนัด ดุจดั่งอาชาวรรค์สีขาวหนึ่งคู่
สิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่าคือ มันกำลังแนทะลุระหว่างอาคารอันแน่นขนัด
ไม่ได้ทะลุผ่านช่องว่างแคบ ๆ ระหว่างอาคารเลย ทว่าในตัวอาคารสูงพวกนั้นถูกคนขุดเป็นถ้ำ รถไฟฟ้าทะลุจากในอาคารแต่ละหลังเหมือนลอดอุโมงค์
เมืองนี้เร้นลับขึ้นมาอย่างบรรยายไม่ถูก
“ในเมื่อสามารถออกมาเมื่อไหร่ก็ได้ ทำไมยังต้องอยู่ในคุกหมายเลข 18 ล่ะครับ” ชิ่งเฉินถามขึ้นมากะทันหัน
“เพราะคุกเทียบกับที่นี่แล้วสะอาดกว่า? ต่อไปเธอก็จะรู้เอง” หลี่ซูถงไม่ได้ตอบคำถามตรง ๆ
รอจนพนักงานหมุนตัวไปนำทาง ชิ่งเฉินลดเสียงลงถามอีกว่า “ตอนนี้ตีหนึ่งแล้ว ร้านยังเปิดเหรอครับ”
หลี่ซูถงมองเขาแวบหนึ่ง “ชีวิตของเมืองที่ไม่เคยหลับใหลนี้เพิ่งจะเริ่มต้น”
“ทุกคนไม่ต้องนอนเหรอครับ พรุ่งนี้ไม่ต้องทำงานเหรอ” ชิ่งเฉินกังขา
“ก่อนหน้านี้ตระกูลชิ่งค้นพบบทบาทอันเป็นเอกลักษณ์ของเทคโนโลยีเชื่อมต่อเส้นประสาท สามารถกระตุ้นคลื่นประสาทนอกสมอง ช่วยให้เข้าสู่การหลับลึก ทุกวันหลับสองสามชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว” หลี่ซูถงกล่าว
“เทคโนโลยีนี้มีผลตามหลังไหมครับ” ชิ่งเฉินถามอีก
“ย่อมมี” หลี่ซูถงกล่าว “หลังจากใช้เทคโนโลยีนี้ไปหนึ่งเดือน ถึงเธออยากจะนอนตื่นสายก็หลับไม่ลงแล้ว”
“น่าสมเพชนิดหน่อยนะ” ชิ่งเฉินทอดถอนใจ ถึงเขาจะทำงานหนัก แต่บางครั้งบางคราวก็เพลิดเพลินกับความสุขของการนอนหลับ
หลี่ซูถงกล่าวกับชิ่งเฉินว่า “เทคโนโลยีเป็นดาบสองคม ใครก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่มันมอบให้กับมนุษยชาติสุดท้ายแล้วเป็นพรหรือคำสาป ก็อย่างเช่นตระกูลหลี่เคยวิจัยตัดต่อพันธุกรรมต้นไม้โตเร็ว, ข้าวโพดโตเร็ว, ถั่วเหลืองโตเร็ว ผลคือก่อให้เกิดพื้นดินผืนใหญ่ที่ไม่สามารถเพาะปลูกพืชได้อีกในสามสิบปีให้หลัง กลุ่มการเงินคาชิมะเดิมทีการปศุสัตว์พัฒนามาก ผลคือหลังจากตัดต่อพันธุกรรมแล้วค้นพบว่าปศุสัตว์ที่ตัดต่อพันธุกรรมพวกนั้นผสมพันธุ์ไปสามรุ่นให้หลังถึงกับสูญเสียความสามารถให้การสืบพันธุ์”
ในเวลาเดียวกันกับที่มนุษยชาติรื่นรมย์กับความสำเร็จของเทคโนโลยีไม่หยุดก็ได้โดนการโต้กลับของธรรมชาติไม่หยุดด้วย
หลี่ซูถงกล่าวต่อว่า “หลังจากมนุษย์ไม่ต้องนอนหลับนานขนาดนั้น อันที่จริงประสิทธิภาพในการผลิตไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นสักเท่าไหร่เลย กลับจะก่อให้เกิดความว่างเปล่าในโลกแห่งจิตวิญญาณมนุษย์”
แน่นอน ชิ่งเฉินรู้สึกว่าโลกภายนอกยังไม่ได้เผชิญกับการโต้กลับอันดุดันอย่างนี้เป็นการชั่วคราว อาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่ได้มีมูลเหตุที่สุดโต่งอย่างโลกภายใน
