ตอนที่ 90 – สายข่าว
นอกรีสอร์ทเป็นโลกอันโกลาหล ในรีสอร์ทเป็นทางเดินอันว่างเปล่าไร้ผู้คนแล้ว
ชิ่งเฉินถือกล๊อก 34 เดินไปข้างนอก
อันที่จริงสิ่งที่เยี่ยหว่านพูดถูกต้องมาก ถึงชิ่งเฉินจะรอบคอบ แต่ไม่เคยขาดความเลือดเดือดเลย
ก็อย่างที่เขาหลังจากทะลุมิติมาถึงเรือนจำหมายเลข 18 ไม่เคยขอหลบหลีกใคร แม้แต่ในห้องมืดหรือว่าเผชิญกับ waterboarding
เขาอาศัยความเลือดเดือดสายใยหนึ่ง ใช้ทัศนคติมีชีวิตรอดจากความตายให้ตนเองประสบความสำเร็จ
นี่จึงเป็นเหตุผลดั้งเดิมที่หลี่ซูถงเห็นความสำคัญของเขา
เทียบกับพรสวรรค์ของสภาวะสุดยอดความจำแล้ว สิ่งที่หลี่ซูถงใส่ใจยิ่งกว่าเสมอมานั้นก็คือนิสัยใจคอ
อาจจะเป็นเพราะว่าเบื้องหลังไม่เคยมีใครรอเขา หรือบางทีเขาไม่เคยหวนหาอดีต ชิ่งเฉินอยู่บนเส้นทางที่มุ่งหน้าอย่างอาจหาญมาตลอด ไม่เคยหันกลับหรือเสียใจภายหลัง
เวลานี้ หวังอวิ๋นวิ่งออกมาจากในห้องห้องหนึ่ง
ตอนที่เธอเห็นชิ่งเฉินที่ทางเดินในแววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แต่เธอไม่ได้คุ้นเคยกับชิ่งเฉินขนาดนั้น ดังนั้นจดจำไม่ออกเลย
ชิ่งเฉินมองไปทางอีกฝ่ายอย่างเย็นชา เห็นเพียงอีกฝ่ายเสื้อผ้าเรียบร้อย เครื่องสำอางค์ยังคงประณีต
“คุณ……” หวังอวิ๋นเห็นชิ่งเฉินที่ปิดหน้าก็อึ้งค้างไป
พริบตาต่อมาชิ่งเฉินยกมือขึ้นยิงไปสี่นัด สองนัดยิงวืด สองนัดสุดท้ายยิงถูกขาซ้ายขวาของเด็กสาวอย่างแม่นยำ
จากนั้นเดินไปข้างหน้าต่อไปโดยไม่หยุดชะงักแม้แต่นิดเดียว
ชิ่งเฉินจู่ ๆ ค้นพบว่า ตนเองมีพรสวรรค์ในการใช้อาวุธปืน
คนทุกคนเวลาที่ใช้อาวุธปืนจะต้องให้กระสุนจำนวนมากจึงสามารถ “เกิด” สัมผัสปืน
สัมผัสปืน ก็คือคุ้นเคยต่อแรงดีดสะท้อน คุ้นเคยต่อความเร็วจากปากกระบอก คุ้นเคยต่อเส้นทางลูกกระสุน คุ้นเคยต่อปฏิกริยาตอบสนองชั่วขณะที่มัดกล้ามเนื้อแขนของตนเองยิงปืน
แต่ทุกสิ่งนี้ ชิ่งเฉินเพียงต้องยิงไม่กี่นัดก็สามารถบีบอัดการรับรู้ทั้งหมดเข้าไปในสมองอย่างครบถ้วนแล้ว
ดังนั้นสองนัดแรกที่เขายิงไปทางหวังอวิ๋นวืดแล้ว แต่สองนัดหลังก็ปรับวิถีกระสุนให้ถูกต้องได้อย่างแม่นยำแล้ว
หวังอวิ๋นส่งเสียงครวญครางอยู่ด้านหลังเขา ในใจชิ่งเฉินกลับไม่สั่นไหวเลย
เรื่องราวมากมายล้วนเชื่อมต่อกันขึ้นมาในชั่วขณะนี้
