ตอนที่ 71 – เดินทางยามวิกาล
“ชู่วว์!” ชิ่งเฉินกล่าวกับหลี่ถงอวิ๋น
เด็กหญิงแหงนหน้ามองเพดานของห้องนั่งเล่นอย่างหวาดผวา ขดตัวนิด ๆ บนโซฟา
ถึงเธอจะโตกว่าวัยอีกแค่ไหนก็ยังพบเจอเหตุการณ์ประเภทนี้น้อยมาก
ครั้งที่แล้ว เงามืดของคนร้ายสองคนที่เข้าบ้านพวกเขายังไม่ได้จางหายไปจนหมด ครั้งนี้มีคนร้ายมาอีกแล้ว
หลี่ถงอวิ๋นอยากจะใช้รีโมตคอนโทรลที่อยู่ข้างมือปิดโทรทัศน์จากจิตใต้สำนึก แต่ชิ่งเฉินกลับหยุดเธอ
ยามค่ำคืนของวันฤดูใบไม้ร่วงมาเร็วมาก พวกเขาเปิดไฟแต่แรกแล้ว
ตอนที่นักเลงมาจะต้องสังเกตเห็นจุดนี้ ดังนั้นการแกล้งทำเป็นไม่มีคนในบ้านต่างหากจึงจะเกิดเรื่อง
ชิ่งเฉินตบหลังมือของเด็กหญิง ทำปากพูดโดยไร้เสียงว่า “ไม่ต้องกลัว ฉันอยู่นี่”
หลี่ถงอวิ๋นปาดหางตาที่เปียกชื้น พยักหน้า
ทุกสิ่งในห้องล้วนคล้ายจะดำเนินต่อไปตามปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ชิ่งเฉินหันไปที่ครัว เขาทำไม้ทำมือให้เจียงเสวี่ยผัดกับข้าวต่อ
เขาเขียนตัวหนังสือบนกระดาษให้เจียงเสวี่ยอ่านว่า “คนร้ายอยู่ชั้นบนแล้ว เริ่มจากตอนนี้พวกเราทุกคนจะต้องทำอย่างเมื่อกี้เหมือนกับคนปกติ อย่าเพิ่งแตกตื่น อีกฝ่ายจะคิดไม่ถึงว่าคุณอยู่ชั้นล่างหรอก”
ทั้งตึกนี้มีสี่ชั้น 8 บ้าน คนร้ายคงไม่บ้าถึงขนาดค้นทั่วทั้งตึก
จนกระทั่งเจียงเสวี่ยอดทนผัดกับข้าวเสร็จแล้วเอาเข้ามาที่ห้องนั่งเล่น เธอจึงได้หักห้ามความกลัวเขียนใส่กระดาษว่า “ตอนนี้ทำยังไง”
คำพูดเพิ่งเปล่งออกมา ชั้นบนเกิดเสียงแก้วแตกขึ้นมาอีก ถึงขนาดยังมีเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ย่ำผ่านเหนือศีรษะพวกเขาสามคนพอดี
ชิ่งเฉินหัวใจดิ่งลง นั่นเป็นน้ำหนักของอวัยวะจักรกล
คนทั่วไปเป็นไปไม่ได้ที่จะย่ำจนเกิดเสียงฝีเท้าหนักขนาดนี้
อย่างช้า ๆ บนเพดานเกิดเสียงเสียดสีประหลาด ๆ ดังขึ้นมา
ชิ่งเฉินค้นหาเสียงที่คล้ายคลึงในความทรงจำมาทำการเปรียบเทียบ…… นี่คือเสียงของซิปเสื้อผ้าที่สัมผัสกับพื้น
ขณะนี้กำลังมีคนนอนอยู่บนพื้นแอบฟัง!