ขณะนี้ ชิ่งเฉินเห็นว่าระหว่างอาคารที่ใต้เท้ามีเรือบุปผชาติขนาดมหึมาลำหนึ่งบินผ่าน บนเรือบุปผชาติประดับด้วยโคมและธงทิว แต่กลับมีกลิ่นประหลาดเล็ดรอดออกมา
ตัวอักษรบนเรือ ชิ่งเฉินอ่านไม่เข้าใจสักนิด
หลี่ซูถงมองตามสายตาของเขา “ไม่ต้องดูแล้ว เป็นเรือลาดตระเวนของลัทธิเทพจักรกล มันพ่นออกซิเจนเหลวมีเทนออกมาทุกหนึ่งวินาที สิ่งที่ใช้ล้วนเป็นเลือดและเหงื่อของผู้ศรัทธา”
ระหว่างที่พูด หลี่ซูถงสีหน้าไร้ความรู้สึก
ทั้งสองคนนั่งอยู่ในภัตตาคารอันหรูหรางดงาม พนักงานชุดเรียบร้อยนำหมูน้ำแดงหนึ่งจานมาวางตรงหน้าหลี่ซูถง
มีเพียงตะเกียบหนึ่งคู่
“ของผมล่ะ” ชิ่งเฉินสงสัย
“เธอใส่หน้ากากนะ กินไม่ได้” หลี่ซูถงคีบหมูน้ำแดงหนึ่งชิ้นอย่างไม่ใส่ใจ
ชิ่งเฉิน “……”
ผ่านไปครู่หนึ่ง หลี่ซูถงเงยหน้ามองเขายิ้ม ๆ “หิวไหม”
“นิดหน่อยครับ” ชิ่งเฉินกล่าว
ผลคือหลี่ซูถงถึงกับเรียกพนักงาน “เอาบะหมี่ผัดซอสหนึ่งชามให้เขา”
“ได้ครับคุณผู้ชายหลี่” พนักงานตอบรับอย่างสุภาพ
ถึงแม้ว่าในรื่อกวงเก๋อไม่เคยทำบะหมี่ผัดซอสเลยก็ตาม
หลังจากได้รับบะหมี่เรียบร้อยแล้ว หลี่ซูถงกันทุกคนให้ล่าถอยไปอีก จากนั้นจึงกล่าวกับชิ่งเฉินว่า “ถอดหน้ากากเถอะ กินบะหมี่”
ชิ่งเฉินคนบะหมี่พลางมองออกไปนอกหน้าต่าง
นี่น่าจะเป็นหนึ่งในอาคารที่สูงที่สุดของเมืองหมายเลข 18แล้ว ทอดสายตามองไปเหลือเพียงอาคารสองหลังในที่ไกล ๆ ซึ่งอยู่บนชั้นฟ้าร่วมกับมัน
“นั่นเป็นตึกของตระกูลชิ่งกับตระกูลหลี่” หลี่ซูถงอธิบาย
ชิ่งเฉินมองลงไปอีกครั้ง ระหว่างอาคารอันแน่นขนัดมีสะพานทางเดินเชื่อมต่อ ทั่วทั้งเมืองเหมือนกับทางช้างเผือกสายหนึ่ง แสงไฟและนีออนก็คือดวงดาวในทางช้างเผือกสายนั้น
บางคราวมีรถลอยฟ้าบินผ่าน ไฟที่พ่นจากเครื่องยนต์เทอร์โบเจ็ตของอีกฝ่ายก็คล้ายกับดาวตกที่พาดผ่านท้องฟ้า
ชั่วขณะหนึ่ง ชิ่งเฉินที่ตัวอยู่อาคารสูง 88 ชั้นคล้ายกับอยู่ระหว่างฟ้าดิน ทั้งห่างไกลและกว้างขวาง
“นี่ก็คือวิวที่สวยที่สุดในเมืองหมายเลข 18 เหรอครับ” ชิ่งเฉินถาม
“อาคารหย่งเหิงตั้งอยู่บนอาคารหกหลัง อาศัยหกหลังนั้นเป็นฐานจึงได้มีความสูงและความงามของตอนนี้ ถ้าเธอไม่ได้ครุ่นคิดถึงกราฟฟิตี้, รอยฉี่, น้ำเน่า, อาชญากรรม บนสิ่งก่อสร้างระดับพื้น อย่างนั้นที่นี่ก็เป็นทิวทัศน์ที่สวยที่สุดแล้ว” หลี่ซูถงกล่าว “วันนี้พาเธอมาดูสิ่งที่สวยที่สุด ถ้ายังมีโอกาสสามารถพาเธอไปดูด้านที่น่าเกลียดที่สุดของเมืองนี้”
ว่าแล้วหลี่ซูถงก็ชี้นิ้วไปด้านข้าง “ข้างหน้าต่างยังมีกล้องส่องทางไกล มีไว้ให้ลูกค้าได้ชื่นชมกับทิวทัศน์โดยเฉพาะ เธอสามารถไปดูได้”
ชิ่งเฉินเดินไปถึงข้าง ๆ กล้องส่องทางไกล
เขามองเห็นรถยนต์เคลื่อนตัวไม่หยุดบนพื้น แล้วยังเห็นฝูงชนที่สนุกสนานครึกครื้น
มีคนกำลังวาดกราฟฟิตี้ที่ประหลาดแต่กลับโมเดิร์นบนกำแพง ยังมีควันสีขาวของร้านบาร์บีคิว ธงสุราของร้านขายสุราโบกสะบัดในสายลม
