ตอนที่ 16 – ชีวิตมีเพียงหนึ่ง
เมื่อปรากฏเรื่องเหนือสามัญขึ้นในชีวิต มันเป็นเรื่องที่โรแมนติกมาก
ก็คล้ายกับเป็นเทพนิยายของผู้ใหญ่
จดหมายรับเข้าเรียนฮอกวอร์ตที่คุณไม่ได้รับตอนเป็นเด็กเหมือนกับจะไม่ได้อยู่ห่างไกลตัวเองเลย
ทว่าข่าวโหดร้ายนี้ก็เหมือนน้ำเย็นที่สาดดับความกระตือรือร้นในใจของคนจำนวนมาก
มีเพียงเวลานี้ ทุกคนจึงได้ตระหนักว่าโลกนี้ไม่ได้สวยงามขนาดนั้น
บางทีโลกอาจจะเปลี่ยน แต่สันดานมนุษย์ไม่เปลี่ยน
เทคโนโลยีอนาคตมีค่าเกินไป ยังไม่ต้องพูดถึงวัสดุและโครงสร้างของอวัยวะจักรกลชีวประดิษฐ์พวกนั้น แค่พูดถึงเทคโนโลยีเชื่อมต่ออวัยวะจักรกลกับเส้นประสาทอย่างเดียวก็เพียงพอให้คนมากมายบ้าคลั่งแล้ว
นี่เป็นเทคโนโลยีอนาคตของแท้ แทนที่จะคาดหวังกับเทคโนโลยีต่างดาวยังไม่สู้ปล้นชิงสิ่งของที่อยู่ข้างกายใกล้ ๆ ตรง ๆ เลยดีกว่า
แถมกุญแจสำคัญที่สุดคือ คนธรรมดาที่ทะลุมิติและกลับมาพวกนี้เมื่อเผชิญหน้ากับองค์กรติดอาวุธบางองค์กร ถึงแม้บนร่างของตนเองจะครอบครองอวัยวะจักรกลก็รับการโจมตีไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียวเหมือนกัน
ผู้ตายตายอย่างทารุณในบ้าน ฆาตกรใช้มีดแทงทะลุซี่โครงเข้าหัวใจของเขา
มีดนี้เมื่อเทียบกับอวัยวะจักรกลแล้วไม่มีเนื้อหาทางเทคโนโลยีแม้แต่น้อยนิด
นี่ไม่ใช่เทพนิยาย กลับกันคือเป็นเหมือนเรื่องเล่าเสียดสีของผู้ใหญ่
พักหนึ่งเลยที่ผู้ทะลุมิติซึ่งพุ่งออกมาเปิดเผยตัวตนเพราะความเร่าร้อนมากมายเริ่มกลัวขึ้นมา
คนส่วนหนึ่งที่เอาอวัยวะจักรกลกลับมากังวลว่าตนเองจะถูกวางแผนร้ายลับ ๆ
ผู้ทะลุมิติคนอื่น ๆ อย่างเช่นชิ่งเฉินที่ไม่มีอวัยวะจักรกลก็ยังดี แต่ใครจะรู้ว่าคนอื่นจะละโมบต่อสิ่งของอื่น ๆ หรือไม่
ตอนนี้บนข่าวของญี่ปุ่นจู่ ๆ ก็มีคนส่งการคาดเดาออกมาว่าบางทีฆ่าผู้ทะลุมิติสักคนก็จะสามารถแทนที่อีกฝ่ายได้รับคุณสมบัติในการทะลุมิติ
การคาดเดานี้มันบ้าเกินไปจริง ๆ!