วันที่ 30 เดือนกันยายน คนสี่คนที่มาโรงเรียนด้วยกันเสมอ กลับมีเพียงหวังอวิ๋นโดด ๆ มาถึงโรงเรียนล่วงหน้า แล้วยังนัดหมายกับหนานเกิงเฉิน
ตลอดวันทั้งวันนั้น พอถึงตอนพักคาบ หลิวเต๋อจู้, หูเสี่ยวหนิว, จางเทียนเจิน, ไป๋หว่านเอ๋อร์สี่คนจะชุมนุมกันอยู่บนทางเดิน แต่หวังอวิ๋นไม่ได้ออกจากห้องเรียนเลย ทว่าอยู่บนที่นั่งอย่างหดหู่หม่นหมองทั้งวัน
ดังนั้น หลังจากชิ่งเฉินตระหนักว่ามีสายข่าวบอกแผนการเดินทางกับคนร้าย อีกฝ่ายถึงขนาดอาจจะเปลี่ยนแผนการเดินทางปุบปับเพื่อให้สอดคล้องกับปฏิบัติการในคืนนี้
เขาจึงถามหลิวเต๋อจู้ว่า : เป็นใครที่เสนอให้เปลี่ยนแผนเดินทาง
เวลานั้นหลิวเต๋อจู้ตอบว่า : ไป๋หว่านเอ๋อร์
ทว่าจิตใต้สำนึกของชิ่งเฉินคิดว่า นี่ไม่สมเหตุสมผล
เพราะในความทรงจำของเขา หวังอวิ๋นจึงเป็นคนที่น่าสงสัยมากที่สุด
ไป๋หว่านเอ๋อร์ไม่ใช่คำตอบที่เขาอยากได้
ตอนนี้ดูไปแล้ว จะต้องเป็นคืนนั้นที่คนร้ายมาบ้านเจียงเสวี่ยมันเกิดอะไรขึ้น จึงทำให้อารมณ์ของอีกฝ่ายในวันต่อมาเปลี่ยนไปอย่างมาก ความสัมพันธ์ของทั้งสี่คนก็เหินห่างไปบ้าง
ท้ายที่สุด คนร้ายพาหวังอวิ๋นไปอย่างขัดต่อตรรกะ แล้วจู่ ๆ ก็พาหนานเกิงเฉินไปด้วย ชิ่งเฉินจึงยืนยันข้อสันนิษฐานของตนเองได้แล้ว
คนร้ายไม่มีทางโง่เง่าขนาดนั้น ในภาวะวิกฤตเช่นนี้ยังสเปิร์มขึ้นหัวสมอง
อีกฝ่ายจะต้องอยากฉวยโอกาสพาหวังอวิ๋นไป หาสถานที่อันเหมาะสมแลกเปลี่ยนข้อมูล
แต่ทว่า หลังจากอีกฝ่ายพาหวังอวิ๋นไปก็พาหนานเกิงเฉินไปอีกทันที
ชิ่งเฉินเชื่อว่านี่ไม่ใช่เหตุบังเอิญ
ดังนั้น พริบตาแรกที่เขาเจอกับหวังอวิ๋นบนทางเดินจึงเลือกที่จะลั่นไก
นี่อาจจะเป็นโฉมหน้าที่เย็นชาที่สุดของชิ่งเฉิน แต่ก็ร้อนแรงที่สุดด้วย
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อเขาคิดถึงศพในลานนั้นก็รู้สึกว่าไม่สามารถปล่อยให้เด็กสาวคนนี้จากไปอย่างปลอดภัย
ชิ่งเฉินก็ไม่ได้คิดอยากจะล้างแค้นให้ใคร ถึงอย่างไรเขากับสมาชิกคุนหลุนสองคนนั้นไม่มีมิตรภาพอะไรกัน กับเถ้าแก่รีสอร์ทก็ไม่มีมิตรภาพอะไร
เพียงแต่เขากำลังคิดว่า เรื่องราวนี้ จะต้องมีคนจ่ายค่าตอบแทนให้ได้
……
พื้นที่ชมวิวในภูเขาที่ซ่อนตัวอยู่อย่างเขาเหล่าจวินนี้ ไม่ว่าจะมีนักท่องเที่ยวมากอีกสักแค่ไหน หลังจากตี 1 แล้วบนถนนก็จะไม่ได้มีผู้สัญจรอะไรอีกแล้ว
