“เก็บของเสร็จพวกเราก็จะออกเดินทาง ก็ไม่รู้ว่าทำไมคนสองกลุ่มในภูเขานี้ถึงสู้กันขึ้นมา” ฉินเฉิงกล่าวอย่างใจเต้นระทึกอยู่บ้าง
ตอนที่ได้ยินเสีียงการต่อสู้ในภูเขาใกล้ ๆ ไกล ๆ ชายชรานั่งไม่ติดแล้ว
เขารู้ว่าอันนี้คือคนสองกลุ่ม : ทีมล่าฤดูใบไม้ร่วงและบอสของจางถงต้าน
แต่เขารู้สึกอยู่ตลอดว่าไม่ถูกต้องอยู่บ้าง คนสองกลุ่มนี้ตีกันขึ้นมาได้อย่างไรกันนะ
ฉินเฉิงมองหลี่ซูถงและชิ่งเฉินแวบหนึ่ง กลั้นอยู่ครึ่งค่อนวันแต่ยังคงอดถามไม่ได้ว่า “พวกคุณสองคนเข้าภูเขาแต่เช้าตรู่ เกิดเรื่องแปลกประหลาดอะไรรึเปล่าครั้ง อย่างเช่น……”
หลี่ซูถง “ไม่มี”
ชิ่งเฉิน “ไม่มี”
ทีนี้ฟันของฉินเฉิงเลยปวดขึ้นมาหน่อยแล้ว ตนเองยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ ศิษย์อาจารย์สองคนนี้รีบสลัดความเกี่ยวข้องเสียแล้ว
การต่อสู้ในภูเขานี้ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับสองคนนี้ก็ประหลาดแล้ว!
เวลานี้หลี่ซูถงกล่าวกับเขาว่า “เหล่าเกอ ช่วยเราสองคนหาชุดสะอาด ๆ พอดีตัวมาคนละชุดเถอะ ผมว่าชุดของฉินถงผมสองคนใส่ได้”
“ทำไมจู่ ๆ จะต้องการชุดล่ะครับ” ฉินเฉิงฉงน
“ถึงยังไงใส่แจ็กเก็ตทั้งตัวอย่างนี้ก็สะดุดตาไปหน่อยล่ะนะ “หลี่ซูถงกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “พอเห็นก็รู้ว่าไม่ใช่ชาวป่า”
หนังศีรษะของฉินเฉิงชาวาบขึ้นมาทันใด เขาพูดในใจว่าคงไม่ใช่ว่าตอนที่สองคนนี้ก่อเรื่องถูกคนเห็นเข้าหรอกนะ ดังนั้นถึงรีบร้อนเปลี่ยนชุด?
เขารีบไปหาเสื้อผ้าสองชุด จากนั้นแจ้งคนอื่นให้เตรียมออกเดินทาง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ชิ่งเฉินเปลี่ยนเสื้อผ้าในป่าไม้พลางถามพลางว่า “ครูครับ คุณวางแผนอะไรใหม่ ๆ อีกเหรอครับ”
“โถ่ ครูเตรียมบทเรียนที่สี่ให้เธอไงล่ะ” หลี่ซูถงตอบหลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว
ชิ่งเฉินจู่ ๆ รู้สึกว่ามีคนกำลังแอบมองตัวเอง พอเขาหันหน้ากลับไปก็ค้นพบเงาร่างของฉินอี่อี่ที่รีบเผ่นแน่บ
เขาสวมเสื้อผ้าจนเสร็จ “ครูครับ เนื้อหาของบทเรียนที่สุดคืออะไรครับ”
“สอนเธอว่าจะเป็นนักล่าคนหนึ่งได้อย่างไร” หลี่ซูถงเอ่ยตอบ
“ตัวที่ล่าคืออะไรครับ” ชิ่งเฉินถามอีก
“เธอจะได้รู้โดยเร็ว”
ทั้งสองคนเอาแจ็กเก็ตและเป้ปีนเขาฝังลงในพื้นดินทั้งหมด นอกจากม้านั่งที่หลี่ซูถงยืนยันว่าต้องเอาไปก็พกพาเพียงสิ่งของจำเป็นเล็กน้อยกับตัว
สิ่งที่ฝังลงไปยังมีคู่มือความรู้บำรุงสุขภาพอันหนาเตอะเล่มนั้น
……
รถปิคอัพสองคันแล่นไปบนทางหลวง