ในราตรีอันมืดมิด มารร้ายจุติลงมาอยู่ข้างหลังของคุณแล้ว เสียงหายใจแผ่วเขา กลิ่นคาวของเลือดที่หลั่งไหล
ชิ่งเฉินนั่งบนโซฟาไม่ไหวติง เวลาเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องฝืนโผล่หัวออกไป รอคอยอย่างสงบเงียบให้อีกฝ่ายจากไปก็ดีแล้ว
ในป่าถ้าหากคุณเป็นเหยื่อ แถมเผชิญหน้ากับนักล่าชาญสนาม งั้นก็ต้องเรียนรู้ว่าจะกลบกลิ่นอายของตนเองอย่างไรก่อน
ไม่ต้องพยายามเสี่ยงอันตราย เพราะว่าอีกฝ่ายมีปืน
จนกระทั่งเสียงเสียดสีของซิปกับพื้นนั่นดังขึ้นอีกครั้ง คนที่นอนอยู่บนพื้นชั้นบนเหมือนจะลุกขึ้นแล้ว จากนั้นเสียงฝีเท้าหนัก ๆ นั้นก็เดินไปทางห้องครัว
การรายงานข่าวที่เพิ่งจะเริ่มฉายในโทรทัศน์ เสียงของผู้ประกาศดังสะท้อนในห้องนั่งเล่น
ชิ่งเฉินเขียนให้เจียงเสวี่ยว่า “ติดต่อคุนหลุนทางวีแชต? อย่าโทร อาจจะถูกได้ยิน”
เจียงเสวี่ยเอาโทรศัพท์มือถือออกมาปิดเสียงก่อน จากนั้นส่งข้อความให้ลู่หยวน
สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ ลู่หยวนไม่ได้ตอบกลับเลย
ชิ่งเฉินเขียนว่า “ช่างเถอะ ยังไม่ต้องคาดหวังคุนหลุน อดทนรอไป”
หลี่ถงอวิ๋นขดตัวอยู่ในอ้อมอกแม่ อารมณ์ค่อย ๆ สงบลง เธอใช้ตะเกียงแตะชามกระเบื้องเบา ๆ ส่งเสียงตามปกติที่ควรจะมีเวลากินข้าว
แต่ทว่าในเวลานี้เอง ในทางเดินเกิดเสียงเปิดประตู ได้ยินหูเสี่ยวหนิงกับพวกคุยกันเดินขึ้นชั้นบน
ชิ่งเฉินกับเจียงเสวี่ย, หลี่ถงอวิ๋นสบตากันอย่างหนักอึ้ง ทุกคนล้วนตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้น
นี่ก็คือหูเสี่ยวหนิวสี่คนจะต้องขึ้นชั้นบนไปเยี่ยมบ้านเจียงเสวี่ย!
เสียงเคาะประตู
จากนั้นเป็นหวังอวิ๋น “น้าเจียงเสวี่ย อยู่บ้านไหมคะ”
ทันใดนั้น เสียงอุทานและกระแทกพลันดังขึ้นที่ชั้นบน ยังมีเสียงวัตถุหนัก ๆ ตกลงบนพื้นอย่างกะทันหัน
เสียงมาอย่างปุบปับ แต่ก็หายไปเร็ว คล้ายกับว่าคนร้ายจบการต่อสู้ได้เร็วมาก
จากนั้นทั้งสี่คนค่อย ๆ โดนลากเข้าบ้าน
ชิ่งเฉินตะลึงงัน เขาดูแคลนพลังต่อสู้ของผู้ต้องสงสัยไปแล้ว
ถึงแม้พวกหูเสี่ยวหนิงยังคงเป็นคนธรรมดา ก็ไม่ควรจะถูกจัดการได้เร็วขนาดนี้
“ทำไงดี ช่วยพวกเขาไหม” เจียงเสวี่ยเขียนบนกระดาษอย่างตื่นกลัวสุดจะบรรยาย
ถ้านักเรียนสี่คนนั้นเจอเข้ากับคนร้าย ทุกคนคิด ๆ ดูก็สามารถเดาได้ว่าจะต้องเกิดอะไรขึ้น
ชิ่งเฉินมองเจียงเสวี่ย แล้วมองหลี่ถงอวิ๋น
เด็กหญิงจู่ ๆ ดึงแขนเสื้อของเขา เขียนบนกระดาษอย่างบิด ๆ เบี้ยว ๆ ว่า “พี่ชิ่งเฉินต้องมีวิธีสิ พี่ฉลาดออกขนาดนั้น”
การขยับเขียนตัวหนังสือของเด็กหญิงชะงักไปหน่อยแล้วจึงเขียนต่อว่า “แต่พี่ต้องไม่เป็นไรนะ”
ชิ่งเฉินถอนหายใจ หูเสี่ยวหนิวกับพวกน่าจะไม่ตาย ด้วยสไตล์พฤติกรรมของผู้ต้องสงสัยน่าจะเห็นนักท่องเวลาเป็นขุมทรัพย์ จะไม่ทำร้ายถึงชีวิตง่าย ๆ
…… งั้นก็ยังทันเวลา
จู่ ๆ เขาหลับตาลง ม่านตาในความมืดหลังเปลือกตาหดตัวกะทันหัน
ข่าวสารสำคัญที่เคยปรากฎในสมองกำลังถูกเขาสำรวจทีละชิ้น
ถ้ามีคนถามเขาว่าในอดีตกาลที่ผ่านมามีอะไร
ชิ่งเฉินจะบอกกับอีกฝ่ายอย่างสงบว่า ที่นั่นมีสมบัติที่คุณเคยลืมเลือนไป
“ตามรายงาน ครั้งนี้ยังมีผู้ต้องสงสัยเก้าคนอยู่ระหว่างการหลบหนี……”
“สวัสดี นายรู้จักหลิวเต๋อจู้ไหมเพื่อน……”
“นักเรียนย้ายเข้าสี่คนจากเมืองไห่……”
จู่ ๆ ชิ่งเฉินเหมือนกับจะหาอะไรเจอ
หลิวเต๋อจู้เคยบอกอะไรตัวเองที่ห้องขังนะ
“หลังจากคุนหลุนรู้ร่องรอยของคนเอ้อโจวก็ซุ่มโจมตีที่นอกโรงเรียนล่วงหน้า……”
“ผู้รับผิดชอบที่ชื่อเจิ้งหย่วนตงคนนั้นพูดว่าจะมีคนคุ้มครองผม”
ชิ่งเฉินลืมตาขึ้นมาอย่างฉับพลัน เขาหันหลังไปเอาอุปกรณ์สื่อสารมาส่งข้อความให้หลิวเต๋อจู้ว่า “ตอนนี้ขึ้นรถไปนั่งยอง ๆ หน้าตึก 12 ลานหมายเลข 4 ถนนสิงสู่ ไปเดี๋ยวนี้!”
