ตอนที่ 17 – การติดตามแบบคาบเกี่ยว
ม่านความมืดค่อย ๆ โรยตัวลงมา ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านสะพานใหญ่หวังเฉิง* อย่างอ่อนโยน ชิ่งเฉินยืดเหยียดร่างกายขณะวิ่ง สายลมพัดแขนเสื้อของเขาปลิวไปด้านหลัง
อาจบางทีอารมณ์ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม เขารู้สึกคล้ายกับว่า…….
โซ่ตรวนแห่งครอบครัวและสภาพแวดล้อมที่เคยเหนี่ยวรั้งเขาเอาไว้กำลังค่อย ๆ เปิดอ้า
ชิ่งเฉินยิ่งวิ่งยิ่งเร็ว
บนสะพานใหญ่มีผู้สัญจรหันหน้ากลับมามองเขาเป็นครั้งคราว ทุกผู้คนล้วนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายวัยเยาว์อย่างที่บรรยายไม่ถูก ปลุกเร้าอีกทั้งเต็มเปี่ยม
สวนดอกไม้กลางอิ๋นรุ่นเป็นหนึ่งในเขตพักอาศัยที่ราคาเฉลี่ยสูงสุดของเมืองลั่ว แล้วก็เป็นเขตคนรวยอันมีชื่อเสียง
ดังนั้นหวงจี้เซียนในฐานะทายาทรุ่นที่สองอาศัยอยู่ที่นี่ ชิ่งเฉินก็ไม่นับว่าเกินคาด
การรักษาความปลอดภัยของอสังหาริมทรัพย์ที่นี่ค่อนข้างเข้มงวด จะเข้าจะออกล้วนต้องแตะบัตร
ชิ่งเฉินอ้อมไปที่ประตูหลัง อยากจะดูว่าด้านนี้มีวิธีเข้าไปหรือไม่
ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้คิดดี ๆ ว่าจะเข้าไปอย่างไรก็เห็นชายในชุดสูทดำหกคนเดินออกมาจากถนนเล็กของประตูหลังเขตพักอาศัย
คนเหล่านั้นเอวตั้งตรง ดูคล้ายมีดดาบแหลมคมไร้ที่เปรียบ
ระหว่างที่เดิน ฝีเท้าของทั้งหกคนพร้อมเพรียงกันตลอด เวลาที่ยกเท้า ระยะทางที่ก้าวขา คล้ายกับว่ามีคนใช้ไม้บรรทัดวัดระยะ
เดี๋ยวนะ ชิ่งเฉินตะลึงไป เพราะว่าเขาเห็นว่าตรงกลางของหกคนนี้ถึงกับยังพยุงเด็กหนุ่มคนหนึ่งเอาไว้……หวงจี้เซียน!
ขณะนี้หวงจี้เซียนสีหน้าเหม่อลอย ในปากยังท่องคำพูดที่จับต้นชนปลายไม่ถูก คุก จักรกล สัตว์ร้าย……
เห็นเพียงว่าพวกเขาเข้าไปในรถออฟโรดสีดำสองคันนอกประตูหลังอย่างรวดเร็ว หนึ่งคนในนั้นคล้ายกับสัมผัสอะไรได้ นั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับหันหน้ามองมาทางชิ่งเฉิน
ชิ่งเฉินหันหลังกลับทันที เล่นโทรศัพท์มือถือเสมือนว่าไม่มีเรื่องอันใด
อีกฝ่ายเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจเขาจนเกินไป รถออฟโรดสีดำสองคันพุ่งทะยานไปในความมืดมิด