ร้านอาหารบนถนนก็ล้วนปิดทำการ หลงเหลือเพียงไฟข้างถนนที่ยังส่องสว่าง
แต่ทว่า ความเคลื่อนไหวของรีสอร์ทอวิ๋นซ่างใหญ่เกินไป รีสอร์ทโฮมสเตย์ทั้งหมดบนถนนเส้นนี้ล้วนถูกปลุกให้แตกตื่น
เหล่านักเรียนวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงอย่างบ้าคลั่งไปข้างนอก เหล่าคนร้ายเปลี่ยนชุดเดินตามไปข้างหลังอย่างไม่เร็วไม่ช้า
พวกเขาสี่คนที่เหลือดึงตัวหลิวเต๋อจู้, จางเทียนเจิน, หูเสี่ยวหนิว, ไป๋หว่านเอ๋อร์สี่คน แล้วยังใช้เสื้อผ้าปิดสองมือที่ถูกมัดเอาไว้ของพวกเขา
บนถนน หูเสี่ยวหนิวกล่าวโดยสงบว่า “พวกคุณพาพวกเราสี่คนไปจะหนีไม่รอดเอานะ เพราะเรื่องราวดำเนินไปเกินกว่าแผนของพวกคุณแล้ว ที่นี่จะขึ้นเขาลงเขามีเพียงถนนเส้นเดียว คุนหลุนไม่แน่นว่าตั้งสิ่งกีดขวางบนถนนไว้ก่อนแล้ว”
คนร้ายที่เป็นหัวหน้าไม่ได้ขัดเขา ทว่าฟังอย่างเต็มไปด้วยความสนใจ
หูเสี่ยวหนิวกล่าวต่อว่า “ปล่อยพวกเราสี่คน พวกคุณยังสามารถเข้าภูเขาไปตรง ๆ เขาฝูหนิวยาวแปดร้อยลี้ เทพเซียนก็ไม่มีทางจับพวกคุณได้ แต่ถ้าพาพวกเราสี่คนไป ได้แต่กลายเป็นตัวถ่วงบนเส้นทางของพวกคุณ ทิ้งเลขบัญชีให้ผม พวกคุณแค่เรียกร้องเงินทอง ผมสัญญาว่าหลังจากกลับไปจะจ่ายเงินให้พวกคุณ”
หัวหน้าคนนั้นยิ้มแล้ว “ต้องขอขอบคุณมากนะที่คุณคิดเผื่อพวกเราน่ะ แต่ว่า คุณคิดมากแล้ว”
พูดจบ เขาโบกมือเป็นสัญญาณให้พวกพ้องเปิดถุงพลาสติกใบหนึ่ง ภายในถึงกับเป็นระเบิดขวดที่ผลิตมาเป็นอย่างดีสิบกว่าอัน
ถัดจากนั้น ผู้นำล้วงไฟแช็คออกมาจุดบุหรี่หนึ่งมวนให้ตนเอง จากนั้นจุดไฟใส่ผ้าฝ้ายบนระเบิดขวดด้วย
“เจ้าหก เขวี้ยง” เขากล่าวกับคนร้ายคนอื่นโดยสงบ
คนร้ายที่อยู่ด้านข้างหนึ่งคนโบกมือขว้างสุดแรง ระเบิดขวดนั้นถึงกับแตกใส่โฮมสเตย์อื่นที่อยู่ข้างถนน
ทันใดนั้น เพลิงไหม้ลุกฮือโหมขึ้นมาอย่างฉับพลัน
คนร้ายพาพวกเขาเดินไปพลางขว้างไปพลาง โฮมสเตย์ทั้งแถวล้วนไหม้ขึ้นมาคาตา
นักท่องเที่ยวนับไม่ถ้วนสะดุ้งตื่นจากความฝัน พากันวิ่งออกมาบนถนนเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย
แต่นี่ยังไม่พอ
คนร้ายตัวหัวหน้าหันกลับไปมองหลิวเต๋อจู้ยิ้มเอ่ยว่า “พูดตามตรงผมอยากจะพาคุณไปมาก แต่ผมก็กลัวมากว่าคุณกลับไปโลกภายในแล้ว ถ้าเผื่อคุณบอกเรื่องทุกอย่างกับหลี่ซูถง อีกฝ่ายเต็มใจที่จะเปลืองแรงมากมายหาพวกเราเพื่อคุณจริง ๆ งั้นก็จะน่ากลัวเกินไปแล้ว ดังนั้น ก็ลากันตรงนี้เลยนะ พอคุณตาย พวกนักท่องเที่ยวเหล่านี้จะหนีกระเจิงอย่างหวาดกลัวแล้วล่ะ”