ด้านหลิวเต๋อจู้ตอบข้อความกลับมาทันทีว่า “บอสใหญ่ นี่จะทำอะไรอะครับ ผมนั่งยอง ๆ ที่นั่นทำอะไร”
ชิ่งเฉินตอบข้อความไม่ตรงคำถามว่า “จำไว้ว่าแจ้งหูเสี่ยวหนิวด้วยว่าการแลกเปลี่ยนครั้งที่หนึ่งสำเร็จแล้ว ให้เขาจ่ายทองคำมาหนึ่งแท่ง”
พริบตาที่หลิวเต๋อจู้ได้รับข่าวก็ตะลึงงันไปเลย หมายความว่าอะไร ทำไมจู่ ๆ ไปเกี่ยวกับหูเสี่ยวหนิวอีกล่ะ
แต่เขายังคงตอบว่า “โอเคครับ ออกไปตอนนี้เลย”
ชิ่งเฉินผ่อนลมหายใจในที่สุด เขาให้หลิวเต๋อจู้มาที่นี่ไม่ได้คิดจะทำร้ายเจ้าหมอนี่เลย
ทว่าจู่ ๆ เขาตระหนักว่าบางทีเจียงเสวี่ยที่เป็นนักท่องเวลาประเภทไร้ความสำคัญจะติดต่อคุนหลุนไม่ได้ แต่หลิวเต๋อจู้จะต้องได้
นี่ไม่ใช่ว่าอยากให้หลิวเต๋อจู้ไปติดต่อเอง ทว่าคุนหลุนในเวลานี้จะต้องซุ่มซ่อนอยู่ข้างตัวเขาแน่ ๆ
สิ่งที่ชิ่งเฉินต้องการไม่ใช่หลิวเต๋อจู้ ทว่าต้องการให้หลิวเต๋อจู้พาคุนหลุนมา
อย่างช้า ๆ ชั้นบนเกิดเสียงร้องไห้ของเด็กผู้หญิงดังออกมาเบา ๆ คล้ายกับว่ามีคนฟื้นขึ้นมาแล้ว
………..
ในเขตซิงหลง สายลับคุนหลุนที่คุ้มครองหลิวเต๋อจู้ที่ชั้นล่างหลายคนกำลังคุยกันเล่น
เห็นหลิวเต๋อจู้ออกมาจากทางเดินอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ หลังจากจ้องมองไปรอบด้านแปบหนึ่งก็รีบวิ่งออกจากเขตที่พัก ขึ้นนั่งเบาะท้ายรถแท็กซี่ที่จอดอยู่ปากประตู
เจ้าหน้าที่คุนหลุนกระซิบลงในชุดหูฟังว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน ๆ นกกระจอกออกบินแล้ว ๆ นกกระจอกขึ้นรถเสี่ยวอิงแล้ว”
ในราตรีอันเร้นลับนี้ หลิวเต๋อจู้นั่งขยุกขยิกอยู่ไม่สุขอยู่ที่ด้านหลังรถแท็กซี่กล่าวว่า “คุณคนขับครับ ไปที่ลานหมายเลข 4 ถนนสิงสู่ รบกวนเร็ว ๆ หน่อยนะครับ”
เสียงของลู่หยวนดังขึ้นในหูฟังว่า “ทุกคนตามไป นกกระจอกแจ้งที่อยู่มาแล้ว มีความผิดปกติ ปันโส่ว ซานจา พวกนายเร่งความเร็วไปให้ถึงที่นั่นล่วงหน้าแล้วหาที่ซ่อนตัว”
หลิวเต๋อจู้ไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าความเคลื่อนไหวนี้ของเขากระตุ้นเส้นประสาทของคนอีกมากมายเท่าไหร่
………………………………
ชื่อของสายลับคุนหลุน เสี่ยวอิง ปั่นโส่ว ซานจา ไม่แน่ใจว่าเป็นชื่อหรือว่าแค่โค้ดเนม เสี่ยวอิงคือเหยี่ยวน้อย ปันโส่วคือประแจ ซานจาเป็นชื่อผลไม้ ชื่อเหมือนโค้ดเนมอยู่นะ แต่ไม่ชัวร์เลยขอทับศัพท์ไปก่อนค่ะ ส่วนนกกระจอกคงเป็นโค้ดเนมของหลิวเต๋อจู้แน่ ๆ ล่ะ
ตอนที่ 72 – ระเบิด