ส่วนชิ่งเฉินยืนอึ้งอยู่นอกประตูเขตพักอาศัย มองดูโทรศัพท์มือถือไม่พูดไม่จาสักคำ
พวกนั้นเป็นใครกัน
เหตุใดถึงพาหวงจี้เซียนไป
จะเป็นเพราะสถานะผู้ทะลุมิติของอีกฝ่ายไหม
จะต้องเป็นเพราะสิ่งนี้แน่ ๆ ชิ่งเฉินไม่เชื่อในเรื่องบังเอิญ
เขาหมุนตัวกลับบ้าน
ระหว่างทางเขาครุ่นคิดถึงตัวตนของคนชุดดำ แต่อย่างช้า ๆ เขาพบว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้อง
มีชายหนุ่มสวมเสื้อฮู้ดสีดำหนึ่งคนที่ติดตามเขามาห้าช่วงตึกเงียบ ๆ
ความรู้สึกคุ้นเคยอันไม่อาจบรรยาย…… เขาเคยเห็นอีกฝ่าย
ในเวลาพริบตา ชิ่งเฉินรู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อทั้งตัวของตนเองล้วนหดเกร็งขึ้นมา ความรู้สึกกดดันอันไม่สามารถมองเห็นกำลังกัดกร่อนความรู้สึกปลอดภัยของเขา
ก็เหมือนกับถูกสายตาจดจ้องของสัตว์ป่าดุร้าย
เขานึกทบทวน ตอนที่ตนเองพบกับคนชุดดำที่ประตูหลังเขตพักอาศัยสวนดอกไม้กลาง อีกฝ่ายก็ดูโทรศัพท์มือถืออยู่ไม่ไกล แต่ตอนที่อีกฝ่ายดูโทรศัพท์มือถือ นิ้วกลับไม่เคยไถผ่านหน้าจอเลย
ชิ่งเฉินไม่สามารถวิเคราะห์ทุกสิ่งที่ตนเองได้เห็นในทุก ๆ นาทีทุก ๆ วินาที อย่างนั้นมันเปลืองสมาธิเกินไป แต่เขาสามารถสกัดความทรงจำออกมา
คิดถึงตรงนี้ ชิ่งเฉินแกล้งทำเป็นรับสายโทรศัพท์โดยไม่กระโตกกระตาก จากนั้นหยุดอยู่กับที่ก้มหน้าลงคุยโทรศัพท์ “นี่ เย็นนี้ผมกลับบ้านกินข้าวสายหน่อยนะ…….”
หมวกแก๊ปซ่อนแก้มของเขาเอาไว้ในเงามืด
หลังจากเขาหยุดลง ชายหนุ่มฮู้ดดำก็เดินผ่านร่างของเขาไปโดยที่ฝีเท้าไม่หยุดชะงัก
ชิ่งเฉินจับจ้องอีกฝ่ายจากหางตา แต่อีกฝ่ายไม่หันศีรษะกลับมาแม้แต่ครั้งเดียว
นี่ทำให้ชิ่งเฉินกังขาอยู่บ้าง ชั่วขณะหนึ่งเขาถึงขนาดสงสัยว่าตนเองคิดมากไปหรือไม่
บนถนนใหญ่ที่การจราจรหนาแน่น ชายชุดฮู้ดสีดำหายลับไปเร็วมาก เขาวางสายโทรศัพท์เดินหน้าต่อไป
ยังดีที่ตนเองกลับบ้านไปเปลี่ยนชุด ใส่หมวก ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายแต่ดูเครื่องแบบก็จะรู้แล้วว่าเขาเป็นนักเรียนของโรงเรียนสอนภาษาต่างประเทศเมืองลั่ว
ขณะนี้ ยังไม่ทันที่ชิ่งเฉินจะได้ผ่อนคลาย เขาพบว่าตรงข้างหน้าสัญญาณไฟจราจรที่สี่แยกถัดมา ในกลุ่มคนที่รอสัญญาณไฟจราจรข้างกายตนเองถึงกับปรากฏใบหน้าที่คุ้นเคยขึ้นมาอีกหนึ่ง