ก่อนที่มันจะพิสูจน์ว่าเป็นไปได้หรือไม่ได้ ความไว้วางใจระหว่างคนต่อคนเกรงว่าคงจะหายไปไม่มีเหลือ
หนานเกิงเฉินซึ่งก่อนหน้านี้ยังตื่นเต้นดีใจในที่สุดก็ไม่ได้คิดถึงปัญหาว่าจะเชิญชิ่งเฉินไปกินข้าวที่ไหนอีกแล้ว
เพียงได้ยินหนานเกิงเฉินกระซิบเสียงเบาว่า “ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีโอกาสเปลี่ยนชะตาชีวิต ไหงอยู่ ๆ ก็กลายเป็นเกมสยองขวัญซะงั้น”
ต้องบอกว่าหนานเกิงเฉินกับชิ่งเฉินสองคนก็ถือได้ว่าเป็นผู้ร่วมทุกข์เห็นใจกัน ล้วนแต่มีพ่อติดพนัน ทำเอาในบ้านวุ่นวายอลหม่าน
หนานเกิงเฉินค่อนข้างดีหน่อย อย่างน้อยพ่อแม่ยังไม่ได้หย่ากัน บ้านช่องก็ยังไม่ได้ขายทิ้งไปหมด ชีวิตประจำวันยังสามารถการันตีได้ ก็แต่ไม่มีเงินค่าขนมอะไรเลย
ชิ่งเฉินอนาถกว่าหน่อย อะไรก็ไม่มีทั้งนั้น
ถ้าเพื่อนนักเรียนไปปาร์ตี้กันตอนปกติ ทุกคนก็จะไม่ชวนพวกเขาสองคน จะอย่างไรแม้แต่ค่าเล่นบิลเลียดสักเกมก็ยังจ่ายไม่ได้
หนานเกิงเฉินมีผู้หญิงที่ชอบ แต่เนื่องจากไม่มีเงินค่าขนม รู้สึกต่ำต้อยก็เลยไม่กล้าพูดอะไรกับเพื่อนนักเรียนหญิงคนนั้น
ดังนั้นทั้งสองคนที่จริงแล้วกระตือรือร้นที่จะหาเงินมาก ๆ หนานเกิงเฉินก่อนหน้านี้ยังเขียนนิยายส่งไปนิตรสาร คิดจะหาเงินค่าต้นฉบับสักหน่อย ผลคือเป็นการโยนหินลงทะเลหายต๋อม
ชิ่งเฉินเห็นหนานเกิงเฉินหมดกำลังใจกลับรู้สึกว่าเป็นเรื่องดี “ข่าวนี้นายก็เห็นแล้วนะ ฉันพูดสมมตินะ สมมติว่านายก็ทะลุมิติไปก็ต้องระวังตัวหน่อย กลับมาแล้วก็อย่าพูดไร้สาระ”
“อืม ฉันรู้แล้ว” หนานเกิงเฉินพยักหน้า เขากล่าวด้วยอารมณ์อยู่บ้างว่า “นายว่าทำไมพวกเราสองคนถึงได้จนขนาดนี้”
ชิ่งเฉินคิด ๆ ดูแล้วกล่าวว่า ตอนที่พ่อคนอื่นเขาพยายามสุดชีวิต พ่อนายเล่นไพ่“
ถึงหนานเกิงเฉินจะบ่นพ่ออยู่นิดหน่อย แต่ถูกชิ่งเฉินพูดมาอย่างนี้ก็ยังไม่ค่อยสบายใจ เขาเอ่ยอย่างไม่ยอมรับนับถือว่า “งั้นพ่อนายล่ะ”
ชิ่งเฉิน “อ้อ พ่อฉันเล่นไพ่สุดชีวิตเลย”
หนานเกิงเฉิน “……”
ระหว่างทั้งสองคนตกอยู่ในความเงียบงันชั่วขณะ หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง หนานเกิงเฉินถามว่า “จริงสิ พ่อนายเข้าคุกได้ไง”
“ฉันแจ้งไปเองแหละ ฉันหวังว่าเขาอยู่ข้างในจะสามารถทบทวนดูดี ๆ” ชิ่งเฉินตอบกลับอย่างสงบนิ่ง
หนานเกิงเฉินอึ้งไป “หรือว่า นายก็แจ้งจับพ่อฉันด้วยได้เปล่า”
ชิ่งเฉิน “???”