หัวหน้ากล่าวไปข้างหลังว่า “เจ้าเจ็ด ถอดอุปกรณ์เก็บเสียงแล้วยิงจนหมดแม็ก ให้นักท่องเที่ยวที่น่ารักพวกนี้วิ่งกันอย่างคึกคักอีกหน่อย”
แต่ว่า ไม่มีคนตอบเขาเลย
หัวหน้าหันขวับกลับไป กลับเห็นว่าในม่านหมอกในที่ไม่ห่างไกล เจ้าเจ็ดที่เดิมทีควรจะคุมตัวไป๋หว่านเอ๋อร์นอนจมกองเลือดแล้ว
ที่เอวด้านหลังอีกฝ่ายเลือดไหลเป็นแม่น้ำ เลือดทั้งตัวพุ่งออกมาจากบาดแผลของม้ามที่ฉีกขาด
ไม่มีคนรู้ว่าเจ้าเจ็ดตายไปเวลาไหน แล้วก็ไม่มีคนรู้ว่าตายใต้เงื้อมมือใคร!
คล้ายกับว่าในม่านหมอกนั้นยังซ่อนนักล่าอยู่หนึ่งคน ส่วนพวกเขาเปลี่ยนจากบทบาทผู้ล่าเป็นเหยื่อแล้ว
คนร้ายใบหน้าเย็นชา ถอดอุปกรณ์เก็บเสียงของตนเองออกดื้อ ๆ แล้วลั่นไกใส่หลิวเต๋อจู้
แต่ในพริบตานี้ หลิวเต๋อจู้ตอนที่เผชิญกับความเป็นความตายจู่ ๆ ได้ระเบิดความกล้าหาญอย่างยิ่งใหญ่ออกมา
เห็นเพียงเขาโค้งตัวลงมุดหนีคนร้ายที่อยู่ข้าง ๆ แล้วตนเองก็วิ่งเข้าไปในม่านราตรีอย่างว่องไว วิ่งพลางทำท่าหลบหลีกพลาง
ความเร็วเร็วยิ่ง พลังปะทุแกร่งยิ่ง!
สมรรถภาพทางกายที่ยาแปลงพันธุกรรมนำพามาช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ หัวหน้าคนร้ายก็เหมือนจะคิดไม่ถึงว่าคนที่ขลาดเขลามาโดยตลอดคนนี้ถึงกับมีความกล้าหาญจะต่อต้านอย่างกะทันหัน
และในเวลาเดียวกัน มีคนยิงปืนไม่รู้จากที่ไหน พอดียิงถูกต้นขาคนร้ายที่เดิมทีคุมตัวหลิวเต๋อจู้
ยังไม่ทันที่คนร้ายที่ได้รับบาดเจ็บคนนี้จะล้มลงพื้น นักล่าในที่มืดคนนั้นก็เสริมมาอีกหนึ่งนัด ยิงทะลุศีรษะของเขา
หัวหน้าคนร้ายสีหน้ามืดครึ้มลง เขาไม่ได้ไปแคร์อย่างอื่นอีก ยิงปืนไม่กี่นัดใส่นักท่องเที่ยวในกลุ่มคนมั่ว ๆ
เสียงปืนอันแหลมคมปลุกนักท่องเที่ยวทุกคน เริ่มวิ่งหนีกันอย่างไร้ระเบียบ!
หัวหน้ากับคนร้ายอีกคนพาตัวหูเสี่ยวหนิว, จางเทียนเจินปะปนไปในกลุ่มคน เดินไปที่ลานจอดรถอย่างรวดเร็ว
เรื่องเหนือคาดในคืนนี้มากเกินไปแล้ว
เดิมทีน่าจะเป็นแผนการที่ละเอียดลออมาก กลับพังทลายลงไปเพราะอุบัติเหตุที่มาอย่างปุบปับ
คนร้ายแปดคน เหลือเพียงสองคน
พวกเขาจะต้องจากไปอย่างเร่งด่วน
………………………….
ตอนที่ 91 – นักท่องเวลาอีกคน