เวลาสองวันเคลื่อนไปอย่างว่องไวดั่งเหินบิน
นับถอยหลัง 16:00:00
ถึงแม้เมืองโลกภายในกับโลกภายนอกจะสอดคล้องกัน แต่พื้นที่แผ่นดินของโลกภายในเทียบกับโลกภายนอกแล้วใหญ่กว่ามากมาย
ถ้าเป็นที่โลกภายนอก รถยนต์หนึ่งคันแล่นบนทางหลวงสามวันก็ออกจากเขตมณฑลแต่แรกแล้ว
ทว่าชิ่งเฉินมองดูเงียบ ๆ อยู่บ้นปิคอัพ ตัวหนังสือบนหลักเขตข้างถนน จาก “หมายเลข 18 235” กลายเป็น “หมายเลข 18 644” พวกเขาถึงกับแม้แต่เขตปกครองของเมืองหมายเลข 18 ยังออกไปไม่พ้น
จู่ ๆ เขาตระหนักว่าอาณาเขตของโลกภายนอกและในแตกต่างกันอย่างใหญ่หลวง
ขณะนี้ หลี่ซูถง, ฉินอี่อี่, ฉินถงสามคนเล่นไพ่* กันอยู่ที่กระบะรถ
เดิมทีพวกเขายังชวนชิ่งเฉินด้วย ทว่าหลี่ซูถงไม่ยอมให้เขาเล่นเลย ใช้คำพูดของครูคนนี้มาบอกก็คือ คนที่เปิดโปรห้ามเล่นเกม
เกมที่ทั้งสามคนเล่นเรียกว่า ‘Anti-Monopoly’ ดูกฎแล้วเหมือน ๆ กับโต้วตี้จู่**
หลี่ซูถงใช้เทพสายฟ้ามาเป็นเบี้ยพนัน แพ้หนึ่งครั้งให้เทพสายฟ้าหนึ่งแท่ง ส่วนฉินอี่อี่แพ้หนึ่งครั้งต้องให้แอปเปิ้ลเขาหนึ่งลูก
ผลคือสั้น ๆ ครึ่งชั่วโมง แอปเปิ้ลสิบกว่าลูกในเป้ฉินอี่อี่ก็เสียไปหมดแล้ว
หลี่ซูถงก็ไม่ได้เกรงใจเธอ ถึงกับเอาแอปเปิ้ลทั้งหมดมาไว้ข้างตัวเองด้วยท่าทางว่าทุกคนวางเดิมพันแล้วก็ต้องรับความพ่ายแพ้
ชิ่งเฉินใบ้กินไปชั่วขณะ ครูของตัวเองคนนี้ทำไมขี้เล่นสาหัสขนาดนี้เนี่ย
ร่วมทางกับครูคนนี้ อีกฝ่ายกลับเหมือนเด็กหนุ่มนิสัยชอบเล่นซนยิ่งกว่า
ตาหรี่มองเด็กสาวที่เสียจนตาแดง ชิ่งเฉินลุกขึ้นดึงไพ่จากมือของเธอ มองครูตัวเอง “มาครับ ต่อ”
สีหน้าที่เดิมทีเบิกบานของหลี่ซูถงเคร่งขรึมขึ้นมาทันควัน
สั้น ๆ แค่ 10 นาที ชิ่งเฉินก็ช่วยเด็กสาวทวงแอปเปิ้ลกลับมาได้หมดแล้ว
เด็กสาวโห่ร้องยินดีกอบแอปเปิ้ลไว้ในอ้อมอก หลี่ซูถงกล่าวด้วยความขมขื่นชิงชังว่า “เจ้าเด็กนี่ทำไมหันศอกออกข้างนอกล่ะ***”
เพียงแต่ สีหน้าหลี่ซูถงถึงจะดูขมขื่นชิงชัง ในใจจู่ ๆ กลับรู้สึกดีใจอย่างยิ่งขึ้นมา
ระยะเวลา 8 ปีที่เขาอยู่ในเรือนจำอันอึมครึมนั้นคล้ายกับไม่เคยมีความสุขขนาดนี้เลย
ชิ่งเฉินส่งไพ่ให้ฉินอี่อี่ ตนเองหลับตาพักผ่อนต่อ
เขาทบทวนรายละเอียดทุกอย่าง จะเลือกเส้นทางปีนเขาอย่างไร ในสถานการณ์ที่ไร้ที่ให้หยิบยืมกำลังจะสร้างเงื่อนไขพยุงตัวอย่างไร แขน, ขา, นิ้วมืือใช้กำลังอย่างไร ในกระบวนการปีนเขาควบคุมการใช้แรงกายอย่างไร
นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เขาต้องเรียนรู้
ณ ขณะนี้เอง กระบะรถปิคอัพเริ่มสั่นขึ้นมา