ทันใดนั้น เขาเห็นว่าบนลานจอดส่วนรวมชั้นล่างกำลังมีเฮลิคอปเตอร์สีดำสองลำค่อย ๆ ทิ้งตัวลงมา ข้างในตัวเครื่องมีสมาชิกหน่วยรบยี่สิบกว่าคนกระโดดออกมาอย่างต่อเนื่อง พุ่งเข้าอาคารหย่งเหิงด้วยกระบวนทัพทางยุทธวิธี
ยังมีสุนัขจักรกลสองตัววิ่งอยู่บ้าง ๆ พวกเขาอย่างรวดเร็ว
คนเหล่านี้ถือปืนใส่กระสุนจริง แบกอาวุธที่ชิ่งเฉินระบุชื่อไม่ได้
เห็นได้ชัดว่าพุ่งมาที่หลี่ซูถง
ชิ่งเฉินหันศีรษะกลับมามองหลี่ซูถง ครูคนนี้กลับยิ้มอย่างนิ่งเฉย “กินข้าวก่อน”
“อืม” ชิ่งเฉินกินบะหมี่อย่างจริงจัง
ที่นี้หลี่ซูถงเลยสนใจขึ้นมา “ไม่กลัวเหรอ”
“ครูพานักเรียนออกมาชมทิวทัศน์ครั้งแรกย่อมไม่ถึงขนาดปล่อยให้นักเรียนตายกลางทาง ไม่งั้นครูคนนี้ก็ไร้ความสามารถเกินไปแล้ว” ชิ่งเฉินกล่าวอย่างเห็นว่าสมเหตุสมผล
เสียงหัวเราะอย่างชัดเจนของหลี่ซูถงดังออกมาถึงข้างนอก
เขายิ่งมายิ่งชอบชิ่งเฉินจริง ๆ
ณ ขณะนี้ สมาชิกหน่วยรบยี่สิบกว่าคนในอาคารแบ่งออกเป็นสองทีม ทีมหนึ่งนั่งลิฟต์ขึ้นไปชั้น 87 อีกทีมเข้าสู่เส้นทางหลบหนี สืบเสาะขึ้นไปด้วยเท้า
นอกอาคารหย่งเหิง เฮลิคอปเตอร์ทางทหารรุ่นเฮยยวน-01 สองลำยกตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง
พวกมันค่อย ๆ ลอยอยู่ที่ตำแหน่งประมาณชั้น 70 ของอาคารหย่งเหิง เตรียมพร้อมยิงถล่มสนับสนุนได้ทุกเมื่อ
ในศูนย์บัญชาการทางทหารชั่วคราวในที่ห่างไกลยิ่งกว่าแห่งหนึ่ง ยังมีเฮลิคอปเตอร์ทางทหารสิบกว่าลำและยานลอยฟ้าเพิ่งจะออกบิน
ในที่ห่างไกลยิ่งกว่า ยานลอยฟ้าขนาดมหึมาชื่อ ‘ยานลาดตระเวนภาคพื้น’ ของตระกูลชิ่งเริ่มมีเจ้าหน้าที่พลาธิการยุ่งอยู่ข้างใน เติมถังเชื้อเพลิงแข็ง
ทุกสิ่งนี้ล้วนคล้ายกับร่างแห ค่อย ๆ รัดแน่นเข้ามา
ขณะที่แหใหญ่กำลังรวบเข้า ในช่องสื่อสาร หัวหน้าหน่วยของหน่วยรบเอ่ยอย่างสงบนิ่งว่า “หยุด ตรวจสอบสภาพปฏิบัติการของอวัยวะจักรกลแต่ละชิ้นตรงนั้น รายงานผมมา”
พูดจบ เขาทำสัญญาณในช่องบันไดของทางหลบหนี สมาชิกหน่วยย่อยทางยุทธวิธีทั้งหมดเข้าสู่โหมดเงียบ ปิดระบบการสื่อสารทั้งหมดเป็นระยะเวลาสั้น ๆ
หลังจากเขายืนยันว่าเสียงจะไม่ส่งกลับไปที่ศูนย์บัญชาการแล้วจึงได้กล่าวอย่างสงบนิ่งว่า “บอสเฉินอธิบายมาว่าคืนนี้ถ้าอยากมีชีวิตออกจากที่นี่ก็ห้ามยิงปืน จำไว้ อย่าลากคนอื่นลงไปด้วย”
“หัวหน้าหน่วยครับ ผมไม่เข้าใจ” สมาชิกหน่วยรบผู้หนึ่งอึ้งไป
หัวหน้าหน่วยกล่าวว่า “ภายหลังคุณจะเข้าใจเอง ย้ำอีกครั้ง ไม่อนุญาตให้ยิงปืน ย้ำอีกครั้ง ไม่อนุญาตให้ยิงปืน”
แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะเชื่อมต่ออุปกรณ์สื่อสารใหม่ เงาสีดำสายหนึ่งตกลงระหว่างพวกเขาตรงบันได
ดุดัน ทรงพลัง
……………………….
ตอนที่ 63 – หาโอกาสออกมาเล่นอีก