เป็นคนที่เขาเคยเห็นตรงประตูเขตพักอาศัยสวนดอกไม้กลาง
ไม่ได้บังเอิญ
เป็นการติดตามแบบคาบเกี่ยว
คนที่มีหน้าที่ติดตามทุกคนล้วนเพียงติดตามในเส้นทางหนึ่ง ทุก ๆ คนล้วนต้องการันตีว่าตนเองเป็นเหมือนกับผู้สัญจรและไม่ถูกพบเห็น ถ้าหากเป้าหมายหยุดลง เช่นนั้นคนที่ติดตามก็ต้องเดินหน้าต่อไปเหมือนไร้เรื่องราว ข้างหลังจะมีสมาชิกคนอื่นมาแทนที่
นี่เป็นหนึ่งในวิธีการติดตามที่แน่นอนที่สุด
ชิ่งเฉินขอบคุณตัวเองมากที่อ่านหนังสือเบ็ดเตล็ดที่มีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์มากมาย
และเขาก็ได้เข้าใจในที่สุดว่า ตอนที่คนคนนั้นบนรถออฟโรดมองตนเอง ตนเองก็ถูกจับจ้องแล้ว
อีกฝ่ายที่มาไม่ใช่แค่หกคน ยังมีคนซุ่มซ่อนอยู่ในที่ลับ
นี่เป็นองค์กรลับอะไรหรือ การฝึกซ้อมเยี่ยมขนาดนี้ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับผู้ทะลุมิติกังวลสนใจขนาดนี้เชียวเหรอ
ชิ่งเฉินจู่ ๆ ก็รู้สึกว่าตนเองอาจจะไม่ใช่ผู้ทะลุมิติกลุ่มแรกเลย บางทีตนเองจะเป็นกลุ่มที่สอง หรือแม้กระทั่งกลุ่มที่สาม
ไม่อย่างนั้นถึงจะมีคนรู้เรื่องของผู้ทะลุมิติในวันนี้ก็ไม่ถึงขนาดว่าจะสามารถเกิดปฏิกิริยาได้ว่องไวขนาดนี้ในวันนี้
คนพวกนี้เตรียมการแล้วถึงมา
ลูกตาดำของเด็กหนุ่มมืดครึ้มและลึกล้ำ นักวิ่งกลางคืนที่วิ่งมาประจันหน้าบนฟุตบาท ลุงขายถังหูลู่แผงลอยข้างถนน ผู้หญิงสมส่วนในรองเท้าส้นสูงย่ำต๊อก ๆ ยังมีการเปลี่ยนแปลงของแสงกับเงาภายใต้ไฟถนนสีเหลืองข้างกาย
เขาจดจำรายละเอียดทุกอย่างเอาไว้ เตือนตัวเองว่าไม่สามารถเกิดความผิดพลาด
ไฟแดงยังมีอีก 12 วินาที
ชายชุดดำที่เฉียดไปก่อนหน้านี้เป็นไปได้มากว่ากำลังอ้อมกลับมาที่ข้างหลังของเขาแล้ว เตรียมเสริมการติดตามแบบคาบเกี่ยวครั้งถัดไป
คำนวณจากเส้นทางตามถนนวั่งชุนเหมิน ถนนเจิ้งเหอและถนนใหญ่ไคหยวน ถ้าคำนวณจากความเร็ววิ่งของผู้ใหญ่อย่างน้อยสุดต้องสิบนาที
ถ้าอยากจะสลัดหลุดการติดตาม……
นั่นก็คือตอนนี้
ไฟเขียวสว่าง คนที่ติดตามคนนั้นยกเท้าขึ้นเตรียมจะข้ามถนน ส่วนชิ่งเฉินจู่ ๆ ก็หันหลังกลับเดินหนีไป
ผู้ติดตามเดินข้ามถนนต่อไปเหมือนไร้เรื่องราวแล้วกล่าวเสียงเบา ๆ ว่า “บุคคลเป้าหมายไม่ได้ข้ามถนน เขาหันกลับไปแล้ว คุณยังอีกนานเท่าไร่ถึงจะประจำตำแหน่ง”