ชิ่งเฉินลืมตามองไป กลับค้นพบว่าทางหลวงแต่เดิมกลายเป็นถนนดิน
ฉินอี่อี่อธิบายให้เขาว่า “เพราะตอนปีแรก ๆ ขอบเขตของเมืองที่แน่ชัดมันคลุมเครือสักหน่อย พาให้เมืองไหน ๆ ล้วนไม่เต็มใจจะออกเงินซ่อมถนน ดังนั้นก็เลยปรากฏถนนดินน่าพิศวงอย่างนี้”
ฉินอี่อี่ยิ้มกล่าวว่า “แต่พอถึงถนนดินนี่พวกเราก็รู้ว่าที่ตั้งแคมป์ของวันนี้อยู่ไม่ไกลแล้ว นั่นเป็นสถานที่ที่พวกเราค้นพบ ตรงนั้นมีลำธารเล็กที่สามารถเข้าไปเท้าเปล่าได้สายหนึ่ง เพราะว่าตื้นเกินไป ปลาใหญ่ที่กินคนได้พวกนั้นอยู่นั่นแล้วจะเกยตื้น แถมตรงนั้นยังมีป่าพลับหนึ่งผืน ตอนที่ถึงฤดูร้อนพวกเราจะเอาลูกพลับไปใส่ในน้ำ รอให้เย็นเจี๊ยบแล้วค่อยกิน ใกล้ ๆ ก็ไม่มีสัตว์ป่าอะไร ทิศใต้อีกหน่อยสัตว์ป่าจะเยอะแล้วล่ะ”
เด็กสาวจาระไนสมบัติในบ้านตัวเหมือนกำลังแบ่งปันความสุขของตนเอง
ชิ่งเฉินเข้าใจว่านี่น่าจะเป็นที่ตั้งแคมป์ประจำของครอบครัวเหล่าฉินทุกครั้งที่เข้าป่า ก็นับได้ว่าเป็นถิ่นดอกท้อนอกโลกีย์ของครอบครัวเล็ก ๆ
แต่ว่า ตอนที่พวกเขาเลี้ยวเข้าทางภูเขาเล็ก ๆ กลับค้นพบว่าข้างหน้ามีขบวนรถจอดอยู่ที่ถิ่นดอกท้อนอกโลกีย์นั้นอยู่แล้ว
ชิ่งเฉินมองสัญลักษณ์ภูเขาไฟฟูจิบนรถออฟโร้ดสีดำพวกนั้น จากนั้นมองไปทางหลี่ซูถง “ครูครับ ขบวนรถของตระกูลจินไดครับ”
หลี่ซูถงดันยิ้มขึ้นมา เขาลดเสียงลงกล่าวว่า “เธอจะตึงเครียดอะไร กลัวเจอคนรู้จักเหรอ”
“ผมรู้สึกตลอดเลยว่าครูกำลังรอดูเรื่องครึกครื้นอยู่?” ชิ่งเฉินระแวงอยู่บ้าง
“พวกคุณสองคนคุยอะไรกันเหรอ ทำไมพึมพำงึมงำกันตลอดเลย” ฉินอี่อี่เอ่ยอย่างฉงน
เวลานี้ หลี่ซูถงใช้นิ้วปาดฝุ่นจากส้นรองเท้า จากนั้นละเลงลงบนใบหน้าตนเองและชิ่งเฉินอย่างส่ง ๆ
ขณะนี้ฉินอี่อี่ตระหนักว่าก่อนหน้านี้ตนเองอาจจะประเมินผิดไปแล้ว อีกฝ่ายหลบอยู่ในป่าไม้ไม่ใช่ว่าไปตีซี้กับลูกท่านหลานเธอพวกนั้นไม่ได้เลย ทว่าหน้าตาของอีกฝ่ายน่าจะเป็นที่จดจำมาก ถึงขนาดที่ว่าไม่ปลอมตัวก็จะถูกคนจำออก!
………………………..
*ตัวคำศัพท์ใช้คำว่า 扑克 (พูเค่อ) คือเป็นทับศัพท์ของคำว่าโป๊กเกอร์นั่นแหละค่ะ แต่เราแปลใช้คำว่าไพ่เพราะเขาไม่ได้เล่นโป๊กเกอร์จริง
**โต้วตี้จู่ (斗地主) เกมไพ่ที่มีต้นกำเนิดจากจีนแล้วต่อมาก็แพร่หลายไปทั่วโลก รู้จักกันในนาม Fight the Landlord หรือ ไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ด อ่านกฎได้ที่นี่ค่ะ
https://th.wikipedia.org/wiki/ไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ด
***หันศอกออกข้างนอก แปลว่าช่วยคนนอกมารังแกคนในครอบครัว