ตอนนี้ระฆังเข้าเรียนดังแล้ว
คาบที่สองช่วงเช้าคือภาษาอังกฤษ แต่คนที่เข้าประตูมากลับเป็นครูภูมิศาสตร์
ในชื่อของโรงเรียนสอนภาษาต่างประเทศเมืองลั่วมีคำว่าภาษาต่างประเทศสามคำ ย่อมต้องให้ความสำคัญกับภาษาต่างประเทศ
ครูภาษาอังกฤษสถานะสูงกว่า ครูภาษาอังกฤษของทุกห้องเรียนล้วนยอดเยี่ยมเป็นพิเศษ ในโรงเรียนยังมีการเชิญผู้สอนต่างประเทศ เริ่มตั้งแต่มัธยมต้นจะสอนภาษาต่างประเทศแก่นักเรียนทุกสัปดาห์
อีกอย่าง ในโรงเรียนมีห้องเรียนหลายห้องที่ถึงขนาดจัดตั้งเป็นพิเศษให้เรียนวิชาภาษารองอย่าง‘ภาษาญี่ปุ่น’ ‘ภาษาเยอรมัน’ ฯลฯ ไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษ
เพียงเห็นครูภูมิศาสตร์วัยกลางคนเฉินเอี้ยนตงกล่าวหน้าชั้นเรียนว่า “ครูตู้ประจำชั้นพวกคุณมีธุระนิดหน่อยขอลา คาบที่สองเปลี่ยนเป็นวิชาภูมิศาสตร์ ภาษาอังกฤษจะย้ายไปเป็นคาบที่สามพรุ่งนี้เช้า”
ชิ่งเฉินได้ยินคำพูดนี้แล้วอึ้งไป อาจบางที่เรื่องราวในวันนี้ส่งผลกระทบมากเกินไป เขารู้สึกอยู่ตลอดว่าครูประจำชั้นขอลาเหมือนจะไม่ได้เรียบง่ายขนาดนั้น
อย่าบอกนะว่าครูตู้อีหงก็เป็นผู้ทะลุมิติด้วย?
แต่ผู้ทะลุมิติมากขนาดนี้รวมตัวอยู่ที่เมืองลั่ว งั้นทั้งประเทศจะมีมากเท่าไหร่ล่ะ
ไม่ถูก ๆ!
ชิ่งเฉินก้มหน้าลงหันไม่ให้คนอื่นเห็นม่านตาของเขา ในพริบตานั้น ม่านตาของเขาก็หดลงทันควัน
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เหมือนเป็นภาพยนตร์ที่วูบผ่านในสมอง ในพริบตานั้นข้อมูลทั้งหมดถูกสรุป วิเคราะห์ เรียบเรียง
ผู้ทะลุมิติชุดที่สองที่เพิ่งปรากฏการนับถอยหลังบนแขน
หลังจากรู้ว่าตนเองจะทะลุมิติ เด็กหญิงตัวน้อยผู้แตกตื่นเสียขวัญรับการสัมภาษณ์ร่วมกับพ่อแม่
แคสเตอร์ผู้ทะลุมิติออกมาไลฟ์ขายของ
ชิ้นส่วนข่าวสารเหมือนจะเป็นใบไม้ที่ล่องลอยอยู่บนฟ้า ส่วนชิ่งเฉินหยิบใบไม้ที่ “มีประโยชน์” จากกลางออกกาศออกมาทีละใบตามสบาย
วินาทีถัดมาชิ่งเฉินเงยหน้าขึ้นอย่างตื่นตะลึง ผู้ทะลุมิติที่ค้นพบในวันนี้ทั้งหมดเหมือนเป็นจุดที่กระจุกอยู่ในเมืองสิบกว่าเมือง
ถึงขนาดที่ว่าชาวเมืองของเมืองแห่งหนึ่งออกมากังขาบนอินเตอร์เน็ตว่าเหตุใดในเมืองตนเองผู้ทะลุมิติสักคนก็ไม่เห็น
พูดอีกอย่างคือ การกระจายตัวของผู้ทะลุมิติอาจจะกระจุกตัวกันเป็นพิเศษเลย!