ดูแล้วคล้ายพูดกับตัวเอง แต่ถ้ามีคนมองอย่างละเอียดก็จะสามารถพบเห็นว่าในหูซ้ายของเขามีหูฟังโปร่งใสอยู่หนึ่งชิ้น
“ไม่ได้ ผมยังต้องสองนาทีถึงจะสามารถไปถึงตำแหน่งติดตาม”
ในพริบตานั้น ผู้ติดตามที่ข้ามถนนสังเกตเห็นความไม่ถูกต้อง เขาหันหน้ากลับไปมองหาเงาร่างของชิ่งเฉินอย่างกะทันหัน แต่ทำอย่างไรก็หาเด็กหนุ่มคนนั้นไม่เจอ
“หายไปแล้ว” ผู้ติดตามที่สี่แยกถอนหายใจเบา ๆ
ชายหนุ่มชุดฮู้ดสีดำที่กำลังวิ่งเต็มแรงอย่างบ้าคลั่งในที่ไกล ๆ หัวเราะตอบกลับมาว่า “ทำคนหายไปจริง ๆ อะ คนสองคนจ้องคนหนึ่งคนถึงกับยังทำหายซะงั้น”
“คุณเองนะที่อยากจะจ้องเขา”
ชายหนุ่มชุดฮู้ดสีดำหัวเราะว่า “งั้นคุณเดาซิว่าสรุปปล้วเขาพบเห็นว่าพวกเราติดตามเขารึเปล่า”
ในหูฟังมีเสียงดังออกมาว่า “ผมแน่ใจว่าเขาพบเห็นแล้ว เป็นยอดฝีมือ”
ชายหนุ่มชุดฮู้ดสีดำคิดแล้วกล่าวว่า “เด็กหนุ่มนั่นดูท่าทางแล้วแค่สิบเจ็ดสิบแปด อาจจะยังอยู่ม.ปลาย ถ้าอีกฝ่ายสามารถพบเห็นว่าพวกเราติดตามจริง ๆ งั้นก็ร้ายกาจเกินไปแล้ว อีกอย่างคุณพบเห็นหรือไม่ว่าเขาจัดการได้อย่างเป็นธรรมชาติเป็นพิเศษเลย ตอนที่เขาหยุดคุยโทรศัพท์ครั้งแรก ผมไม่ได้รู้สึกเลยว่าเขาพบเห็นผม ไม่อย่างงั้นตอนนั้นผมคงควบคุมตัวเขาตรง ๆ ไปแล้ว”
“ผมอยากรู้มากว่าทำไมคุณอยากจะติดตามเขาขึ้นมากะทันหัน วันนี้พวกเรามีภารกิจเยอะแยะ ไม่จำเป็นต้องเสียเวลากับคนผ่านทาง”
“ก็ไม่นับว่าเป็นแผนกะทันหันนะ แค่ว่าตอนที่พวกหัวหน้าทีมคุ้มกันบุคคลเป้าหมายหมายเลข 009 ออกมา ผมพบว่าเขาหลีกเลี่ยงสายตาของหัวหน้าทีม”
………………………………….
การติดตามแบบคาบเกี่ยว มันมีชื่อแบบที่เขาเรียกกันจริง ๆ ไหมอะ หาไม่เจอ TT
* หวังเฉิง แปลว่าเมืองหวัง ซึ่งก่อนหน้านี้เวลามี xxxเฉิง เราจะแปลเป็นเมืองxxx ตลอด เช่นชื่อสถานีตำรวจที่พ่อชิ่งเฉินไปติดอยู่ หรือแม้แต่ชื่อโรงแรมก็ด้วย แต่ตอนนี้รู้สึกอยากยอมแพ้แล้วค่ะ สะพานใหญ่เมืองหวังมันฟังดูประหลาดจริง ๆ ในชื่อที่เป็นศัพท์เฉพาะ เราจะทับศัพท์มันนะคะ ก็เอาเป็นว่าขอให้เป็นที่รู้กันว่าชื่อสถานที่ที่มันคือ xxxเฉิง คำว่าเฉิงแปลว่าเมืองค่ะ เท่าที่เราเข้าใจน่าจะเป็นคำแบบเดียวกับ “บาง” ของไทยเราค่ะ บางเขน บางมด บางรัก สถานีตำรวจบางขุนเทียน สะพานบางซื่อ ฯลฯ
ตอนที่ 18 – องค์กรเร้นลับ