กระจุกตัวอยู่ในเมืองสิบกว่าแห่ง!
ปริมาณการวิเคราะห์มากเกินไป ชิ่งเฉินอดรู้สึกมึนหัวไม่ได้
คาบเรียนสุดท้ายจบลงตอนห้าโมงเย็นสี่สิบนาที ชิ่งเฉินโดดเรียนอีกครั้ง
ก่อนจะไป หัวหน้าห้องตะโกนเสียงดังว่า “ชิ่งเฉินพรุ่งนี้ควรจ่ายค่าหนังสือแล้วนะ อย่าลืมล่ะ”
“รู้แล้ว” ชิ่งเฉินโบกมือ
จากนั้นเขาออกจากห้องเรียนเร็ว ๆ ภายใต้สายตาอิจฉาของหนานเกิงเฉิน
ในแสงอัสดง เหล่านักเรียนที่เพิ่งจบคาบรีบไปกินข้าวที่โรงอาหาร รอเวลาติวช่วงเย็นมาถึง
ส่วนชิ่งเฉินเดินทะลุกลุ่มคนไปเร็ว ๆ ปีนออกไปจากมุมหนึ่งของกำแพงโรงเรียน
กลับบ้าน ถอดชุดเครื่องแบบนักเรียนแล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่ตนเองใส่ไม่บ่อย จากนั้นสวมหมวกแก๊ปออกจากประตู
เขาเสิร์ชหาที่อยู่ของสวนดอกไม้กลางอิ๋นรุ่นบนโทรศัพท์มือถือ ท่าทางห่างจากโรงเรียนประมาณหกกิโลเมตร นั่นคือเขตที่หวงจี้เซียนอาศัยอยู่
ไม่รู้เพราะอะไร มีแรงกระตุ้นบางอย่างอยู่ตลอดให้เขาอยากจะไปดูสักหน่อย ถึงแม้ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่อาคารไหนหน่วยไหนชัด ๆ แต่เขาก็อยากไปดูสักแวบ อยากรู้ว่าหลังจากหวงจี้เซียนกลับมาเกินเรื่องอะไรขึ้น แล้วที่โลกภายในเจอกับเรื่องอะไรอีก
ชิ่งเฉินไม่มีเงินเหลือจะเรียกรถ ในกระเป๋าเหลือแค่ห้าเหมา* ก่อนที่เขาจะไปเล่นหมากรุกกับลุงใหญ่จางร้านฝูหลาย นี่ก็คือเงินเก็บทั้งหมดของเขา
วิ่งเถอะ
ในอดีตชิ่งเฉินไม่ได้สนใจการออกกำลังกายมากนักเลย ก็วิ่งตาม ๆ ไปในโรงเรียน
แต่ตอนนี้เขาตระหนักขึ้นมาอย่างกะทันหันว่าไม่ออกกำลังกายไม่ได้ ตัวเองจะต้องมีร่างกายแข็งแรงจึงจะสามารถเผชิญหน้ากับโลกที่อันตรายได้อย่างเพียงพอ
ต้องทราบว่า
คำว่าชีวิตนี้ในภาษาจีนไม่เคยมีคำพ้องเสียงเลย นี่อาจจะมีความหมายในตัวมันเองว่า ชีวิตมีเพียงหนึ่ง
จะต้องทะนุถนอม
………………………………..
*เงินเหมาเท่ากับหนึ่งในสิบหยวนค่ะ ห้าเหมาคือ 0.5 หยวน หยวนหนึ่งประมาณห้าบาท แปลว่าน้องมีเงินอยู่ 2.5 บาทค่ะ
ตอนที่ 17 – การติดตามแบบคาบเกี่ยว